Monday, 9 June 2025
WORLD

‘Tesla’ เตรียมเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ 6,700 คน เซ่นยอดขายสะดุดจากพิษสมรภูมิตลาด EV เดือด

‘Tesla’ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ภายใต้การนำของ ‘อีลอน มัสก์’ ประกาศปลดพนักงานระลอกใหม่อีกครั้งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป ที่คราวนี้มีสัดส่วนพนักงานฝ่ายบริการด้านซอฟต์แวร์ และ ฝ่ายพัฒนาวิศวกรรม รวมอยู่ด้วย 

แถลงการณ์ปลดพนักงานจาก Tesla เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้บริหารสูงสุดอย่าง ‘อีลอน มัสก์’ ประกาศว่าจะยุบแผนกเทคโนโลยีการชาร์จประจุไฟฟ้า และจะลดจำนวนพนักงานในโรงงานทั่วโลกลงมากกว่า 10% 

และเมื่อวานนี้ (6 พ.ค. 67) พนักงานที่ต้องโดน Layoff รอบล่าสุดนี้ก็ได้อีเมลยืนยันจากทางบริษัทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการเปิดเผยผ่านสื่อว่า แค่เฉพาะโรงงานโซนอเมริกา ในรัฐเท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, เนวาดา, และนิวยอร์ก ก็มีพนักงานที่จะถูกเลิกจ้างมากถึง 6,700 คนแล้ว

นับเป็นการลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่อีกครั้งของ Tesla อันเป็นผลพวงมาจากความกดดันเรื่องยอดขายที่ลดลงอย่างมาก ในสมรภูมิตลาดรถยนต์ EV ที่นักการตลาดต่างให้คำจำกัดความว่าเป็นการต่อสู้ในระดับ ‘นองเลือด’ จากคู่แข่งมาแรงอย่างค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ส่งรถยนต์รุ่นใหม่เข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้ตลาดรถยนต์ EV กลายเป็นสงครามราคาที่ห้ำหั่นกันดุเดือด

อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์ลง รวมถึงแผนการใหม่ของอีลอน มัสก์ ที่จะเน้นเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์การขับขี่อัตโนมัติ, โรโบแท็กซี่ และ หุ่นยนต์มนุษย์ Optimus ก็เป็นปัจจัยที่ Telsa จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายในบางทีม เพื่อเก็บทุนไว้พัฒนาโปรเจกต์ใหม่ ๆเหล่านี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ของ Tesla สะท้อนถึงสถานการณ์ตลาดรถยนต์ EV ที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด Xiaomi บริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ของจีนก็กระโดดเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้แล้วเช่นกัน 

ล่าสุด ในงานแสดงยานยนต์นานาชาติ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ถือเป็นหนึ่งในงานแสดงรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนงานจัดแสดงรถยนต์ EV แสดงให้เห็นถึงความต้องการในตลาดยังโตขึ้นได้เรื่อย ๆ

ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ EV รุ่นใหม่ในงานมากถึง 278 คัน ที่ต่างแข่งขันกันอย่างเอาเป็น เอาตาย ทั้งในด้านเทคโนโลยีสุดล้ำ โปรโมชัน ลด แลก แจก แถม และกลยุทธการตัดขาคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง Xiaomi จนผู้บริหารบริษัทสมาร์ตโฟนชื่อดังออกมายอมรับว่า ค่ายรถคู่แข่งพยายามทำทุกอย่างเพื่อสกัดยอดจองของ Xiaomi ในงานนี้

หากตลาดรถยนต์ EV มีการแข่งขันเรื่องราคาเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ย่อมส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากอัปเกรดเทคโนโลยีให้ล้ำหน้ากว่าใคร ซึ่งย่อมหมายถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และต้องยอมกลืนเลือด ลดราคา อัดโปรโมชัน ยอมขาดทุนเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ 200 รายในจีนตอนนี้ น่าจะเหลือรอดเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว หลังจากที่อุตสาหกรรมนี้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว 

เหลย จุน ประธานบริษัท Xiaomi เคยให้สัมภาษณ์กับ CCTV ของจีน เมื่อ 28 เมษายนที่ผ่านมาว่า ในตลาดรถยนต์ EV ตอนนี้ นอกจาก Tesla แล้ว ทุกคนกำลังสูญเงินมหาศาลในตลาดนี้  

แต่ถึงแม้ผู้ผลิตรถยนต์ EV ของจีนยังยอมรับในความเป็นเจ้าตลาดโลกของ Tesla แต่เมื่อเข้าสู่ยุคสงคราม นักรบย่อมมีบาดแผล ไม่ไว้เว้นแม้แต่ Tesla ที่เริ่มออกอาการไม่ดีกับยอดขายรถยนต์ EV ของตัวเอง จนต้องลดจำนวนพนักงานเพื่อความอยู่รอด แถมสมรภูมินี้มีแนวโน้มว่ายังต้องรบกันอีกยาวไกล ซึ่งสุดท้ายจะเหลือผู้ผลิตกี่ค่าย ที่รอดตายจนถึงสนามรบสุดท้าย ก็ต้องมาดูกัน 

‘กัมพูชา’ ลั่น!! หวังจับมือ ‘หัวเว่ย’ บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน เพื่อกระตุ้นโครงการด้าน ‘การท่องเที่ยวดิจิทัล’ ในประเทศ

เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สก โสเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เผยความคาดหวังว่ากัมพูชาจะได้ดำเนินความร่วมมือกับหัวเว่ย เทคโนโลยี (Huawei Technologies) ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน เพื่อส่งเสริมโครงการริเริ่มด้านการท่องเที่ยวดิจิทัลของกัมพูชา

