Sunday, 8 June 2025
SPECIAL

เชียงราย - พบผู้ป่วยรวม 37 ราย ผู้ว่าฯเผยยังไม่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ เตรียมแผนรองรับ มั่นใจเอาอยู่

ผู้ว่าฯเผยยังไม่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ เตรียมแผนรองรับมั่นใจเอาอยู่ พบผู้ติดเชื้อในจังหวัด 37 ราย โดยมาจากที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ยังไม่พบญาติหรือผู้ใกล้ชิดติดเชื้อ เชื่อเอาอยู่ เตรียมพร้อมสถานที่รองรับหากแพร่ระบาดจำนวนมาก ชี้ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าผู้ป่วยโควิดขอให้ระวังช่วงสงกรานต์ ให้ด่านตรวจแนะนำการป้องกันโควิด -19 และเช้มเมาไม่ขับ

วันที่ 11เมษายน 64 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน และมอบน้ำดื่ม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานตามจุดตรวจและจุดบริการประชาชน ซึ่งตั้งขึ้นตามมาตรการป้องกันอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ ในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ โดยส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการตรวจสอบสถานการณ์การแพร่กระจายของไวรัส โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

นายประจญ ปรัชญ์สกุล  กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายพบผู้ติดเชื้อโควิด -19 แล้วจำนวน  37 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นการติดเชื้อมาจากจากสถานบันเทิงที่กรุงเทพ และเชียงใหม่ ส่วนกลุ่มเสี่ยงสูงซึ่งเป็นญาติพี่น้องของผู้ติดเชื้อซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่พบว่าติดเชื้อ นั่นก็หมายถึงว่ายังไม่มีการระบาดในพื้นที่ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจให้คำแนะนำเรื่องของการระมัดระวังป้องกันโควิด 19 กับผู้สัญจรให้ปฏิบัติตนตามมาตรการที่สาธารณสุขให้คำแนะนำไว้

"การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลแต่ละปีเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อโควิดพบว่ามีน้อยมาก โดยเฉพาะการเมาแล้วขับในช่วงเทศกาล ซึ่งจังหวัดเชียงรายเสียชีวิตแล้ว 1 ราย  อย่างไรก็ตามในการเตรียมความพร้อมเรื่องของการสถานที่ให้การรักษาหรือโรงพยาบาลสนาม จังหวัดเชียงรายได้จัดเตรียมเตียง ห้องพัก ที่จะใช้รักษาผู้ป่วยโควิดเอาไว้ นอกจากโรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว ยังมีโรงพยาบาลชุชน โรงพยาบาลเอกชน และที่สำคัญมีที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งมั่นใจว่าสามารถรองรับผู้ป่วยที่จะตรวจพบได้อย่างต่ำ 400 ราย และถ้าพบมากกว่านั้นก็ยังมีสถานที่ซึ่งสามารถเปิดเป็นโรงพยาบาลสนามได้อย่างเพียงพอ


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ เชียงราย

ศรีสะเกษ - ผู้ว่าฯศรีสะเกษ สั่งคุมเข้มมาตรการโควิดในงานประเพณีบุญบั้งไฟ 12 เม.ย.-11 พ.ค.นี้ ย้ำเว้นระยะห่าง-ปลอดเหล้า-ปลอดการพนันเด็ดขาด ฝ่าฝืนอาจมีโทษปรับ 4 หมื่น คุก 2 ปี

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้ลงนามในประกาศคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษ ที่ 1559/2564 ลงวันที่ 8 เม.ย. 64 เรื่องมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในงานประเพณีบุญบั้งไฟ ประจำปี 2564 เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟ โดยจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 12 เม.ย. ถึงวันที่ 11 พ.ค. 64 นี้

โดยเนื้อหาสาระสำคัญระบุว่า การจัดงานประเพณีดังกล่าว ห้ามมิให้มี การเล่นการพนัน ทุกประเกท รวมถึงให้งดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายในบริเวณจัดกิจกรรม งดกิจกรรมโยนโคลน และกิจกรรมอื่น ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค ระมัดระวังการรวมกลุ่มดื่มสุรา การรวมกลุ่มเซิ้งขอสรา หรือเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ ในบริเวณงาน หรือสถานที่จัดงาน   โดยเน้นย้ำดำเนินการตามมาตรการ การป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ในการเว้นระยะห่างระหว่างกัน สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้าพื้นที่ และใช้แอปพลิเคชันไทยชนะหรือหมอชนะ นอกจากนี้ผู้จัดงานหรือคณะกรรมการหมู่บ้าน ต้องเสนอมาตรการในการป้องกันโรคฯและยื่นต่อนายอำเภอท้องที่ล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 7 วัน

