Monday, 7 July 2025
SPECIAL

นักศึกษาชาวจีนต่างเชื่อมั่นในระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเอกชนของประเทศไทย พากันสมัครอย่างหนาแน่น ด้านมหาวิทยาลัยเตรียมพร้อมเพิ่มมาตรการพิเศษ เปิดภาคเรียนในช่วงโควิด ป้องกันการระบาดอย่างเต็มที่

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นอกจะส่งผลทั้งเศรษฐกิจ และ เศรษฐกิจแล้ว การศึกษาก็ยังได้รับผลกระทบเต็ม ๆ อีกด้วย แต่ในระบบการศึกษาของไทยนั้นก็ต้องมีการปรับตัวทั้งเนื้อหาการเรียนรวมไปถึงรูปแบบการสอนให้ดียิ่งขึ้น

มหาวิทยาลัยของเอกชนก็เช่นกัน ต้องมีการปรับรูปแบบการเรียน การสอน และมีการพัฒนาหลักสูตรให้มีเนื้อหาที่ดียิ่งขึ้นจนสามารถติดอันดับต้น ๆ ของประเทศได้ และด้วยสภาพแวดล้อม เอกลักษณ์และวัฒนธรรมเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติจนอยากที่จะมาศึกษาในประเทศไทย และได้มีการสมัครเข้ามาศึกษาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงนักศึกษาชาวจีนที่สมัครเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนของประเทศไทยมากขึ้นกว่าเดิม 

ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรม และการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) ได้เปิดเผยว่า “การระบาดของโควิด-19 ไม่ส่งผกระทบต่อนักศึกษาจีนที่มาเรียนที่ธุรกิจบัณฑิตย์ เพราะมีการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ต่อเนื่อง และไม่พบนักศึกษาเดิมลาออกแต่อย่างใด เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในหลักสูตรการเรียนของมหาวิทยาลัย แม้จะเรียน และสอบผ่านออนไลน์ 100% ส่วนการเรียนภาคปฏิบัติ ใช้วิธีไปเรียนช่วงท้ายเทอมที่คาดว่าสถานการณ์การระบาดคลี่คลายแล้ว รวมไปถึงสอบรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด”

ส่วนคุณภาพการเรียนในสถานการณ์โควิด-19 นั้นต้องยอมรับว่ามีผลกระทบแน่นอน ทาง ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มธบ. จึงมีนโยบายว่าอาจารย์ต้องมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น หากนักศึกษามีปัญหาด้านการเรียน หรือปัญหาอื่นช่วงที่เรียนในมหาวิทยาลัย อาจารย์ควรแนะนำวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้กับนักศึกษาอย่างรวดเร็ว และที่ผ่านมา มธบ.เตรียมเปิดการเรียนการสอนตามปกติ (onsite)

นอกจากนี้ มธบ.มีมาตรการพิเศษกำหนดจำนวนนักศึกษาต้องไม่เกิน 20 - 25 คนต่อคลาส อาจารย์แต่ละภาควิชาต้องตรวจเช็กการเข้าเรียนต่อเนื่อง ทำให้นักศึกษาจีนและไทยยังสนใจสมัครเรียนเพิ่ม โดยเฉพาะปีในปี พ.ศ.2564 ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน (เฉพาะนักศึกษาใหม่) 

“ด้วยคุณภาพการเรียนการสอน คุณภาพหลักสูตรที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรมมีการรับรองมาตรฐานแล้ว ทั้งการสร้างคน เราไม่ได้ให้แค่ความรู้เฉพาะทางแต่ให้ความรู้เพิ่มแบบที่ตลาดงานต้องการ เพื่อให้นักศึกษาเรียนจบแล้วมีงานทำทันที” ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าว

มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดประกาศรับสมัครผู้ที่สนใจเรียนต่อสาย MBA ในโครงการ Skoll Scholarships เมื่อเรียนจบแล้วสามารถเป็นผู้ประกอบการที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้ โดยมอบให้ 5 ทุน ปิดรับสมัครต้นมกราคมปี 65

สถาบันธุรกิจบัณฑิต Saïd Business School แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด สถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก มอบทุนการศึกษาในโครงการ Skoll Scholarships สำหรับนักศึกษาทั่วโลกในหลักสูตร MBA ประจำปีการศึกษา 2022 เปิดรับใบสมัครแล้ว

สถาบัน Saïd Business School เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ที่มีความเป็นเลิศในด้านวิชาการอันดับต้นๆของโลก เปิดสอนหลักสูตรทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ในสาขาบริหารธุรกิจ การจัดการ และการเงิน เพื่อสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ไกลในการขับเคลื่อนกระแสธุรกิจโลกในอนาคต 

