Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

หลังจากรอคอยมานาน! ล่าสุด รฟม. ประกาศจัดโปรโมชั่นเที่ยวโดยสาร ใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง แบบรายเที่ยว ราคาถูกสุด 20 บาทต่อเที่ยว เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2564 นี้

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดโปรโมชั่นเที่ยวโดยสาร ใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ มอบทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป บัตรโดยสารธุรกิจ และบัตรร่วมธุรกิจ สามารถเติมเที่ยวโดยสารที่เหมาะสมกับการเดินทางได้ 5 รูปแบบ

- เที่ยวโดยสาร 15 เที่ยว ใช้เดินทางภายใน 30 วัน ราคา 450 บาท

- เที่ยวโดยสาร 25 เที่ยว ใช้เดินทางภายใน 30 วัน ราคา 700 บาท

- เที่ยวโดยสาร 40 เที่ยว ใช้เดินทางภายใน 30 วัน ราคา 1,040 บาท

- เที่ยวโดยสาร 50 เที่ยว ใช้เดินทางภายใน 30 วัน ราคา 1,100 บาท

- เที่ยวโดยสาร 60 เที่ยว ใช้เดินทางภายใน 60 วัน ราคา 1,200 บาท

*สามารถเติมเที่ยวโดยสารได้ที่ห้อง MRTสายสีม่วงเท่านั้น โดยยังไม่สามารถเติมแบบออนไลน์ได้*

ทั้งนี้ เที่ยวโดยสารจะมีอายุการใช้งานนับจากวันที่ใช้เดินทางครั้งแรกตามประเภทของเที่ยวโดยสารแต่ละชนิด (นับวันที่เริ่มใช้งานเป็นวันที่ 1) และต้องใช้เดินทางครั้งแรกภายใน 45 วันนับจากวันที่เติมเที่ยวโดยสาร หากพ้นกำหนดจะไม่สามารถใช้เดินทางได้ และเที่ยวโดยสารไม่สามารถเปลี่ยนหรือขอคืนเป็นเงินสดได้ กรณีเดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ระบบจะทำการหักเที่ยวโดยสารก่อน หากเที่ยวโดยสารหมด ระบบจะหักเงินในบัตรโดยสารนั้นๆ

ส่วนกรณีเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ระบบจะหักเที่ยวโดยสารสำหรับการเดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และจะหักเงินในบัตรโดยสารนั้นๆ ตามจำนวนสถานีที่เดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน

‘กระทรวงพาณิชย์’ ยกระดับ ‘คลังข้อมูลทางการค้าของไทย หรือ Thailand NTR’ เพื่อให้มีข้อมูลที่ทันสมัย ครบวงจร ค้นหาง่าย เชื่อมโยงคลังข้อมูลการค้าอาเซียน เตรียมอบรมการใช้ข้อมูลแก่ผู้สนใจ ก่อนเปิดให้บริการต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมเปิดให้บริการระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทย (Thailand National Trade Repository หรือ Thailand NTR) ที่ได้ปรับปรุงใหม่ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยได้ดำเนินการปรับปรุงระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทย ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศ อาทิ การค้าสินค้า การค้าบริการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สิทธิพิเศษการค้าระหว่างประเทศ และกฎระเบียบการค้าของหน่วยงานภาครัฐของไทย ผ่านทางเว็บไซต์ www.thailandntr.com ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2557 ผู้ประกอบการจะสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการค้าของไทยแบบครบวงจรและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงระบบครั้งนี้ เพื่อจัดทำระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทยให้มีความสมบูรณ์ ทันสมัย และสะดวกรวดเร็ว โดยได้เพิ่มฐานข้อมูลใหม่ อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (RCEP) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง และข้อมูลด้านการลงทุน ได้แก่ การจำแนกประเภทของการลงทุน ข้อบทการค้าลงทุน กฎหมายและกฎระเบียบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ได้พัฒนาระบบด้านการใช้งาน อาทิ การค้นหาข้อมูลแบบ Smart Search ช่วยลดระยะเวลาในการหาข้อมูลทั้งหมดผ่านการค้นหาเพียงครั้งเดียว และความสามารถรองรับการเข้าใช้งานทุกช่องทาง ทั้งจากคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ (ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android) ตอบโจทย์การใช้งานในยุคดิจิทัล สำหรับในช่วงที่ดำเนินการปรับปรุงระบบเว็บไซต์ Thailand NTR ในรูปแบบเก่ายังเปิดให้บริการตามปกติ