ซึ่งมาตรการดังกล่าวต้องประกอบด้วย แผนผังการจัดงาน จำนวนผู้ข้าร่วมงาน โดยให้พิจารณาผู้ข้าร่วมงานให้เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่แออัด การจัดมาตรการรักษาความปลอดภัย การจัดมาตรการ ควบคุมโรค ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดศรีสะเกษกำหนด  ส่วนกรณีมีผลกระทบต่อพื้นที่ หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านและได้รับอนุญาตตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานพร้อมความเห็นให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดศรีสะเกษ พิจารณา โดยให้นายอำเภอ หรือผู้แทน พร้อมผู้ขออนุญาตจัดงาน เข้าร่วมชี้แจงในการประชุมพิจารณา ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดศรีสะเกษ 

ทั้งนี้ได้กำชับให้ผู้จัดงาน เจ้าของสถานที่ ผู้ประกอบการ ผู้เข้าร่วมงานและผู้เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด หากมีการกระทำใด ๆ ที่ฝ่าฝืนมาตรการที่กำหนด ต้องได้รับโทษ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และฐานความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ด้วย


ข่าว/ภาพ  บุญทัน  ธุศรีวรรณ  ศรีสะเกษ

ยะลา - นักท่องเที่ยววันหยุดยาว แห่ลงใต้ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงที่อำเภอเบตงจังหวัดยะลาท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19

นักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวลงใต้แห่ชมทะเลหมอก "อัยเยอร์เวง ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลาหนีความเสี่ยงและความแออัดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 จากกรุงเทพฯ ลงใต้สุดแดนสยามท่องเที่ยวทางธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2564  ที่จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งช่วงเช้ามืดในพื้นที่อำเภอ เบตง จังหวัดยะลา นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกสารทิศต่างบอกไม่ผิดหวัง พร้อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางลงใต้ที่หนีความแออัดและสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 เพราะในเวลานี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯช่วงวันหยุดยาวมีโอกาสหนีความแออัดและความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19ลงใต้ท่องเที่ยวให้ใจเบิกบานผ่อนคลายกับความเครียดไม่ว่าเศรษฐกิจ หรือการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในรอบ 3 นี้ ลงมาทางภาคใต้ ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่อำเภอเบตง ที่มีความสวยไม่แพ้ที่ใดในเมืองไทยและชมหมอกได้ตลอดปี

โดยในวันนี้มีนักท่องเที่ยวที่ขึ้นชมทะเลหมอกต่างบอกว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางมาชมและก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อได้รอคิวขึ้นอาคารที่มีทะเลหมอกเกิดขึ้นสวยงามและหนาแน่น  สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนอาคารสกายวอล์ก ต่างพากันขึ้นไปถ่ายรูปบนอาคารสกายวอล์ก ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และไฮไลต์ สำคัญ คือ ระเบียงทางเดินที่ยื่นออกไปจากฐานมีความยาวรวม 63 เมตร ส่วนปลายเป็นระเบียงชมวิวพื้นกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปได้ถึงพื้นเบื้องล่าง ซึ่งสร้างเสน่ห์สีสัน และความตื่นเต้นให้แก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งจุดเช็กอินอีกหลายจุดที่ผู้นำชุมชนและชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีจุดที่ถ่ายภาพที่หลากหลาย โดยมีทะเลหมอก ภูเขา และแม่น้ำปัตตานีเป็นฉากหลังแตกต่างกันไป

นอกจากนี้ที่บริเวณจุดขึ้นชมทะเลหมอกดังกล่าว จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเบตงและเจ้าหน้าที่อ บต.อัยเยอร์เวง  เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัยเยอร์เวง มว.ฉก.ตชด.ยะลา 444 เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนเดินรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวอย่าการ์ดตก พร้อมแจ้งขอความร่วมมือให้สวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุดคน และพยายามเว้นระยะห่าง เพื่อให้เป็นไปตามาตรการป้องกันโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีการตั้งจุดบริการคัดกรองโควิดที่บริเวณทางขึ้นจุดชมวิวทะเลหมอกเดิมอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

ลำปาง - เปิดแล้วงาน “สลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง “ประจำปี ๒๕๖๔ รูปแบบออนไลน์

วันเสาร์ ที่ 10 เมษายน 2564 เวลา 19.00 น. ณ บริเวณสนามหน้าพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เมืองลำปาง (มิวเซียมลำปาง) อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง นาย

สรุพล บุรนิทราพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “สลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง ประจำปี ๒๕๖๔” โดยมีนางลัษมา ธารีเกษ วัฒนธรรมจังหวัดลำปาง เป็นผู้กล่าวรายงาน โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง นายกเทศมนตรีนครลำปาง ผู้อำนวย ททท. สำนักงานลำปาง ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธีเปิดงาน “สลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง ประจำปี ๒๕๖๔” และร่วมรับชมการแสดงแสง สี เสียง ชุด “สลุงหลวง ปีใหม่เมือง นครลำปาง”