โสเกนพบปะกับเถากวงเย่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย เทคโนโลยี (กัมพูชา) จำกัด และกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของเขาในการเสริมสร้างการทำงานระหว่างกระทรวงฯ กับหัวเว่ย โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาโครงการริเริ่มการท่องเที่ยวดิจิทัล

การท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 4 ภาคส่วนสำคัญที่สนับสนุนเศรษฐกิจของกัมพูชา โดยรายงานล่าสุดจากกระทรวงฯ เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.58 ล้านคนในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 จาก 1.29 ล้านคนในช่วงเดียวกันของปี 2023

ทั้งนี้ กัมพูชามีแหล่งมรดกโลก 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานโบราณคดีอังกอร์ หรือนครวัดในจังหวัดเสียมราฐ กลุ่มปราสาทสมบูรณ์ไพรคุก ในจังหวัดกำปงธม รวมทั้งปราสาทพระวิหารและโบราณสถานเกาะแกร์ ในจังหวัดพระวิหาร และมีแนวชายหาดยาวราว 450 กิโลเมตร พาดผ่าน 4 จังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ ได้แก่ สีหนุวิลล์ กัมปอต แกบ และเกาะกง

‘แอฟริกาใต้’ ตึกก่อสร้างถล่ม ทำคนงานดับแล้ว 4 ศพ ซ้ำ!! ติดใต้ซากกว่า 50 ชีวิต จนท.เร่งดำเนินการช่วยเหลือ

(7 พ.ค. 67) เอเอฟพีรายงานว่า ทีมกู้ภัยยังค้นหาผู้รอดชีวิตในเหตุอาคาร 5 ชั้นที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่มลงมาทำให้คนงานเสียชีวิต 4 ราย และอีก 51 คนยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังที่เมืองจอร์จ ห่างจากเมืองเคปทาวน์ไปทางตะวันออกราว 450 กิโลเมตรในประเทศแอฟริกาใต้

โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 6 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะคนงานก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ 75 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือขึ้นมาได้ 24 คน ในจำนวนนี้มีบาดเจ็บสาหัสด้วย ทีมกู้ภัย 3 ทีมกำลังเร่งช่วยคนติดใต้ซาก โดยกระจายงานกันใน 3 พื้นที่ภายในไซต์ก่อสร้างอาคาร 5 ชั้นรวมถึงโรงจอดรถชั้นใต้ดินถล่มลงมา แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ

นายมาริโอ เฟอร์เรรา โฆษกมูลนิธิ Gift of the Givers ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือในการกู้ภัยระบุว่า ทีมกู้ภัยสามารถติดต่อกับคนที่อยู่ใต้ซากจำนวนหนึ่งได้แล้ว

ภาพไซต์ก่อสร้างพังราบเป็นหน้ากลอง หลังคาที่พังลงมากองอยู่บนสุดของซากหักพัง ทีมกู้ภัยทำงานทั้งคืนโดยฉายแสงไฟสว่างจ้าสาดไปทั่วไซต์ก่อสร้างที่กันไม่ให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามา อีกทั้งทีมงานใช้เครื่องขุดและสุนัขดมกลิ่นในการกู้ภัยด้วย

“ฉันเห็นชายคนหนึ่งกำลังทำงาน และจากนั้น ‘บูม’ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฉันเห็นทั้งตึกพังถล่มลงมา…จิตใจฉันชอกช้ำด้วย” น.ส.เทเรซา เจอี สมาชิกสภาท้องถิ่นกล่าว

'นายกฯ ฝรั่งเศส' ทัก "หนีห่าว" ต้อนรับ 'สีจิ้นผิง' พร้อมพิธีอันสมเกียรติ สะท้อน!! การทูตที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับการมาเยือนนี้

(6 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัว รายงาน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เดินทางถึงกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.67) เพื่อการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ โดยมีแกเบรียล อัททาล นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานปารีส ออร์คลีย์ พร้อมกล่าวคำทักทายเป็นภาษาจีนว่า "หนีห่าว" หรือ "สวัสดี"

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานฯ ได้ติดธงชาติจีนและธงชาติฝรั่งเศสที่โบกสะบัดตามสายลม พร้อมปูพรมแดงต้อนรับผู้นำจีน โดยมีคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลฝรั่งเศสเฉกเช่นอัททาลยืนรอต้อนรับการมาถึงของสีจิ้นผิง ซึ่งพิธีการทูตนี้สะท้อนว่าฝ่ายฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับการมาเยือนครั้งนี้อย่างยิ่งยวด

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 3 และการเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี ของสีจิ้นผิง ขณะความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ฝรั่งเศส จะครบรอบ 60 ปี ในปีนี้

รายงานระบุว่าสีจิ้นผิง พร้อมด้วยเผิงลี่หยวน ผู้เป็นภริยา ก้าวออกจากห้องโดยสารของเครื่องบินและโบกมือให้กับฝูงชนที่มารอต้อนรับ ด้านอัลทาลก้าวเข้าหาสีจิ้นผิงที่เดินลงมาจากบันไดเทียบเครื่องบิน และกล่าวทักทายผู้นำจีนว่า "หนีห่าว" โดยทั้งสองฝ่ายได้เดินเคียงและพูดคุยขณะอัททาลนำพาผู้นำจีนขึ้นรถลีมูซีน

อัลทาลเผยกับสีจิ้นผิงว่าเขาเคยเดินทางเยือนจีนครั้งหนึ่งเมื่อยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติ รวมถึงเรียนภาษาจีนมานานหนึ่งปีแล้ว ด้านสีจิ้นผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่าอัลทาลพูดภาษาจีนได้ดีตามมาตรฐาน และแสดงความยินดีต้อนรับอัททาลเยือนจีน

