Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49066 ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก กอ.รมน. แจงแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการหายตัวไป ของ 1 ใน สมาชิกการ์ด Protect Freedom หลังถูกแอบอ้างในแชทไลน์ ยัน ไม่มีภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลพื้นที่ของการชุมนุม

พล.ต. ธนาธิป  สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังที่มีสมาชิกกลุ่มการ์ด (Protect Freedom) ได้เดินทางมาชุมนุมหน้า กอ.รมน. เช้าวันนี้ พร้อมเรียกร้องให้ กอ.รมน. ปล่อยตัวสมาชิกการ์ดฯ ที่หายตัวไปตั้งแต่ เมื่อคืน (16 ม.ค.) เวลาประมาณ 23.00 น. ภายหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมเขียนป้ายผ้า ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีกลุ่มคนอ้างว่าเป็น กอ.รมน. ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของสมาชิกการ์ดที่หายตัวไปแชทไลน์ข่มขู่เพื่อนกลุ่มสมาชิกการ์ด และแจ้งว่าจะปล่อยตัวตอน 05.00 น. ของเช้าวันนี้ ซึ่งปัจจุบันไม่มีการปล่อยตัวแต่อย่างใด

โดย โฆษก กอ.รมน. ระบุว่า จากการตรวจสอบในรายละเอียดตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนั้น ทางกอ.รมน. ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีภารกิจความรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลพื้นที่การรักษาความปลอดภัยของการชุมนุม อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบขั้นต้น กอ.รมน. ขอยืนยันว่า ไม่ปรากฏหน่วยงานของ กอ.รมน. เข้าไปยุ่งเกี่ยวต่อเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

         

/////////

‘หมอยง’ แนะทำความเข้าใจความรุนแรงของโควิด-19 เผยองค์กรอนามัยโลกแบ่งความรุนแรงเป็น 4 ระดับ โดยจะนำทั้ง 4 ขั้น เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง และเสียชีวิต ก่อนนำมาประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนว่ามีประสิทธิผลมากขนาดไหน

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Yong Poovorawan’ โดยได้ออกมาพูดถึงถึงความรุนแรงของโรคโควิด-19 จะต้องมีการประเมินอาการของผู้ป่วยก่อนที่จะมีการฉีดวัคซีน โดยระบุว่า

ก่อนที่จะเข้าใจประสิทธิภาพของวัคซีน เรามาเข้าใจเรื่องความรุนแรงของโรคโควิด 19

องค์การอนามัยโลกแบ่งความรุนแรงของโรคโควิด 19 เป็น เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง และเสียชีวิต

  1. ผู้ป่วยที่เป็นเล็กน้อยประกอบไปด้วย ผู้ที่ไม่มีอาการแต่ตรวจพบไวรัสในลำคอ มีอาการเล็กน้อยไม่ได้รับการรักษา มีอาการ กินยา แต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล รวมถึงผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลเพื่อจุดประสงค์การแยกตัว ที่ไม่ได้ต้องการการรักษา
  2. อาการปานกลาง จะเป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ได้ให้ออกซิเจน หรือ ถ้าให้ออกซิเจนก็ให้แบบเสียบจมูก หรือครอบจมูก
  3. ผู้ป่วยมีอาการมากหรือหนัก ผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจนแบบ High Flow ใส่ท่อช่วยหายใจ ใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องพยุงปอด
  4. ผู้ป่วยที่เสียชีวิต จะตัดสินกันภายใน 60 วัน

การตัดสินประสิทธิผลของวัคซีน จะมีการพูดกันถึงการป้องกันโรคในระดับไหน ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการในการประเมินวัคซีน จะยากมากเพราะไม่ได้มีการตรวจเชื้อทุกราย หรือสุ่มตรวจเชื้อเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะเน้นตั้งแต่มีอาการขึ้นไป หรือ ต้องนอนโรงพยาบาล

ตอนต่อไปเล่าเรื่อง การประเมินประสิทธิภาพของวัคซีน

ที่มา : เพจ Yong Poovorawan

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (17 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 374 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 12,058 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 70 ราย รักษาหายเพิ่ม 109 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 9,015 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,969 ราย


ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 374 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากสหรัฐอเมริกา 2 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,อินเดีย 2 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,กาตาร์ 1 ราย ,มาเลเซีย 3 ราย
ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 43 ราย
ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 321 ราย
ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 439 ราย รักษาหายแล้ว 385 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.97 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.27 แสน เสียชีวิต 25,767 ราย
ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.55 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.17 แสน ราย เสียชีวิต 594 ราย
ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.34 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.17 แสน ราย เสียชีวิต 2,942 ราย
ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.99 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.6 แสน ราย เสียชีวิต 9,884 ราย
ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,083 ราย รักษาหายแล้ว 58,784 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,537 ราย รักษาหายแล้ว 1,380 ราย เสียชีวิต 35 ราย