พิธีเปิดงาน “สลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง ประจำปี ๒๕๖๔” ผ่านการถ่ายทอดสดออนไลน์ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป และสามารถรับชมกิจกรรมในวันที่ 11 และ 12 เมษายน ซึ่งประกอบไปด้วย วันที่ 11 เมษายน การประกวดบ่าวน้อย สาวน้อยปี๋ใหม่เมืองเวียงละกอน ประจำปี 2564 วันที่ 12 เมษายน ขบวนแห่สลุงหลวง ประจำปี 2564 ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage “สลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมืองนครลำปาง 2564”

โอกาสนี้ นายสรุพล บุรนิทราพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการรวมพลังความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ของทุกภาคส่วนที่จะได้นำเอาอัตลักษณ์อันโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมของจังหวัดลำปาง ก่อให้เกิดความเข้าใจในอัตลักษณ์ ตำนาน มรดก คุณค่าของวิถีวัฒนธรรมอันเป็นทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดลำปาง อีกทั้งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ที่ได้นำเอาทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่มาพัฒนาและขับเคลื่อนเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของจังหวัดลำปาง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดลำปาง หลังจากวิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid – 19) ผ่อนคลาย และเข้าสู่ภาวะปกติ ต่อไป

ในปีนี้ จังหวัดลำปางจัดงานภายใต้แนวความคิด “สุขก๋าย เย็นใจ๋ ปลอดภัยไร้  โควิด-19” เพื่อสืบสานประเพณีปีใหม่เมืองของชาวลำปาง โดยดำเนินการตาม มาตรการควบคุมโรคระบาดตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัดตลอดการจัดงาน และขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมงานปฎิบัติตามมาตรการ D – M – H – T – T คือ มีการเว้นระยะห่าง หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ คัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมิ  ติดตั้งแอปพลิเคชั่นไทยชนะ


ภาพ/ข่าว  วิภาดา รายงาน

เชียงราย - จัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม 500 เตียง รับมือโควิด-19

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ถนนแม่ฟ้าหลวง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย  โดยมี นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตลอดทั้วหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม เพื่อพิจารณาแนวทางยับยั้งการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อันเนื่องมาจากสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน และสรุปข้อสั่งการจาก ศบค. และ ศบค.มท.

โดยที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์และประเมินแนวทางการแก้ไขปัญหาโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดยังไม่พบการระบาดในพื้นที่ มีผู้ติดเชื้อจำนวน 12 ราย ส่วนใหญ่รับเชื้อมาจากสถานบันเทิงในจังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานคร และผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด

สำหรับการประชุมในวันนี้ ได้ติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ภายในประเทศ และของจังหวัดเชียงราย ติดตามการเตรียมความพร้อมสถานที่ และเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จำนวน 500 เตียง ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ติดตามการตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง ติดตามการออกคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงรายที่ให้ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่เที่ยงคืนวันเสาร์ที่ 10 ถึง– วัน ที่ 23 เมษายน 2564 และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) การจัดงานเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัย

พร้อมกันนี้ ประธานที่ประชุมได้เน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชนป้องกันตนเองตามมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัดอีกด้วย ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน เพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลป๋าเวณี ปี๋ใหม่เมืองเจียงฮายอีกด้วย

อยุธยา - จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ ททท.พระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรม ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ 13-15 เมษายน นี้

วันที่ 10 เมษายน 64 ที่หน้าสำนักงานการท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นางสรัลพัชร  ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพัฒน์พงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัด พร้อมด้วย ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง สาธารณสุขอำเภอพระนครศรีอยุธยา ร่วมตรวจสถานที่การจัดกิจกรรม พร้อมให้คำแนะนำการจัดงานให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข

นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สงกรานต์กรุงเก่า ดูช้างเล่นน้ำ ประจำปี 2564 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2564 ภายในงานจัดให้มีการแสดงส่งเสริมสืบสานประเพณีสงกรานต์ แบบ New Normal มีกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูป ถ่ายรูปกับเจดีย์ทราย สรงน้ำรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจาก 9 วัด เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง หลวงพ่อรวย วัดตะโกภาชี หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อพูนวัดบ้านแพน เป็นต้น โดยจะเป็นการจัดกิจกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไรรัสโควิด-19 โดยจะจัดอุปกรณ์ที่จะสรงน้ำพระพุทธรูปไว้ให้ ผู้ที่เข้าร่วมงาน จะลดการสัมผัสอุปกรณ์ ที่จะใช้ร่วมกัน เว้นระยะห่าง การเล่นน้ำของช้างปกติ

นักท่องเที่ยวจะเล่นสาดน้ำกับช้าง เปลี่ยนเป็นการแสดงโชว์เล่นน้ำของช้าง ช้างจะเล่นสาดน้ำกันเอง แล้วให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ความน่ารักความแสนรู้ของช้าง กิจกรรมการแต่งชุดไทยเสื้อผ้าลายดอก ถ่ายภาพกับบรรยากาศแบบไทยย้อนยุคกับมุมตัวอาคารทรงไทยของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พระนครศรีอยุธยา