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงยังเป็นผู้สนใจวัฒนธรรมฝรั่งเศส โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณคดี และศิลปะของฝรั่งเศส เมื่อครั้งเยาว์วัย โดยสีจิ้นผิงระบุในบทความที่เผยแพร่ผ่านเลอ ฟิกาโร  (Le Figaro) สื่อฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.67) ว่าฝรั่งเศสมีมนต์เสน่ห์พิเศษอันน่าหลงใหลในสายตาชาวจีน

'เดนมาร์ก' จ่อให้หญิงสาวอายุ 15 ปีทําแท้งได้ โดยไม่ต้องมีความยินยอมจากผู้ปกครอง

รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พ.ค.67) ว่าจะอนุญาตให้หญิงสาวสามารถทําแท้งได้จนถึง 18 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิ แทนที่จะเป็น 12 สัปดาห์ เป็นการเปลี่ยนแปลงกฎหมายด้านการทําแท้งครั้งแรกของประเทศในแถบนอร์ดิกเป็นเวลา 50 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ หญิงสาวอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจะมีสิทธิที่จะทําแท้งได้โดยไม่ต้องมีความยินยอมจากผู้ปกครอง รัฐบาลลดอายุขีดจํากัดให้เป็นไปตามอายุที่ยอมรับในการมีเพศสัมพันธ์ของประเทศ

“การเลือกว่าจะทําแท้งหรือไม่เป็นสถานการณ์ที่ยากลําบาก และฉันหวังว่าเด็กหญิงจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองของพวกเธอ แต่ถ้ามีความไม่ลงรอยกัน สุดท้ายแล้วต้องเป็นการตัดสินใจของเด็กหญิงเองว่าเธอต้องการเป็นแม่หรือไม่” มารี เบเยอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลและความเสมอภาคเพศ กล่าว

ในปัจจุบัน หญิงสาวอายุต่ำกว่า 18 ปีสามารถทําแท้งได้ แต่ต้องมีความยินยอมจากผู้ปกครอง

กฎหมายสุขภาพฉบับแก้ไขจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายนของปีหน้า (2568)

เดนมาร์กเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ในยุโรปตะวันตกที่เสนอการทําแท้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในปี 1973 แต่ก็อนุญาตให้ทําแท้งได้จนถึง 12 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิเท่านั้น ปัจจุบันหญิงสาวในเดนมาร์กจะสามารถทําแท้งได้เป็นเวลานานกว่าประเทศใดๆ ในยุโรปส่วนใหญ่

ตามหน่วยงานข้อมูลสุขภาพแห่งชาติเดนมาร์ก จํานวนการทําแท้งที่เกิดขึ้นในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วงหลัง ในปี 2565 มีการทําแท้งทางการแพทย์ 14,700 ราย เทียบกับ 14,500 รายในปี 2557 จํานวนสูงสุดเกิดขึ้นในปี 2518 เมื่อการทําแท้งได้รับการยอมรับว่าถูกต้องตามกฎหมาย มีจํานวน 27,900 ราย

เมตต์ เธียเซน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคประชาชนเดนมาร์กซึ่งเป็นพรรคป็อปปูลิสต์ ได้แสดงความเสียใจต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่า “เป็นวันที่แย่มาก กฎหมายใหม่ที่แย่มาก” เธียเซนกล่าวกับสถานีวิทยุโทรทัศน์ดีอาร์ว่า “มีความสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างสิทธิของหญิงในร่างกายของตน แต่ก็มีสิทธิในชีวิตของวิญญาณที่อยู่ในครรภ์ของแม่ด้วย”

ในเดือนมีนาคม ประเทศฝรั่งเศสได้กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่รับรองสิทธิในการทําแท้งไว้ในรัฐธรรมนูญ ทําให้ 'สิทธิในการทําแท้ง' ในฝรั่งเศสกลายเป็น 'ไม่สามารถถอนกลับได้'

รัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเกมถลกหน้าปรปักษ์รัฐ จัดกลยุทธ์แยก 'น้ำดี-น้ำเสีย' ที่ไทยควรรู้เท่าทัน

หากใครติดตามสถานการณ์ของเมียนมาจะเห็นว่า เมียนมาเริ่มทยอยประกาศอะไรต่างๆ นานา ที่สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ประชาชนของเขา โดยเริ่มจาก...

1. การประกาศเกณฑ์ทหารทั่วประเทศโดยเกณฑ์ทหารทั้งชายและหญิงที่อายุ ระหว่าง 18-35 ปี

ประกาศนี้สร้างความตระหนกให้คนพม่าจำนวนมากถึงกับหลายครอบครัวในพม่าส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ในขณะเดียวกันคนที่ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศก็จ่ายเงินให้กับสัสดีเขตเพื่อขอเลื่อนการเรียกตัวบุตรหลานเขาเข้าประจำการและสุดท้ายคือ กลุ่มที่มีแนวคิดต่อต้านกองทัพหลายครอบครัวเลือกที่จะหนีไปประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติ

2. ประกาศระงับการเดินทางของผู้ชายออกไปทำงานต่างประเทศ แม้ประกาศนี้ไม่มีการประกาศออกมาชัดเจน แต่ก็สร้างความตระหนกให้กับคนพม่าในระดับคนทำงานอยู่พอสมควร

3. การทำบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแบบ UID หรือ Unique Identifier ซึ่งนำมาใช้แทนบัตรเดิมและบัตรนี้ ในอนาคตจะผูกพันกับการทำทุกอย่าง เช่น การทำพาสปอร์ต ซื้อตั๋วรถโดยสารระหว่างเมือง ฯลฯ และอาจจะรวมถึงนำมาใช้ในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นด้วย เพื่อป้องกันการโกงตามต่างเมืองในหมู่บ้านที่ห่างไกลในชนบทของเมียนมาที่เคยผ่านมา

