Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

“ที่ปรึกษาชวน” ดึงสติ “อนันต์” หลังตื่นตระหนกกลัวโควิด แจง ถามศบค.แล้วประชุมไม่ใช่จัดกิจกรรม ย้อน พปชร.ทำไมไม่เข้าประชุม ยันสภาไม่ล่มจมแน่นอน 

ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร ขอให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งงดการประชุมสภาฯ ในสัปดาห์นี้และเตือนว่าหากยังเดินหน้าประชุมสภาอาจจะล่มได้นั้น ว่า นายชวนยืนยันว่ายังคงมีการประชุมสภาในวันที่ 30 มิ.ย.และ 1 ก.ค. เพราะมีส.ส.จำนวนหนึ่งประสานมาว่าจะมาประชุม ดังนั้นจึงไม่สามารถปิดโอกาสการทำหน้าที่ของส.ส.ได้ แม้จะบอกว่าพรรคพลังประชารัฐปฏิเสธเข้าร่วมประชุม ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกเพราะดูตามระเบียบวาระการประชุมในวันที่ 30 มิ.ย. ล้วนแต่เป็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่เสนอโดยรัฐบาลท้ังสิ้น จำนวน 6 ฉบับและยังเสนอเป็นเรื่องด่วนอีกด้วย แต่ทำไมพรรคพลังประชารัฐจะไม่เข้าร่วมประชุม ซึ่งถึงเวลาในวันพรุ่งนี้ก็คงจะทราบกันว่าองค์ประชุมจะครบหรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าสภาไม่ล่มและไม่ล่มจมแน่นอน ดังนั้นขอให้ใช้สติพิจารณาอย่าตื่นตระหนก เพราะที่ผ่านมาสภาสามารถควบคุมดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 มาโดยตลอด 

นพ.สุกิจ กล่าวต่อว่า นอกจากมาตรการต่างๆ ที่เข้มข้นแล้ว สภายังได้รับการรับรองจากกรมควบคุมโรค และยังได้รับการจัดสรรวัคซีนให้กับส.ส.ที่ได้รับการฉีดมาเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เมื่อส.ส.ฉีดไปแล้วจึงเชื่อว่าเมื่อมาประชุมก็จะมีความเสี่ยงน้อยต่อการติดเชื้อ แต่หากเกรงว่าอยู่ในห้องประชุมจะไม่ปลอดภัย นายชวนเคยแนะนำนายอนันต์ว่าเมื่อลงชื่อแล้วให้ไปรับฟังการประชุมในห้องส่วนตัวที่ทางสภาจัดไว้ให้ก็ได้ เมื่อถึงเวลาค่อยมาลงมติ ส่วนกรณีที่ส.ส.มาประชุมที่กทม.แล้วกลับไปต่างจังหวัดจะต้องถูกกักตัว 14 วันในพื้นที่ตนเองนั้น ข้อกำหนดทุกจังหวัดมีข้อยกเว้นให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วจะไม่โดนกักตัว ดังนั้นไม่ต้องกลัว ถ้ามีใบรับรองฉีดวัคซีนยืนยันเชื่อว่าแต่ละจังหวัดคงมีเหตุผล 

นพ.สุกิจ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่บอกว่าหากมีการจัดประชุมสภาจะถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและข้อกำหนดของศบค.ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.นั้น ทางสภาไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งนี้เป็นการจัดประชุมไม่ใช่การจัดกิจกรรม ถือเป็นหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาสภาเคยทำหนังสือสอบถามศบค.แล้ว และศบค.ก็เห็นชอบมาตรการโควิดของสภา พร้อมกับให้จัดประชุมได้ตลอดสมัยการประชุมนี้ ล่าสุดรองเลขาธิการสภาก็ได้ทำหนังสือสอบถามศบค.อีกครั้งว่าสภาต้องทำหนังสือขออนุญาตอีกหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่ต้องขออนุญาตแล้ว แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มข้น ดังนั้นการประชุมสภาไม่ใช่การฝ่าฝืนกฎหมาย 

“ประธานสภาตระหนักในอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนให้ทำหน้าที่นิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ดังนั้นฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีเหตุผลที่จะหยุดทำงาน” นพ.สุกิจ กล่าว

ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืน-ธุรกิจบันเทิง ร้อง นายกฯ เยียวยาผู้ประกอบการ คนกลางคืน 