นางอรมน เสริมว่า กรมฯ มีเป้าหมายจะทำระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทยให้ใช้งานง่าย เป็นแหล่งข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ One Stop Trade Portal ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ รวมทั้งแก้ไขปัญหาการขาดข้อมูลของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงคลังข้อมูลทางการค้าของไทยกับคลังข้อมูลการค้าของอาเซียน (ASEAN Trade Repository : ATR) ผ่านเว็บไซต์ www.atr.asean.org ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการค้าของประเทศสมาชิกอาเซียนได้ทั้งหมด

สำหรับผู้ประกอบการ บุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปที่สนใจศึกษาและใช้งานระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทย กรมฯ จะจัดการฝึกอบรมการใช้งานระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทยที่ได้ปรับปรุงใหม่ ระหว่างวันที่ 21-22 มกราคมนี้ โดยแบ่งระยะเวลาการฝึกอบรมเป็น 4 รอบ คือ ช่วงเช้า 2 รอบ เวลา 09.00-12.00 น. และช่วงบ่าย 2 รอบ เวลา 13.00-16.00 น. ผ่านทาง Facebook Live กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และแอปพลิเคชั่น ZOOM

‘ผู้บัญชาการทหารสูงสุด’ นำเหล่าทัพ วางพวงมาลา วันกองทัพไทย พร้อมแยกหน่วยสวนสนาม ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ท่ามกลางกระแสปฏิรูปกองทัพ-สถาบันพระมหากษัตริย์ และ โควิด-19

ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานงานกองทัพไทย ประจำปี 2564 โดยมี พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจงยอดสุข ผบ.ตร. และ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก

โดยมีกิจกรรมสำคัญพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่5  พิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช 9 พระองค์ พิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณนักรบไทย

สำหรับการจัดงานวันนี้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์วีรกษัตริย์ไทย และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพบุรุษของไทยที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้เป็นมรดกมาจนถึงทุกวันนี้

เวลาเดียวกันที่ กองบัญชาการกองทัพบก  พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีทางศาสนา เนื่องในวันกองทัพบก ประจำปี 2564 โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร มาประกอบพิธี จำนวน 10 รูป

ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่พิธีทางศาสนา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ได้ร่วมประกอบพิธีสักการะพระชัยมงคลภูมิ และพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 จากนั้นจึงกระทำพิธีสงฆ์ ณ ห้องรับรอง 221 อาคาร 2 ชั้น 2 กองบัญชาการกองทัพบก

สำหรับปีนี้เนื่องจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19  วันกองทัพไทย และวันกองทัพบก จะไม่มีพิธีสวนสนามและปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลส่วนรวมเหมือนเช่นทุกปี แต่ยังมีการสวนสนามสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพลโดยแยกย่อยของแต่ละหน่วย

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 

ทั้งนี้ทหารยังคง ยึดมั่นใน คำสัตย์ปฏิญาณ ที่ได้ลั่นวาจาไว้ ในพิธีสวนสนามและปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ธงนำทัพของหน่วยทหาร ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ และ องค์จอมทัพไทย ที่ระบุว่า

ข้าพระพุทธเจ้าจักยอมตาย เพื่อเทิดทูน และ รักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดี และถวายความปลอดภัย ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ตราบชีวิตจะหาไม่

ข้าพระพุทธเจ้า จักรักษาไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พรรคกล้า เสนอ รมว.ศึกษาฯ – รมว.อุดมศึกษา เลื่อนสอบทีแคส 64 , สอบ Gat/Pat , 9 วิชาสามัญ , O-Net ออกไป 1 เดือน แก้ปัญหาไม่ให้ทับซ้อนสอบปลายภาคเดือน มี.ค. ลดความเครียดเด็กม.6 รับผลกระทบการเรียนช่วงโควิด-19

นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร กรรมการบริหารพรรคกล้า กลุ่มการศึกษา กล่าวแสดงความเป็นห่วงนักเรียนชั้น ม.6 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 รอบแรก ทำให้การสอบปลายภาคจากเดิมสอบช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ต้องเลื่อนไปสอบปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาทับซ้อนกับการสอบ Gat/Pat , 9 วิชาสามัญ , O-Net ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. ที่เด็กนักเรียนต้องสอบ และยื่นเข้าสู่ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือ TCAS64

ขณะเดียวกันการระบาดโควิด-19 รอบสอง ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องเรียนออนไลน์ตลอดเดือนมกราคม ซึ่งเป็นเรื่องผิดธรรมชาติการเรียนปกติ ทำให้ไม่สามารถเก็บได้ทุกวิชา รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้วิธีการสอบกลางภาคและปลายภาคอย่างไร

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า จึงเรียกร้องไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขอให้หารือกันและตัดสินใจเลื่อน TCAS64 ออกไปก่อน และเลื่อนการสอบ Gat/Pat , 9 วิชาสามัญ , O-Net ตามออกไป ซึ่งจะเสียเวลาประมาณ 1 เดือน โดยเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเปิดเทอมปีการศึกษาหน้า เพื่อจะได้ไม่ทับซ้อนกับการสอบปลายภาค ทำให้เด็ก ม.6 มีเวลาคิด มีช่วงเวลาให้หายใจมากขึ้น ลดความเครียดของเด็ก ลดความไม่สบายใจของผู้ปกครอง

กระทรวงแรงงาน ยึดประชารัฐจับมือเอกชน พัฒนาช่างยิปซัม เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ ความชำนาญในงานยิปซัม ลงปฏิบัติงานจริงช่วยสังคม ซ่อมสร้างสาธารณประโยชน์

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กพร. กระทรวงแรงงาน และบริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้นำด้านการตลาดแผ่นยิปซัมในประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาฝีมือแรงงานด้านงานยิปซัม ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน

ที่มุ่งเน้นให้กพร. ใช้แนวทางประชารัฐร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะ ฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ และส่งเสริมการมีงานทำของแรงงานไทย

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ทั้งสองหน่วยงานมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานให้มีทักษะ ความรู้ ความชำนาญในงานยิปซัม มีมาตรฐาน ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ก่อให้เกิดการจ้างงานในตลาดแรงงาน ในปี 2563 ได้ร่วมกันดำเนินการจัดฝึกอบรมช่างยิปซัมพัฒนาชุมชน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน สมุทรสาคร อุบลราชธานี และระนอง มีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 102 คน

และเพื่อให้การพัฒนาฝีมือแรงงานมีความต่อเนื่อง ในปี 2564 มีแผนการดำเนินงาน ดังนี้ (1) ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างติดตั้งยิปซัม และสาขาช่างฉาบยิปซัม ระดับ 1 และระดับ 2 (2) จัดแข่งขันฝีมือแรงงานสาขาช่างยิปซัม ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานที่เปิดศูนย์ฝึกอบรมช่างยิปซัม (3) จัดฝึกอบรมช่างยิปซัม นำร่องการฝึกอบรมที่จังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ ลำปาง และสงขลา และขยายฝึกอบรมทั่วประเทศต่อไปในอนาคต

“การฝึกอบรมช่างยิปซัมใช้หลักสูตรการฝึกอาชีพเสริม สาขาการติดตั้งผนังฝ้าเพดานและฉาบรอย ต่อยิปซัม ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้และฝึกทักษะเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน การติดตั้งระบบผนังและฝ้าเพดานยิปซัม การฉาบรอยต่อยิปซัม โดยเน้นให้ผู้เข้ารับอบรมได้ปฏิบัติงานจริง ในการซ่อมแซมสาธารณประโยชน์ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์เด็กเล็ก ศาลาอเนกประสงค์ เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่ดีที่สามารถพัฒนาช่างฝีมือ ควบคู่การช่วยเหลือชุมชนและสังคม” อธิบดีกพร. กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top