 
เป้าหมายของทุน Skoll Scholarships เพื่อมอบโอกาสให้กับนักศึกษาที่มีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ประกอบการที่พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลง ทลายกำแพงกรอบแนวคิดเดิม ๆ เพื่อให้ทันกับความท้าทายใหม่ ๆ ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนอย่างไม่หยุดนิ่งทุกเสี้ยววินาที

ทุน Skoll Scholarships มีจำนวน 5 ทุน เปิดรับใบสมัครจากนักศึกษาจากทุกประเทศทั่วโลก ครอบคลุมค่าเรียนในหลักสูตร MBA แบบเรียนเต็มเวลา เรียนในแคมปัส ที่ Saïd Business School  หลักสูตร 1 ปี ค่าเรียนมูลค่า 63,000 ปอนด์ และค่ากินอยู่บางส่วนอีก  14,777 ปอนด์

 
นอกจากนี้ยังมีโอกาสเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Skoll Scholar สังคมที่เต็มไปด้วยนักธุรกิจระดับสูง ที่มีประสบการณ์หลากหลาย และมุมมองล้ำสมัย และยังมีโอกาสได้พบปะ สัมมนากับผู้ประกอบการ และนักลงทุนที่มีชื่อเสียงของโลกอีกมากมาย

ชลบุรี - นครแหลมฉบัง จัดประชุมประชุมปรึกษาหารือคณะผู้บริหาร เชิญ ‘ดร.คณิศ’ เลขา EEC แนะพัฒนาพื้นที่ เผยข่าวดี ท่าเรือเฟส 3 เตรียมยื่นนายกตู่ นำเข้า ครม.อีก 2 อาทิตย์

ที่ห้องประชุมเมืองท่า ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบัง ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะผู้บริหาร เทศบาลนครแหลมฉบัง เป็นประธานเปิดประชุมปรึกษาหารือคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง ครั้งที่ 2/2564 พร้อมด้วยนางจินดา  ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ในการยังได้เชิญ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เข้าร่วมพบปะพูดคุยกับผู้เข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ยังได้เชิญผู้แทนจากภาคเอกชน ประกอบด้วย ท่าเรือแหลมฉบัง บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และโรงกลั่นไทยออลย์ เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย

นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ได้กล่าวขอบคุณ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ช่วยในการผลักดันงบประมาณ จนกำเนิดโครงการก่อสร้างทางแยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3 กับถนนเมืองใหม่เหนือและถนนนิคมแหลมฉบัง 4 จ.ชลบุรี ด้วยงบประมาณ 177 ล้านบาท ที่จะช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสุขุมวิท ที่ต้องการมุ่งหน้าเข้าไปทำงานในพื้นที่ ท่าเรือแหลมฉบัง และบริษัทกว่า 200 บริษัท ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยไม่ต้องมุ่งหน้าไปเลี้ยวยูเทรินกลับรถ ประดังกันที่บริเวณสี่แยกท่าเรือแหลมฉบัง บางครั้งรถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตร

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ได้มาร่วมประชุมในครั้งนี้ สำหรับโครงการภายใต้การผลักดันงบประมาณของ คณะกรรมการ EEC นั้น มีทั้ง ท่าเรือมาบตะพุด สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งพัฒนาไปมากแล้ว แต่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 กลับกลายเป็นว่าพัฒนาช้าที่สุด ซึ่งเราเสียเวลาไป กว่า 3 ปี และเสียดายมาก แต่ล่าสุดได้มีการแก้ไขระเบียบสัญญาต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย

ทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ได้เตรียมยืนเรื่องการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีก 2 อาทิตย์ เพื่อนำเข้าสู่ ครม.ต่อไป

โดยท่าเรือระยะที่ 3 มีอยู่ 3 เรื่องที่เป็นข่าวดีและเป็นเรื่องใหม่ ท่าเรือแห่งนี้ จะเป็นท่าเรือ ฟลูออติเมชั่น ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 ที่ ในโลกเท่านั้น และเราจะเป็นที่ ๆ 3 ต่อจาก ท่าเรือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และข้อดีของการเป็นท่าเรือฟลูออติเมชั่น คือสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง เพราะว่าไม่ต้องใช้คนงานเยอะ สอดคล้องกับการใช้ระบบ 5 จี เข้ามาช่วยปฏิบัติงาน เช่นการยกตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นลง ผ่านทางลางรถไฟ ซึ่งหากปิดไฟมืดสนิทก็ยังคงสามารถปฏิบัติงานได้ เนื่องจากเป็นระบบ

