Saturday, 7 June 2025
SPECIAL

พัทลุง - เหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง และ YEC พัทลุง มอบชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 หลังมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 14 ราย สะสม 83 ราย

วันนี้ 23 เมษายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ เป็นประธานมอบชุดอุปโภค บริโภค โดยมีนางมะลิ วงศ์กระพันธุ์ นายกเหล่ากาชาดได้นำสมาชิกเหล่ากาชาด และ YEC พัทลุง มอบถุงยังชีพและชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เพื่อนำไปมอบให้โรงพยาบาลศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง(โรงพยาบาลสนาม) ที่จัดตั้งขึ้น ณ สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อแจกให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ล่าสุดพื้นที่จังหวัดพัทลุงพบผู้ป่วยวันนี้เพิ่มจำนวนอีก 14 ราย และมีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ประจำเดือน เมษายน 2564 จำนวน 83 ราย และผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม จำนวน 12 ราย

ชลบุรี - โรงพยาบาลชลบุรี ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไม่พบอาการข้างเคียง มีเพียงปวดเมื่อยแค่ปวดเมื่อยตามตัวบ้าง

วันที่ 23 เม.ย.64 ที่บริเวณฉีดวัคซีน -19 ชั้น 4  โรงพยาบาลชลบุรี อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี นำทีม บุคลากรทางการแพทย์ ที่อายุไม่ถึง 60 ปี ฉีดวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวค ซึ่งจัดสรรจาก สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ในล๊อตแรก โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์  เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่ประชาชน  เป็นเข็มที่ 2 ในการรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในครั้งนี้ โดยผู้ที่มาฉีดหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วต้องพักดูอาการก่อน 30 นาที ตามขั้นตอนการรับวัคซีนโควิด -19 ซิโนแวค  โดยจากการสอบถามอาการก็เหมือนกับการฉีดยาทั่วไป ยังไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด มีเพียงบางคนที่แสดงอาการปวดเมื่อยตามตัวเท่านั้น

นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี  ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อว่า วันนี้เป็นการฉีดระลอกที่ 2 เข็ม 2 ที่ รพ.ชลบุรีเราฉีดมาทั้งหมด 4 ระลอกแล้วครับ ระลอกแรกจะเป็นวันที่ 1 มีนา ระลอก 2 จะเป็นวันที่ 2 เมษา วันนี้จะเป็นการฉีดเข็มที่ 2 ของระลอกที่ 2 ส่วนระลอกที่ 3 ฉีดไปเมื่อวันที่ 19 ส่วนระลอกที่ 4 ฉีดไปเมื่อวันที่ 21 ตอนนี้เรามีฉีดไปทั้งหมด 4 ระลอก  ตอนนี้ที่เราฉีดยังเป็นของประเทศนะครับ ก็คือซิโนแวค ในระลอกแรกได้ประมาณ 650 ระลอกที่ 2 ได้ประมาณหนึ่งพัน ระลอกที่ 3 ได้ประมาณหนึ่งพันนิด ๆ ระลอกสุดท้ายที่ฉีดไป เมื่อวันพุธ (วันที่ 21) ได้ 1163 คน

ส่วนเรื่องปัญหาหลังการฉีด นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี ได้กล่าวเพิ่มเติม ประเด็นฉีดของจังหวัดชลบุรีด้วยความเข้มแข็งของท่านสาธารณสุขจังหวัด ท่านผอ.โรงพยาบาลต่าง ๆ เราตั้งเป้าว่าจะฉีดให้เสร็จภายใน 1 วันของทุกระลอก ส่วนระลอกที่เป็นประเด็นและมีปัญหาคือระลอกเมื่อวันจันทร์กับวันพุธ ทางโรงพยาบาลชลบุรีก็พบอยู่ 1 รายที่มีอาการคล้าย ๆ กับที่เป็นข่าว ก็คืออย่างเมื่อวานก็จะพบมีเจ้าหน้าที่ 1ราย หลังฉีดไปแล้ว 1 ชั่วโมง บ่นเรื่องอาการชา ก็ไปตรงอุบัติเหตุและฉุกเฉิน แต่ตอนไปถึงก็อาการดีขึ้นแล้ว จากการสอบถามผู้ถูกฉีดเค้าก็จะมีอาการสักครึ่งชั่วโมงแล้วก็ดีขึ้นเอง เฉพาะฉะนั้นคิดว่าน่าจะยังปลอดภัยนะครับสำหรับการฉีด

(สัมภาษณ์นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี)


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

กาฬสินธุ์ - ป่วยโควิดเพิ่ม3 ฝีมือขาเลาะ-กินข้าวร่วมกันคลัสเตอร์จาก กทม.ยอดพุ่ง 40 ราย

จังหวัดกาฬสินธุ์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย สาเหตุเกิดจากกลับจากกรุงเทพฯ กินข้าวร่วมกันแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวและติดจากเพื่อนที่ทำงานในกรุงเทพแล้วกลับบ้าน ส่งผลให้ยอดสะสมพุ่ง 40 ราย ขณะที่ สสจ.กาฬสินธุ์ปรับแผนเปิดไทม์ไลน์ละเอียดยิบ เพื่อให้ประชาชนช่วยกันป้องกันตัวเอง

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ.กาฬสินธุ์ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 2 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ร่วมกันแถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนามหลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19สะสมในระลอกเดือนเมษายน 2564 รวม 40 ราย

