Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49042 ที่เกี่ยวข้อง

‘แรมโบ้’ ยืนยัน เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยฉวยโอกาสจับแกนนำผู้ชุมนุม หลัง ‘รังสิมันต์’ ออกโรงปกป้อง สวนกลับ สมองคิดแต่จะสนับสนุนหรือปกป้องคนจาบจ้วงสถาบัน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และโฆษก กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊ก นายสิริชัย นาถึง หรือนิว แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พ่นสีพระบรมฉายาลักษณ์ เขียนข้อความปล่อยเพื่อนเราไม่ผิดกฎหมาย ม.112 ว่า

ตำรวจไม่ได้ฉวยโอกาสจับใคร หรือซ้ำเติมกับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะกับแกนนำผู้ชุมนุม แต่ตำรวจต้องทำตามกฎหมายจับกุมผู้ที่กระทำความผิดทุกคน รวมถึงได้ทำงานอย่างหนักในการปราบปรามลักลอบขนแรงงานข้ามประเทศ บ่อนการพนัน หรือยาเสพติด เพียงแต่คนอย่างนายรังสิมันต์มีแนวความคิดสนับสนุนกลุ่มคนที่คิดจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงไม่เคยคิดออกมาห้ามปรามคนที่ทำผิดกฎหมายมาตรา112 จึงพยายามกล่าวหาเจ้าหน้าที่และปกป้องคนที่จาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันตลอดมา

นายสุภรณ์ กล่าวว่า นายรังสิมันต์เป็นถึงโฆษก กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แต่กลับปกป้องคนที่ทำผิดกฎหมายและอ้างว่าการชุมนุมเป็นไปตามสิทธิเสรีภาพ ในการชุมนุมสาธารณะแต่การชุมนุมที่ไปละเมิดคนอื่นกลับมองไม่เห็น ยิ่งกระทำความผิดกฎหมายตามมาตรา112 ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดี ทำไมพรรคก้าวไกลไม่เคยคิดออกมาห้ามบ้าง หรือว่าเป็นอีแอบตัวจริงที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้คนเหล่านี้กระทำความผิดมาตรา112

ตนเข้าใจว่านายรังสิมันต์เคยเป็นนักเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ก็ต้องปกป้องกันแต่ขณะนี้นายรังสิมันต์มีสถานะที่เป็นถึง ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯและยังได้เป็นโฆษก กมธ.กฎหมายฯเวลาที่จะทำอะไร หรือจะปกป้องใครขอให้ใช้สมองคิดตริตรองให้ดีเสียก่อนว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ และก็ควรให้เกียรติกับตำแหน่ง ส.ส.ที่ตนเองเป็นอยู่ด้วย

“หากนายรังสิมันต์ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย นายรังสิมันต์ในฐานะโฆษก กมธ.กฎหมาย ก็ควรไปขอให้แกนนำยุติการชุมนุม และขอให้แกนนำอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าให้ร้าย ก้าวล่วงสถาบันในทุกรูปแบบ ทำแบบนี้ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตนยืนยันมาตรา112 ไม่เคยไปใช้รังแกใคร มีแต่คนที่ไม่หวังดีต่อสถาบัน คิดร้ายต่อสถาบันไปท้าทายฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา112 เสียเอง ดังนั้นบ้านเมืองมีขื่อมีแปร กฎหมายต้องเป็นกฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด"นายสุภรณ์กล่าว

นายกฯ เชิดชูครูเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบการศึกษาของชาติ “ชี้” ต้องพร้อมปรับรูปแบบการเรียนการสอน และสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งสารเนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 65 ประจำปี 2564 ว่า ครูเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบการศึกษาของชาติและมีบทบาทในการประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน ครูยุคใหม่จึงต้องเป็นผู้อำนวยการในการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงศาสตร์สาขาต่าง ๆ เป็นผู้ที่มีความรู้ครบถ้วน เป็นคนดี มีคุณธรรม และจริยธรรม พร้อมที่จะเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ

รัฐบาลมีนโยบายในการเสริมสร้างและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีมาตรฐานวิชาชีพในระดับสากล ตลอดจนนำเทคโนโลยีซึ่งมีความก้าวหน้าและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการจัดการศึกษา การพัฒนาบุคลากรและการจัดทำแผนการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและมีศักยภาพสูง ดังนั้น อนาคตของชาติจึงอยู่ที่การศึกษา และการศึกษาที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากครูที่มีคุณภาพด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันครูปีนี้ ผมได้มอบคำขวัญว่า “ครูวิถีใหม่ ใส่ใจดิจิทัล สร้างสรรค์คุณธรรมประจำชาติ” เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของครูในยุคชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนและสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ครูจึงต้องได้รับการพัฒนา เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่