แน่นอนเรื่องบัตรสมาร์ทการ์ดนี้จะเป็นอีก 1 กลยุทธ์ในการแยก 'น้ำดี-น้ำเสีย' ของฝั่งรัฐบาลพม่า เพราะนอกจากจะใชังานด้านต่างๆ แล้วบัตร UID สามารถเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรมได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการตรวจสออบว่าใครคือ ปรปักษ์ของกลุ่มรัฐบาลทหารเมียนมา

กลุ่มเรียกร้องกำลังถูกบีบมาให้ถึงทางตันที่จะต้องเลือกให้เข้าร่วมและเคลียร์ตัวเองให้บริสุทธิ์หรือจะอยู่อย่างคนไร้สัญชาติคอยซ่อนตัวอยู่ในไทยและประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา

ไทยเราควรจะเริ่มกระตือรือร้นได้แล้ว เพราะตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากจากฝั่งเมียนมาหลั่งไหลเข้ามาไทย ซึ่งตอนนี้ฝั่งเมียนมาก็เปิดธุรกิจเข้าไทยโดยวิธี Fast Track แบบไม่ต้องแสดงใบจองที่พัก เงิน หรือตั๋วเดินทางกลับพร้อมเจ้าหน้าที่ไปรับตั้งแต่ Gate จนพาออกมาพ้นจุดตรวจผ่านคนเข้าเมืองประดุจผู้ถือบัตร Elite Card ในราคาเพียงหลักพัน

สุดท้ายนี้คงต้องฝากความหวังไว้กับรัฐบาลไทยที่จะกวดขันเรื่องคอร์รัปชันในประเทศ อันจะส่งผลต่อไทยในระยะยาว แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อนายทุนของพรรคท่านนายกรัฐมนตรียังเข้ามาไทยท่ามกลางความกังขาของคนไทยส่วนใหญ่ในแผ่นดิน

"ทริปยุโรปครั้งแรกในรอบ 5 ปี 'สี จิ้นผิง' เลือกไปเยือน 'ฮังการี' จอมหัวแข็งใน NATO + 'เซอร์เบีย' สุดซี้จีนพร้อมชนในย่านนั้นด้วย"

(6 พ.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ทริปยุโรปครั้งแรกในรอบ 5 ปี 🇨🇳 #สีจิ้นผิง เลือกไปเยือน 🇭🇺 #ฮังการี จอมหัวแข็งใน NATO + 🇷🇸 #เซอร์เบีย สุดซี้จีนพร้อมชนในย่านนั้นด้วยค่า

ไปเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบ 5 ปี  แม้จะแวะปารีส 🇫🇷เป็นจุดแรก ผู้นำจีนไม่ได้ไปช้อปปิ้งหรือไปโชว์แฟชั่นอะไรนะคะ 🤭 หากแต่ทริปนี้  เพื่อ Strategic Opportunities !! 

นอกจากฝรั่งเศส #สีจิ้นผิง เลือกที่จะไปคุย/เตรียมการอะไรกับผู้นำ #ฮังการี และผู้นำ #เซอร์เบีย  ตัวพ่อจอมหัวแข็งพร้อมชนทั้งสองชาติในยุโรปเลยค่า 😅 #ปีมังกรดุ 

คงเดาได้นะคะ งานนี้ใครจะหนาววววว 🤭 

https://www.atlanticcouncil.org/blogs/new-atlanticist/what-to-look-for-as-xi-jinping-visits-france-serbia-and-hungary/

คงจำได้นะคะ #ฮังการี เคยหัวแข็งยืนกรานไม่ยอมให้ #สวีเดน เข้า NATO  ในที่สุด  กว่าจะเคลียร์จบ สวีเดนลุ้นด้วยใจระทึกกว่าจะเข้าเป็นสมาชิก #NATO ได้ค่าาา

จอมซ่าส์พร้อมชนแบบฮังการี 🤭 จีนชอบจ้า 
https://www.reuters.com/world/europe/hungary-set-ratify-swedens-nato-accession-clearing-last-hurdle-2024-02-26/

โรงแรมฮ่องกงชาร์จเพิ่มทุกเม็ด 'สบู่-แปรง-ยาสีฟัน'  ตามกฎหมายใหม่ฮ่องกง 'แบนพลาสติกใช้แล้วทิ้ง'

นักท่องเที่ยวจีนโวยหนัก เมื่อโรงแรมในฮ่องกงยกเลิกนโยบายแจกอุปกรณ์ ของใช้ในห้องน้ำฟรีให้กับแขกที่เข้าพัก ไม่เว้นแม้แต่โรงแรมระดับ 5 ดาว หากลูกค้าจำเป็นต้องใช้ 'แปรงสีฟัน - ยาสีฟัน - สบู่ - แชมพู' และอื่นๆ ที่โรงแรมเคยเตรียมไว้ให้เป็นชุดเซตเล็กๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกัน ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว ต้องจ่ายเพิ่มเท่านั้น 

โดยทางโรงแรมในฮ่องกงให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ Product Eco-responsibility Bill กฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องระเบียบข้อบังคับการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ที่เพิ่งผ่านสภาฮ่องกงเมื่อ 18 ตุลาคม 2566 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา

ซึ่งในกฎหมายฉบับล่าสุดนี้ระบุว่า ไม่อนุญาตให้โรงแรมและเกสต์เฮาส์จัดหาอุปกรณ์อาบน้ำแบบใช้แล้วทิ้ง และน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกในห้องพักแบบฟรีๆ อีกต่อไป 