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดวันนี้ 23 เมษายน 2564 พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ทำให้ในช่วงระลอกเดือนเมษายน 2564 มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 40 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1 ราย ส่วนอีก 39 รายกำลังรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์จำนวน 22 ราย โรงพยาบาลฆ้องชัย 17 ราย  โดยผู้ป่วยเดิมรายที่ 1-37 ได้มีการแถลงไปแล้ว ส่วนผู้ป่วยเพิ่มรายใหม่ประกอบด้วย

รายที่ 38 เพศหญิง อายุ 51 ปี อาชีพเกษตรกร ภูมิลำเนาบ้านสร้างมิ่ง ม.12 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เริ่มเจ็บป่วยวันที่ 20 เมษายน 2564 ด้วยอาการเจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 29  (ลูกสาว) และรายที่ 36 ปี (ลูกเขย) ซึ่งผู้ป่วยรายนี้จากการสอบสวนโรคของผู้ป่วยรายที่ 29  พบมีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจำนวน 12 คน เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน 4 ราย และญาติพี่น้องอีก 8 ราย ทุกรายเจ้าหน้าที่ได้ติดตามกักกันตัวในสถานที่พักได้ทั้งหมดแล้ว และเข้ารับการตรวจ พบว่าติดเชื้อ 1 ราย คือรายที่ 39 กำลังรอผลอีก 3 ราย และอยู่ระหว่างการเข้ารับการตรวจอีก 8 ราย

รายที่ 39 เพศหญิง อายุ 33 ปี ว่างงาน ภูมิลำเนาหมู่บ้านเดียวกันและเริ่มป่วยพร้อมกันกับรายที่ 38 ในวันที่ 20 เมษายน 2564 ด้วยอาการไอ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 29 (น้องสาว)  และรายที่ 36 (น้องเขย)

รายที่ 40 เพศหญิง 41 ปี อาชีพรับจ้าง ภูมิลำเนาบ้านค้อ ม.1 ต.หนองช้าง อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 ด้วยอาการลิ้นไม่รับรส เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ร้านเฮลท์แลนด์ เอกมัย กรุงเทพฯ จากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง 4 ราย  ทุกรายสามารถติดตามกักตัวในสถานที่พัก และนัดตรวจเชื้อในวันที่ 23 เมษายน 2564 ทั้ง 4 ราย 

นายทรงพล กล่าวอีกว่า  จากการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่พบว่าช่วงระยะหลังนี้ โดยเฉพาะผู้ป่วยรายที่ 38 และรายที่ 39 มีความเกี่ยวเนื่องติดเชื้อมาจากรายที่ 29 และรายที่ 36 คือเป็นผู้ป่วยในครอบครัวเดียวกันที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพฯ แล้วอาศัยด้วยกัน รับประทานอาหารร่วมกัน และทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งกลุ่มนี้ค่อนข้างพบผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดตามดูภายในหมู่บ้าน เพื่อตรวจคัดกรอง และประเมินสถานการณ์ ซึ่งหากจำเป็นจะมีการมาตรการเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ถือว่าอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค ทางจังหวัดนอกจากจะกำชับให้ทั้ง 18 อำเภอ ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังได้กำชับไปในพื้นที่เข้มงวดเกี่ยวกับพฤติกรรมในการเสี่ยงแพร่ระบาด โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมาก และการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่  เช่น บ่อนการพนัน บ่อนวิ่ง บ่อนชนไก่ การลักลอบการพนันไก่ชน ซึ่งห้ามไม่ให้มีอย่างเด็ดขาด และทางจังหวัดเอาจริงมาตลอด ทั้งนี้หากพบมีการกระทำในลักษณะดังกล่าวพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เพราะกรณีดังกล่าวนั้นเป็นสาเหตุการของการแพร่ระบาด ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นตัวอย่างในหลายพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ

ด้าน นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ได้ทำการสอบสวนโรค และเผยแพร่ไทม์ไลน์เฉพาะพื้นที่และช่วงเวลาเสี่ยง เพราะส่วนใหญ่สามารถควบคุมโรคและติดตามตัวกลุ่มเสี่ยงได้ แต่เพื่อความสบายใจและให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังมากขึ้น จะมีการปรับเปลี่ยนเผยแพร่ไทม์ไลน์ให้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้จากการสอบสวนโรคผู้ป่วยทั้ง 40 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงสามารถตรวจสอบค้นหาได้ว่าติดมาจากไหนและจากใคร ไปถึงไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นวงกว้าง เพราะติดเชื้อที่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุโขทัย - ปตท.สผ. รวมพลังสู้ COVID-19 มอบผ้าห่ม และของใช้ที่จำเป็น เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนาม แก่จังหวัดสุโขทัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 นายวีระวัฒน์ อ่วมสร้อย ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการผลิต โครงการเอส 1 พร้อมด้วย นางแววเดือน ปิงเมือง ผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ โครงการผลิตบนฝั่ง (ประเทศไทย)  มอบผ้าห่ม จำนวน 50 ผืน หน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น และน้ำดื่ม จำนวน 300 โหล เพื่อนำไปใช้สำหรับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ประจำโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม พื้นที่จังหวัดสุโขทัย และเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและสนับสนุนการต่อสู้กับวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID19 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย

จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID19 ปตท.สผ.โครงการเอส 1 ในฐานะผู้ดำเนินการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมบนแปลงสัมปทานเอส 1 มีพื้นที่ปฏิบัติงานหลักอยู่ในจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก และสุโขทัย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ และขอเป็นกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พลังความร่วมมือและร่วมใจของทุกคนจะสามารถยับยั้งการแพร่เชื้อของไวรัสร้ายนี้ให้จบลงได้โดยเร็วที่สุด

มุกดาหาร - ผู้ว่ามุกดาหารตรวจความพร้อมพร้อมโรงพยาบาลสนาม รองรับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID19 ระลอกใหม่ คืบหน้า 95 % พร้อมสำรองสำหรับผู้ป่วยไม่มีอาการหากมีจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ถึง 30 คน

21 เมษายน 2564  เวลา 10.00 น.นายวีระชัย นาคมาศ  ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นายประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร นายแพทย์พงษ์วิทย์ วัชรกิตติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมุกดาหาร  และคณะทำงานบริหารจัดการโรงพยาบาลสนาม กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จังหวัดมุกดาหาร  ตรวจความพร้อม โรงพยาบาลสนามจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งใช้ชื่อว่า ศูนย์ฮักแพงชาวมุกดาหาร  ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารจงวุฒิเวศย์ บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดมุกดาหาร  เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ของจังหวัดมุกดาหารหากเกิดการระบาดวงกว้างและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้ 180 คน ในผู้ป่วยที่อาจไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย แต่สามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคโควิด19 ได้นำมาแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน จึงจะส่งตัวกลับไปสังเกตอาการต่อที่บ้าน 14 วัน ส่วนถ้าหากผู้ป่วยคนใดมีอาการรุนแรงขึ้นจะส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา มีการติดระบบเสียงเพื่อการประชาสัมพันธ์ การติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งเตรียมพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงพยาบาลสนาม  

นายวีระชัย  นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม จังหวัดมุกดาหาร มีความคืบหน้า 95 % ขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล ในการเตรียมความพร้อม ซึ่งโรงพยายาบาลสนามจะสำรองไว้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนการรักษา โรงพยาบาลในจังหวัดมุกดาหารได้เตรียมไว้สำหรับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลจำนวน 120 เตียงซึ่งเพียงพอสำหรับจำนวนผู้ป่วย โดยผู้ป่วยของจังหวัดมุกดาหารในวันนี้ มีเพียง 11 คน หากมีผู้ป่วยเกิน 30 คน จึงจะใช้โรงพยาบาลสนาม และในการแพร่ระบาดในจังหวัดมุกดาหารส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากพื้นที่จังหวัดอื่นและจังหวัดมุกดาหารมีทีมสอบสวนโรคดำเนินการได้อย่างรวดเร็วสามารถควบคุมไม่ให้ระบาดในวงกว้างได้ แต่ทั้งนี้ขอให้อย่าประมาท และให้ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ลงทะเบียน ไทยชนะ หมอชนะ


ภาพ/ข่าว  เดวิท โชคชัย มุกดาหาร / ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

ประจวบคีรีขันธ์ - ศรชล.ประสานช่วยเหลือลูกเรือบาดเจ็บสาหัสขณะทำประมงในทะเล ส่ง รพ. อย่างปลอดภัย

เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ 23 เม.ย.64 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1)  โดย น.อ.ไกรพิชญ์ กรวีร์ปภาวิทย์ หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศคท.จว.ปข.) ได้รับแจ้ง จากศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง ประจวบคีรีขันธ์

(ศจร.ประจวบคีรีขันธ์) หรือศูนย์ Pi-Po ประจวบคีรีขันธ์ ว่า เรือประมง ส.โชคสงวนชัย 9 ขนาด 29.81 ตันกรอส ประเภทเรือประมงอวนลาก ที่ได้แจ้งออกจากท่าเรือเจริญลาภ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 มีลูกเรือ 5 คน มีนายบุญมี สาเกตุ เป็นผู้ควบคุมเรือ มีลูกเรือชื่อนายวงเดือน โนนทิง สัญชาติไทย อายุ 51 ปี ช่างเครื่อง ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส ขณะทำการประมงถูกเชือกรัดขาขวาจนหักผิดรูปมีบาดแผลฉีกขาด เหตุเกิดบริเวณพิกัด Lat 11 องศา 58 ลิปดา 00 ลิปดา เหนือ Long 99 องศา 58 ลิปดา 00 ลิปดา ตะวันออก แบริ่ง 049 ระยะประมาณ 10 ไมล์ จากท่าเรือเจริญลาภ อ.เมือง จ.ประจวบคิรีขันธ์ จึงขอแจ้งเข้าท่าเรือเพื่อส่งตัวผู้บาดเจ็บ ณ ท่าเรือเจริญลาภ หลังทราบเหตุได้ประสานรถกู้ชีพฯ เข้าให้การช่วยเหลือ นำตัวผู้บาดเจ็บ ส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ อย่างเร่งด่วน

จากการสอบถาม นายสมัย มานะดี ลูกเรือชาวไทยผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นายวงเดือน โนนทิง ลูกเรือ ได้ประสบอุบัติเหตุขณะวางอวน แล้วถูกเชือกอวนพันขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงแจ้งกับผู้ควบคุมเรือทราบ และช่วยกันปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนแจ้งเจ้าของเรือรีบนำเรือเข้าฝั่ง เพื่อส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ประจวบคิรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ศรชล.ภาค 1 โดย ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศคท.จว.ปข.) และ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง ประจวบคีรีขันธ์ หรือศูนย์ Pi-Po ประจวบคีรีขันธ์ ดูแลให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