นอกจากนี้ ครูยังต้องเป็นบุคลากรตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นที่ยกย่องของผู้คนในสังคม และเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่ศิษย์ได้ดำเนินรอยตาม เพื่อเป็นคนเก่งคนดี มีความทันสมัย มีคุณธรรมประจำใจ และเป็นอนาคตของชาติ

“เนื่องในโอกาสวันครูครั้งที่ 65 พุทธศักราช 2564 ผมขอส่งความปรารถนาดี และกำลังใจมายังคณาจารย์ ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนพร้อมทั้งขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อีกทั้งเดชะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง และสัมฤทธิผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

กรมบังคับคดีเร่งช่วย ‘ลูกหนี้’ บัตรเดรดิต เจรจาไกล่เกลี่ย ก่อนถูกเจ้าหนี้ฟ้องยึดทรัพย์ช่วงโควิด-19 เผยปี’63 ช่วยลูกหนี้กว่า 3 หมื่นราย มูลหนี้กว่า 1.17 หมื่นล้าน

นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลให้ประชาชนมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต ซึ่งเมื่อถึงที่สุดประชาชน ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็จะถูกฟ้อง และยึด อายัด ทรัพย์สินของลูกหนี้

กรมบังคับคดีเล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว จึงได้เร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิต โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ชั้นบังคับคดีขึ้นในทุกจังหวัด โดยเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้ได้เจรจากันด้วยความสะดวก รวดเร็ว และไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีผู้ไกล่เกลี่ยของกรมบังคับคดีเป็นคนกลางในการเจรจา ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการลดวงเงินที่ต้องชำระคืนแก่เจ้าหนี้ตามฐานะสภาพของลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้มีโอกาสชำระหนี้ในวงเงินที่ลดลงได้

การเจรจาไกล่เกลี่ยทำให้ลูกหนี้มีโอกาสชำระหนี้ได้ ก็จะทำให้ลดปัญหาการถูกบังคับคดี ลดปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และลดความเดือดร้อนของประชาชน

โดยช่วงที่ผ่านมากรมบังคับคดีได้มีการจัดโครงการไกล่เกลี่ยทั่วไทย ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ถึง 15 มกราคม 2564 ณ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรมบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 1 – 3 , 5 และสำนักงานบังคับคดีจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ รวม 116 แห่ง

โดยผลจากการจัดโครงการฯ ณ วันที่ 13 มกราคม 2564 มีเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย จำนวน 764 เรื่อง ทุนทรัพย์ 398,801,568.67 บาท สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ จำนวน 626 เรื่อง ทุนทรัพย์ 306,477,463.02 บาท คิดเป็นร้อยละ 94.44 ที่เจรจาสำเร็จ และตลอดปี 2563 มีการไกล่เกลี่ยสำเร็จจำนวน 30,623 เรื่อง ทุนทรัพย์ 11,703,154,195.60 บาท

พร้อมกันนี้กรมบังคับคดีขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้สินจากบัตรเครดิต มาใช้บริการไกล่เกลี่ยผ่านสำนักงานของกรมบังคับคดีทั่วประเทศ

รวมทั้งสามารถยื่นคำร้องข้อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทางเว็บไซต์กรมบังคับคดี www.led.go.th เพื่อขอเข้าไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วยตนเองหรือขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Session call

และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 หรือศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หมายเลขโทรศัพท์ 0 2881 4840, 0 2887 5072


ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ

‘104 บาท’ แพงเกิน! 'สุรเชษฐ์' ชี้ต้นตอ รัฐอุดหนุนไม่เพียงพอ เพราะการลงทุนแบบไม่พอเพียง อัด กทม.จับประชาชนเป็นตัวประกัน ปมขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล และส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ความเห็นจากการที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยเมื่อวาน (15 ม.ค. 64) ว่าจะมีการประกาศอัตราค่าโดยสารใหม่เนื่องจากการกำหนดฟรีค่าโดยสารในส่วนต่อขยายกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ม.ค. 64 และได้เผยแพร่ “ประกาศกรุงเทพมหานคร” เรื่อง “การกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว” ลงวันที่ 15 ม.ค. 64

ส่งผลให้ค่าโดยสารใหม่มีผลตั้งแต่ 16 ก.พ. 64 โดย “ไม่มีการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน” และให้จัดเก็บอัตราค่าโดยสาร “ตลอดเส้นทางไม่เกิน 104 บาท” นับว่าข้อเรียกร้องจากประชาชนเป็นผลอยู่บ้าง โดย กทม. ยอมถอย “เปลี่ยนแผน” จากเดิม 158 บาท มาเป็น 104 บาท หรือลดลงมา 54 บาท จากการไม่คิดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนระหว่างส่วนหลักและส่วนต่อขยาย อย่างไรก็ตาม ราคาตลอดเส้นทางดังกล่าวก็ยังแพงเกินไปอยู่ดี

"หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแพง ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงก็คือ รัฐอุดหนุนไม่เพียงพอ เพราะการลงทุนแบบไม่พอเพียง กล่าวคือ พอเอาเงินไปลงทุนเพื่อก่อสร้างเยอะเกินจำเป็นก็เหลือเงินอุดหนุนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ต้องเก็บแพง ๆ จากผู้โดยสาร รัฐบาลก็ทราบดีว่าค่าโดยสารแพง แต่อยากเก็บเงินไว้สร้างหรือผลาญกับโครงการอื่นเพิ่มเติม จึงพยายาม Hot Fix โครงการนี้โดยให้ กทม. เอารายได้จากอนาคตมาโปะคล้ายการกู้เพิ่ม และพยายามขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปี ทั้งที่ยังเหลืออีก 9 ปี ซึ่งเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลหลายประการเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 แต่งตั้งคนของตัวเองไปมุบมิบเจรจา และไม่เป็นไปตาม พรบ. ร่วมทุน"

สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า สภาผู้แทนเคยพิจารณาประเด็นนี้แล้ว และกรรมาธิการเสียงข้างมาก ทั้งจากฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล 'ไม่เห็นด้วยกับการขยายสัมปทาน' แต่ล่าสุด กทม. ยังดึงดันจะขยายสัมปทาน โดยใช้ผลการมุบมิบเจรจาตามมาตรา 44 โดยออกมาขู่ประชาชนว่าหากไม่ขยายก็จะแพงอย่างนี้ หากยอมขยายก็จะลดเหลือ 65 บาทตลอดสาย นี่คือจับประชาชนเป็นตัวประกันชัด ๆ

ประเด็นสำคัญคือหากจะขยายสัมปทานที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทแบบนี้ ต้องเจรจาบนพื้นฐานของกฎหมายปกติและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส นอกจากนั้น การขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปี จะส่งผลให้การแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ กับรถไฟฟ้าสายสีอื่นและระบบรถเมล์ ช้าออกไปอีก 30 ปี

ดังนั้น แม้จะแก้ปัญหาค่าโดยสารแพงในเส้นนี้ได้ เส้นอื่นก็ยังคงมีปัญหาอยู่ การเชื่อมต่อกับสายสีอื่นหรือระบบรถเมล์ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ ทุกวันนี้ แค่ 'ตั๋วร่วม' ง่าย ๆ ยังทำไม่ได้เลย ปัญหา “ค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน” กับสายสีอื่นก็จะยังคงอยู่ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงการ 'ยกเว้นค่าแรกเข้าระหว่างรูปแบบการเดินทาง' เช่น ขึ้นรถเมล์ไปต่อรถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้จุดพีคก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องเป็นคนทุบโต๊ะ คงต้องติดตามกันต่อว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไร

กรมธนารักษ์ เตรียมจัดที่ดิน 600 ไร่ ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ สร้างคอนโด 3,000 ห้อง เป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมทำสัญญามอบที่ราชพัสดุ 600 ไร่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ภายในช่วงเดือนก.พ.นี้ นำไปดำเนินโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

โดบเบื้องต้นอาจเป็นอาคารชุดประมาณ 3,000 ห้อง ราคาเริ่มต้นห้องละ 999,999 บาท โดยให้สิทธิผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปี เข้าจองอยู่ได้ รวมปถึงการใช้สร้างเป็นโรงพยาบาล ศูนย์ฝึกอาชีพ และอาคารสำนักงานของพม. เพื่อรองรับการดูแลภาคประชาสังคม

ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีผู้เช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศ 182,000 ราย แบ่งเป็นผู้เช่าที่ดินราชพัสดุ 160,000 ราย และผู้เช่าอาคารราชพัสดุ 22,000 ราย มีผลการจัดเก็บรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการบริหารจัดการด้านที่ราชพัสดุ ประมาณ 9,000 ล้านบาท

โดยการให้บริการรับชำระค่าเช่าผ่านแอปพลิเคชัน จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าที่ราชพัสดุในยุคปัจจุบันมากขึ้นสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางไปชำระค่าเช่าได้เหมาะสมกับพฤติกรรมเข้าสู่การใช้ชีวิตวิถีใหม่ได้ด้วย

“การมอบที่ราชพัสดุครั้งนี้เพื่อนำไปสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ น่าจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการได้ โครงการนี้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอีกจำนวนมาก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top