ด้าน นายพัฒน์พงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่ากิจกรรมทั้งหมด จะแบ่งเป็นรอบ แต่ละรอบจะจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกิน 300 คน โดยนักท่องเที่ยวต้องผ่านจุดคัดกรอง การลงทะเบียนเข้าร่วมงาน สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่รับาดโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการปรับลดกิจกรรมที่ต้องมีการสัมผัส เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คงไว้เฉพาะการสืบสานประเพณีสงกรานต์ เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  เดชา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ชลบุรี - หยุดยาวสงกรานต์ นักท่องเที่ยวยังมั่นใจแห่เที่ยวเกาะล้าน แน่นท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย

เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 10 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แม้ว่ามีการแพร่ระบาดโควิด19 คลัสเตอร์ใหม่  แต่ทางเมืองพัทยานั่น ยืนยันยังมีการจัดกิจกรรมงานต่างๆในช่วงวันหยุดสงกรานต์ เช่น งานวันไหลนาเกลือ วันไหลพัทยา และงานกองข้าว แต่ไม่มีการเล่นน้ำ หรือกิจกรรมรื่นเริงอื่นๆอย่างเด็ดขาด โดยในช่วงวันหยุดนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ และใช้บริการร่มเตียงชายหาดเพื่อชมความงามของท้องทะเลอีกด้วย

สำหรับการเดินทางไปเกาะล้าน อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวเดินทางเข้ามาใช้บริการยัง ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินทางไปเกาะล้าน โดยนักท่องเที่ยวหลายรายยืนยันว่ายังมั่นใจในมาตรการด้านความปลอดภัย และไม่อยากยกเลิกการเดินทางเนื่องจากได้มีการจองที่พักไว้ล่วงหน้าแล้ว และพร้อมที่จะปฏิบัติตามป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของเมืองพัทยาอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ลงแอปหมอชนะ ไทยชนะ การตรวจวัดอุณหภูมิ การเว้นระยะห่าง

ในขณะที่เพจข่าวสารเกาะล้าน ได้รายงานสถานการณ์  ใน วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564  พื้นที่เกาะล้านยังคงปกติดี กิจการ+กิจกรรม ต่าง ๆ ดำเนินไปตามปกติ

เรือโดยสารวิ่งตามเวลาปกติทุกรอบ   เรือสปีดโบ๊ทให้บริการตามปกติ  ที่พักรีสอร์ทต่างๆ ให้บริการตามปกติ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์เช่า ให้บริการ ปกติ  ร้านอาหาร นั้งทานที่ร้านได้เปิดให้บริการเวลา 05.00 น. - 22.00 น.  เซเว่นเปิด 24 ชม. ชายหาดลงเล่นน้ำได้ กิจกรรมทางทะเล ดำน่ำ ตกหมึก เจ็ตสกี ยังให้บริการตามปกติ ร้านเหล้า บาร์ คาราโอเกะ ปิดให้บริการ ตามคำสั่งจังหวัดชลบุรี เข้าเกาะล้านได้ทุกจังหวัด แสดงคิวอาร์โค้ดหมอชนะ (ไม่กักตัวในพื้นที่) การกักตัวอยู่ที่ประกาศหรือระเบียบในพื้นที่หรือที่ทำงานของท่านอยู่อาศัย โปรดเช็คข้อมูลในพื้นที่ของท่านก่อน เพราะจังหวัดชลบุรี ตอนนี้เป็นพื้นที่ควบคุม หลังจากกลับไปจากเกาะล้าน ท่านอาจถูกกักตัว  ผู้มีความเสี่ยงสูงหรือผู้มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ ไม่ควรเดินทางมาท่องเที่ยว ควรกักตัวเองเพื่อความปลอดภัยต่อผู้อื่น

เน้นย้ำขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคให้ได้ 100% เพื่อสุขภาพที่ดีของท่าน เที่ยวได้ก็ต้องปฏิบัติได้ รับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบสังคม


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

ขอนแก่น- เฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้ว่าฯย้ำชัดมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธาณสุขต้องเข้มงวด

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 เม.ย.2564 บริเวณสวนประตูเมืองขอนแก่น ริม ถ.มิตรภาพ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในศูนย์บริการประชาชนภงตามโครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2564 ซึ่งเทศบาลนครขอนแก่นร่วมกับภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดขึ้นยังจุดนี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งจุดบริการดังกล่าวนี้เน้นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้สัญจรผ่านไปมาโดยมีจุดตรวจจุดบริการประชาชนที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลนครขอนแก่น มี 2 แห่ง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแรก จุดที่สองอยู่บริเวณ ด้านหน้าโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เทศบาลนครขอนแก่นปฏิบัติหน้าที่บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงร่วมกับเจ้าหน้าที่ของมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์,สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นและมูลธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศด้วย

