Monday, 20 May 2024
WORLD

หนุ่มจีนเซ็ง!! ตั้งใจช่วยชีวิตเด็ก แต่กลับโดนทัวร์รุมจวกยับ หลังชาวเน็ตโฟกัสเรื่องอื่นมากกว่า 'การช่วยชีวิต'

ภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน เซี่ยงไฮ้ ที่จับภาพวินาทีชีวิต เด็กหญิงคนหนึ่งโหนเกาะอยู่กับราวบันไดเลื่อน ขณะที่ลำตัวตัวห้อยอยู่ด้านนอก จนคนที่เห็นก็รู้ว่า เด็กอาจจะร่วงลงสู่ด้านล่างได้ตลอดเวลา

ขณะที่เด็กผู้ชายอีกคนที่อยู่บนบันไดเลื่อน น่าจะเป็นครอบครัวของเด็กหญิง รีบวิ่งไปตะโกนเรียกให้คนมาช่วยเด็ก และแล้วก็ได้มีชายสองคน วิ่งเข้ามาช่วยดึงร่างเด็กหญิงขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย

เรื่องราวดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ของประเทศจีนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงชื่นชมพลเมืองดีชายสองคนที่ช่วยชีวิตเด็กหญิงไว้ได้ทันท่วงที 

>> แต่ก็ไม่พ้นที่จะต้องมีอีกด้านที่แสดงความคิดเห็นจวกยับ จับผิดการกระทำ !!

โดยคนกลุ่มนี้ไปจับจ้องว่า ตอนที่ดึงร่างของเด็กขึ้นมา ชายพลเมืองดีใช้มือจับตรงบั้นท้ายและอาจจะถูกที่ลับของเด็กหญิง จนมีคนกล่าวหาว่าเขาเจตนาจะล่วงเกินเด็กหรือไม่ และกล่าวอีกด้วยว่านี่ไม่เหมาะสมอย่างมากต่อการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายของตัวเด็กหญิงแบบนี้

‘ปูติน’ ออกกฎหมายลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี สำหรับทหารที่ ‘จงใจยอมแพ้’ ในสงครามยูเครน

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียลงนามบังคับใช้กฎหมายอาญาซึ่งกำหนดบทลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี สำหรับทหารรัสเซียที่ 'จงใจยอมแพ้' ให้แก่ฝ่ายศัตรู ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในสงครามยูเครน

มาตรการดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นหลังจากที่ ปูติน ประกาศเรียกระดมพลบางส่วน (partial mobilization) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเกณฑ์ชายฉกรรจ์เข้าทำสงครามที่ยืดเยื้อมานาน 7 เดือน และไม่เป็นไปตาม 'สคริปต์' ที่มอสโกวางไว้

สำนักข่าว TASS ของรัสเซียอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352.1 ซึ่งระบุว่า บรรดาทหารเกณฑ์เหล่านี้จะได้รับโทษจำคุกระหว่าง 3-10 ปี หากมีเจตนายอมแพ้ แต่หากเป็นผู้กระทำความผิดครั้งแรก และสามารถหลบหนีกลับมายังกรมกองได้โดยไม่ได้กระทำความผิดอื่นๆ ในระหว่างที่ตกเป็นเชลย ก็จะถือเป็นข้อยกเว้น

“นี่คือแผนการเล่นคลาสสิกของ ปูติน” รีเบกาห์ คอฟเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองกลาโหมของสหรัฐฯ (DIA) ซึ่งเป็นผู้แต่งหนังสือ ‘Putin’s Playbook: Russia’s Secret Plan to Defeat America’ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ดิจิทัล

“มันคือการตัดสินใจอันยากลำบากที่ชายชาวรัสเซียต้องเผชิญในวันนี้ คือเลือกว่าจะตายในสนามรบ หรือไม่ก็เน่าอยู่ในคุก”

'สตม.เซจู' ชี้!! นทท.ไทย หายตัวไปกว่า 76 รายจาก 437 ราย เกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวไทยกันแน่?