สตูล - เจ้าท่าสตูลเปิดศึกสู้โควิด- 19 กระจ่ายรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามท่าเรือ เรือโดยสาร จุดรับส่งเรือข้ามฝาก หวั่นโควิดระบาดกระจ่ายวงกว้าง ยอดสถิติในสตูลเริ่มขึ้น

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล เปิดยุทธ์ศาตร์ปฏิบัติการร่วมกับพ.ต.อ.จตุรวิทย์  คชน่วม ผกก.9 บก.รน. ,พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ,และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสตูล, กำลังจิตอาสาตำรวจน้ำสตูล และศรชล.จังหวัดสตูล,ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล นำกำลังคน พร้อมรถยนต์กระบะบรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อแบบหัวฉีด ลงฉีดพ่นสำนักงานราชาการ และบริเวณท่าเรือจุดที่ประชาชนใช้ในการรอเรือ จุดขึ้นลงท่าเรือ ทั้งบริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง ท่าเรือแพปลาจุดขึ้นลงเรือกลุ่มผู้โดยสารข้ามฟาก สกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด- 19

โดยเน้นย้ำจุดท่าลงเรือไปยังหมู่บ้านตำมะลังเหนือ ตำมะลังใต้ อยู่ในพื้นที่ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่พบผู้ป่วยติดโควิด- 19 จากลูกชายติดแพร่เชื้อสู่แม่ ขณะนี้ส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์  ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล กล่าวว่า การฉีดพ่นในครั้งนี้เป็นการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคจุดสำคัญ ท่าเรือต่าง ๆ ในความดูแล ตอนนี้ฉีดพ่นทุกวัน รวมแล้วเกือบ 10 แห่งในจังหวัดสตูล รวมทั้งบริเวณท่าเทียบเรือปากบาราสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวลงตามเกาะแก่งต่าง ๆ และมีแผนที่จะลงฉีดท่เรือที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะเช่นกันสำหรับจังหวัดสตูลตอนนี้มียอดติดโควิด- 19 แล้ว 4 ราย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชลบุรี - ฐานทัพเรือสัตหีบ ร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี ตรวจสถานประกอบการตลาด (เช้า) สัตหีบ กวดขัน ตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 ฐานทัพเรือสัตหีบ ร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานประกอบการตลาด (เช้า) หน้าเทศบาลเมืองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อกวดขัน ตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ผลการตรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการปฏิบัติถูกต้องครบถ้วน ตามมาตรการที่กำหนด โดยได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการประชาสัมพันธ์ให้กับลูกจ้าง ปฏิบัติตามมาตรการตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนดโดยเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

สงขลา - สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้าเมืองฯ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้ สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รายสำคัญ

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจได้ร่วมกันจับกุมนายณรงค์ อายุ 40 ปี โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือให้การช่วยเหลือประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่” พร้อมรถตู้ที่ใช้กระทำความผิดทะเบียนกรุงเทพมหานคร นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า นายณรงค์ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน หรือบังโย นำรถตู้ของกลางช่วยเหลือรับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 3 คน ไปพักไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา จากนั้นนายประมวลได้มารับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน จากรีสอร์ตดังกล่าวไปส่งยัง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยมีนายห่อง (HONG) อายุ 30 ปี และนายเหงียน (Mr.NGUYEN) อายุ 33 ปี ชาวเวียดนาม มารอรับที่สนามบินเพื่อช่วยเหลือให้เดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายห่อม (Mr.HONG) อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอีกจำนวน 15 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาชาวเวียดนามจำนวน 15 คน ว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนนายห่อม ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.คลองหอยโข่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นจับกุมนายห่อม รับว่าเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ได้ร่วมกับนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม เป็นผู้ช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน เดินทางจาก ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันจับกุม นายนิพล อายุ 54  ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” พร้อมของกลางรถตู้ทะเบียนบุรีรัมย์ โดยมีคนต่างด้าวชาวเวียดนาม 14 คน (หลบหนีเข้าเมือง) ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในชั้นจับกุมนายนิพนธ์ฯให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน คณะทำงานสืบสวนปราบปรามฯ จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ นายโยฮัน พร้อมพวกรวม 4 คน ในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