"ขอขอบคุณที่ทุกคนที่ได้เสียสละเวลาส่วนตัวที่จะต้องอยู่กับครอบครัวเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวมในช่วงเทศกาลเช่นนี้และได้เน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคลในการที่จะให้บริการประชาชนในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะแม้จะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการ ก็ยังคงต้องดำเนินการป้องกันที่ทางราชการกำหนด คือ การเว้นระยะห่าง บริการเจลล้างมือแอลกฮฮอร์ ตรวจวัดอุณภูมิ เพื่อความปลอดภัยกับทั้งผู้ให้บริการและผู้มาใช้บริการเอง ควบคู่ไปกับการบริการเพื่อลดความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ยวดยานหรือบริการอื่น ๆ ที่ประชาชนได้เข้ามาใช้บริการด้วย"

ชลบุรี - เจ้าท่าพัทยา บรูณาการร่วมทุกภาคส่วน เปิดศูนย์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยทางน้ำร่วมเทศกาลสงกรานต์ ควบคุมดูแล การขนส่งทางน้ำแกประชาชนและนักท่องเที่ยว

ที่ ท่าเทียบเรือพัทยาใต้ แหลมบาลีฮาย นายพิสุทธิ์ อมรยุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 เป็นประธานเปิดโครงการศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยทางน้ำร่วม เทศกาลสงกรานต์ ระหว่าง 10-16 เมษายน 2564 พร้อมด้วย นายรณกิจ เอกะสิงหห์ รองนายกเมืองพัทยา นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา ตัวแทนกองบังคับการตำรวจน้ำ ตัวเทนมูลนิธิสว่างบริบูณ์เมืองพัทยา เครือข่ายอาสาวารี และเจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยา เข้าร่วมเปิดโครงการอย่างพร้อมเพรียง 

นายพิสุทธิ์ อมรยุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 กล่าวว่า ด้วยระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ และมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวันคาดว่าจะมีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางมาตามแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ และชายทะเลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย กรมเจ้าท่าจึงได้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยและมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางน้ำ และจุดอำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ทางน้ำประจำท่าเทียบเรือ พร้อมทั้งเข้มงวดกวดขันในการปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติมาตรการเพื่อความปลอดภัย และมาตรการป้องกันโควิด-19

อีกทั้ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านบุคลากรและกระบวนการทำงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงาน เพื่อกับควบคุมดูแล และอำนวยความสะดวกปลอดภัยด้านการขนส่งทางน้ำ ตรวจสอบสภาพเรือและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในเรือให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีให้แก่ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ และท่าเทียบเรือ สถานีขนส่งทางน้ำในพื้นที่ รวมถึงการจัดระเบียบการจราจรทางน้ำให้เกิดความสะดวกปลอดภัยสูงสุดต่อชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการประกอบด้วย ตำรวจน้ำ ฝ่ายกูเภัยทางทะเลและชายฝั่ง เมืองพัทยา หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ และเครือข่ายอาสาวารี รุ่นที่ 3


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

สงขลา - นิพนธ์ วิ่งนำ "ธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" ส่งต่อกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทย เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก-พาราลิมปิก 23 ก.ค.- 8 ส.ค.นี้ ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ 10 เม.ย.64 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมวิ่ง Fun Run รวมใจสู่ชัยชนะ และเป็นประธานนำวิ่งขบวนธงชาติไทย SET ที่ 1 ระยะทาง 1 กิโลเมตร ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้(พรุค้างคาว) ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และภาครัฐราชการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยที่การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับจังหวัดสงขลา ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้จัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย....รวมใจสู่ชัยชนะ" ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นการวิ่งนำธงชาติไทย เพื่อส่งต่อกำลังใจและร่วมเชียร์เหล่านักกีฬาทีมชาติไทย ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ในปี ค.ศ 2020 ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19  จึงได้มีการเลื่อนการจัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" เป็นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดระยะทางการวิ่งระยะไกล 35 จังหวัดทั่วภูมิภาค รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตร โดยฝ่ายกิจกรรมได้กำหนดเส้นทางการวิ่งผ่านจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 8 ถึง 10 เมษายน 2564 และกำหนดจุดรับธงชาติไทย เพื่อนำธงชาติไทยไปประดับตั้งไว้ ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว)

นายนิพนธ์ รมช.มท.กล่าวว่า "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า(COVID-19) ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องหยุดชะงักไป การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือโอลิมปิกเกมส์ เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการแข่งขันยังคงจัดให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 :โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 นี้ ทำให้พวกเรายังสามารถที่จะส่งแรงใจไปเชียร์นักกีฬาไทย ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ"

