Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

ธนาคารออมสิน เผย 4 วัน อนุมัติ ‘สินเชื่อเสริมพลังฐานราก’ แล้ว 110,000 ราย พร้อมปรับหลักเกณฑ์ให้คนเคยกู้ ‘สินเชื่อฉุกเฉิน’ กู้อีกได้ ดีเดย์ ให้ยื่นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.64 เป็นต้นไป

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการด้านการเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนของธนาคารออมสินมีมาตรการให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อประชาชนรายย่อย สินเชื่อเสริมพลังฐานราก วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้กู้สูงสุดรายละ 50,000 บาท ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นกู้เป็นจำนวนมาก เพียง 4 วัน (15-18 มกราคม 2564) ธนาคารฯ ได้อนุมัติเงินกู้ไปแล้ว 110,000 ราย ซึ่งถือเป็นการให้กู้ยืมแบบดิจิทัล (Digital Lending) ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก สะดวกและอนุมัติรวดเร็ว โดยขณะนี้ยังคงได้รับความสนใจอย่างมากมายและคาดว่าจะยังมีผู้สนใจอยู่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนรายย่อยและรองรับความต้องการที่มีเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อเร่งด่วนที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ รวมถึงได้รับการอนุมัติที่รวดเร็ว ธนาคารจึงปรับหลักเกณฑ์การเข้าถึงสินเชื่อขึ้นใหม่เป็นกรณีพิเศษ โดยให้ผู้ที่เคยกู้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา COVID-19 (สินเชื่อฉุกเฉิน) เมื่อปี 2563 สามารถยื่นกู้ได้อีก ซึ่งการพิจารณาวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับเครดิตและประวัติการชำระ เปิดให้ลงทะเบียนขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2564 นี้เป็นต้นไป

“การปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อในครั้งนี้ เป็นความตั้งใจของธนาคารที่จะช่วยรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า คนที่มีอาชีพอิสระที่เคยกู้สินเชื่อฉุกเฉินและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในระลอกใหม่นี้ สามารถยื่นขอสินเชื่อเสริมพลังฐานรากได้ โดยให้รายละ 20,000 บาท หรือต้องมีประวัติการผ่อนชำระดีในช่วงที่ผ่านมา และไม่มีประวัติหนี้เสีย ซึ่งธนาคารจะพิจารณาช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในที่สุด

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เตรียมขึ้นทะเบียนห้องแล็บทดสอบตามมาตรฐานการจัดการห้องแล็บที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของสากล สำหรับทดสอบกัญชาเป็นรายแรกของประเทศไทย ภายในเดือนมี.ค. 2564 นี้

นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เตรียมขึ้นทะเบียน ห้องแล็บศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นห้องแล็บทดสอบตามมาตรฐานการจัดการห้องแล็บที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของสากล สำหรับทดสอบกัญชาเป็นรายแรกของประเทศไทย ภายในเดือนมี.ค. 2564 นี้

ทั้งนี้ การรับรองห้องแล็บของ สวทช. ครั้งนี้จะเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.17025-2561 หรือมาตรฐาน ISO/IEC 17025-2017 เพื่อวิเคราะห์สารสกัดจากกัญชา ซึ่งถือว่าเป็นห้องปฏิบัติการที่มีความน่าเชื่อถือ โดยกระบวนการตรวจประเมินความสามารถห้องปฏิบัติการ ดำเนินการโดยคณะผู้ตรวจประเมินของสมอ. ที่มีความเชี่ยวชาญ

“การได้รับการรับรองมาตรฐาน จะมีส่วนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าที่ผ่านการทดสอบจากห้องแล็บนี้ ว่ามีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด มีความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ ขณะเดียวกันก็สามารถนำผลการทดสอบมาใช้เพื่อส่งสินค้าออกนอกประเทศ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำจากคู่ค้าหรือประเทศปลายทาง ทำให้เกิดความคล่องตัว น่าเชื่อถือ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย”

คนเนรคุณสองแผ่นดิน!! 'ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์' จวก 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ด้อยค่า ด่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เลิก แต่ตัวเองไม่เคยเสียสละทำอะไรเพื่อแผ่นดิน

“ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” ดีกรี ด็อกเตอร์ ด้าน Psychometrics and Quantitative Psychology จากมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม สหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่พยายามดิสเครดิตสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เลิก แต่ตัวเองไม่เคยเสียสละทำอะไรเพื่อแผ่นดิน โดยเฉพาะกับกรณีบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่เปิดขึ้นมาแล้วมีแต่ขาดทุน ทั้ง ๆ ที่การขาดทุนนี้คือกำไร เพราะพระเจ้าแผ่นดินทรงเสี่ยงที่จะลงทุนไปมากมาย เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม

ไอ้ตี๋เนรคุณสองแผ่นดิน มีสันดานจ้องหาเรื่องด่าอย่างเดียว

โดยเอากำพืดสันดานธุรกิจในครอบครัวที่เป็นเทคโนโลยีชั้นต่ำ กำไรสูงสุด โดยการยอมเป็นขี้ข้าญี่ปุ่น มาโดยตลอด (เพราะรับจ้างผลิตแต่สินค้าเทคโนโลยีชั้นต่ำ พอสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดี ก็อาศัยจังหวะเลย์ออฟพนักงานเอาตัวรอด เยี่ยงนายทุนเลวๆ ได้)

การผลิตยาที่เป็นชีววัตถุ อันมีเทคโนโลยีขั้นสูงมาก ที่ไม่มีโรงงานยาโรงงานไหนในประเทศไทยกล้าลงทุน เพราะไม่รู้ว่าจะคุ้มทุนหรือไม่

มีโรงงานเดียวในประเทศไทยที่ผลิตและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงขนาดนี้ได้

บริษัทของครอบครัวที่ออกมาด่าก็ไม่มีปัญญาจะทำได้หรอกครับ ได้แต่เห่า คิดแต่กำไร ขาดทุน ไม่ได้คิดถึงประเทศและประชาชนหรอก มันก็แค่นายทุนนิยมสามานย์ก็แค่นั้น

ไม่ใช่โรงงานบางคน แค่มาจากทำหนังหุ้มเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ไปจนสายไฟในรถยนต์ แต่ถามว่าป่านนี้สามารถผลิตเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลสำหรับรถวิ่งได้เองได้หรือไม่ คำตอบคือยังหลังเขา เป็นแค่คนผลิตอะไหล่ให้เขา ไม่ได้พึ่งพาตนเองได้หรอกครับ

แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดและทำอย่างที่เรียกว่าขาดทุนคือกำไร สยามไบโอไซนส์ ขาดทุนมาเยอะมาก ห้าร้อยกว่าล้านบาท ไม่มีกำไรอะไรเลยสักนิดเดียว เพื่ออะไร

เพื่อเวลาที่เกิดวิกฤติอย่างโควิดนี่อย่างไรครับ เราถึงผลิตวัคซีนเองได้ โดยเขาถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ เพราะเราทำได้เอง เราเก่งพอที่จะรับความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูงมาได้ มาทำเองได้ พึ่งพาตนเองได้ ในราคาที่ถูกกว่า เข้าถึงได้มากกว่า

ขาดทุนคือกำไร พระเจ้าแผ่นดินทรงเสี่ยงที่จะลงทุนไปมากมาย เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม โดยเฉพาะเวลาวิกฤติเช่นนี้ ทำให้เราเข้าถึงวัคซีนได้ในราคาที่ถูกมากที่สุด เพราะเรารับถ่ายทอดนวัตกรรมที่เป็นพรมแดนแห่งความรู้ของโลกแล้วเราทำต่อเองได้ ผลิตเองได้

นวัตกรรมใหม่ขนาดนี้ เสี่ยงสูงมาก ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าเจ้าไหน จะสำเร็จก่อนหรือหลัง มีเป็นร้อยๆ เจ้านะครับที่ทำวิจัยวัคซีนโควิด-19 ถ้าประเทศไทยมีเงินถุงเงินถังก็ซื้อทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมมาไว้ก่อนทั้งหมด แต่ใครจะไปเสียเงินมากมายขนาดนั้น และถ้าจะต้องเสียขนาดนั้น ก็จะมีเสียงนกเสียงกา เสียงห่าเสียงเหว ออกมาเห่ามาหอนอีกว่าไม่คุ้มอีก