นอกจากนี้ ยังห้ามผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบ Oxo (กลุ่มพลาสติกที่ย่อยสลายเร็ว) ยกตัวอย่างเช่น แปรงสีฟัน, ยาสีฟันแบบหลอด, หมวกอาบน้ำ, มีดโกนหนวด, หวี, สำลีปั่นหู, กระดาษชำระที่มาในห่อพลาสติก, แชมพู-ยาสระผม แบบขวดเล็ก, หรือแม้แต่น้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติก ก็จำเป็นต้องงดให้บริการ 

บางโรงแรมเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่น เช่น น้ำบรรจุขวดแก้ว หรือ แปรงสีฟันที่ทำจากเตรียมไว้ให้แขก แต่นอกเหนือจากนี้ ลูกค้าที่ไม่ได้เตรียมของใช้ส่วนตัวมา ต้องซื้อเพิ่มเท่านั้น ซึ่งแต่ละโรงแรมก็มีเรทราคาของใช้ที่แตกต่างกันไป 

อาทิ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวอย่าง Hyatt กำหนดราคา หมวกอาบน้ำ 3 ชิ้น HK$15, ยาสีฟัน 1 หลอด HK$15, ชุดโกนหนวด HK$15 หรือหวีที่มาในราคา HK$30 (1 เหรียญฮ่องกง = 4.70 บาท) 

แต่สำหรับโรงแรมราคาประหยัดทั่วไปที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมกันนั้น ลูกค้าต้องซื้อเพิ่มทุกไอเทมไม่เว้นแม้แต่น้ำดื่มในห้อง ที่มาในราคาต่อชิ้น ชิ้นละ HK$ 5 - 10 ที่ทำให้นักเที่ยวจีนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของการรักษ์โลกแล้ว แต่เป็นธุรกิจชัดๆ 

นักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่งบ่นผ่านสื่อโซเชียลจีนว่า นโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบใด มาชาร์จราคาของใช้กับลูกค้าที่เมื่อก่อนเป็นบริการฟรีของทางโรงแรมอยู่แล้ว และมีหลายคนที่มองว่า เป็นการอ้างเรื่องสิ่งแวดล้อมบังหน้าเพื่อหากำไร เพราะราคาห้องพักก็ไม่ได้ถูกลง แต่ลูกค้าต้องมาเสียค่าใช้จ่ายยุบยับเพิ่มอีกแม้แต่ค่ายาสีฟัน

ด้านโฆษกกรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม แสดงความเห็นผ่านสื่อว่า ทางฮ่องกงจำเป็นต้องออกกฎหมายฉบับนี้เพื่อลดปริมาณพาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง แล้วเข้าใจว่าข้อบังคับฉบับใหม่อาจไม่ถูกใจทุกคน ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะไม่เป็นปัญหาเลยถ้านักท่องเที่ยวเตรียมของใช้ส่วนตัวมาเอง  

ส่วนคำร้องเรียนเกี่ยวกับการชาร์ตราคาของใช้ในห้องน้ำของทางโรงแรมนั้น ทางโฆษกของกรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่า กฎหมายระบุเพียงว่า ห้ามโรงแรมแจกผลิตภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วทิ้งแก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ไม่ได้ระบุเรื่องการชาร์ตราคาของใช้เพิ่มของทางโรงแรม ดังนั้นทางโรงแรมจะตั้งราคาเท่าไหร่ หรือชาร์ตสิ่งของใดเพิ่ม ก็เป็นดุลยพินิจของผู้บริหารแต่ละโรงแรมเอง ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายใหม่ฉบับนี้ 

และย้ำว่า นโยบายเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเริ่มมีมาแล้วทั่วโลก และการแบนผลิตภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมโรงแรมไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมในฮ่องกงควรให้ข้อมูลกับแขกผู้มาพักล่วงหน้า เพื่อให้เข้าใจถึงข้อห้ามการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกของทางฮ่องกง 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง 'แคสเปอร์ จุย อิง-เว่ย' ผู้อำนวยการสมาพันธ์ผู้ประกอบการโรงแรมฮ่องกง กล่าวว่า ทางโรงแรมจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายฮ่องกงก็จริง แต่ก็อยากให้รัฐบาลฮ่องกงช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องกฎหมายใหม่ แก่นักเดินทางด้วย แทนที่จะฝากหน้าที่ไว้กับผู้ประกอบการโรงแรมเพียงฝ่ายเดียว

ด้าน เพอร์รี อิว พัค-หลง ผู้แลกฎหมายด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการโรงแรมปรับตัวให้เข้ากับกฎหมายแล้ว และเชื่อว่าหลายโรงแรมกำลังมองหาสิ่งของ และ บรรจุภัณฑ์ทางเลือก ที่ไม่ใช่พลาสติก ที่มีราคาเทียบเท่ากับสินค้าเดิม อย่างยาสีฟันหลอด หรือ มีดโกนหนวด ที่ตอนนี้ยังหาค่อนข้างยาก 

แต่เชื่อว่าสามารถหาผลิตภัณฑ์อื่นที่ทดแทนพลาสติกได้ในอีกไม่นาน เพื่อบริการลูกค้าได้ฟรีเหมือนเดิม เพราะต้องยอมรับว่ากฎหมายใหม่มีผล กระทบกับการท่องเที่ยวฮ่องกงจริง จากกระแสความไม่พอใจของนักท่องเที่ยว ที่กระจายเต็มโซเชียลจีนอยู่ในขณะนี้ 

เพราะการรักษ์โลก ต้องแลกกับความไม่สะดวกสบายบ้าง แต่ถ้าจะให้ดี ควรมีโปรโมชันให้ลูกค้าหน่อยก็น่าจะดี เพราะไหนๆ โรงแรมก็ประหยัดต้นทุนค่า สบู่ แชมพู ยาสีฟัน และของใช้จุกจิก ที่เคยแจกให้ฟรีไปแล้ว ก็น่าจะคืนกำไรให้ลูกค้าหน่อย เสียงบ่นก็จะน้อยลงได้เอง 