จากเพจเฟซบุ๊ก 'ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเชจู ระหว่างวันที่ 2-9 ส.ค. มีรายงานว่า ชาวไทย 76 คนจาก 437 คนที่เดินทางเข้าประเทศ โดยเที่ยวบินจากกรุงเทพ สายการบินเจจูแอร์ ได้หายตัวไป

ทำให้ตอนนี้ หลังจากมีนักท่องเที่ยวไทย 1,164 คนต้องการเข้าประเทศ ทางเกาหลีใต้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ให้เข้าไปแล้วสูงถึง 727 คน หลังมีการหายตัวของนักท่องเที่ยวไทยมาก

จากการสำรวจของรัฐบาลเกาหลีใต้พบว่า คนไทยส่วนใหญ่เข้ามาในประเทศไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว แต่เพื่อมาหางานทำ ในไทยมีนายหน้าหลายคนที่ใช้สื่อโซเชียล ไปพาคนมาทำงานในเกาหลีใต้ และอยู่อย่างผิดกฎหมาย ด้วยความช่วยเหลือของบริษัทเหล่านี้ 

โดยปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว และหนีออกจากกรุ๊ปทัวร์ กลายเป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย และเกาะเชจูได้กลายเป็นประตูเข้าประเทศของ "นักท่องเที่ยวปลอม" ใช้เป็น "ช่องโหว่" เดียว ที่อนุญาตให้นักเดินทางจากประเทศไทยอยู่ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 90 วัน 

'จีน' อวดโฉม 'รถไฟแมกเลฟ' สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 600 กม./ชม.

เมื่อ (24 ก.ย. 65) ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ว่า 'ซีอาร์อาร์ซี' ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถไฟชั้นนำของจีน เปิดตัวรถไฟพลังงานแม่เหล็กความเร็วสูง หรือแมกเลฟ ที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ณ งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมรถไฟ 'อินโนทรานส์' (InnoTrans) ที่กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี

ข้อมูลจากซีอาร์อาร์ซีระบุว่า รถไฟดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล่าสุดในด้านการขนส่งทางราง ซึ่งพัฒนาทุกขั้นตอนโดยจีน ทั้งนี้ ต้นแบบของรถไฟรุ่นนี้ประสบความสำเร็จในการวิ่งทดสอบในจีน เมื่อเดือน มิ.ย. 2563 

ทั้งนี้ นายหลิว เทียนถง ตัวแทนวิศวกรจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ต้าเหลียน จำกัด กล่าวว่า ซีอาร์อาร์ซีเข้าร่วมงานอินโนทรานส์ เพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์อัจฉริยะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังนำเสนอโซลูชันแบบครอบคลุมแก่ลูกค้า ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์


ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/1504622/ 

'CEO ไฟเซอร์' ติดเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 หลังฉีดวัคซีน Pfizer-BioNtech แล้ว 4 เข็ม

นายอัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า เขาติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในขณะที่นายบัวร์ลา ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของ Pfizer-BioNtech มาแล้ว 4 เข็ม 

"ผมรู้สึกสบายดี และไม่มีอาการป่วย" นายบัวร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ (24 ก.ย. 65) ถึงอาการป่วยของเขาเองที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นครั้งที่ 2 

นายบัวร์ลา แจ้งด้วยว่า เขายังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิดไบวาเลนต์ ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อหวังสู้กับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.5 และ BA.4 ซึ่งขณะนี้เป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐฯ โดยครองสัดส่วนอยู่ที่ 84.8% และ 1.8%

'ปูติน' ให้สัญชาติรัสเซีย 'เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน' ผู้เปิดโปงปฏิบัติการสอดแนมลับของสหรัฐฯ

ในวันจันทร์ (26 ก.ย. 65) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อนุมัติสถานะพลมืองรัสเซียให้แก่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างด้านข่าวกรองของอเมริกา 9 ปี หลังจากเขาออกมาแฉปฏิบัติการสอดแนมลับอันกว้างขวางและอื้อฉาวของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ)

สโนว์เดน วัย 39 ปี หลบหนีออกจากสหรัฐฯ และได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในรัสเซีย หลังปล่อยเอกสารลับรั่วไหลในปี 2013 ที่เผยให้เห็นถึงปฏิบัติการสอดแนมอย่างกว้างขวางทั้งภายในและต่างประเทศ ที่ดำเนินการโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ต้นสังกัดของเขา

เจ้าหน้าที่อเมริกาพยายามมานานหลายปีในการล่าตัวเขากลับมายังสหรัฐฯ เพื่อเผชิญการพิจารณาคดีทางอาญา ตามข้อกล่าวหาจารกรรม