ทั้งนี้ กิจกรรม"วิ่งธงชาติไทย...รวมใจสู่ชัยชนะ"  ซึ่งจะเป็นการวิ่งถือธงชาติไทยที่ใช้ในขบวนพาเหรดนักกีฬา ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไปทั่วประเทศ โดยคัดเลือกประชาชน ศิลปิน ดารา และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชนที่สนใจในแต่ละจังหวัด เข้าร่วมวิ่งคนละ 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตรใน 35 จังหวัด เพื่อส่งต่อกำลังใจ และร่วมเชียร์เหล่าทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการเข้าแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น อันเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านกีฬาให้แก่ประเทศไทย ได้ต่อไป

ชลบุรี - สมาคมสถานบันเทิง ยอมรับคำสั่งปิด 14 วัน ป้องกันไวรัสโควิด-19 วอนภาครัฐหามาตรการช่วยพนักงานภายในร้านให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

วันที่ 10 เม.ย.64 หลังจาก ที่มีคำสั่งของรัฐบาลที่สั่งให้ปิดสถานบันเทิง เป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้แหล่งท่องเที่ยวหลักอย่าง วอล์คกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ เงียบเหงาไปถนัดตา มีเพียงนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก ยังคงเดินอยู่บนถนนคนเดิน ส่วนบริเวณรอบนอกกลุ่มบาร์เบียร์ พบว่ายังมีประชาชนเข้าใช้บริการอยู่ตามปกติ ขณะที่กลุ่มนักดื่มจำนวนไม่น้อย เลือกที่จะออกมานั่งกินดื่มบริเวณชายหาด โดยใช้เสื่อปูตามจุดต่าง ๆ

ด้านนายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิง และการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจาก ทางผู้ประกอบการสถานบันเทิงเองก็ได้มีการพูดคุยถึงคำสั่งดังกล่าว ต่างพร้อมที่จะปิดและให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ เพราะทางผู้ประกอบการตระหนักดีว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ มาจากกลุ่มสถานบันเทิง และเป็นการแพร่กระจายที่รวดเร็ว

ส่วนผู้ประกอบการบางรายได้ปิดไปก่อนล่วงหน้าแล้ว และเพื่อเป็นการตระหนักและรับผิดชอบต่อสังคม ถามว่าเสียดายไหม เสียดายเพราะกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเมืองพัทยานั้นกำลังจะดีอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเพื่อเป็นความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวพัทยาเป็นหลัก ยินดีน้อมรับคำสั่งเป็นเป็นการควบคุมที่ดีขึ้น เพราะหลายคนกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อยากฝากทางรัฐบาล พยายามหามาตรการช่วยเหลือเยียวยา กลุ่มพนักงานสถานบันเทิงให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะทุกคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

จันทบุรี - ชุดเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความขายทุเรียนด้อยคุณภาพ

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดจังหวัดจันทบุรีนำโดยนายบัญชา จันทร์ณรงค์ ป้องกันจังหวัดจันทบุรี บูรณาการทหาร ตำรวจ เกษตร ฝ่ายปกครองอำเภอท่าใหม่ เจ้าหน้าที่สวพ.6 อส.จังหวัดจันทบุรี เข้าตรวจสอบแผงทุเรียนริมทางข้างถนนสุขุมวิท เลยตลาดเนินสูงก่อนถึงโค้งท่าจุ้ย หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ว่าแผงดังกล่าวขายทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ จากการตรวจสอบพบว่าที่แผงมีทุเรียนกองอยู่เป็นจำนวนมาก

จากการสอบถาม นางสาวสุวรรณา แจ่งแสงทอง อายุ 65 ปี รับเป็นเจ้าของแผง จากการสอบถามทางเจ้าของแผงได้รับสารภาพว่าตนเองซื้อทุเรียนอ่อนที่ถูกลมพายุพัดร่วงหล่นมาเพื่อกวนและนำไปแปรรูป แต่ถ้ามีลูกค้ามาขอซื้อจะติดป้ายราคากิโลละ 80 บาทจริง และถ้ามีลูกค้ามาจอดซื้อก็จะขายให้โดยอ้างว่าได้แจ้งลูกค้าแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้มีการทำหนังสือบันทึกข้อตกลงว่าจะไม่นำทุเรียนที่เตรียมแปรรูปกว่า 3 ตันออกมาขายหลอกลวงผู้บริโภคอีก พร้อมทั้งนำสแลมปิดร้านงดจำหน่ายสินค้า ส่วนคดีผู้บริโภคเข้าแจ้งความไว้ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียก และจะเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายชลธี นุ่มหนู ผอ.สวพ.6  จันทบุรีที่ได้ลงพื้นที่ตรวจทุเรียนอ่อนด้วยตนเองกล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าใหม่ ว่ามีผู้บริโภคมาแจ้งความถูกหลอกขายทุเรียนอ่อนจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ฯพร้อมอุปกรณ์การตรวจหาเปอร์เซนต์แป้งมาตรวจสอบ โดยสุ่มนำทุเรียนจำนวน 2 ลูกมาทดสอบด้วยเครื่องมือหาเปอร์เซนต์แป้งน้ำตาล พบว่าทุเรียนมีเปอร์เซนต์แป้งเพียง 13% โดยมาตรฐานจะต้องมีเปอร์เซนต์แป้งไม่น้อยกว่า 32% หลังจากนี่ได้แนะนำผู้ซื้อให้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของแผงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทุเรียนจันทบุรี ฝากถึงประชาชนที่มาซื้อทุเรียนไปรับประทานหรือซื้อฝากญาติให้เลือกทุเรียนที่แก่จัดถึงจะรับประทานอร่อย  ข้อสังเกต ง่าย ง่าย ที่ผิวเปลือกของทุเรียนจะต้องแห้ง ร่องหนามเป็นสีน้ำตาล ปลายหนามแห้ง และสังเกตขั้วของทุเรียนจะต้องเปล่ง อวบ และแข็ง หากเป็นไปได้ ลองนำมีดเฉือนที่ปลายขั้วทุเรียนบาง ๆ และ ชิมรสชาดจะมีความหวานที่ปลายขั้วทุเรียน