กก.สส.บก.ตม.6 ได้สืบทราบว่าจะมีการรับจ้างส่งคนต่างด้าวจากพื้นที่ กทม.มายังภาคใต้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงได้วางแผนในการสกัดกั้นจับกุมโดยประสานการปฏิบัติกับ ตม.จว.สงขลา และ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงรัตภูมิ) ได้มีรถยนต์ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมาถึงบริเวณจุดกลับรถก่อนถึงหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงรัตภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดเพื่อตรวจสอบยานพาหนะ ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้กลับรถหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงมีการไล่ติดตามจนจับกุมได้บริเวณริมถนนเพชรเกษมช่วง กม.1021-1022 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จว.สงขลา จากการตรวจสอบภายในรถพบนายประมวล เป็นผู้ขับขี่, น.ส.แสงจันทร์ นั่งโดยสารอยู่ตอนหลังของรถ (ฉายาในวงการ “พ่อใหญ่-แม่ใหญ่”), MR.XIAO ชาวจีนไม่มีหนังสือเดินทาง นั่งอยู่ที่นั่งตอนหน้าข้างคนขับ (ตรวจสอบจากระบบ BIOMETRICS ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และ “คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และยังพบว่านายประมวลฯ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 109/2564 ในความผิดฐาน ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ดังกล่าวข้างต้น และรถยนต์ คันก่อเหตุ เป็นรถคันเดียวกันกับที่ใช้รับชาวเวียดนาม 2 คน ไปส่งยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ในวันดังกล่าว และในส่วนของ น.ส.แสงจันทร์ หรือแม่ใหญ่ เป็นภรรยาของนายประมวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีความเชื่อมโยงโดยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เครือข่าย “โซติแอล” นายหน้านำพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายห่อม อายุ 31 ปี สัญชาติเวียดนาม ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 110/2564 ลง 5 เม.ย.2564 ควบคุมตัวส่ง สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา, กก.สส.บก.ตม.6 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ได้ร่วมกันรับมอบตัว นาย โยฮัน สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.108/2564 ลง 5 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม อยู่ในระหว่างการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป 

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ระนอง - จับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าว หลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความ เสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้

คดีจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่าบริเวณท่าเรือบ้านทับหลี ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง มีการลักลอบนำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง โดยมีเรือรถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) นำคนต่างด้าวเข้ามาส่งตามช่องทางธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว แล้วจะมีรถยนต์เข้ามารับคนต่างด้าวไปส่งยังจุดหมายปลายทางต่อไป

ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง สนธิกำลังกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ระนอง, สภ.ปากจั่น, ชปข.ร้อย ตชด.ที่ 415 และ จนท.ทหาร ชุด ร้อย ร.2521 (จุดตรวจศิลาสลัก จปร.) วางแผนออกสืบสวนหาข่าว ลาดตระเวน และเฝ้าซุ่มตรวจบริเวณช่องทางธรรมชาติตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีคนต่างด้าวใช้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จนท.ชุดเฝ้าตรวจพบเห็นเรือยนต์หางยาวขับขี่มาจากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามาจอดเทียบท่าภายในซอยประปา ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง ต่อมามีรถยนต์กระบะ ทะเบียนระนอง ขับขี่เข้ามาจอดที่ลานจอดรถบริเวณท่าเทียบเรือ แล้วพบเห็นนายอู (Oo) สัญชาติเมียนมา เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และได้ขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเรื่อยมา ครั้งหลังสุดได้รับอนุญาตให้อยู่ถึง 30 กันยายน 2564 (ทราบชื่อในภายหลัง) ซึ่งนั่งข้างผู้ขับขี่รถยนต์ได้ลงมาจากรถแล้วเรียกให้คนต่างด้าวที่อยู่ในเรือยนต์หางยาวมาขึ้นนั่งกระบะหลัง 4 คน และนั่งในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ 3 คน (รวมทั้งสิ้น 7 คน) แล้วขับขี่รถยนต์มุ่งหน้ามาทางถนนเพชรเกษม จนท.ชุดเฝ้าตรวจจึงแจ้งให้ จนท.ชุดลาดตระเวนเก้าสกัดจับกุม และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณถนนเพชรเกษม ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง และจากการตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวชื่อนายเดชา เตาะ อายุ 45 ปี ที่อยู่ ต.หงาว อ.เมือง จว.ระนอง และพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน อยู่ภายในรถตามที่ชุดเฝ้าตรวจแจ้งทราบชื่อดังนี้

  1. นางเมนู (Mrs.Moe) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.มอละแมง เมียนมา ปลายทางไปทำงานก่อสร้างกับแม่ จว.ภูเก็ต จ่ายค่านายหน้า 15,000 บาท

  2. นางเค (Mrs.Khiin) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานโรงงานขนมจีนกับลุง ที่ จว.ภูเก็ต จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  3. นางเน (Mrs.Hnin) อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานคาแคร์กับแฟน ที่ จว.ภูเก็ต จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  4. นางสุ (Mrs.Su) อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ย่างกุ้ง เมียนมา ปลายทางไปทำงานกรีดยางพารากับพ่อ ที่ จว.สุราษฎร์ธานี จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  5. นางซิน (Mrs.Zin) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางทำงานร้านหมูกะทะกับแฟน จว.ภูเก็ต จ่ายค่านายหน้า 13,000 บาท

  6. นายซู (Mr.Soe) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ย่างกุ้ง เมียนมา ปลายทางไปทำงานกับภรรยา ที่ จว.สมุทรสาคร จ่ายค่านายหน้า 14,000 บาท 

7. นายอ่าว (Mr.Moe) อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานก่อสร้างกับพี่สาว ที่ จว.สุราษฎร์ธานี จ่ายเงินค่านายหน้า เมื่อไปถึง

 จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวทั้ง 7 ราย ต้องการเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย จึงติดต่อประสานกับญาติซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย และได้ชักชวนเดินทางมาทำงานด้วยกัน  โดยติดต่อกับนายตะแง  (Tharnge) นายหน้าชาวเมียนมา ที่อยู่ หมู่บ้านเอซันตา จว.เกาะสอง ประเทศเมียนมา (ตรงข้าม ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จว.ระนอง) ให้ช่วยเหลือนำพาหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และนายตะแง จึงได้นำพาคนต่างด้าวทั้ง 7 ราย หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณซอยประปา ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี พร้อมว่าจ้างให้นาย (Ou) และนายเดชา มารับตัวและนำพาไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และระหว่างเดินทางก็ถูก จนท.ชุดจับกุม เข้าสกัดจับกุมตัวไว้ได้บริเวณ ถนนเพชรเกษม (ขาขึ้น) ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายจอนายอู (Ou) และนายเดชา “ร่วมกันนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อกล่าวหา นางเมนูพิว (Mrs.Moe Hnin) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 7 คน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่ง พงส.สภ.ปากจั่น อ.กระบุรี จว.ระนอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ถูกจับไม่สามารถพูดอ่านภาษาไทยได้ จึงอ่านบันทึกให้ฟังผ่านล่ามแปลชื่อนายอู (Ou) อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

กระบี่ - รองผู้ว่ากระบี่ ลงเยี่ยมเตรียมพร้อม โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รองรับผู้ป่วย 40 เตียง

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 เวลา 14.30 นาฬิกา นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ณ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อำเภอคลองท่อม  

พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ร้อยตำรวจเอกหญิง ศิริพร เนตรพุกกะนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ด้านสาธารณสุข และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ เข้าดูพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผน

มอบหมายหน้าที่ ในการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามแห่งใหม่  นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปสำรวจแหล่งสมาคมกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ซึ่งใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดกระบี่ ขนาด 40 เตียง และกองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่เตรียมรับทหารใหม่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่รองรับผู้ป่วย 140 เตียง อยู่ระหว่างการขออนุมัติการใช้อาคารจากกองทัพบก

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 เตรียมความพร้อมของอาคารแหล่งสมาคมดังกล่าวให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 ห้อง กั้นรั้วรวดหนาวห่างจากตัวอาคาร 50 เมตร จัดกำลังพลดูแลความปลอดภัยรอบตัวอาคาร และยานพาหนะในการสนับสนุน ให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัด ก่อสร้างห้องน้ำและห้องสุขาเพิ่มเติมอีก 4 ห้อง พร้อมติดตั้งระบบประปา สถานที่พักตากเสื้อผ้าของผู้ป่วย และระบบน้ำเสีย ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาคลองท่อม เช็คระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายในและภายนอกตัวอาคาร และเสริมแสงสว่างตลอดแนวรั้วรวดหนาม

ให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัดสำนักงานกระบี่  ติดตั้งเดินสายสื่อสารพร้อมกล้องวงจรปิดภายในอาคารทั้ง 7 ห้อง และภายนอกอาคาร ให้สาธารณสุขอำเภอคลองท่อม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเก็บของเสียที่ผู้ป่วยใช้ไปกำจัดเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการแพทย์ และให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ติดตามเรื่องการขออนุญาตใช้กองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนเตียงสนามผู้ป่วยซึ่งเป็นเตียงกระดาษได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอสซีจีจำกัดมหาชน จำนวน 100 เตียง

ขณะนี้จังหวัดกระบี่ได้นำผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ณ ตึกโกเมน บ้านคลองแห้ง หมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 14 คน

โดยโรงพยาบาลกระบี่ทั้งนี้จังหวัดกระบี่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล คือต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดและของประเทศ ให้สอดคล้องกับแผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคควบคู่ความปลอดภัยสูงสุด


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ขอนแก่น - แห่ซื้อทุเรียนคึกคัก ผู้ค้าจัดเต็มทุกสายพันธุ์ ส่งตรงจากระยอง-จันทบุรี ในราคาสุดคุ้ม เน่า-หนอน-อ่อน-ตึง เปลี่ยนลูกใหม่ให้ทันที เล็งจัดมหกรรมทุเรียนไทยและผลไม้ภาคตะวันออก ช่วยเหลือเกษตรกรไทย วิถีใหม่แบบนิวนอมอล

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ตลาดรถไฟ จ.ขอนแก่น ชาวสวนทุเรียนต่างนำทุเรียนสายพันธุ์ต่าง ๆ จากสวนที่ จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี ขนใส่รถกระบะบรรทุกนำส่งให้กับพ่อค้า-แม่ค้า ที่ตลาดรถไฟขอนแก่น ตามการสั่งซื้อเนื่องจากในขณะนี้ผลผลิตทุเรียนตามฤดูกาลได้ออกผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการค้าผลไม้ตามฤดูกาล ต่างพากันจับจองทุเรียนกับแบบข้ามปี และส่งทีมงานไปจัดซื้อถึงสวนเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในเขต จ.ขอนแก่น และ จังหวัดใกล้เคียงได้เลือกซื้อเพื่อรับประทาน ทำให้ตลอดทั้งวันรถขนส่งทุเรียนจากพื้นที่ จ.ระยองและ จ.จันทบุรี ต่างนำทุเรียนมาส่งให้กับร้านค้าต่าง ๆ กันอย่างคึกคัก ขณะที่ผู้บริโภคและผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนต่างพากันมารอเลือกซื้อทุเรียนในสายพันธุ์ที่ตนเองชื่นชอบตลอดทั้งวันเช่นกัน