กรมการปกครองประกาศ ยกเว้น/ลด ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนครอบครัว การออกหนังสือสำคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล บัตรประจำตัวประชาชน และการทะเบียนราษฎร กรณีภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

เนื่องจากปัจจุบันพบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกใหม่ขึ้นในหลายพื้นที่ โดยมีประกาศพื้นที่ภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร ชลบุรี ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ราชบุรี ระนอง ระยอง ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี สระแก้ว สระบุรี อ่างทอง ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนในสถานการณ์วิกฤตินี้ กรมการปกครองจึงได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการทะเบียนราษฎร
(2) การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร
(3) การแจ้งการเกิดต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น
(4) การแจ้งการตายต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น
(5) การแจ้งการย้ายที่อยู่
(6) การออกบัตรประจำตัวให้กับคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
(7) การขอรับสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านใหม่แทนฉบับเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย

2. ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การออกบัตรใหม่ในกรณีบัตรหายหรือถูกทำลาย บัตรชำรุดในสาระสำคัญ การแก้ไขชื่อตัว หรือชื่อสกุล หรือชื่อตัวและ
ชื่อสกุล หรือการย้ายที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
(2) การออกใบแทนใบรับ
(3) การขอคัดและรับรองสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน

3. ให้ลดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนครอบครัว ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การขอคัดสำเนาหรือคัดและรับรองสำเนาทะเบียนครอบครัว ฉบับละ 1บาท
(2) การจดทะเบียนสมรสหรือจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียนโดยมีผู้ขอ รายละ 1 บาท
(3) การจดทะเบียนสมรส ณ สถานที่สมรสซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอนุมัติ ให้มีขึ้น รายละ 1 บาท

4. ให้ลดค่าธรรมเนียมการออกหนังสือสำคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล โดยเรียกเก็บฉบับละ 1 บาท ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรอง
(2) การออกหนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล
(3) การออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล
(4) การออกใบแทนหนังสือสำคัญตาม (1) (2) หรือ (3)

ทั้งนี้ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าธรรมเนียมข้างต้น เป็นระยะเวลา 120 วัน นับแต่วันที่มีประกาศ (8 มกราคม 2564) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน โทร 0-2791-7427

กระทรวงสาธารณสุข ชี้กรณีนอร์เวย์เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิดของไซเฟอร์ โมเดอร์นา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ยืนยันไทยสั่งซื้อวัคซีนคนละตัว ขอประชาชนอย่ากังวล

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติราชการรองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีประเทศนอร์เวย์พบรายงานผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า ที่ประเทศนอร์เวย์ใช้วัคซีนของ Pfizer และ Moderna โดยทั้ง 2 ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน คือ mRNA vaccine ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่เป็นของบริษัท แอสตร้าเซเนก้า จำกัด และซิโนแวค ประเทศจีน ที่ใช้กลุ่มวัคซีนเชื้อตาย ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยเชื่อมั่นว่าไม่ได้ใช้ตัวเดียวกับนอร์เวย์

อย่างไรก็ตามการใช้วัคซีนอาจมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ บวมร้อน คลื่นไส้ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีที่มีความเปราะบางจะต้องได้รับการติดตามสังเกตุอาการ ปกติ 30 นาทีหลังรับการฉีดวัคซีน และ 30 วัน หลังจากฉีดแล้ว

กรณีของนอร์เวย์ พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ 29 ราย เป็นผู้หญิง 21 ราย และผู้ชาย 8 ราย มีผู้เสียชีวิต 23 ราย หลังได้รับวัคซีน Pfizer-BioNTech mRNA vaccine เข็มแรก จากผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 30,000 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของนอร์เวย์ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนถือว่ามีความเสี่ยงน้อย ยกเว้นการฉีดในผู้สูงอายุที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว ซึ่งจะต้องมีการประเมินเป็นรายบุคคล

นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการชันสูตรผู้เสียชีวิต พบว่าในจำนวน 13 ราย เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 80 ปี และเป็นผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ใน Nursing Home ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ โดยแนะนำให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีน

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากต่างประเทศก็ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่จะช่วยวางแผนในการเตรียมรับวัคซีนอย่างปลอดภัย และขณะนี้ แพทย์นอร์เวย์ได้แนะนำว่าต้องประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้มีอายุมากและมีโรคประจำตัวด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top