Monday, 19 May 2025
SPECIAL

ลำปาง - "พิทักษ์คน ร่วมกันพัฒนาค่ายฯ" ผบ.มทบ.32 มอบของที่ระลึกแก่กำลังพล เนื่องในวันสถาปนาหน่วย

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา 09.00 น. พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นประธานในพิธี มอบของที่ระลึกเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลของมณฑลทหารบกที่ 32 และหน่วยขึ้นตรงกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เนื่องในวันสถาปนาของหน่วย เพื่อให้หน่วยได้ใช้งบประมาณของหน่วยในการดูแล สวัสดิการกำลังพลให้เกิดประโยชน์ เป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาดีของผู้บังคับบัญชา และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ทุ่มเทเสียสละช่วยเหลือในการทำงาน ตามภารกิจของหน่วยอย่างเต็มขีดความสามารถ ในห้วงที่ผ่านมา ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

  ในการนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้กล่าวขอบคุณ และให้กำลังใจกำลังพลทุกนาย ที่ได้ร่วมกันพัฒนาค่ายฯ โดยได้เน้นกำชับในเรื่องมาตรการพิทักษ์คน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไว้รัสโคโรนา 2009 หรือโควิด-19 ให้กำลังพลทุกนายไม่ประมาท พร้อมเดินหน้าร่วมมือการทำงานเป็นทีม

ในการพัฒนาค่ายสุรศักดิ์มนตรีอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ต่อกองทัพบก และประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ 
พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 กล่าวว่า "วันนี้ผมเป็นตัวแทนในนามหน่วย มอบของเป็นสวัสดิการเนื่องในวันสถาปนาหน่วย เป็นกระติกน้ำให้กับพวกเรา ถือว่าเป็นการขอบคุณแทนหน่วย สำหรับในปี 65 นี้อยากบอกพวกเราว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดเนื่องจากว่าขณะนี้เราได้ และกลับมาปฏิบัติงานเต็มรูปแบบ


 

เชียงใหม่ - สดร. คว้ารางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประจำปี 2564

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 - สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาครัฐ ราชการ และประชาสังคม ประจำปี 2564” บทพิสูจน์ความมุ่งมั่นตั้งใจ ใช้ดาราศาสตร์เป็นโจทย์ท้าทายการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาคน ผลักดันนวัตกรรมล้ำหน้าสู่สังคม สร้างการรับรู้ และมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชนไทยให้เข้าถึงดาราศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่กับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมอย่างเข็มแข็งและยั่งยืน


ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา
กว่า 12 ปีที่ผ่านมา สดร. มุ่งใช้โจทย์ที่ท้าทายที่สุดทางดาราศาสตร์ เป็นยุทธศาสตร์ผลักดันนวัตกรรมล้ำหน้า ผลักดันเทคโนโลยีที่ต้องคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์วิจัยดาราศาสตร์ การได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของบุคลากรทุกคนในสถาบัน และถือเป็นบทพิสูจน์ความตั้งใจของคนทั่วทั้งองค์กร
ที่ต่างมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมในทุกด้าน เราใช้ดาราศาสตร์ซึ่งเป็นโจทย์วิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้าในการพัฒนาคนและเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกจำนวนมาก มีต้นกำเนิดมาจากการพัฒนาในวงการวิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้า นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราลงมือทำ โดยเฉพาะนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ไทยอาจจะยังไม่เคยทำมาก่อน เราขับเคลื่อนองค์กรด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจของบุคลากร เรามีพื้นที่ให้ทุกคนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และลงมือปฏิบัติจริง และไม่ปฏิเสธการร้องขอจากบุคคลหรือหน่วยงานอื่นในเรื่ององค์ความรู้และเทคนิค ส่งผลให้ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา งานนวัตกรรมของ NARIT  มีหลากหลายทั้งในระดับโลก ระดับชาติ และระดับองค์กร 


บางชิ้นเป็นต้นแบบเครื่องแรกในโลก เช่น  ระบบถ่ายภาพความละเอียดสูงพร้อมระบบทัศนูปกรณ์แบบปรับได้ เป็นต้น นวัตกรรมดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในสถาบันยังต่อยอดไปสู่นวัตกรรมในวงการอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และดาวเทียม ฯลฯ นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายโครงการ ยังนำมาซึ่งการพัฒนาขีดความสามารถสูงสุดของนักวิจัย วิศวกร ช่างเทคนิค โปรแกรมเมอร์ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง นอกจากจะทำให้เกิดคนเก่งแล้ว ยังจะนำไปสู่การพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต นำประเทศไทยให้หลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางอีกด้วย 
 

สระบุรี - แม่ทัพภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำและเยี่ยมประชาชน ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยน้ำท่วมในจังหวัดสระบุรี

วันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา14.00 น พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 และคณะกำหนดเดินทางมาตรวจสถานการณ์น้ำ และตรวจเยี่ยมประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ อำเภอบ้านหมออำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี

