Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

อย. เชือด กาละแมร์ คุยกินอาหารเสริม ทำหน้าตึง ตา 2 ชั้น จมูกเข้ารูปไม่ง้อหมอ เผยสั่งระงับโฆษณาแล้ว พบเคยถูกดำเนินคดีแล้ว 7 คดี เตือนคนดังรีวิวสินค้า ให้มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม

ภญ. สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่า พิธีกรชื่อดัง กาละแมร์- พัชรศรี เบญจมาศ ทำคลิปวีดีโอบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “กรอบหน้าชัด เหนียงหาย หน้ายก ตาที่เคยหนังตาตกก็เป็นตา 2 ชั้น รอยขมวดคิ้วหาย ร่องแก้มตื้น จมูกเข้ารูป ย้ำอีกครั้งว่า ไม่เคยทำจมูกอะไรใด ๆ ตอนนี้กินแต่ผลิตภัณฑ์ตัวเองเท่านั้น”

โดยคลิปดังกล่าวได้มีการแชร์ทางสื่อออนไลน์เป็นจำนวนมากนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบพบว่า คลิปดังกล่าวเป็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โบเทรา ดริ้งค์ เลขสารบบอาหาร 10-1-03958-5-0229 และ โบเทรา ชอต เครื่องดื่มชนิดผง เลขสารบบอาหาร 10-1-03958-5-0233 ทางอินสตราแกรม “hipowershot” และเฟซบุ๊ก “Botera โบเทรา สวยทรงพลัง” โอ้อวดสรรพคุณว่าช่วยกระชับผิวหน้า ลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้าเพิ่มชั้นตา อีกทั้งมีการเปรียบเทียบว่าสามารถทดแทนการศัลยกรรมได้ ซึ่ง อย.

ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงไม่มีผลิตภัณฑ์อาหารตัวใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือการทำงานของร่างกายได้ตามที่กล่าวอ้าง การโฆษณาดังกล่าวเป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร

มีโทษตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ อย. ได้สั่งระงับการโฆษณา พร้อมดำเนินมาตรการทางปกครอง และมีหนังสือถึงตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ก่อนหน้านี้ อย. ได้ดำเนินคดีโฆษณากับ บริษัท พาวเวอร์ชอต จำกัด และ นางสาวพัชรศรี เบญจมาศ หรือ กาละแมร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ฐานโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาสรรพคุณอาหารอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอินสตราแกรม มาแล้ว 7 คดี

รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถรับประทานเพื่อเสริมจากการบริโภคอาหารตามปกติ แต่อย่าคาดหวังว่าจะมีผลในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือรักษาโรค และขอเตือนบุคคลสาธารณะทั้งหลาย ก่อนคิดจะรีวิวผลิตภัณฑ์สุขภาพใด ๆ ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ให้ข้อมูลกับผู้บริโภค เพราะตามกฎหมายระบุชัดเจนว่าผู้พูดต้องรับผิดชอบในเนื้อหาที่พูด

หากพูดบรรยายสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เกินไปจากความจริงหรือโอ้อวดสรรพคุณทำให้หลงเชื่อหรือคล้อยตาม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมา อย. ได้ดำเนินคดีไปแล้วหลายราย หากผู้บริโภคพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพโอ้อวดเกินจริงหรือไม่ได้รับความปลอดภัยจาก การบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย.1556 หรือผ่านทาง Oryor Smart Application หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (18 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 369 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 12,423 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 70 ราย รักษาหายเพิ่ม 191 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 9,206 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,147 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 369 ราย เป็น ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากโอมาน 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย ,ฝรั่งเศส 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,มาเลเซีย 5 ราย ,บาห์เรน 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 82 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 275 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 439 ราย รักษาหายแล้ว 386 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.36 แสน เสียชีวิต 25,987 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.58 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.2 แสน ราย เสียชีวิต 601 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.34 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.18 แสน ราย เสียชีวิต 2,955 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.01 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.66 แสน ราย เสียชีวิต 9,895 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,113 ราย รักษาหายแล้ว 58,846 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,537 ราย รักษาหายแล้ว 1,380 ราย เสียชีวิต 35 ราย

วัควีนป้องกันโควิด-19 เริ่มทยอยนำออกมาใช้กันแล้ว ไปอัปเดตกันหน่อยว่า มีผู้นำระดับประเทศ คนไหนที่ฉีด หรือไม่ฉีดวัคซีนกันแล้วบ้าง