ในขณะที่เรื่องที่ 2 คือ ระบบรถไฟ ซึ่งเราได้วางระบบไว้ โดยจะใช้การขนส่งทางรถไฟ เป็นส่วนใหญ่ หรือ 80 % และที่สำคัญจะสามารถช่วยลดปัญหาความคับคั่งของปัญหาจราจรในพื้นที่ได้ และเรื่องที่ 3 คือ คอร์เนต ทีริตี้ มาใส่ในท่าเรือแหลมฉบัง โดยเป็นการนำตู้คอนเทนเนอร์มาขนถ่ายผ่านระบบออโตเมติกในท่าเรือแหลมฉบัง ให้เยอะที่สุด เราหวังว่าตู้คอนเทนเนอร์ จาก 11 ล้านทีอียู ในปัจจุบัน จะเพิ่มอีก 7 ล้านทีอียู รวมเป็น 18 ล้านทีอียู ต่อปี และส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบัง ขึ้นเป็นอันดับที่ 15 ของโลก

ส่วนที่มีการสอบถามมาว่า ปัญหาการเดินทางไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูง ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ถือมีความแออัดเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะไปไม่ทัน และตกรถไฟได้

เรื่องนี้ทางคณะกรรมการ EEC ได้มีการวางแผนเพื่อรองรับพื้นที่สถานีรถไฟความเร็วสูงไว้แล้ว โดยจัดให้มีการลดการใช้รถยนต์เดินทางมายังสถานีรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเปิดให้มีจุดรับส่งประชาชนขึ้นรถโดยสารสาธารณะ เดินทางไปสถานีรถไฟ ตามจุดต่าง ๆ ของพื้นที่

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ได้สนับสนุนเงินลงทุนใน 3 จังหวัด พื้นที่ EEC ในโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วกว่า 630,000 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าอีกใน 4 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนอีก 1.66 ล้านล้านบาท ในขณะที่ภาครัฐ ต้องการเพิ่มศักยภาพลงทุนให้เป็นจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และชักชวนให้ภาคเอกชนมาลงทุนในพื้นที่ EEC เป้าหมายตั้งไว้ที่ ปีละประมาณ 5 แสนล้านบาท

 

ตำรวจเตือน! พ่อ - แม่ และผู้ปกครอง ปล่อยปละละเลยให้เด็กเล่นการพนัน อาจถูกดำเนินคดีด้วย

วันที่ 6 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในปัจจุบัน พบว่ามีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของภัยทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะการชักจูงและล่อลวงให้เข้าเล่นพนันออนไลน์ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปกับการพนัน จนนำไปสู่การก่ออาชญากรรมประเภทอื่น เช่นกรณีเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุ เด็กอายุเพียง 16 ปี ก่อเหตุบุกรุกเข้าไปภายในบ้าน และได้ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านและผู้พักอาศัยได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โพธาราม จว.ราชบุรี โดยผู้กระทำผิดอ้างว่าจะเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านไปจ่ายหนี้จากการเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนเพื่อจับกุมผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงความร่วมมือ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้ต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานไม่ให้ประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และหากพบว่าบุคคลใดมีพฤติกรรมชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กและเยาวชน ประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือเล่นการพนัน บุคคลดังกล่าวจะมีความผิดตาม มาตรา 26 ประกอบมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ลำปาง - "พิทักษ์คน ร่วมกันพัฒนาค่ายฯ" ผบ.มทบ.32 มอบของที่ระลึกแก่กำลังพล เนื่องในวันสถาปนาหน่วย

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา 09.00 น. พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นประธานในพิธี มอบของที่ระลึกเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลของมณฑลทหารบกที่ 32 และหน่วยขึ้นตรงกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เนื่องในวันสถาปนาของหน่วย เพื่อให้หน่วยได้ใช้งบประมาณของหน่วยในการดูแล สวัสดิการกำลังพลให้เกิดประโยชน์ เป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาดีของผู้บังคับบัญชา และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ทุ่มเทเสียสละช่วยเหลือในการทำงาน ตามภารกิจของหน่วยอย่างเต็มขีดความสามารถ ในห้วงที่ผ่านมา ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

  ในการนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้กล่าวขอบคุณ และให้กำลังใจกำลังพลทุกนาย ที่ได้ร่วมกันพัฒนาค่ายฯ โดยได้เน้นกำชับในเรื่องมาตรการพิทักษ์คน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไว้รัสโคโรนา 2009 หรือโควิด-19 ให้กำลังพลทุกนายไม่ประมาท พร้อมเดินหน้าร่วมมือการทำงานเป็นทีม

ในการพัฒนาค่ายสุรศักดิ์มนตรีอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ต่อกองทัพบก และประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ 
พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 กล่าวว่า "วันนี้ผมเป็นตัวแทนในนามหน่วย มอบของเป็นสวัสดิการเนื่องในวันสถาปนาหน่วย เป็นกระติกน้ำให้กับพวกเรา ถือว่าเป็นการขอบคุณแทนหน่วย สำหรับในปี 65 นี้อยากบอกพวกเราว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดเนื่องจากว่าขณะนี้เราได้ และกลับมาปฏิบัติงานเต็มรูปแบบ