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทำเนียบรัฐบาล สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงแห่งประเทศไทย นำโดย นายนนทเดช บูรณะสิทธิพร ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเสนอแนวทางให้รัฐบาลมีมาตรการเยียวยากับผู้มีอาชีพธุรกิจกลางคืน

นายนนทเดช กล่าวว่า การระบาดโควิดระลอก 3 และมีข้อกำหนดให้ปิดสถานบริการ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งไม่ได้มีแค่เจ้าของธุรกิจ แต่ยังมีพนักงานสาขาอาชีพอื่น จึงขอให้นายกฯพิจารณามาตรการเยียวยาเพื่อให้ความเป็นธรรม

โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. เป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม ศบค.เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

บริษัทประกันกุมขมับ! ยอดเคลม ‘ประกันโควิด’ พุ่งไม่หยุด เสี่ยงขาดทุนหนัก

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงต่อเนื่อง ทำให้คนไทยตื่นตัวหันมาทำประกันภัยโควิดเพิ่มแบบก้าวกระโดด ล่าสุดยอดการทำประกันโควิด ทั้งประกันใหม่และประกันต่ออายุในช่วงครึ่งปีแรก มีจำนวนมากถึงกว่า 10 ล้านกรมธรรม์ สูงกว่ายอดประกันตลอดทั้งปีที่แล้ว โดยมียอดเบี้ยประกันเกินกว่า 4,000 ล้านบาท

สำหรับรูปแบบประกันที่นิยมจะคุ้มครองแบบเจอจ่ายจบ หรือจ่ายค่าเคลมทันทีเมื่อพบติดเชื้อ รองลงมาเป็นการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยเมื่อรักษาตัว และคุ้มครองเมื่ออาการโคม่า

ส่วนยอดเคลมหรือจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันโควิด ปีนี้มียอดพุ่งสูงกว่าปีก่อนเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์การระบาดและยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่กระจายทั่วประเทศ และส่งผลให้บริษัทประกันเริ่มขาดทุนจากรับทำประกันโควิด เพราะหากนับเฉพาะเบี้ยที่รับรู้รายได้ช่วง 2-3 เดือนของกรมธรรม์ (เม.ย.-มิ.ย.) มีเบี้ยรับเพียง 800-900 ล้านบาท แต่ยอดขอเคลมจากโควิดกับพุ่งเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้มีอัตราชดเชยค่าสินไหมสูงกว่าเบี้ยรับไปแล้ว

“ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้หรือรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอีก บริษัทประกันก็มีโอกาสขาดทุนมากกว่านี้แน่นอน”

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า บริษัทประกันภัยหลายแห่ง ได้มีการแจ้งหยุดขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิดแล้ว เนื่องจากพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากการรับประกันภัยประเภทดังกล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“อนันต์”เสียงอ่อน เป็นผู้แทนฯไม่สามารถเลี่ยงการประชุมสภาฯได้ กำชับทุกฝ่ายปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมแจงเลื่อนประชุม กมธ.กิจการสภาฯเพื่อทบทวนมาตรการให้รอบคอบ ชี้ไม่ใช่ห่วงแค่ ส.ส.ต้องคิดถึง “รก.-จนท.-ผู้ชี้แจง ด้วย

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 30 มิ.ย.-1 ก.ค. ว่า เท่าที่สอบถาม ส.ส.หลายคนมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิดในพื้นที่ กทม.ที่รุนแรงมากขึ้น พบการติดเชื้อที่รวดเร็วในวงกว้าง มีข้อมูลทางการแพทย์ว่าอาจเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังเชื่อว่ามีผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการและไม่ได้รับการตรวจอีกเป็นจำนวนมาก ในฐานะประธาน กมธ.ฯ ชพยายามประสานงาน และกำชับให้ ส.ส.และผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และเคร่งครัด เพื่อให้การทำงานของสภาฯ ทั้งในส่วนของการประชุมสภาฯ และการประชุมของ กมธ.ดำเนินไปได้โดยไม่ก่อปัญหาหรือสร้างคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นมา ส่วนที่ระบุว่า ส.ส.บางพรรคจะไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯนั้น ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลตามที่ได้พูดคุยสอบถามถึงข้อกังวลเป็นการภายในเท่านั้น
        