มีนายสมภพ สมิตะสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพลตรีคณธัช มากท้วม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 พลตรีจิรวัฒน์ นาคะรัตน์ ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้าค่ายอดิศรสระบุรี พลตำรวจตรีชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีนายพุทธพงษ์ สุริยะสิงห์ นายอำเภอบ้านหมอบรรยายสรุปเจ้าหน้าที่ หัวหน้าข้าราชการอำเภอบ้านหมอ ให้การต้อนรับ

 จากนั้นได้ดูคันกั้นน้ำของ 23 R ที่ชำรุดแตกที่เป็นสาเหตุให้น้ำท่วม 3 อำเภอได้แก่อำเภอบ้านหมอ  อำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด จึงได้ตรวจดูการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ได้ดำเนินการเอาหินมัดรวมใส่ตาข่าย เพื่อปิดทางน้ำตรงประตูน้ำเริงราง 

 

นครนายก - องค์การบริหารส่วน จ.นครนายก จัดโครงการมอบเครื่องอุปโภค - บริโภคช่วยเหลือประชาชน ที่ลงทะเบียนจำนวน 20,575 ครัวเรือน จากผลกระทบโควิด-19

ที่อาคารอเนกประสงค์ วัดรังษีโสภณ ตำบลนครนายก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก พร้อมคณะ เจ้าหน้าที่และพนักงาน จัดโครงการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือประชาชนจังหวัดนครนายก

และในวันนี้ได้ลงพื้นที่วัดรังสีโสภณ ตำบลนครนายก โดยมีประชาชนที่ผ่านการลงทะเบียนรับเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 197 ชุดโดยมอบให้ครัวเรือนละ 1ชุดเข้ารับมอบเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการแบ่งเบาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

 

จันทบุรี - ธารน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ‘EastWater’ มอบเงินบริจาคให้แก่สำนักงานเหล่ากาชาด เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

วันที่ ( 5 ต.ค.64 ) ที่ห้องรับรอง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรีนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย นางสุนิชฌาน์ ทองแย้ม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี นำ ผู้แทนคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดจันทบุรี เสมียนตราจังหวัดจันทบุรีร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบเงินสด

 

 

นครพนม - Army Delivery ร.3 พัน.3 ส่งมอบอาหารปรุงสุกถึงบ้าน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พันโท ศรณณัฐ นวลมณี ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3 พัน.3) จัดโครงการ “Army Delivery” ส่งมอบอาหารปรุงสุกฟรีถึงบ้าน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้หน่วยทหารดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ตามศักยภาพของหน่วยในการช่วยเหลือประชาชน ในรูปแบบโครงการ “Army Delivery” โดยการจัดรถจักรยานยนต์ส่งอาหารให้พี่น้องประชาชนถึงที่พักอาศัย ซึ่งได้ทำการแจกจ่ายจำนวน 100 ชุด ในพื้นที่บริเวณชุมชนรอบค่ายพระยอดเมืองขวาง และพื้นที่ใกล้เคียง

  

 

ปทุมธานี - ‘บิ๊กแจ๊ส’ เดินลุยน้ำพา นร.อาชีวะ ลงพื้นที่ตลาดเก่าแก่อิงน้ำ ช่วยปชช.ริมเจ้าพระยา เลื่อนปลั๊กไฟเตรียมป้องกันโบราณสถาน

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา 08:30 น. ที่ท่าเรือหน้าวิทยาลัยเทคนิคปทุมานี ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ขับเรือยนต์ พร้อม เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปทุมธานี เพื่อมารับนักเรียนอาชีวศึกษาสาขาช่างไฟฟ้าวิทยาลัยเทคนิคปทุมานี เพื่อพาล่องเรือตรวจระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและช่วยย้ายสายไฟ ปลั๊กไฟและ มิเตอร์ไฟฟ้าให้กับบ้านริมน้ำตลอดเส้นทางจากนั้นได้ลงพื้นที่ตลาดอิงน้ำ ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำพร้อมช่วยย้ายปลั๊กไฟและสิ่งของขึ้นที่สูง

โดยมี นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต , นายกฤษดา พงษ์เสริม ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปทุมธานี พร้อมทีมงาน, นายระเด่น ดวงแก้ว อาจารย์สาขาช่างไฟฟ้ากำลังพร้อมอาจารย์อีก 5 คน และนักเรียนอาชีวศึกษาสาขาช่างไฟฟ้า จิตอาสาอีกจำนวน 6 คน ร่วมลงพื้นที่ย้ายปลั๊กไฟและหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจุดที่ใกล้ระดับน้ำ