 

เชียงใหม่ - สดร. คว้ารางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประจำปี 2564

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 - สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาครัฐ ราชการ และประชาสังคม ประจำปี 2564” บทพิสูจน์ความมุ่งมั่นตั้งใจ ใช้ดาราศาสตร์เป็นโจทย์ท้าทายการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาคน ผลักดันนวัตกรรมล้ำหน้าสู่สังคม สร้างการรับรู้ และมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชนไทยให้เข้าถึงดาราศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่กับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมอย่างเข็มแข็งและยั่งยืน


ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา
กว่า 12 ปีที่ผ่านมา สดร. มุ่งใช้โจทย์ที่ท้าทายที่สุดทางดาราศาสตร์ เป็นยุทธศาสตร์ผลักดันนวัตกรรมล้ำหน้า ผลักดันเทคโนโลยีที่ต้องคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์วิจัยดาราศาสตร์ การได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของบุคลากรทุกคนในสถาบัน และถือเป็นบทพิสูจน์ความตั้งใจของคนทั่วทั้งองค์กร
ที่ต่างมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมในทุกด้าน เราใช้ดาราศาสตร์ซึ่งเป็นโจทย์วิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้าในการพัฒนาคนและเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกจำนวนมาก มีต้นกำเนิดมาจากการพัฒนาในวงการวิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้า นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราลงมือทำ โดยเฉพาะนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ไทยอาจจะยังไม่เคยทำมาก่อน เราขับเคลื่อนองค์กรด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจของบุคลากร เรามีพื้นที่ให้ทุกคนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และลงมือปฏิบัติจริง และไม่ปฏิเสธการร้องขอจากบุคคลหรือหน่วยงานอื่นในเรื่ององค์ความรู้และเทคนิค ส่งผลให้ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา งานนวัตกรรมของ NARIT  มีหลากหลายทั้งในระดับโลก ระดับชาติ และระดับองค์กร 


บางชิ้นเป็นต้นแบบเครื่องแรกในโลก เช่น  ระบบถ่ายภาพความละเอียดสูงพร้อมระบบทัศนูปกรณ์แบบปรับได้ เป็นต้น นวัตกรรมดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในสถาบันยังต่อยอดไปสู่นวัตกรรมในวงการอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และดาวเทียม ฯลฯ นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายโครงการ ยังนำมาซึ่งการพัฒนาขีดความสามารถสูงสุดของนักวิจัย วิศวกร ช่างเทคนิค โปรแกรมเมอร์ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง นอกจากจะทำให้เกิดคนเก่งแล้ว ยังจะนำไปสู่การพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต นำประเทศไทยให้หลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางอีกด้วย 
 

สระบุรี - แม่ทัพภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำและเยี่ยมประชาชน ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยน้ำท่วมในจังหวัดสระบุรี

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา14.00 น พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 และคณะกำหนดเดินทางมาตรวจสถานการณ์น้ำ และตรวจเยี่ยมประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ อำเภอบ้านหมออำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี

มีนายสมภพ สมิตะสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพลตรีคณธัช มากท้วม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 พลตรีจิรวัฒน์ นาคะรัตน์ ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้าค่ายอดิศรสระบุรี พลตำรวจตรีชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีนายพุทธพงษ์ สุริยะสิงห์ นายอำเภอบ้านหมอบรรยายสรุปเจ้าหน้าที่ หัวหน้าข้าราชการอำเภอบ้านหมอ ให้การต้อนรับ

 จากนั้นได้ดูคันกั้นน้ำของ 23 R ที่ชำรุดแตกที่เป็นสาเหตุให้น้ำท่วม 3 อำเภอได้แก่อำเภอบ้านหมอ  อำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด จึงได้ตรวจดูการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ได้ดำเนินการเอาหินมัดรวมใส่ตาข่าย เพื่อปิดทางน้ำตรงประตูน้ำเริงราง 

 

นครนายก - องค์การบริหารส่วน จ.นครนายก จัดโครงการมอบเครื่องอุปโภค - บริโภคช่วยเหลือประชาชน ที่ลงทะเบียนจำนวน 20,575 ครัวเรือน จากผลกระทบโควิด-19

ที่อาคารอเนกประสงค์ วัดรังษีโสภณ ตำบลนครนายก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก พร้อมคณะ เจ้าหน้าที่และพนักงาน จัดโครงการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือประชาชนจังหวัดนครนายก

และในวันนี้ได้ลงพื้นที่วัดรังสีโสภณ ตำบลนครนายก โดยมีประชาชนที่ผ่านการลงทะเบียนรับเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 197 ชุดโดยมอบให้ครัวเรือนละ 1ชุดเข้ารับมอบเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการแบ่งเบาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