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ปทุมธานี - บิ๊กแจ๊ส ลงพื้นที่เยี่ยมปปช.หลังพายุกระหน่ำซัดหลังคาบ้านเสียหายหลายสิบหลัง

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 9 เมษายน 2564 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านพรธิสาร7 ต.ลำผักกูด  อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  เนื่องด้วยประชาชนในพื้นที่ได้ประสบภัยจากพายุฤดูร้อนและลมกระโชกแรงจนทำให้บ้านที่พักอาศัยได้พังเสียหายหลายสิบหลัง

จาการสอบถาม  ดร.จักพรรดิ์  ทีฆนทัศน์ ประธานชุมชนพรธิสาร7 กล่าวว่า  เมื่อเย็นวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ได้มีพายุฝนลมแรงจนทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน มีหลังคาบ้านและเพดานฝ้าเสียหายหลายสิบหลังและช่วงเวลานี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจและภัยจากโควิด-19 ก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่มีรายได้ที่จะมาใช้จ่ายอยู่แล้ว ตนจึงประสานไปยัง  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ท่านได้ลงพื้นที่มาดูประชาชนในพื้นที่ทันทีและสั่งการไปยัง ผอ.กองช่าง เพื่อมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัยโดยด่วน ต้องขอขอบคุณท่านนายก อบจ.ที่ลงพื้นที่มาดูผู้ประสบภัยด้วยตัวเอง

ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  กล่าวว่า ตนพึ่งได้ทราบข่าวจากประธานชุมชนแห่งนี้ จึงได้ลงพื้นที่ทันที เพื่อมาดูผู้ประสบภัยเบื้องต้นก่อน ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะให้ทาง  ผอ.กองช่าง อบจ.ปทุมธานี ลงพื้นที่โดยด่วนว่าจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรบ้างและจะเร่งดำเนินการโดยทันที

นครศรีธรรมราช - นิพนธ์ เช็คความพร้อม จ.นครศรีฯ - พัทลุง มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 64 วอนปชช.ให้ความร่วมมือใช้ความเร็วไม่เกินกม.กำหนด -สวมหมวกนิรภัย เพื่อลดอุบัติเหตุฯพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยจากโควิดอย่างเข้มงวด

ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กลุ่มงานแผนงาน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ท้องถิ่นจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมในการประชุม

โดยนายนิพนธ์ รมช.มท. ได้มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กลุ่มงานแผน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพขิงท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเรื่องของพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้าเช่นสินค้าโอทอป ท่องเที่ยวชุมชนในประเทศ การค้าส่ง การค้าปลีก พร้อมทั้งยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร เช่นเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ในการอบรมระยะสั้น อบรมยกระดับทักษะฝีมือ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัวและพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน  และมอบนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ. ศ. 2564 "สงกรานต์สุขใจขับขี่ปลอดภัยห่างไกลโควิด" ในช่วงการปฏิบัติการเข้มข้นระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564

"ด้วยความห่วงใยของรัฐบาล และของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง covid19 ปีนี้ รัฐบาลก็ถือโอกาสให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์  โดยให้พี่น้องประชาชนได้เที่ยวสงกรานต์กันอย่างสุขใจ เดินทางปลอดภัย ไร้โควิด  ฉะนั้นมาตรการที่จะดูแลความปลอดภัยต่างๆบนท้องถนน และมาตรการในการดูแลในเรื่องของ covid19  ก็ยังเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันในจุดตรวจต่าง ๆ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีจุดตรวจเส้นทางสายหลัก และเส้นทางสายรอง ปีนี้ก็ขอความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งของศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับอำเภอ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับท้องถิ่นก็ดี ให้ช่วยกันดูแลในการคัดกรองประชาชน ในเรื่องของความเร็ว ในการใช้ถนน ซึ่งก็ยังเป็นอันตรายระดับต้นๆอยู่ ฉะนั้นก็ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนผู้ใช้ยานพาหนะสัญจรไปมา ให้ใช้ความเร็วภายใต้ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งอันนี้ยังเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ยังคงเป็นอันดับ 1คือ การขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด และ 2 เมื่อขับรถแล้วต้องคาดเข็มขัดนิรภัย หรือสวมหมวกนิรภัย เพราะว่ากรณีที่เสียชีวิตมากที่สุดคือ กรณีที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัยและใช้ความเร็วสูง" นายนิพนธ์กล่าว