“คนเป็นผู้แทนฯ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการประชุมสภาฯ ได้ เพราะเป็นหน้าที่ที่สำคัญในการติดตามและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้การประชุมหรือการดำเนินภารกิจใด ๆ ในสภาฯขณะนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ต้องไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาซ้ำเติม เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นนอกเหนือจากการดูแลตัวเองตามมาตรการทางสาธารณสุขแล้ว ยังต้องกำชับและขอความร่วมมือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดปฏิบัติตามมาตรการของทางรัฐสภาอย่างเคร่งครัดด้วย” นายอนันต์ กล่าว
        
ส่วนกรณีออกคำสั่งเลื่อนประชุม กมธ.กิจการสภาฯออกไปอย่างน้อย 30 วันหรือจนกว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงนั้น นายอนันต์ กล่าวว่า เป็นเพียงการเลื่อนเพื่อพิจารณาตามสถานการณ์ และทบทวนมาตรการทางสาธารณสุขในการคัดกรองผู้เข้าร่วมประชุม โดยต้องตรวจสอบความพร้อมของ กมธ.และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องการตรวจเชื้อ และการรับวัคซีน เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาลต่าง ๆ ซึ่งการทำงานในสภาฯ ไม่เพียงแต่ถามความเห็นของ ส.ส.เท่านั้น เราต้องคำนึงถึงข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ชี้แจงด้วย หากทุกฝ่ายมีความมั่นใจ และเห็นตรงกันว่ามีความพร้อม ยืนยันว่า กมธ.กิจการสภาฯก็จะนัดประชุมทันที

“จุรินทร์” เชื่อไม่มีอุปสรรค์ สามารถเดินหน้าแก้รธน.ได้ ขอทุกฝ่ายอย่าตั้งแง่ว่าเป็นร่างของใคร ชี้ถ้าไม่ร่วมใจกันโอกาสสำเร็จยาก ส่วนส.ว.เตรียมยื่นศาลรธน.ตีความเป็นเรื่องแต่ละบุคคล

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรปคระชาธิปัตย์ อาจมีปัญหา ว่า ได้คุยกับหลายพรรคการเมือง และนักกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของหลายฝ่าย รวมทั้งประสภการณ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ตนจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหา แต่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการเขียนหลักการณ์เป็นการเขียนกว้าง ๆ ว่าต้องแก้เรื่องอะไรด้วยเหตุผลอะไร เมื่อไปสู่วาระที่สอง ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ และสมาชิกรัฐสภาที่ต้องไปปรับปรุงแก้ไขมาตราอื่น ๆ ที่ยังขัดแย้งกับหลักการให้สอดคล้องได้ แม้แต่แก้ตัวเลขมาตราอื่น ๆ ก็แก้ได้ เพราะถ้าผลของการรับหลักการณ์ทำให้ต้องเพิ่มมาตรา มาตราที่เหลือก็ต้องขยับชื่อตัวเลขก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ที่รับหลักการ แม้ระบุไว้แค่ 2-3 มาตรา แต่มาตราไหนที่แก้แล้วขัดแย้งกับมาตราหลักก็สามารถแก้ไขได้ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับ ตนจึงไม่คิดว่าจะมีอุปสรรค์อะไรในการที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และขณะนี้ก็มีผู้เริ่มยื่นเรื่องขอแปรญัตติเข้าไปที่กมธ.แล้ว 

ส่วนกรณีมี ส.ว. เตรียมจะไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญ ร่างที่ 13 ของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สุดแล้วแต่ อันนั้นก็เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคล แต่ละกรณีจะดำเนินการไป แต่สำหรับตน และพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าร่างที่รับหลักการไปสามารถเดินหน้าไปได้ตามขั้นตอนกระบวนการปกติ ตามข้อบังคับของรัฐสภาได้ และความจริงก็อยากให้ช่วยกันที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ 

“อะไรที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ควรไปตั้งแง่ ว่าเป็นร่างของพรรคไหน เป็นร่างของใคร อย่างไร เพราะสุดท้ายมันก็คือความร่วมมือร่วมใจของ ทั้ง ส.ส. รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน และส.ว.ถ้าสามฝ่ายไม่ร่วมใจกัน โอกาสจะประสบความสำเร็จ มันก็ยาก และผมก็เชื่อว่าทุกฝ่ายก็อยากเห็นประเทศเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปได้ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือการที่จะเดินหน้าไปสู่วิถีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังเดินอยู่ ขั้นตอนกระบวนการของการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top