‘สภาส่งเสริมการค้าจีนฯ’ เผย บริษัทเงินทุนต่างชาติ ปลื้มตลาดจีน คาด!! อีก 5 ปีข้างหน้า จะทำกำไรเพิ่มขึ้นอีกมาก 

(5 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลสำรวจบริษัทที่ใช้เงินทุนจากต่างชาติมากกว่า 600 แห่ง ซึ่งจัดทำโดยสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน พบว่าบริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมั่นในตลาดจีนเพิ่มขึ้น โดยมากกว่าร้อยละ 70 ของบริษัทกลุ่มสำรวจมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการพัฒนาของตลาดจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 3.8 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

รายงานระบุว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ประกอบการกลุ่มสำรวจมองว่าตลาดจีนมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.9 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทกลุ่มสำรวจคาดหวังว่าการลงทุนในจีนจะสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยร้อยละ 60 ของบริษัทเหล่านี้มาจากยุโรป

‘จ้าวผิง’ โฆษกสภาฯ กล่าวว่า ตลาดจีนยังคงมีข้อได้เปรียบรอบด้านอันโดดเด่นในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ หากพิจารณาจากการดำเนินนโยบายสิทธิประโยชน์และสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนการลงทุน รวมถึงความพยายามเปิดกว้างอันมีมาตรฐานสูงของจีน

'จีน' ส่ง ‘ฉางเอ๋อ 6’ ทะยานสู่ด้านมืด’ ของดวงจันทร์  'ลงจอดศึกษา-เก็บตัวอย่างดิน' เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

(5 พ.ค.67) หลังจากความสำเร็จของภารกิจยานฉางเอ๋อ 5 ของจีน ที่ได้ลงจอดบนดวงจันทร์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 พร้อมกับการเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่ด้านใกล้และส่งกลับมายังโลกเพื่อทำการศึกษา อีกทั้งยังได้เผยภาพด้านไกลของดวงจันทร์ให้ได้เห็นลายละเอียดของดาวบริวารเพียงหนึ่งเดียวของโลก ในส่วนที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อมองจากมุมมองบนพื้นโลก

ปัจจุบันจีนได้ทำการส่ง “ยานฉางเอ๋อ 6” เพื่อเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้ง โดยทาง องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติของจีน (CNSA) ได้ปล่อยจรวด ลองมาร์ช 5 นำยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ 6 ขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 จากศูนย์อวกาศเหวินชาง มณฑลไห่หนาน ทางภาคใต้ของจีน เพื่อเดินทางไปลงจอดยังด้านไกล หรือด้านมืดของดวงจันทร์ที่หลายคนรู้จัก

ภารกิจของยานฉางเอ๋อ 6 ถือได้ว่าเป็นภารกิจแรกในประวัติศาสตร์การสำรวจดวงจันทร์ ที่จะมีการนำยานสำรวจลงจอดศึกษาและเก็บตัวอย่างดินกลับมายังโลก ในบริเวณพื้นที่ด้านไกลของดาวบริวารของโลก โดยพื้นที่ที่ยานฉางเอ๋อ 6 จะลงจอดนั้น คือ แอ่งขั้วใต้ดวงจันทร์ -เอตเคน (South Pole-Aitken basin - "SPA") ซึ่งเป็นหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 2,500 กม. และลึก 8.2 ที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นานกว่า 4 พันล้านปี

ก่อนหน้านี้ จีนได้ส่งดาวเทียมส่งต่อสัญญาณชื่อ “เชวี่ยเฉียว-2” ไปล่วงหน้าเพื่อสนับสนุนภารกิจฉางเอ๋อ 6 เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ด้วการลงจอดบริเวณพื้นที่ด้านไกลของดวงจันทร์ ทำให้มีการประเมินระยะเวลาภารกิจในครั้งนี้ อาจใช้เวลา 53 วัน ซึ่งมากกว่าภารกิจก่อนหน้านี้ คือยานฉางเอ๋อ 5 ที่ใช้เวลาทั้งหมด 22 วัน ในการทำภารกิจ

CNSA ได้มีการเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างดินบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ที่เก็บกลับมายังโลกจากภารกิจฉางเอ๋อ 6 นั้น จะมีการแจกจ่ายไปตามสถาบันวิจัยต่างๆ ของจีนและประเทศที่มีความร่วมมือกับจีน จากนั้นจึงจะเปิดให้ประเทศอื่นๆ ส่งร่างโครงการเพื่อขอนำตัวอย่างดินจากดวงจันทร์ไปวิจัยต่อไป เหมือนดังเช่นตัวอย่างดินดวงจันทร์จากภารกิจฉางเอ๋อ 5

'ม.วอชิงตัน' ทดลองพ่นเกลือให้เมฆ เพื่อหักเหแสงอาทิตย์ หวังลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ รอลุ้นผลอีก 3 ปี

แม้แสงจากดวงอาทิตย์ คือ แหล่งพลังงานความร้อนและแสงสว่างของโลก แต่ในขณะเดียวกันภาวะโลกเดือด (หรือภาวะโลกร้อน) ก็ทำให้ความร้อนที่ได้จากแสงอาทิตย์ยังถูกกักเก็บเอาไว้ในโลกและทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 

(4 พ.ค.67) TNN Tech รายงานว่า จากปัญหาดังกล่าว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) จึงริเริ่มทดลองแก้ปัญหา ด้วยการลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ โดยการสร้างเมฆเทียมเพื่อหักเหแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรกของโลก 