ในกฤษฎีกาฉบับหนึ่งที่ลงนามโดย ปูติน ได้มอบสิทธิความเป็นพลเมืองแก่บุคคลที่เกิดในต่างประเทศ 72 ราย ในนั้นปรากฏชื่อของ สโนว์เดน ด้วย แต่วังเครมลินไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว

ต่อมา สโนว์เดน เผยแพร่ถ้อยแถลงหนึ่ง บอกว่าเขาต้องการเห็นครอบครัวของเขายังอยู่ด้วยกัน และร้องขอความเป็นส่วนตัว "หลังจากหลายปีที่ครอบครัวเราต้องแยกจากกัน ภรรยาของผมและผมไม่ปรารถนาแยกจากลูกๆ ของเราอีก" ข้อความเป็นทวิตเตอร์ระบุ

สโนว์เดน ทวีตต่อว่า "หลังจากรอมา 2 ปีและเกือบ 10 ปีที่ลี้ภัยในต่างแดน ความมั่นคงเพียงน้อยนิดจะช่วยสร้างความต่างแก่ครอบครัวผม ผมภาวนาขอความเป็นส่วนตัวแก่พวกเขา และสำหรับเราทุกคน"

ในข้อความที่ทวีตล่าสุดนี้ ไม่ได้พาดถิงถึงกฤษฎีกาของผู้นำรัสเซีย แต่เขาแนบเธรดทวิตเตอร์หนึ่งเมื่อปี 2020 ซึ่ง สโนว์เดน เคยกล่าวไว้ว่าเขาและครอบครัวกำลังร้องขอสิทธิความเป็นพลเมือง 2 สัญชาติ สหรัฐฯ กับรัสเซีย

ชาวรัสเซียบางส่วนมีอารมณ์ขันกับข่าวนี้ โดยบางคนเล่นมุกถามเล่นๆ ว่า สโนว์เดน จะถูกเรียกรับราชการทหารเป็นทหารกองหนุนหรือไม่ หลังจากเมื่อ 5 วันก่อน ปูติน เพิ่งแถลงระดมทหารกองหนุนของประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเสริมปฏิบัติการรุกรานยูเครน

"แล้วสโนว์เดนจะถูกเกณฑ์ทหารไหม?" มารการิตา ซิมอนยา บรรณาธิการของสำนักข่าวอาร์ที สื่อมวลชนแห่งรัสเซียและผู้สนับสนุนตัวยงของปูติน เขียนติดตลกบนช่องเทเลแกรมของเธอ

โรงเรียนประถมจีนสร้างสนามกีฬาลอยฟ้า ช่วยประหยัดที่ดินได้ถึงร้อยละ 54

'China Xinhua News' เผยแพร่ภาพโรงเรียนประถมในมณฑลซานตง ประเทศจีน ที่มีการสร้าง ‘สนามกีฬาลอยฟ้า’ เหนืออาคารเรียน และลานจอดรถอยู่ที่ชั้นใต้ดิน

โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า โรงเรียนประถมหมายเลข 6 ในอำเภอฉีเหอ เมืองเต๋อโจว มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน ได้ก่อสร้างอาคารแบบบูรณาการ 3 ส่วน อันได้แก่ ลานจอดรถชั้นใต้ดิน อาคารเรียนตรงกลาง และสนามกีฬาชั้นบนสุด ซึ่งช่วยประหยัดที่ดินได้ถึงร้อยละ 54 

ทั้งนี้หลังมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าว มีข้อความชื่นชมจากชาวไทยมากมาย อาทิ…

การที่จีนประกาศรายชื่อสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวม 2,296 คน ที่ได้รับเลือกเป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 สะท้อนสถานการณ์ในจีนตอนนี้ เป็นไปโดยปกติ

รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความคลุมเครือในประเทศจีนช่วง 1-2 วันมานี้ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Aksornsri Phanishsarn' ระบุเนื้อหา ดังนี้...

จากกระแสลือสนั่นในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการรัฐประหารเงียบในจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้ม 'สี จิ้นผิง' ผู้นำสูงสุดของจีน ก่อนการประชุมใหญ่ของสภาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม 65 ที่จะมีการลงมติรับรอง สี จิ้นผิง เป็นผู้นำจีนต่อ

แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนในระบบการเมืองหลังม่านไม้ไผ่อันแน่นหนาของจีนก็คือ...