นายเอกลักษณ์  ชาวัตร เจ้าของร้านจันทร์ฉายผลไม้สด ตลาดรถไฟขอนแก่น กล่าวว่า ในปีนี้ร้านได้สั่งตรงทุเรียนจากพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง มาจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ขอนแก่น ส่งตรงจากสวนของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนแบบวันต่อวัน ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งจากการนำมาจำหน่ายตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้มาเท่าไหร่ลูกค้ามายืนรอต่อคิวและเลือกซื้อนำกลับไปรับประทานกันตลอดทั้งวัน รวมไปถึงการจำหน่ายแบบค้าส่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าร้านอาหาร ร้านขนมไทย หรือแม้กระทั่งหน่วยงานราชการที่ต่างพากันมาซื้อทุเรียนจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในฤดูกาลผลิตปีนี้ โดยในปีนี้ทางร้านได้นำทุเรียนมาจำหน่วยทั้งหมด 6 สายพันธุ์ มีจำหน่ายให้กับลูกค้าตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง  ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ก้านยาว ที่ร้านจำหน่ายแบบยกเข่ง 50 กก.ขึ้นไป อยู่ที่ กก.ละ 250 บาท ขายปลีก กก.ละ 400 บาท,นกหยิบ ขายส่ง กก.ละ 100  บาท ขายปลีก กก.ละ 180 บาท,ชะนี ขายส่ง กก.ละ 80 บาท ขายปลีก กก.ละ 120 บาท,พวงมณี ขายส่ง กก.ละ 85 บาท ขายปลีก กก.ละ 120 บาท

“ กระดุม ขายส่ง กก.ละ 85 บาท ขายปลีก กก.ละ 120 บาท,และหมอนทอง แบบออกเป็นขนาดเล็กขายส่ง กก.ละ 105 บาท ขนาดกลาง ขายส่ง กก.ละ 120 บาท และ ขนาดใหญ่ ขายส่ง กก.ละ 130 บาท ซึ่งในการขายส่งนั้น ทุกพันธุ์ จะขายส่งที่ 50 กก.ขึ้นไป ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้ามาเลือกซื้อแบบยกเข่ง ยกลัง อย่างมาก ขณะเดียวกันทางร้านยังคงจำหน่ายแบบออนไลน์เพื่อส่งตรงถึงบ้านผ่านระบบการส่งแบบเดลิเวอรี่ให้กับลูกค้าอีกด้วยเพราะบางส่วนกลัวสถานการณ์โควิดไม่กล้ามาซื้อก็มาติดต่อขอซื้อผ่านเพจของร้าน ซึ่งทางร้านได้จัดให้มีบริการแบบครบวงจรเช่นกัน และที่สำคัญทุเรียนจากทางร้านที่นำมาจำหน่ายนั้นหากลูกค้าซื้อไปแล้วพบว่า เน่า-หนอน-อ่อน-ตึง สามารถส่งคืนและเปลี่ยนลูกใหม่กับทางร้านได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย”

ขณะที่นายสัมฤทธิ์  อุปเทศ เจ้าของร้านไสวผลไม้สดตลาดรถไฟขอนแก่น กล่าวว่า ร้านเปิดจำหน่ายทุเรียนมานานกว่า 30 ปี โดยมีทุเรียนจำหน่ายตั้งแต่เดือน เม.ย.ซึ่งเป็นทุเรียนจากภาคตะวันออกของไทย จากนั้นก็จะตามด้วยทุเรียนภาคใต้และทุเรียนศรีษะเกษ ทำให้ร้านมีทุเรียนจำหน่ายตั้งแต่เดือน เม.ย.ไปจนถึงเดือน พ.ย.ของทุกปี ซึ่งมีลูกค้าประจำหมุนเวียนมาเลือกซื้อทุเรียนกันทุกวัน  โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ที่ร้านการันตีผลผลิตว่าทุกลูกนั้นส่งตรงจากสวยส่งถึงมือผู้บริโภคที่อึ้ม อั้น พูเหลืองอร่ามสวยงามน่ารับประทาน เรียกได้ว่าเป็นเกรดพรีเมี่ยม คุณภาพดี ไม่ผิดหวัง โดยแต่ละวันจะเกษตรกรจะส่งจากต้นทางมาถึงปลายทาง ในทุกช่วงเวลา เมื่อมาถึงก็จะคัดไซค์เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าตามขนาดต่าง ๆ เช่นกัน

ด้านนายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น กล่าวว่า ฤดูกาลทุเรียนปีนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงทุเรียนเลิฟเวอร์อย่างมาก ซึ่งตลาดรถไฟขอนแก่น มีแผงจำหน่ายทุเรียนมากกว่า18 ร้านค้า ที่ให้บริการในทุกสายพันธุ์ในราคาไม่แพงส่งตรงจากสวน มาถึงขอนแก่น ทุกวัน เรียกได้ว่าบรรยากาศการเลือกซื้อทุเรียนแบบวิถีใหม่นิวนอมอลนั้นคึกคักอย่างมาก ตามมาตรการควบคุมและป้องกันซึ่งตลาดยังคงคุมเข้มในทุกมาตรการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ขณะที่ราคาจำหน่ายยังคงเป็นไปตามกลไกของตลาดและราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และที่สำคัญทุกร้านให้ความร่วมมือร่วมใจ ลดราคาแบบพิเศษสุดๆให้กับลูกค้าทำให้ตลอดทั้งวันมีลูกค้ามารอเลือกซื้อทุเรียนกันอย่างคึกคัก

