Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49042 ที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลวอนคนไทยรักษาวินัยสู้ภัยระบาดโควิด-19 หวังผ่านพ้นช่วง 2 เดือนเมื่อไร กอบกู้เศรษฐกิจไทยทันที ย้ำเป้าหมายรัฐบาลช่วงนี้ต้องเอาให้อยู่ และดูแลสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ได้

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ รัฐบาลอยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษาวินัยเพื่อให้ผ่านพ้นช่วง 2 เดือนนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด

โดยเฉพาะในเดือนมี.ค.นี้ รัฐบาลตั้งใจว่าจะต้องเอาให้อยู่และดูแลสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ได้ ซึ่งการระบาดในระลอกนี้ส่วนตัวมองว่า โชคดีที่รัฐบาลมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกับการระบาดในรอบแรกมาก่อน จึงได้เตรียมความพร้อมรองรับเอาไว้แล้ว และเชื่อว่าจากนี้ทุกอย่างน่าจะปรับตัวดีขึ้น

"สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ขอให้คนไทยช่วยกันรักษาวินัย เพราะถ้าผ่านเรื่องนี้ 2 เดือนไปให้ได้ยิ่งดี จะได้พิสูจน์ว่าเราทำได้เร็วกว่าคราวก่อนที่มีการระบาด ซึ่งรัฐบาลก็มีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบนานถึง 3 เดือน มารอบนี้จะต้องไม่ทำให้ดีเท่าเดิม

เพราะต้องทำให้ดีกว่ารอบเก่าให้ได้ โดยการเยียวยาเงินให้ 2 เดือน ก็ถือว่ามีความเหมาะสมและผ่านการคิดของทุกหน่วยงานมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เรามีการเรียนรู้ประสบการณ์มาจากครั้งก่อนจึงบริหารจัดการได้ และงบประมาณที่มาจากเงินกู้ แม้ว่าจะใช้จำนวนมากแต่ก็ยืนยันว่าเพียงพอ"

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า "หลังจากสถานการณ์ดีขึ้น ก็ต้องเริ่มการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกรอบ เพราะปีนี้รัฐบาลได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นปีแห่งการดึงดูดอุตสาหกรรมสมัยใหม่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ตอนนี้จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมและทำงานคู่ขนานกันไปกับการเยียวยารักษาสถานการณ์ภายในประเทศให้ดี

ล่าสุดได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ให้พยายามเร่งพบปะนักลงทุนผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ และปรับปรุงกฎกติกามารองรับ โดยจากการรายงานก็รับทราบว่า มีนักลงทุนต่างชาติหลายรายยังสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่"

16 มกราคม วันครูแห่งชาติ...วันแห่งการน้อมระลึกถึงผู้ให้ความรู้และการพัฒนา

 

‘ไม่มีใคร ไม่มีครู’ แม้จะไม่ใช่ประโยคที่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่เชื่อว่า คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า ‘ไม่เคยมีครู’ และในวันนี้ ก็ถือเป็นวันสำคัญ โดยถูกกำหนดให้เป็น ‘วันครูแห่งชาติ’

 

ที่มาของวันสำคัญวันนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2488 ประเทศไทยมีการประกาศพระราชบัญญัติครูขึ้นมาในราชกิจจานุเบกษา กระทั่งเวลาผ่านมาอีกราว 11 ปี คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี เป็น ‘วันครูแห่งชาติ’ และได้มีการจัดงานวันครูขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500

 

โดยจุดประสงค์ในการมีวันครู เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ ที่ได้อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่เด็ก ทำให้คน ๆ หนึ่ง กลายเป็นคนดีรู้วิชา ครูจึงเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญ และถือเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้สังคมก้าวหน้า ตลอดจนตั้งอยู่บนจริยธรรมความดี

 

โลกอาจจะหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน ทำให้ทุกวันนี้เราสามารถเรียนหนังสือผ่านสื่อออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย แต่ความสำคัญของครูก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังต้องเรียนรู้ คำว่า ‘ครู’ ก็ยังคงมีความหมายตลอดไป

 