ตั้งแต่เปิดปีใหม่มา ข่าวคราวโควิด-19 ยังครองพื้นที่ข่าวในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง ประเด็นการกลับมาระบาดใหม่ก็เรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการอัปเดตเรื่องการวัคซีนของแต่ละค่ายยา ทดลองกันไปถึงขั้นไหน ประเทศใดสั่งซื้อวัคซีนกันแล้วบ้าง และไฮไลท์อีกอย่างคงหนีไม่พ้น ภาพผู้นำที่ ‘โชว์ฉีด’ (หมายถึงฉีดวัคซีน) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เราไปรวบตึงมาแล้วว่า ล่าสุดนี้มีผู้นำคนไหน ที่โชว์ฉีดไปแล้ว และมีที่กำลังรอฉีดกันอีกบ้าง

เริ่มต้นที่ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 มาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปีก่อน โดยได้รับการเคลมว่า เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของโลกที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควืด -19 แถมยังฉีดต่อหน้าสาธารณชน โดยนายเบนจามิน ฉีดวัคซีนของค่ายไฟเซอร์-บิออนเทค

อีกคนที่ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทค ไปเรียบร้อย คือว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ นายโจ ไบเดน ได้ทำการฉีดวัคซีนโชว์สื่อไปทั่วโลกเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และล่าสุดเพิ่งฉีดเข็มที่สองไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ซึ่ง Everything It’s OK!

ทางฝั่งรัสเซีย นายวลาดิเมียร์ ปูติน มีข่าวออกมาตั้งแต่ปลายปีก่อนว่า ตัดสินใจจะฉีดวัคซีนแน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัสเซียเปิดโครงการฉีดวัคซีนสปุตนิค 5 ซึ่งผลิตในรัสเซียเอง โดยจะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง หรือคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถมาลงชื่อฉีดได้ทันที โดยผู้นำรัสเซียตอนนี้อายุ 68 ปี งานนี้ขอเป็นหนึ่งคนที่เข้ารับการฉีดด้วยแน่นอน

และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน อีกหนึ่งผู้นำของโลกที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเรียบร้อย คือนายเรเจพ เทย์ยิป แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี โดยผู้นำตุรกีโชว์ฉีดวัคซีนยี่ห้อซิโนแวค หลังรัฐบาลตุรกีอนุมัติให้ใช้งานวัคซีนนำเข้าชนิดนี้จากประเทศจีนนั่นเอง

มาดูทางอาเซียนกันบ้าง นายลี เซียนลุง นายกฯ สิงคโปร์ วัย 68 ปี เป็นนายกฯ ของอาเซียนชาติแรกที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด - 19 โดยใช้วัคซีนของค่ายไฟเซอร์-ไบออนเทค ถึงตรงนี้ ร่างกายปกติดี

ส่วนนายโรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถึงจะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโชว์ออกสื่อ แต่ออกมาประกาศแล้วว่า จะเป็นผู้ทดลองฉีดให้ประชาชนมั่นใจอย่างแน่นอน ล่าสุดก็ได้ออกมาคอนเฟิร์มวัคซีนยี่ห้อซิโนแวคและซิโนฟาร์มที่ได้สั่งซื้อจากจีนว่า มั่นใจในความปลอดภัย และเชื่อถือได้

ด้านประเทศที่มีความกังวลยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างมาเลเซีย โดยนายมูห์ยิดดิน ยาสซิน นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า วัคซีนที่สั่งไปมาถึงเมื่อไร จะเป็นแนวหน้าฉีดให้ประชาชนดูเป็นตัวอย่างเอง

ยังมีผู้นำที่มีความคลุมเครือว่า ฉีดวัคซีนไปแล้วหรือไม่ เช่น นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ มีข่าวลือออกมาว่า นายคิมและครอบครัวได้รับการฉีดวัคซีนที่ผลิตจากจีนเรียบร้อยแล้ว แต่แหล่งข่าวก็ไม่สามารถยืนยันอย่างเป็นทางการได้แต่อย่างใด

แต่สำหรับรายนี้ นายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ยืนยันชัดเจนมาตลอดว่า จะไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แน่นอน พร้อมยังตั้งข้อสังเกตวัคซีนซิโนแวคของจีนด้วยว่า มีผลการทดลองใช้ที่ต่ำ และยังไม่น่าเชื่อถือแต่อย่างใด

ส่วน ‘ลุงตู่’ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เบื้องต้นยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่า จะฉีดวัคซีนหรือไม่ แต่ประเทศไทยนั้นสั่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากจีนคือยี่ห้อซิโนแวค รวมทั้งยังมีที่ผลิตในไทย โดยได้รับความร่วมมือจาก ม.ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ผลิตวัคซีนยี่ห้อแอสตรา เซเนก้า ออกมาในช่วงปลางปีนี้แน่นอน

อินไซต์อีกแล้ว สำหรับ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ถึงบุคคลคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า‘ไอ้ตี๋'