'คลื่นใต้น้ำ' ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น มีอยู่จริง!!

ในขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศกำลังจับตามองสถานการณ์อันคลุมเครือในจีน และเฝ้ารอการปรากฏตัวออกสื่อของ สี จิ้นผิง ว่ายังปกติดีหรือไม่นั้น...ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยเชื่อมโยงข่าวลือดังกล่าวนี้กับ 2 คดีใหญ่ที่ศาลสูงจีนเพิ่งตัดสินไปเมื่อ 2 วันก่อนจะเกิดข่าวลือรัฐประหารในจีน

>> คดีนั้น ก็คือการตัดสินโทษประหารชีวิต 2 นักการเมืองที่เคยดำรงตำแหน่งสูงระดับรัฐมนตรี แถมเคยได้ชื่อว่าเป็น 'ดาวรุ่งของพรรคคอมมิวนิสต์' และมีแววพอที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีน

2 นักการเมืองปีกหักนั้นก็คือ 'ซุน ลี่จุน' และ 'ฝู เจิ้งหัว'

ซุน ลี่จุน เป็นอดีตรองรัฐมนตรีด้านความมั่นคงสาธารณะ และเป็นสมาชิกระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่เคยสร้างผลงานไว้มากมาย อีกทั้งยังเคยนำทีมควบคุมโรคลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่นตอนที่เกิดการระบาด Covid-19 ใหม่ๆ ด้วย 

แต่ไปๆ มาๆ เมื่อเดือนเมษายน 2020 ซุน ลี่จุน ถูกทางการจีนจับกุมตัวด้วยข้อหา คอร์รัปชัน รับสินบนกว่า 646 ล้านหยวน (ประมาณ 3.4 พันล้านบาท) ตลอดระยะเวลาที่เขาเล่นการเมืองตั้งแต่ 2001-2020 อีกทั้งยังถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปชักใยในตลาดหุ้นจีน เพื่อหาผลประโยชน์นับร้อยล้านหยวน และครอบครองปืนอย่างผิดกฏหมายอีก 2 กระบอก 

>> แต่ข้อหาที่ดูจะหนักสุดจริงๆ คือ มีหลักฐานว่า ซุน ลี่จุน สมคบคิดกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในการซ่องสุมอำนาจเพื่อเป็นใหญ่ในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งกลุ่มการเมืองนี้มีชื่อว่า 'แก๊งเซี่ยงไฮ้'

อย่าหลงเชื่อวาทกรรมรบ.ไทยซูเอี๋ยมินอ่องหล่าย แนะศึกษาก่อนโจมตี ปมนางงามโดนถอนพาสปอร์ต

เป็นข่าวดังมากในชั่วข้ามคืนกับเหตุการณ์ที่ ฮันเล มิสแกรนด์เมียนมาถูกยกเลิกพาสปอร์ต  ซึ่งเจ้าตัวกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เดินทางกลับเข้าไทย โดยทางการไทยปฏิเสธการให้เข้าเมืองเนื่องจากพาสปอร์ตถูกยกเลิก โดยเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปก็มีสื่อหลายกระแสและประชาชนจำนวนไม่น้อยที่พุ่งเป้ามายังรัฐบาลไทยว่ามีส่วนรู้เห็นจนเป็นที่มาของการถูกถอนพาสปอร์ตดังกล่าว หยาบคายไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นลิ่วล้อมิน อ่อง หล่าย จากประเด็นนี้ วันนี้เอย่าจะมาวิเคราะห์แต่ละข้อแต่ละจุดว่ารัฐบาลไทยไปเกี่ยวข้องอะไรไหมให้เข้าใจกัน

1. ประเด็นการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าพาสปอร์ตเปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกโดยประเทศต้นกำเนิดของเจ้าตัว ดังนั้นการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้นเปรียบเสมือนการถอนสัญชาติกลายๆ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งต่างจากการเพิกถอนวีซ่า เพราะวีซ่าเสมือนตั๋วที่เป็นใบผ่านให้เข้ามาอยู่ในประเทศปลายทางได้ ดังนั้นในกรณีนี้สมมุติว่าประเทศไทยมีเอี่ยวกับเหตุการณ์นี้จะต้องทำการเพิกถอนวีซ่าไม่ใช่พาสปอร์ต 