 

จันทบุรี - ธารน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ‘EastWater’ มอบเงินบริจาคให้แก่สำนักงานเหล่ากาชาด เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

วันที่ ( 5 ต.ค.64 ) ที่ห้องรับรอง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรีนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย นางสุนิชฌาน์ ทองแย้ม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี นำ ผู้แทนคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดจันทบุรี เสมียนตราจังหวัดจันทบุรีร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบเงินสด

 

 

นครพนม - Army Delivery ร.3 พัน.3 ส่งมอบอาหารปรุงสุกถึงบ้าน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พันโท ศรณณัฐ นวลมณี ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3 พัน.3) จัดโครงการ “Army Delivery” ส่งมอบอาหารปรุงสุกฟรีถึงบ้าน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้หน่วยทหารดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ตามศักยภาพของหน่วยในการช่วยเหลือประชาชน ในรูปแบบโครงการ “Army Delivery” โดยการจัดรถจักรยานยนต์ส่งอาหารให้พี่น้องประชาชนถึงที่พักอาศัย ซึ่งได้ทำการแจกจ่ายจำนวน 100 ชุด ในพื้นที่บริเวณชุมชนรอบค่ายพระยอดเมืองขวาง และพื้นที่ใกล้เคียง

  

 

ปทุมธานี - ‘บิ๊กแจ๊ส’ เดินลุยน้ำพา นร.อาชีวะ ลงพื้นที่ตลาดเก่าแก่อิงน้ำ ช่วยปชช.ริมเจ้าพระยา เลื่อนปลั๊กไฟเตรียมป้องกันโบราณสถาน

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา 08:30 น. ที่ท่าเรือหน้าวิทยาลัยเทคนิคปทุมานี ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ขับเรือยนต์ พร้อม เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปทุมธานี เพื่อมารับนักเรียนอาชีวศึกษาสาขาช่างไฟฟ้าวิทยาลัยเทคนิคปทุมานี เพื่อพาล่องเรือตรวจระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและช่วยย้ายสายไฟ ปลั๊กไฟและ มิเตอร์ไฟฟ้าให้กับบ้านริมน้ำตลอดเส้นทางจากนั้นได้ลงพื้นที่ตลาดอิงน้ำ ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำพร้อมช่วยย้ายปลั๊กไฟและสิ่งของขึ้นที่สูง

โดยมี นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต , นายกฤษดา พงษ์เสริม ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปทุมธานี พร้อมทีมงาน, นายระเด่น ดวงแก้ว อาจารย์สาขาช่างไฟฟ้ากำลังพร้อมอาจารย์อีก 5 คน และนักเรียนอาชีวศึกษาสาขาช่างไฟฟ้า จิตอาสาอีกจำนวน 6 คน ร่วมลงพื้นที่ย้ายปลั๊กไฟและหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจุดที่ใกล้ระดับน้ำ

ในส่วนของเทศบาลนครรังสิต ได้ระดมสูบน้ำจนสถานการณ์เป็นปกติ โดยสถานีสูบน้ำกึ่งถาวรปากคลองรังสิตฯ เดินเครื่องสูบน้ำ 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 8 เครื่อง ระดับน้ำด้านเหนือน้ำ(คลองรังสิต) +1.65 ม.รทก. ระดับน้ำด้านท้ายน้ำ(แม่น้ำเจ้าพระยา) +2.05 ม.รทก. , สถานีสูบน้ำเปรมใต้ เดินเครื่องสูบน้ำ 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง ระดับน้ำเปรมใต้(คลองเปรมประชากร) +0.60 ม.รทก. ระดับน้ำคลองรังสิต +1.80 ม.รทก. , สถานีสูบน้ำจุฬาฯ1 เดินเครื่องสูบน้ำ 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง , สถานีสูบน้ำจุฬาฯ2 เดินเครื่องสูบน้ำ 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 4 เครื่อง , สถานีสูบน้ำจุฬาฯ3 เดินเครื่องสูบน้ำ 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 4 เครื่อง ระดับน้ำด้านเหนือน้ำ(ด้านในคลองรังสิต) +1.08 ม. รทก. ระดับน้ำด้านท้ายน้ำ(ด้านซ่อมสร้าง) +1.82 ม. รทก. ซึ่งระดับภายในเขตรังสติอยู่ในระดับสภาวะปกติ