“บางร้าน บางแผงเมื่อรถขนทุเรียนเข้ามาจอดก็ถูกจับจองเลือกซื้อจนหมดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ต้องสั่งทุเรียนจากสวน มาจำหน่ายตามความต้องการให้กับลูกค้ากันอย่างเพียงพอและตามความต้องการ อย่างไรก็ตามตลาดรถไฟขอนแก่น เตรียมจัดเทศกาลทุเรียนไทยและผลไม้ตะวันออก ที่กำหนดจัดกิจกรรมดังกล่าวแบบนิวนอมอล ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ในช่วงต้นเดือน พ.ค. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้จากพื้นที่ภาคตะวันออก รวมทั้งเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนได้นำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับคนอีสานได้เลือกซื้อในราคาสุดคุ้มที่ขอนแก่นอีกด้วย”

พังงา - ธารน้ำใจชาวพังงาสู้ภัยโควิด-19 ร่วมบริจาคพัดลม 64 ตัวให้โรงพยาบาลสนาม

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา พระเทพปัญญาโมลี รองเจ้าคณะภาค 17 พร้อมด้วยน.ส.สาวดี  รักษ์ศิริ สหกรณ์จังหวัดพังงา น.ส.วรนิษฐ์ อภิรัฐจิรวงษ์ พาณิชย์จังหวัดพังงา น.ส.ปรียาภัทร์ พรหมชูแก้ว ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด นำพัดลมทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวม 64 ตัวและน้ำดื่ม 25 โหล มอบให้กับนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬากลาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อยจากโรงพยาบาลตะกั่วป่าและโรงพยาบาลพังงา มาดูแลรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังพบผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน จนทำให้ห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เตรียมไว้ใกล้จะเต็ม และล่าสุดจังหวัดพังงามีผู้ป่วยโควิด-19ระลอกใหม่รวม29 คน


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. ประกาศผลสอบ GAT-PAT ปีการศึกษา 2564 แล้ว

2 ช่องทาง ประกาศผลคะแนน GAT/PAT ปีการศึกษา 2564

 

ช่องทางที่ 1 ระบบ GAT/PAT

1.) เข้าระบบ GAT/PAT ที่ http://www.gatpat.niets.or.th/GPS.Register.Web/Account/Login

2.) ไปที่เมนู ผลสอบ ของ การสอบ GAT/PAT

3.) ตรง การจัดสอบ เลือก การสอบ GAT/PAT ประจำปี 2564 (มีนาคม 2564)

 

ช่องทางที่ 2 ระบบ E-Score

เข้าระบบที่ http://escore.niets.or.th/escore/ เข้าระบบด้วย เลขประจำตัวประชาชน และ รหัสผ่านเดียวกับ ระบบ GAT/PAT

พังงา - เมื่อไหร่จะได้ใช้...ชาวเกาะพระทอง 2 หมู่บ้าน รอใช้ไฟฟ้านานมากว่า2 ปี หลังการไฟฟ้าลากเคเบิลใต้น้ำขึ้นเกาะแต่ขยายเขตปักเสาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านบนเกาะพระทอง อ.คุระบุรี ว่าหลังจากการไฟฟ้าภูมิภาคทำโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 33 เควี มายังเกาะพระทอง เพื่อให้ชาวบ้านและหน่วยงานราชการบนเกาะพระทองได้ใช้ประโยชน์ โดยจุดลงฝั่งแผ่นดินใหญ่อยู่ในบริเวณ ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งละออง จุดขึ้นอยู่ที่ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งดาบ ม.1 ต.เกาะพระทอง ซึ่งโครงการได้แล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2561

แต่ปัจจุบันสามารถจ่ายไฟฟ้าให้ชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 บ้านทุ่งดาบได้เพียงหมู่บ้านเดียวเท่านั้น ไม่สามารถขยายเขตปักเสาไฟฟ้าไปยัง ม.2 บ้านท่าแป๊ะโย้ยและม.4 บ้านปากจกได้ เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องการไม่ได้รับอนุญาตให้ปักเสาไฟฟ้าในเขตป่าต่าง ๆ ได้ ทำให้ชาวบ้าน 2 หมู่บ้านต้องรอไฟฟ้าเก้อมานานกว่า 2 ปี ปัจจุบันต้องใช้ไฟปั่นและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ชาวบ้านได้ใช้ไฟฟ้าเสียที อย่าให้รอนานอย่างนี้ ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆและเสาไฟฟ้าถูกกองทิ้งอยู่ไว้ข้างทาง คาดว่าอุปกรณ์บางอย่างก็คงเสื่อมลงเรื่อย ๆ

นายอรรถพล มีเพียร นายก อบต.เกาะพระทอง เปิดเผยว่า ปัญหาในการขออนุญาตปักเสาพาดสายที่เกาะพระทองอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสรุป อย่างเช่น การทำศึกษาเกี่ยวกับเรื่องป่าสงวนแห่งชาติ และก็ทำรายงานว่าทำได้ไหม ดำเนินการได้รึเปล่า รวมไปถึงป่าอุทยานแห่งชาติ ว่าสามารถดำเนินการปักเสาได้ไหม แล้วอีกตัวนึงก็คือป่าชายเลน ทาง ทสจ.พังงาทำเสร็จไปแล้ว 2 ตัว คือป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอุทยานแห่งชาติ ส่วนป่าชายเลน ได้สรุปเสร็จเมื่อวันที่ 9 เมษาที่ผ่านมา เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาลงนามส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top