2. การที่ไทยปฏิเสธเป็นไปตามมาตรา 12 ในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ในข้อ 11 ที่ว่า “ถูกรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลต่างประเทศเนรเทศ หรือถูกเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัยในราชอาณาจักรหรือในต่างประเทศมาแล้ว หรือถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร โดยรัฐบาลไทยเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เว้นแต่รัฐมนตรีได้พิจารณายกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย” จากข้อนี้ค่อนข้างจะชัดเจนว่าเมื่อทางเมียนมาเพิกถอนพาสปอร์ตก็เปรียบเสมือนการเนรเทศหรือเพิกถอนสิทธิ์การอยู่อาศัยในประเทศต้นกำเนิดดังนั้นพนักงานเจ้าหน้าไม่จึงไม่สามารถให้เข้าประเทศได้ ซึ่งรายนี้ถือว่าได้สิทธิพิเศษในการติดต่อกับ UNHCR เพื่อให้พักพิงชั่วคราวก่อนลี้ภัยต่อไปประเทศที่ 3 โดยการที่ไทยเลือกที่จะไม่ผลักดันออกนอกประเทศทันทีนั้นก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าไทยได้แสดงออกถึงมนุษยธรรมและไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับทางการเมียนมา เพราะถ้าทางรัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์พิเศษ ทางไทยสามารถเลือกจับนางงามเมียนมาส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางเมียนมาก็ได้

‘เซเลนสกี’ ยุชาวรัสเซียรีบหนีออกนอกปท.หากยังอยากมีชีวิต หลัง ‘ปูติน’ เรียกระดมพลเพิ่ม

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย. 65) เรียกร้องชาวรัสเซียต่อต้านการเรียกระดมกำลังสำรองบางส่วนโดยประธานาธิบดีวลาดมีร์ ปูติน หลังมันโหมกระพือการประท้วงและกระตุ้นให้มีการไหลบ่าเดินทางออกนอกประเทศ

"มีทหารรัสเซียตายแล้ว 55,000 นายในช่วงเวลา 6 เดือนของสงคราม" เซเลนสกีกล่าวปราศรัยประจำวัน "ต้องการมากกว่านี้หรือ? ไม่เลย พวกเขาประท้วง ต่อสู้กลับ หลบหนี หรือไม่ก็ยอมจำนนต่อทหารยูเครน"

"พวกคุณคือผู้ร่วมกระทำผิดในอาชญากรรมทั้งหมดเหล่านี้ ร่วมกระทำผิดในการฆาตกรรมและทรมานชาวยูเครน เพราะว่าพวกคุณปิดปากเงียบ เพราะว่าคุณปิดปากเงียบ" เซเลนสกีระบุ "และตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเลือก สำหรับพวกผู้ชายในรัสเซีย นี่คือการเลือกระหว่างความตายกับการมีชีวิต การกลายเป็นคนพิการหรือมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง"

ญี่ปุ่น เข้าแทรกแซงค่าเงินเยนแล้ว ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าอย่างฉับพลัน

ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา (FX) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 เพื่อแก้ปัญหาเงินเยนร่วงหนัก หลังถูกกดดันจากกรณีที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ สวนทางกับการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐขยับกว้างมากยิ่งขึ้น

นายมาซาโตะ คันดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการต่างประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (22 ก.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าลงเพียงฝั่งเดียวแบบฉับพลัน โดยการเข้าแทรกแซงครั้งล่าสุดนี้ทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น 1.1% แตะที่ 142.48 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากที่เงินเยนอ่อนค่าลงหลุดระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 เนื่องจาก BOJ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษในวันนี้ หลังจากที่เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.)

ทางการญี่ปุ่นได้ยกระดับการเข้าแทรกแซงโดยวาจาตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้าการเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพียงไม่กี่ชั่วโมง นายคันดะเพิ่งออกมากล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมที่จะเข้าดำเนินการแทรกแซงได้ตลอดเวลา และอาจทำการแทรกแซงแบบไม่แสดงตัว โดยก่อนหน้านี้ BOJ ได้ทำการตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด FX ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเตรียมการก่อนเข้าแทรกแซงโดยตรง

เฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ตามคาด ขึ้นครั้งที่ 3 ในรอบปี หวังกดเงินเฟ้อให้ลงตามเป้า

เฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี หวังกดเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้า

(22 ก.ย. 2565) สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% อยู่ที่ 3.00-3.25% โดยปรับไปตามคาดการณ์ของตลาด