แล้วอีกอย่างการพัฒนาวัคซีนก็มีขั้นตอนต้องทดสอบหลายขั้น จนมั่นใจว่าได้คุณภาพมาตรฐานจริงๆ

รัฐบาลจะไม่ซื้อกับสยามไบโอไซนส์ก็ได้แหละครับ แต่จะต้องซื้อในราคาที่แพงกว่านี้มาก และในเวลานี้ก็ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อได้ ประเทศร่ำรวยเขาลงเงินจองไปหมดแล้ว

ทำไมไม่เอาเงินของครอบครัวมันที่ร่ำรวยนักหนา จากการบุกรุกที่ป่าไม้ จากการโกงภาษีเรือยอชท์ จากการกดขี่เอาเปรียบไล่ออกพนักงาน จากการจ่ายสินบนที่ดินของพระราชา มาผลิตและซื้อวัคซีนแจกจ่ายประชาชนบ้าง

ไม่เห็นมันจะทำห่าอะไรเลย นอกจากเห่า

มือไม่พาย ยังเอาปากสำราก เอาตีนราน้ำ

เอาเวลาไปเตรียมจบที่คุกเถิด ไอ้คนเนรคุณสองแผ่นดิน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครม.อนุมัติ แจกเงิน “เราชนะ” 3,500 บาท 2 เดือน เยียวยาโควิด กลุ่มเป้าหมายประมาณ 30-35 ล้านคน คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-12 ก.พ.64 ขณะที่ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน เงินเข้าอัตโนมัติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบ Video Conference ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมครม.ได้อนุมัติมาตรการ “เราชนะ” กระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่

ทั้งนี้ สำหรับเงื่อนไขโครงการเราชนะ รัฐบาลจะแจกเงิน 3,500 บาท จำนวน 2 เดือน มีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 30-35 ล้านคน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-12 ก.พ.64

กรมการขนส่งทางราง ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึง ปลัด กทม. ขอให้ทบทวนการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสีเขียวตลอดเส้นทางไม่เกิน 104 บาท ชี้สามารถทำได้ถูกกว่า 65 บาทตลอดสาย เชื่อทำให้คนใช้บริการมากขึ้น

นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึงปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามประกาศกรุงเทพมหานคร ที่ให้มีการจัดเก็บอัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทางไม่เกิน 104 บาท ซึ่งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.64 เป็นต้นไป เนื่องจาก กรมการขนส่งทางราง พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสาธารณชน จึงขอให้ กทม. พิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุม

โดยขอให้ทบทวนการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารตามประกาศดังกล่าว และขอให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 61 ที่กำหนดให้กระทรวงคมนาคม และ กทม. บูรณาการร่วมกันในการกำหนดอัตราแรกเข้า อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม และไม่เป็นภาระแก่ประชาชน

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง จะเสนอกระทรวงคมนาคมในฐานะหน่วยงานที่ ครม. มอบหมาย หารือร่วมกับ กทม. โดยเร็วต่อไป เพื่อหาทางออกร่วมกันโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ

สำหรับที่ผ่านมา ได้มีข้อเสนอแนะในการขยายสัญญาสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว กรณีอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวไว้อย่างชัดเจนว่า สามารถกำหนดได้ถูกกว่า 65 บาทตลอดสาย และควรกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกที่สุดสำหรับประชาชนที่ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ ซึ่งจะทำให้การจราจรใน กทม. เบาบางลง โดยปัจจุบันพบว่าผู้มีรายได้น้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า คิดเป็น 35% ของค่าแรงขั้นต่ำ

ดังนั้น การกำหนดอัตราค่าโดยสารควรวิเคราะห์จากต้นทุนที่แท้จริง และหากถูกลงจาก 65 บาทตลอดสาย ในอนาคตจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top