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังได้เน้นย้ำด้วยว่า "ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือ ไม่ควรขับรถมึนเมาหรือง่วงนอน ซึ่งปัจจัยสิ่งเหล่านี้ถ้าหากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีก็จะลดความสูญเสียชีวิตโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ อย่างเทศกาลสงกรานต์นี้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นเทศกาลแห่งความสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในจุดตรวจต่าง ๆต่ างพร้อมปฏิบัติงานด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่"

ต่อจากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเป็นประธานปล่อยขบวนรถและเยี่ยมจุดตรวจหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทุ่งสงแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 อำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราช  และจุดตรวจป้อมตำรวจทางหลวงเขาเจียก อ. เมือง จ.พัทลุง อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สงขลา - เลขาธิการ ศอ.บต. ชื่นชมครูในพื้นที่ จชต. ฝึกซ้อมดนตรี เพื่อนำไปสานต่อแก่นักเรียน ใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการแก้ไขปัญหาพื้นที่

ที่ โรงแรมเซาท์เทอร์น แอร์พอร์ท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีปิด พร้อมให้โอวาทแก่ผู้ผ่านการอบรมในกิจกรรมพัฒนาทักษะดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษา และโรงเรียนขยายโอกาสในชุมชนไทยพุทธถดถอยและชุมชนพหุวัฒนธรรม จัดโดยกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. เพื่อพัฒนาทักษะด้านดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้และทักษะด้านดนตรีที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล สามารถถ่ายทอดให้กับนักเรียน เยาวชน ประชาชนให้มีทักษะความรู้และหันมาสนใจการเล่นดนตรีมากขึ้น โดยมีนายถาวร บุญศรี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงพลังงาน) นางสาวจิณห์นิภา ทิมผกุล  นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ตลอดจนบุคลากรของสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมในพิธี

ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมว่า ดนตรีและอุปกรณ์ด้านดนตรีที่ทุกคนได้ฝึกทักษะทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้เราจะได้อะไรกลับไป ทุกภาคส่วนที่เราสามารถต่อเรื่องราวให้เข้าด้วยกันนั้น จะทำให้แผ่นดินใต้และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันภายใต้ “วิถีสังคมพหุวัฒนธรรม” นี้คือผลลัพธ์สุดท้ายของการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นการพัฒนาบุคคล หรือทรัพยากรมนุษย์ อยู่ในลำดับที่ 1 เสมอ ศอ.บต. พร้อมทำในทุกมิติเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลับสู่พื้นที่สันติสุข รวมถึงกิจกรรมการเล่นดนตรีก็สามารถแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเยาวชนในพื้นที่มาเล่นดนตรีในหมู่บ้าน โดยเอาโรงเรียนมาเชื่อมกับบ้าน และนำดนตรีเป็นสื่อกลางสามารถดึงผู้คนเข้ามาร่วมสนุกกันได้ ถือเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่เราสามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนอย่างมีความสุข

ด้านผู้เข้าอบรมฯ ต่างขอบคุณ ศอ.บต. ที่ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะด้านดนตรีในครั้งนี้ โดยมองว่าที่ผ่านมาครูทุกคนได้สอนนักเรียนในวิชาดนตรีก็สอนตามความรู้ที่อยู่ในตำราเท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่า เป็นสถานศึกษาที่อยู่ห่างไกล จึงไม่ค่อยมีอุปกรณ์ด้านดนตรี และไม่สามารถจะฝึกซ้อมนักเรียนให้เล่นดนตรีได้ แต่เมื่อเข้าอบรมในครั้งนี้ ได้รู้ถึงกระบวนการสอน การเล่นดนตรีที่ถูกต้อง จึงมั่นใจว่า หลังจากนี้ไปจะนำความรู้ไปฝึกซ้อมนักเรียนให้สามารถเล่นดนตรี และนำดนตรีมาพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่งให้ได้

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เป็นบุคลากรจากโรงเรียนระดับประถมศึกษาและโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่รับผิดชอบ โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 3 รุ่น รุ่นละ 50 คน โดยรุ่นที่ 1 จากจังหวัดยะลา และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2564 รุ่นที่ 2 จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 2 – 5 เมษายน 2564 และรุ่นที่ 3 จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 6 – 9  เมษายน 2564 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีสากลจากโรงเรียนแก้วเนียมการดนตรี จังหวัดปัตตานี มาให้ความรู้และได้แสดงการเล่นดนตรีในครั้งนี้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top