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า สิ่งที่เราห่วงคืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ต่ำแล้วกลัวว่าน้ำจะท่วมแล้วประชาชนจะได้รับอันตราย เมื่อเราลงพื้นที่สำรวจพบว่ามีบางบ้านที่จำเป็นต้องปิดไฟหมด เพราะว่ากลัวกระแสไฟฟ้าดูด ต้องขอขอบคุณทางท่านผู้จัดการไฟฟ้าจังหวัดปทุมธานี และวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี ได้จัดอาจารย์และนักศึกษไฟฟ้ากำลังมาร่วมแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้จริง ๆ ทางเราจะดำเนินการต่อไปและถ้าประชาชนต้องการความช่วยเหลือก็สามารถแจ้งมาที่ทางการไฟฟ้า เบอร์ด่วน 1129 เพื่อช่วยแก้ไขความเดือดร้อนเรื่องไฟฟ้า

นอกจากนี้ ตนเองยังจัดอุปกรณ์ตรวจสอบกระแสไฟรั่วในน้ำให้กับทางการไฟฟ้าและทางคณะของเทคนิคปทุมเพื่อให้ไปใช้ตรวจสอบกระแสไฟในน้ำ หากในน้ำมีกระแสไฟฟ้า อุปกรณ์ตัวนี้จะสั่น เราจึงนำมามอบให้พี่น้องประชาชนบางส่วนก่อน เพื่อเอาไว้ใช้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย และเราได้ประเมินสถานการณ์น้ำวันต่อวันโดยให้ นายชัยวัฒน์ อินทร์เลิศ และนายสมร แตงอ่อน สมาชิกสภาองค์หารบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ไปเกาะติดที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เมื่อเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำมาจนมาที่ อ.บางไทร ปล่อยน้ำเท่าไร ซึ่งตอนนี้ปล่อยน้ำเกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่ายังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต พี่น้องประชาชนต้องเฝ้าระวัง และวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จะมีพายุใหญ่เข้ามาอีก จึงต้องมาดูเตรียมความพร้อมเพื่อระมัดระวังกันต่อไป

 

สมุทรสาคร - Kick Off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน (Pfizer) ในเด็กนักเรียน ส่วนผู้ติดเชื้อรายวัน 145 ราย

เมื่อเวลา 08.30 น. ของวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) หรือโรงเรียนเทศบาล 8 ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการ Kick Off การสร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนในเด็กนักเรียน โดยการฉีดวัคซีน Pfizer ให้กับนักเรียนที่มีอายุ 12 – 17 ปี มีนายประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรสาครและคณะ ศึกษาธิการจังหวัด บุคลากรทางด้านสาธารณสุข  ผู้มีเกียรติ คณะครู และผู้ปกครองที่ได้นำเด็กนักเรียนของโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัยจำนวน 909 คน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันแรก และเป็นโรงเรียนำร่องแห่งแรกของจังหวัดสมุทรสาครที่มีการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน

นายประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานว่า เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาตรการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ วัคซีนโควิด-19 นั้น เป็นมาตรการในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ และที่ผ่านมาจังหวัดสมุทรสาคร ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับกลุ่มประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 585,601 คน ครอบคลุมประชากรร้อยละ 61.44  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อให้การได้รับวัคซีนโควิด 19 ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี ลดความเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ประเทศไทยจึงมีนโยบายให้วัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ (Pfizer) สำหรับกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12 - 17 ปี

ผ่านสถาบันการศึกษาในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination) ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร จากการสำรวจความประสงค์ของผู้ปกครองผ่านสำนักศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร พบว่า ผู้ปกครองมีความประสงค์ให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 จำนวนทั้งสิ้น 27,000 คน จากที่มีเด็กนักเรียนในกลุ่มอายุ 12 – 17 ปี อยู่ทั้งหมดประมาณ 33,000 คน ซึ่งภาพรวมหากฉีดได้ครบตามจำนวนที่แจ้งความประสงค์ไว้ ผนวกกับเด็กนักเรียนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะมีเด็กนักเรียนอายุ 12 – 17 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด Pfizer มากกว่าร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือก็จะรณรงค์ให้ผู้ปกครองสมัครใจนำบุตรหลานมาเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อไป

ด้านนายรณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นวันแรกเริ่มของกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งสมุทรสาครมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ประมาณ 33,000 คน สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 27,000 คน สำหรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กนักเรียนนี้จะทำให้จังหวัดสมุทรสาครพร้อมที่จะกลับมาเปิดเทอมกันอีกครั้งในรูปแบบออนไซด์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ขณะที่ในภาพรวมของจังหวัดสมุทรสาครนั้น เรื่องของการให้บริการฉีดวัคซีน กับการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไม่ใช่ปัญหาหลัก ส่วนที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ เรื่องของจำนวนและระยะเวลาของวัคซีนที่จะจัดส่งมายังจังหวัดสมุทรสาคร หากมาได้ครบและเป็นไปตามวันเวลาที่กำหนด ก็จะทำให้จังหวัดสมุทรสาครเดินแผนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