มีคนใกล้ชิดของไอ้ตี๋แอบส่งข่าวมาหลังไมค์…

ไอ้ตี๋เจ็บปวดกับความพ่ายแพ้แบบแลนสไลด์ของเขามาก เพราะหมดเงินไประดับร้อยล้านบาท แต่กลับได้ความอับอายย่อยยับป่นปี้ย้อนคืนมา

สิ่งที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ไอ้ตี๋มันเคียดแค้นมาก ถึงขั้นเอ่ยปากกับคนในครอบครัวว่าจะใช้วิธีก่อความรุนแรง แล้วใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมก่อม็อบครั้งใหญ่ แต่คนในครอบครัวยังไม่เห็นด้วยทั้งหมด เพราะถ้าเกิดเรื่องแล้วถูกจับได้ขึ้นมา ครอบครัวของไอ้ตี๋คงไม่สามารถใช้ชีวิตและทำมาหากินในประเทศไทยได้อีกต่อไป

ในขณะเดียวกันครอบครัวของไอ้ตี๋ ก็ค่อนข้างเครียดเป็นอย่างมาก เนื่องจากความเน่าเฟะและเรื่องราวทุจริตผิดกฎหมายของสมาชิกในครอบครัวได้ทยอยออกมาให้ประชาชนชาวไทยได้รับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

แม้แต่คนใกล้ชิดบางคนยังรับไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านๆ มา คนที่แยกตัวออกมาจากเขาถึงได้ออกมาแฉจนเป็นข่าวอยู่เป็นประจำ"


ที่มา: เพจ Suphanat Aphinyan (ดร.ศุภณัฐ)

ข่าวด่วนวันนี้ ศาลสูงกรุงโซล เกาหลีใต้ ตัดสินพิพากษาลงโทษนาย ลี แจ-ยอง หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า มิสเตอร์ เจ. วาย. ลี ทายาทซัมซุง หนึ่งในเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ด้วยโทษจำคุก 2.5 ปี ในข้อหาติดสินบน

คดีของ ลี แจ-ยอง ทายาทซัมซุง เป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับคดีของอดีตประธานาธิบดีหญิงของเกาหลีใต้

ปาร์ค กยึน-เฮ ที่ถูกศาลสูงเกาหลีใต้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง และจำคุกด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นในปี 2017

อันเนื่องจากมีหลักฐานพบว่า ลี แจ-ยอง เคยติดสินบนผู้ช่วยของอดีตประธานาธิบดีปาร์ค เพื่อช่วยในเรื่องธุรกิจซัมซุง และทำให้การถ่ายโอนอำนาจบริหารของบริษัทในเครือ มาอยู่ในมือของเขาราบรื่นขึ้น

หลังจากพิจารณาคดีทายาทซัมซุงมาเกือบ 5 ปี วันนี้ศาลสูงได้ตัดสินว่า นายลี แจ-ยอง มีความผิดจริงในข้อหาติดสินบน ฉ้อฉล และร่วมกันปกปิกความผิด ที่ทำให้เกิดความเสียหายตีเป็นมูลค่าสูงถึง 8.6 พันล้านวอน (ประมาณ 300 ล้านบาท)

ทำให้วันนี้ทายาทซัมซุงคนดัง ที่เป็นลูกชายคนโตของผู้ก่อตั้งบริษัทซัมซุง ต้องกลับเข้าไปรับโทษในคุกอีกครั้ง หลังจากที่เขาเคยติดไปแล้วช่วงหนึ่งและทำเรื่องอุทธรณ์ออกมาสู้คดี หักลบไปเหลือระยะเวลาที่ต้องถูกจำคุกอีก 18 เดือน ที่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว

หลังจากที่มีคำพิพากษาออกมา ทำให้หุ้นของบริษัทซัมซุงร่วงลงทันทีถึง 4% และยังสร้างความวุ่นวายภายในให้กับบริษัทซัมซุงไม่น้อย เนื่องจาก ลี แจ-ยอง ถือเป็นผู้บริหารสูงสุดที่เป็นเสาหลักของบริษัทในขณะนี้ และอาจทำให้เกิดสุญญากาศในอำนาจการบริหารไปช่วงระยะหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ ทางลี แจ-ยอง เคยออกมาประกาศขอโทษประชาชนออกสื่อ และยอมรับในสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดในอดีต นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าเขาไม่คิดที่จะให้ลูกๆ ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดต่อจากเขาแน่นอน


แหล่งข้อมูล

https://www.koreatimes.co.kr/.../2021/01/133_302656.html

https://m-en.yna.co.kr/view/AEN20210118005651315?section=national/national

https://www.straitstimes.com/.../samsungs-lee-receives-30...


ที่มา : หรรสาระ By Jeans Aroonrat


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top