การทดลองดังกล่าวอิงจากพื้นฐานว่าเมฆสามารถหักเหแสงอาทิตย์ได้ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวในธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทีมนักวิจัยจึงเริ่มโครงการสร้างกระบวนการที่เรียกว่า การเพิ่มความสว่างของเมฆเหนือมหาสมุทร (Marine Cloud Brightening: MCB) เพื่อให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้โดยการสร้างและออกแบบของมนุษย์

ทั้งนี้ MCB เป็นการใช้ประโยชน์จากเมฆเหนือมหาสมุทรที่มักลอยตัวต่ำ เป็นวัตถุดิบในการสร้างเมฆที่ช่วยสะท้อนและหักเหแสง โดยการพ่นละอองเกลือเพื่อให้ไปถึงเมฆ ละอองเกลือจะทำให้เมฆเพิ่มความสามารถในการสะท้อนแสง และลดปริมาณความเข้มแสงที่ผ่านเมฆเข้ามาสู่โลก พร้อมทำให้เมฆมีความขาวชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกระบวนการด้วยเช่นกัน

โดยสิ่งที่ทีมนักวิจัยทำก็คือการสร้างเครื่องพ่น (Spraying) น้ำทะเลไปยังระดับความสูงที่เมฆเลยตัวอยู่ พร้อมติดตั้งตัวเครื่องพ่นบน ยูเอสเอส ฮอร์เน็ต (USS Hornet CV-12) เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งปลดประจำการในปี 1970 ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay Area) ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา 

แม้ผลลัพธ์การทดลองเบื้องต้นจะยังไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่นักวิจัยในทีม ตลอดจนนักบรรยากาศศาสตร์ (Atmospheric scientist) เชื่อว่า การรบกวนธรรมชาติของเมฆด้วยเทคนิค MCB มีความเป็นไปได้ในการทดลอง โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือการสร้างละอองในอากาศ (Aerosoid) ที่มีความเหมาะสมในแง่ของขนาดและความเข้มข้น รวมถึงเครื่องพ่นที่มีกำลังการปล่อยที่เหมาะสมด้วย

อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อบันทึกข้อมูลการทดลอง โดยติดตั้งเครื่องมือวัดสภาพอากาศเหนือ USS Hornet รวมถึงปรับปรุงแบบเครื่องพ่นให้เหมาะสม โดยตั้งงบประมาณตลอดระยะเวลาโครงการไว้ที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 370 ล้านบาท ซึ่งประมาณร้อยละ 10 ของงบ หรือประมาณ 37 ล้านบาท จะเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้ USS Hornet เป็นสถานที่ทดลองด้วย

ชาวอเมริกันกว่า 50% เห็นด้วยให้แบน Tiktok ออกจากสหรัฐฯ หวั่น!! จีนใช้ 'จูงใจ-สร้างอิทธิพล-สอดแนมชีวิต' คนอเมริกัน

(4 พ.ค.67) Business Tomorrow เผยว่า ไม่นานมานี้ ทาง Reuters ร่วมกับบริษัทวิจัยผู้บริโภค Ipsos ได้สอบถามชาวอเมริกัน 1,022 คน ว่าคิดอย่างไรกับกรณีการแบน TikTok ของรัฐบาล?

- 58% เห็นด้วยว่า รัฐบาลจีนใช้ TikTok มาสร้างอิทธิพลต่อชาวอเมริกัน โดยกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ 13%
- 50% เห็นด้วยกับการแบน TikTok, 32% ไม่เห็นด้วย และที่เหลือ 18% ตอบว่าไม่แน่ใจ
- 46% เห็นด้วยว่า รัฐบาลจีนใช้ TikTok สอดแนมชีวิตของคนอเมริกันทั่วไป
- 60% เห็นด้วยว่า การที่นักการเมืองอเมริกันใช้ TikTok ชักจูงคนไปเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ Reuters ได้ออกตัวก่อนว่า โพลดังกล่าวสอบถามเฉพาะวัยผู้ใหญ่ที่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งอาจไม่สะท้อนมุมมองของวัยรุ่นต่ำกว่า 18 ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ TikTok

ปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริการาว 170 ล้านคน บริษัทมีเวลา 270 วันในการหาผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งบริษัทระบุว่าจะต่อสู้กับกฎหมายนี้ในชั้นศาล

‘รัสเซีย’ มีรายได้จากการขาย ‘น้ำมัน-ก๊าซ’ พุ่งขึ้นเท่าตัว หลังใช้กลยุทธ์ ‘ลดราคา’ ขายให้ชาติพันธมิตร แม้จะถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร

(4 พ.ค. 67) รัสเซียมีรายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้นเท่าตัวในเดือนเมษายน 2024 แม้ว่าถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ  โดยรัสเซียหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการขายน้ำมันให้กับชาติพันธมิตรในราคาที่ถูกลง นับตั้งแต่ปี 2022  แม้กระทั่งซาอุดีอาระเบียยังรับน้ำมันราคาถูกจากรัสเซีย  แล้วนำมาขายต่อให้กับยุโรปอีกทีเมื่อปี 2023  สิ่งนี้จึงช่วยให้รัสเซียยังมีเศรษฐกิจที่สมดุลอยู่ได้ และลอยตัวแม้ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร

ด้านอินเดียก็เคยซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ช่วยประหยัดงบไปถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 259,000 ล้านบาท ในอัตราแลกเปลี่ยน เช่นเดียวกับจีนที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียในราคาที่ถูกกว่าที่อื่น และซื้อขายกันในรูปเงินหยวน  ทั้งหมดนี้บ่งชี้ให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ มีผลแค่เล็กน้อย หรือแทบไม่มีผลเลยกับเศรษฐกิจรัสเซีย

รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ ประเมินว่า รัสเซียจะมีรายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้นเท่าตัวในเดือนเมษายนนี้(2024 ) รายได้น้ำมันของรัสเซียเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว(2023 )อยู่ที่ 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 259,000 ล้านบาท  แต่ในปีนี้(2024 )น่าจะแตะ 14,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 518,000 ล้านบาท  เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นมาร้อยเปอร์เซ็นต์ 

กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ยังได้ประโยชน์จากการซื้อน้ำมันรัสเซีย เพราะนอกจากจะมีราคาถูกกว่าที่อื่นแล้ว ยังใช้เงินสกุลท้องถิ่นซื้อได้ด้วย ไม่ต้องพึ่งดอลลาร์สหรัฐเลย  การทำเช่นนี้ ยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศตัวเองแข็งแกร่งขึ้นด้วย กลายเป็นว่ามาตรการคว่ำบาตรนี้ กลับส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเป็นส่วนใหญ่

‘รัฐบาลเมียนมา’ ห้ามผู้ชายออกไปทำงานต่างแดนชั่วคราว คาด!! รักษาจำนวนเพื่อเกณฑ์ทหาร ท่ามกลางสงครามระอุ

(3 พ.ค.67) รัฐบาลทหารเมียนมา สั่งห้ามผู้ชายเดินทางไปทำงานนอกประเทศ ในขณะที่สาธารณชนวิตกกังวลเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหาร ท่ามกลางการต่อสู้ยืดเยื้อระหว่างฝ่ายกองทัพเมียนมาและฝ่ายต่อต้าน

นายญุน วิน ปลัดกระทรวงแรงงานเมียนมา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเรดิโอ ฟรี เอเชีย เมียนมา (RFA Burmese) เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ว่า คำสั่งห้ามประชากรชายเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว และจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปตามความจำเป็น

อย่างไรก็ดี นายญุน วิน ระบุว่า ผู้ชายที่ลงทะเบียนขอไปทำงานต่างประเทศภายในช่วงสิ้นเดือนเม.ย. จะได้รับการยกเว้นจากคำสั่งห้ามดังกล่าว เนื่องจากมีแรงงานจำนวนเล็กน้อยที่ได้เตรียมการผ่านกรมจัดหางานระหว่างรัฐ

โดม นายญุน วิน ไม่ได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับการออกคำสั่งห้ามประชากรชายออกไปทำงานในต่างประเทศ หรือเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลาในการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว

ด้านตัวแทนกรมจัดหางานในอำเภอทินกังยุน (Thingangyun) ของย่างกุ้ง เปิดเผยกับ เรดิโอ ฟรี เอเชีย เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ว่า คำสั่งห้ามผู้ชายเดินทางไปทำงานต่างประเทศ อาจเป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้ประชากรชายเดินทางออกนอกประเทศในช่วงที่มีการเกณฑ์ทหาร

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประมาณการว่า มีประชากรสัญชาติเมียนมากว่า 4 ล้านคนที่ทำงานในต่างประเทศ โดยชายเมียนมาประมาณ 2 ล้านคน ทำงานอยู่ในประเทศไทยมากที่สุด แต่ไม่ชัดเจนว่ามีประชากรชายทำงานในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์

ขณะที่กลุ่มศึกษากิจการและความขัดแย้งเมียนมา (Burmese Affairs and Conflict Study) ตรวจพบในเดือนเม.ย.ว่า การกำหนดให้ผู้ชายและผู้หญิงอายุระหว่าง 18-35 ปีเข้ารับใช้กองทัพเมียนมาเป็นเวลา 2 ปี ส่งผลให้ประชาชนกว่า 100,000 รายหลบหนีออกจากบ้านเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

'จอร์แดน' เลือกข้าง!! ช่วยอิสราเอลจากการโจมตีของอิหร่าน สกัดกั้น 'ขีปนาวุธ-โดรน' จากอิหร่านที่ผ่านน่านฟ้าจอร์แดน

ถือเป็นการเปิดหน้าอย่างชัดเจน เมื่อจอร์แดนได้ช่วยเหลืออิสราเอลระหว่างการโจมตีของอิหร่าน ด้วยการสกัดกั้นขีปนาวุธทุกลูกและโดรนทุกลำจากอิหร่านที่มุ่งสู่อิสราเอลผ่านน่านฟ้าของจอร์แดน 

โดยรัฐบาลจอร์แดนภายใต้การปกครองของกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 กล่าวว่า “เราจะสกัดกั้นโดรนหรือขีปนาวุธทุกตัวที่ละเมิดน่านฟ้าของจอร์แดนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายใด ๆ สิ่งใดก็ตามที่เป็นภัยคุกคามต่อจอร์แดนและความปลอดภัยของชาวจอร์แดน เราจะเผชิญหน้ากับมันด้วยความสามารถและทรัพยากรทั้งหมดของเรา”

นอกจากนี้ จอร์แดน ยังเปิดน่านฟ้าให้เครื่องบินรบของอิสราเอลและสหรัฐฯ ปฏิบัติการอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอิสราเอลนายหนึ่งกล่าวว่า จอร์แดนอนุญาตให้เครื่องบินรบของอิสราเอลบินในน่านฟ้าของตนเพื่อยิงสกัดขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านให้ตก โดยกองทัพจอร์แดนและอิสราเอลได้รับการประสานงานจากกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลและจอร์แดนทำการรบเคียงข้างกัน 

ทว่า การตัดสินพระทัยของกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ประชาชนชาวจอร์แดนที่เป็นมุสลิมกว่า 95% ของประชากรทั้งประเทศราว 10 ล้านคนไม่พอใจอย่างแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top