ด้านนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวด้วยว่า แผนเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนนั้น จะใช้รูปแบบวัคซีนนักเรียน หรือ School-based vaccination คือ การเข้าไปฉีดให้กับนักเรียนภายในรั้วโรงเรียนตามวันและเวลาที่ได้รับการนัดหมายไว้ โดยจะฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นเข็ม 2 จะเริ่มฉีดอีก 3 สัปดาห์ภายหลังจากนี้ ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ปกครองและนักเรียนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วคือ เรื่องของผลข้างเคียงมักจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังการฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขอให้ยังเฝ้าสังเกตอาการต่อเนื่องอีกระยะหากมีอาการเจ็บหน้าอก หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ใจสั่น หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ที่สงสัยได้ว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ก็ขอให้รีบแจ้งทางโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านทันที และอีกส่วนหนึ่งคือการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์แรกนี้ขอให้ระงับไว้ก่อน

 

ขอนแก่น - เปิดประตูระบายน้ำ 3 บาน หวั่นมวลน้ำตีกลับ หลังหัวน้ำก้อนแรกจากแม่น้ำชี-พอง ชนกันวันนี้ ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์ระดับน้ำเก็บกักทะลุ 85% และจุดกลับรถสะพานข้ามแม่น้ำชี บนถ.มิตรภาพ ท่วมสูงต้องปิดการจราจรเด็ดขาด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 ต.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนในเขต บ.กุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ยังคงเร่งเก็บสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง และอพยพออกจากพื้นที่จุดเสี่ยงมาพักคอยในจุดที่เทศบาลเมืองเก่าได้กำหนดไว้ในการเป็นสถานที่รองรับและพักคอยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม หลังระดับน้ำในแม่น้ำชีได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงถึงนาทีละประมาณ 5 ซม. หลังหัวน้ำก้อนแรกจาก จ.ชัยภูมิ ได้ไหลมาตามแม่น้ำชีและเข้าเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น แล้ว ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจชุมชน ร่วมระหว่าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.และสมาชิกสภาเทศบาลฯในการตั้งโต๊ะวัดระดับน้ำตลอดแนวแม่น้ำชี รวมกว่า 10 จุดเพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำชี ตามเส้นทาง ถ.มิตรภาพ ช่วงรอยต่อ ต.เมืองเก่าและ ต.ท่าพระ อ.เมือง เจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดการจราจรและจุดกลับรถในจุดตัดดังกล่าวทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย หลังระดับน้ำท่วมผิวการจราจรแล้ว ระดับความสูงกว่า 50 ซม. โดยให้รถทุกคันที่ต้องการกลับรถหรือเลี้ยวเข้าเขตตัวเมืองขอนแก่นต้องเลยไปใช้จุดกลับรถ ในจุดที่ใกล้กันหรือจุดตัดถนนเลี่ยงเมืองายขอนแก่น-กาฬสินธุ์แทนเพื่อความปลอดภัย

ด้านนายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำในเจต ต.พระลับ ที่ประตูระบายน้ำ D 8 บ.ท่าประทาย และ ประตูระบายน้ำห้วยซัน จุดตัดที่สำคัญของมวลน้ำ จากแม่น้ำพองและแม่น้ำชี ที่หัวน้ำก้อนแรกจากทั้ง 2 สายจะมาบรรจบกันในช่วงบ่ายของวันนี้และไหลลงสู่แม่น้ำชี ตามการระบายน้ำของกรมชลประทานในการผลักดันมวลน้ำดังกล่าวไหลจากเขต ขอนแก่น ไปตามแม่น้ำชี เข้าเขต จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ดและลงสู่แม่น้ำมูลที่ จ.ยโสธร และ ลงสู่แม่น้ำโขงที่ จ.อุบลราชธานี โดยที่คณะทำงานเทศบาล ต.พระลับ ได้นำโดรนขึ้นบินสำรวจระดับปริมาณน้ำในแม่น้ำชีที่พบว่าขณะนี้มวลน้ำก้อนใหญ่ของแม่น้ำชี ได้ไหลเข้าสู่พื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่นแล้ว โดยมวลน้ำบางส่วนได้ล้นพนังกั้นน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรบริเวณบ้านกุดกว้าง, บ้านสะอาด, บ้านดอนบม ,บ้านโนนตุ่น ต.เมืองเก่า  ในส่วนพื้นที่ของตำบลพระลับสถานการณ์ปริมาณน้ำยังไม่มีการล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมในพื้นที่

นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ กล่าวว่า  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ฯ นำกระสอบทรายปิดกั้นตามประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในแม่น้ำชีไหลเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำและทำการสูบน้ำที่อยู่ด้านในที่ไหลมาจากในเมืองขอนแก่นเพื่อเร่งระบายน้ำออก เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน พร้อมกันนี้ได้ประสานงานร่วมกรมชลประทานเปิดประตูระบาย D8 บ.ท่าประทาย 3 บาน คือประตูที่ 11-12 และ 13  เพื่อผลักดันน้ำจากเขตเมืองลงสู่แม่น้ำชีและกันมวลน้ำหนุนตีกลับเข้าเมืองจากการบรรจบของหัวน้ำก้อนจากแม่น้ำพองและแม่น้ำชีเพื่อผ่านเข้าเขตพื้นที่ ต.พระลับ รวมทั้ง  ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเร่งดำเนินการสูบน้ำ ประตู D9 จำนวน 4 เครื่อง ประตูD10 จำนวน 3 เครื่อง และวางแผนติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 1 เครื่องเพื่อเร่งระบายน้ำภายในรองรับน้ำ น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ และน้ำจากอำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบและทำความเสียหายกับพืชผลการเกษตร

นรข.บึงกาฬ ยึดกัญชาเกรดพรีเมียม 540 กิโล พบทิ้งริมน้ำโขงบึงกาฬ รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 ต.ค.ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือสถานีเรือ นรข.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข.นายนายธาตรี บุญมาก รอง ผวจ.บึงกาฬ พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และน.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย รอง ผบ.ควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.อ.อำนาจ กระโทกนอก ตัวแทนรอง.ผอ.รมน.พ.ต.ท.พลสันติ์ คมขาว ผบ.ร้อย 244 นายสมบัติ ฆ้อนทอง รักษาการนายด่านศุลกากรบึงกาฬ นายชัยณรงค์ สุระดะนัย ป้องกันจังหวัดบึงกาฬ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น อินโนวา สีขาว ทะเบียน ฆล 7982 กรุงเทพมหานคร บรรทุกกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 540 แท่งน้ำหนักประมาณ 540 กิโลกรัมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีทองแดง ระดับเกรดพรีเมี่ยม ติดโลโก้รูปใบกัญชาในวงกลมสีเขียว พร้อมตัวหนังสือภาษอังกฤษ MADE IN LAO และสัญลักษณ์รูปคล้ายธงชาติ ของ สปป.ลาว

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามน้ำโขงมาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ชาวไทย บริเวณพื้นที่บ้านสะง้อ หมู่ที่ 2 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จึงได้สั่งการให้ น.ต.การันต์ มินวงษ์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ร.ท.อุดม บัวสุข ผู้ควบคุมเรือ 111 ว่าที่ ร.ท.ไขยา เนียมแสง ผู้ควบคุมเรือลาดตระเวน 179 พร้อมชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดร่วมกับ พ.ต.ท.ปิยะณัฐ ปะโสทะกัง สว ตร.น้ำบึงกาฬ พ.ต.ท.ธนพล โพธิดา สว.ตม.บึงกาฬ ร.ต.อ.สมพงษ์ พบวันดี รอง ผบ.ร้อย ตชด.244 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมบูรณาการวางแผนในการสกัดกั้นและจับกุม

โดยวางกำลังตามพื้นที่บริเวณใกล้เคียงจนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ชุดชุ่มเฝ้าตรวจบริเวณจุดชมวิว บ้านสะง้อ ต.หอคำ ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 1 คันขับเข้ามาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ในขณะเดียวกันได้มีเรือติดเครื่องยนต์ 1 ลำแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดทางขึ้น-ลงแม่น้ำโขง บริเวณจุดที่รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดอยู่

นครนายก - เทศบาลเมืองนครนายก จัดโครงการฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มให้ประชาชน รอบที่ 3 (เข็มที่ 1) จำนวน 1500 คน

เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่โรงพยาบาลนครนายก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายศุภกฤษณ์ จัยสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองนครนายก พร้อมคณะเทศมนตรี  และสมาชิกเทศบาลเทศบาลเมืองนครนายก เข้าตรวจเยี่ยมให้คำปรึกษาประชาชนที่เข้ารับบริการซีดวัคซีนชิโนฟาร์ม รอบที่ 3 (เข็มที่1)จำนวน 1500 คน โดยมีประชาชนที่ลงทะเบียนไว้แล้วได้เข้ามารับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ส่วนในวันที่ 8 ตุลาคม 2564 จะเป็นรอบที่ 4 (เข็มที่ 1)รอบเก็บตกของประชาชนที่ยังคงตกค้างคงเหลืออีกประมาณกว่า 300 คน

ด้วยเทศบาลเมืองนครนายก มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกท่าน จึงได้ประสานกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อขอรับวัคซีนชิโนฟาร์มจำวนวน 7000 โดส มาบริการฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มให้กับพี่น้องประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และลดการรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top