ทั้งนี้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

พร้อมกันนี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% ในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยคาดการณ์ใหม่ของเฟด จะทำให้ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 4.25%-4.50% และสิ้นปีหน้า อยู่ที่4.50%-4.75%

พี่มาร์ก รั้งอันดับ 20 ในบรรดามหาเศรษฐีโลก หลังทุ่มงบพัฒนา Meta จนเงินหายไปมหาศาล

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของแพลตฟอร์ม Meta หรือ Facebook ที่ทุกคนคุ้นเคย ได้ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลก สาเหตุหลักมาเพราะการลงทุนในการสร้างโลกเมตาเวิร์สไปด้วยเม็ดเงินกว่า 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายหลังการแข่งขันทางเทคโนโลยี รวมถึงแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ต้องพัฒนาออกมาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และดึงดูดผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กระโดดเข้ามาทุ่มทุนเพื่อสร้างโลกเมตาเวิร์สอย่างเต็มที่แบบมอบทั้งเวลาและเงินลงทุน

แต่กลับกันการลงทุนครั้งใหญ่นี้ ได้ทำให้ มาร์ก ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลกแบบน่าตกใจ โดยทรัพย์สินของเขาได้ลดลงถึง 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยตอนนี้ทรัพย์สินของเขาเหลือมูลค่าสุทธิ 55.9 พันล้านดอลลาร์ หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 20 จากทำเนียบมหาเศรษฐีระดับโลก ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2014 

เมื่อไม่ถึง 2 ปีที่แล้ว ซักเคอร์เบิร์ก วัย 38 ปี มีมูลค่าทรัพย์สิน 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในลำดับต้นๆ มหาเศรษฐีระดับโลก แถมความร่ำรวยของเขายังเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 142 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน 2564 

รัสเซียเคาะวันประชามติ ผนวกรวม 4 แคว้นยูเครน ด้านเซเลนสกี้ หยัน!! ปูตินรีบเพราะเห็นเค้าลางแพ้

สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ ที่เคยประกาศแยกตัวออกจากยูเครน ประกาศเดินหน้าทำประชามติเพื่อรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้ว โดยกำหนดไว้ในวันที่ 23-27 กันยายน 2565 ที่จะถึงนี้ 

ในขณะเดียวกัน เมืองเคอร์ชอน และ ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกองทัพรัสเซีย ก็เตรียมทำประชามติ เพื่อไปรวมกับรัสเซียในวันเดียวกันกับทางแคว้นโดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ ด้วยเช่นกัน 

วลาดิมีร์ ซาลโด ผู้ว่าการเมืองเคอร์ชอน ที่ทางรัฐบาล มอสโควเป็นผู้แต่งตั้ง ได้ออกมาประกาศผ่านคลิปวิดีโอว่า “เราได้เตรียมแผนการที่จะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกครั้ง และเราจะไม่ถอยหลังอีกแล้ว”

ทางด้านรัสเซีย ดมิตี้ เมดเวเดฟ อดีตผู้นำรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฝ่ายความมั่นคง เคยให้ความเห็นมาก่อนหน้านี้แล้วว่า การจัดทำประชามติ ในเขตโดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ เป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยให้รัสเซียส่งกำลังพลไปลงในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ 

ส่วน เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียก็ออกมาสนับสนุนแผนการทำประชามติอย่างเต็มที่ โดยบอกว่า ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ควรให้ประชาชนได้มีส่วนตัดสินใจอนาคตของพวกเขา 

แต่ในทางตรงกันข้าม ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของทางยูเครนได้ออกมาประณามแผนการทำประชามติในพื้นที่ 4 เขตยึดครองของกองทัพรัสเซียอย่างรุนแรงว่าเป็นการทำประชามติที่น่าละอาย และไม่ได้ทำให้สถานการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงเลย

การเร่งเดินหน้าแผนการทำประชามติเกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพยูเครน สามารถตีโต้กองทัพรัสเซีย และยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดของเมืองคาร์คีฟมาได้ และเริ่มเดินหน้ารุกคืบพื้นที่ในแคว้นลูฮันสก์ ซึ่ง โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ได้ออกมาประกาศว่ายูเครนพร้อมแล้วที่จะตีพื้นที่ในดองบาสคืนกลับมาทั้งหมด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top