การประชุมผู้แทนทั่วประเทศพรรคประชาชนปฏิวัติลาวครั้งที่ 11 ได้สิ้นสุดลงแล้วในเมื่อวันที่ 15 ม.ค. โดยได้มีการประกาศรายชื่อคณะกรรมการศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ (ชุดที่ 11) ที่ได้มีการเลือกตั้งกันไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค. หลังปิดประชุม

คณะกรรมการศูนย์กลางพรรค ประกอบด้วยกรรมการ 71 คน และกรรมการสำรองอีก 10 คน

จากนั้นคณะกรรมการศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ทั้ง 71 คน ได้ประชุมกันทันที เพื่อคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นกรมการเมืองศูนย์กลางพรรค 13 คน ซึ่งจะเป็นกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ ของลาว

ผลการคัดเลือก กรมการเมืองศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ 13 คน ประกอบด้วย

1.) ทองลุน สีสุลิด

2.) พันคำ วิพาวัน

3.) ปานี ยาท่อตู้

4.) บุนทอง จิดมะนี

5.) ไซสมพอน พมวิหาน

6.) พลเอก จันสะหมอน จันยาลาด

7.) คำพัน พมมะทัด

8.) สินละวง คุดไพทูน

9.) สอนไซ สีพันดอน

10.) กิแก้ว ไขคำพิทูน

11.) พลโท วิไล หล้าคำฟอง

12.) สีใส ลีเดดมูนสอน

13.) สะเหลิมไซ กมมะสิด

นอกจากนี้ ยังได้เลือกคณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรค 9 คน ได้แก่

1.) ทองลุน สีสุลิด

2.) บุนทอง จิดมะนี

3.) คำพัน พมมะทัด

4.) สีใส ลีเดดมูนสอน

5.) คำพัน เผยยะวง

6.) อานุพาบ ตุนาลม

7.) ทองสะลิด มังหม่อเมก

8.) สุนทอน ไซยะจัก

9.) เวียงทอง สีพันดอน

ที่ประชุมได้เลือกทองลุน สีสุลิด ขึ้นเป็นเลขาธิการใหญ่ คณะบริหารศูนย์กลางพรรค ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้วจะได้ขึ้นเป็นประธานประเทศคนใหม่ต่อจากบุนยัง วอละจิด ด้วย

นอกจากนี้ ยังได้เลือกบุนทอง จิดมะนี เป็นผู้ประจำการ คณะเลขาธิการศูนยกลางพรรค และเลือกคำพัน พมมะทัด เป็นประธานคณะตรวจตราศูนย์กลางพรรค โดยมีรองประธาน 6 คน ได้แก่

1.) วิไลวัน บุดดาคำ

2.) สีไน เมียงลาวัน

3.) สุกคำเพ็ด เรืองบุดสี

4.) ดาวบัวละพา บาวงเพ็ด

5.) ไซคำ อุ่นมีไซ

6.) วันไซ ซงซายู

ขั้นตอนต่อจากนี้ กรมการเมืองศูนย์กลางพรรค 13 คน จะคัดเลือกตัวบุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากทองลุนอีกครั้งหนึ่ง...

(ภาพจากสำนักข่าวสารประเทศลาว)


เครดิต : Facebook : LandLink

“ธนกร” ป้อง ”บิ๊กตู่” ยันรัฐบาลมีผลงานจับต้องได้ ย้อนรัฐบาลไหนกันแน่ที่มีการทุจริตจนอดีต รมต.ต้องติดคุก เหน็บเป็นฝ่ายค้านนานจนติดนิสัยค้านทุกเรื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารประเทศ 7 ปีล้มเหลวว่า นายวิสารมีโทสาคติเกินไป ตลอดระยะเวลา 7 ปี พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาให้กับประเทศอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นรูปธรรมชัดเจนจนได้รับคำชื่นชมจากประชาชนทั่วประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสงบสุขให้กับประเทศ การขยายรถไฟฟ้าครอบคลุมทุกพื้นที่ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการชิมช้อปใช้ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลในอดีตที่มีการทุจริตคอรัปชั่นจนมีรัฐมนตรีติดคุกมาแล้วใช่หรือไม่

นายธนกร กล่าวว่า "กรณีที่นายวิสารระบุว่า เงินเยียวยาน้อยกว่าเบี้ยประชุม ครม.นั้น เป็นเพียงวาทกรรมโจมตีรัฐบาลของคนไร้เหตุผล กลับไปกลับมา ตอนรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาก็กล่าวหารัฐบาลกู้เงินมาแจก very กู้ พอรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาก็บอกว่าน้อย ลอกของเก่ามา

สรุปคือรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาพรรคเพื่อไทยก็ด่า ไม่จ่ายก็ด่า จ่ายน้อยก็ด่า จ่ายมากก็ด่า คือทำอะไรก็ผิดไปหมด สมกับที่เป็นฝ่ายค้านนานจนติดนิสัยค้านทุกเรื่อง วันนี้รัฐบาลแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม การจ่ายเงินเยียวยาก็เป็นไปตามความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงนี้ และนอกจากการจ่ายเงินเยียวยาแล้ว รัฐบาลก็มีมาตรการอื่นอีก

ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านการเงินการคลัง โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ นายวิสารอย่าพูดโดยไม่คิด ในภาวะที่ประชาชนทุกข์ยาก อย่าพูดอะไรโดยไร้จิตสำนึก"

ช่วงเช้าวันนี้สภาพอากาศ กรุงเทพมหานคร มีปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และมีผลกระทบต่อสุขภาพ

เพจเฟซบุ๊ก ‘กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร‘ โพสต์ข้อความระบุว่า ผลการตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบว่าเกินค่ามาตรฐานจำนวน 70 พื้นที่ ได้แก่ เขตประเวศ เขตบางนา เขตจอมทอง เขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหนองแขม เขตพระโขนง เขตบางเขน สวนธนบุรีรมย์ (เขตทุ่งครุ) เขตทวีวัฒนา เขตคลองเตย เขตทุ่งครุ เขตบางบอน เขตคลองสามวา เขตบางกอกน้อย สวนทวีวนารมย์ (เขตทวีวัฒนา) เขตยานนาวา เขตตลิ่งชัน เขตบางกอกใหญ่

เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตภาษีเจริญ เขตบางขุนเทียน เขตคลองสาน เขตธนบุรี เขตมีนบุรี เขตจตุจักร เขตบางกะปิ เขตคันนายาว สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน (เขตดอนเมือง) เขตดินแดง เขตดุสิต เขตสวนหลวง เขตบางซื่อ เขตปทุมวัน เขตสัมพันธวงศ์ สวนหลวง ร.9 (เขตประเวศ) เขตลาดกระบัง เขตบางแค เขตวัฒนา เขตสาทร เขตพญาไท เขตราษฎร์บูรณะ เขตบึงกุ่ม เขตพระนคร เขตบางพลัด อุทยานเบญจสิริ (เขตคลองเตย) เขตหนองจอก

เขตบางคอแหลม สวนบางแคภิรมย์ (เขตบางแค) สวนหลวงพระราม 8 (เขตบางพลัด) เขตบางรัก สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (เขตบางคอแหลม) สวนวชิรเบญจทัศ (เขตจตุจักร) เขตลาดพร้าว สวนเบญจกิติ (เขตคลองเตย) เขตวังทองหลาง สวนกีฬารามอินทรา (เขตบางเขน) เขตสะพานสูง สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ (เขตลาดกระบัง) เขตราชเทวี สวนจตุจักร (เขตจตุจักร) สวนสันติภาพ (เขตราชเทวี) สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ (เขตจตุจักร)

เขตห้วยขวาง สวนเสรีไทย (เขตบึงกุ่ม) สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (เขตบางกอกน้อย) สวนพระนคร (เขตลาดกระบัง) สวนหนองจอก (เขตหนองจอก) สวนลุมพินี (เขตปทุมวัน) และเขตหลักสี่

โดยตรวจวัดได้ในช่วง 64-110 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) คิดเป็นร้อยละ 100 จากจำนวนเขตที่มีสถานีตรวจวัดทั้งหมด คุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และระดับมีผลต่อสุขภาพในบางพื้นที่ ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

คำแนะนำในการปฏิบัติตน

: คุณภาพอากาศปานกลาง

ประชาชนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง

: คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ให้ประชาชนทั่วไปในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐานให้เฝ้าระวังสุขภาพ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ เด็กและผู้ป่วยทางเดินหายใจ และใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากเกิดความจำเป็น

: คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ทุกคนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทุกชนิด หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top