ในส่วนของเทศบาลนครรังสิต ได้ระดมสูบน้ำจนสถานการณ์เป็นปกติ โดยสถานีสูบน้ำกึ่งถาวรปากคลองรังสิตฯ เดินเครื่องสูบน้ำ 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 8 เครื่อง ระดับน้ำด้านเหนือน้ำ(คลองรังสิต) +1.65 ม.รทก. ระดับน้ำด้านท้ายน้ำ(แม่น้ำเจ้าพระยา) +2.05 ม.รทก. , สถานีสูบน้ำเปรมใต้ เดินเครื่องสูบน้ำ 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง ระดับน้ำเปรมใต้(คลองเปรมประชากร) +0.60 ม.รทก. ระดับน้ำคลองรังสิต +1.80 ม.รทก. , สถานีสูบน้ำจุฬาฯ1 เดินเครื่องสูบน้ำ 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง , สถานีสูบน้ำจุฬาฯ2 เดินเครื่องสูบน้ำ 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 4 เครื่อง , สถานีสูบน้ำจุฬาฯ3 เดินเครื่องสูบน้ำ 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 4 เครื่อง ระดับน้ำด้านเหนือน้ำ(ด้านในคลองรังสิต) +1.08 ม. รทก. ระดับน้ำด้านท้ายน้ำ(ด้านซ่อมสร้าง) +1.82 ม. รทก. ซึ่งระดับภายในเขตรังสติอยู่ในระดับสภาวะปกติ

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า สิ่งที่เราห่วงคืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ต่ำแล้วกลัวว่าน้ำจะท่วมแล้วประชาชนจะได้รับอันตราย เมื่อเราลงพื้นที่สำรวจพบว่ามีบางบ้านที่จำเป็นต้องปิดไฟหมด เพราะว่ากลัวกระแสไฟฟ้าดูด ต้องขอขอบคุณทางท่านผู้จัดการไฟฟ้าจังหวัดปทุมธานี และวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี ได้จัดอาจารย์และนักศึกษไฟฟ้ากำลังมาร่วมแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้จริง ๆ ทางเราจะดำเนินการต่อไปและถ้าประชาชนต้องการความช่วยเหลือก็สามารถแจ้งมาที่ทางการไฟฟ้า เบอร์ด่วน 1129 เพื่อช่วยแก้ไขความเดือดร้อนเรื่องไฟฟ้า

นอกจากนี้ ตนเองยังจัดอุปกรณ์ตรวจสอบกระแสไฟรั่วในน้ำให้กับทางการไฟฟ้าและทางคณะของเทคนิคปทุมเพื่อให้ไปใช้ตรวจสอบกระแสไฟในน้ำ หากในน้ำมีกระแสไฟฟ้า อุปกรณ์ตัวนี้จะสั่น เราจึงนำมามอบให้พี่น้องประชาชนบางส่วนก่อน เพื่อเอาไว้ใช้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย และเราได้ประเมินสถานการณ์น้ำวันต่อวันโดยให้ นายชัยวัฒน์ อินทร์เลิศ และนายสมร แตงอ่อน สมาชิกสภาองค์หารบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ไปเกาะติดที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เมื่อเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำมาจนมาที่ อ.บางไทร ปล่อยน้ำเท่าไร ซึ่งตอนนี้ปล่อยน้ำเกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่ายังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต พี่น้องประชาชนต้องเฝ้าระวัง และวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จะมีพายุใหญ่เข้ามาอีก จึงต้องมาดูเตรียมความพร้อมเพื่อระมัดระวังกันต่อไป

 

สมุทรสาคร - Kick Off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน (Pfizer) ในเด็กนักเรียน ส่วนผู้ติดเชื้อรายวัน 145 ราย

เมื่อเวลา 08.30 น. ของวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) หรือโรงเรียนเทศบาล 8 ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการ Kick Off การสร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนในเด็กนักเรียน โดยการฉีดวัคซีน Pfizer ให้กับนักเรียนที่มีอายุ 12 – 17 ปี มีนายประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรสาครและคณะ ศึกษาธิการจังหวัด บุคลากรทางด้านสาธารณสุข  ผู้มีเกียรติ คณะครู และผู้ปกครองที่ได้นำเด็กนักเรียนของโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัยจำนวน 909 คน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันแรก และเป็นโรงเรียนำร่องแห่งแรกของจังหวัดสมุทรสาครที่มีการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน

นายประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานว่า เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาตรการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ วัคซีนโควิด-19 นั้น เป็นมาตรการในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ และที่ผ่านมาจังหวัดสมุทรสาคร ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับกลุ่มประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 585,601 คน ครอบคลุมประชากรร้อยละ 61.44  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อให้การได้รับวัคซีนโควิด 19 ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี ลดความเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ประเทศไทยจึงมีนโยบายให้วัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ (Pfizer) สำหรับกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12 - 17 ปี

ผ่านสถาบันการศึกษาในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination) ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร จากการสำรวจความประสงค์ของผู้ปกครองผ่านสำนักศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร พบว่า ผู้ปกครองมีความประสงค์ให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 จำนวนทั้งสิ้น 27,000 คน จากที่มีเด็กนักเรียนในกลุ่มอายุ 12 – 17 ปี อยู่ทั้งหมดประมาณ 33,000 คน ซึ่งภาพรวมหากฉีดได้ครบตามจำนวนที่แจ้งความประสงค์ไว้ ผนวกกับเด็กนักเรียนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะมีเด็กนักเรียนอายุ 12 – 17 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด Pfizer มากกว่าร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือก็จะรณรงค์ให้ผู้ปกครองสมัครใจนำบุตรหลานมาเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อไป

ด้านนายรณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นวันแรกเริ่มของกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งสมุทรสาครมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ประมาณ 33,000 คน สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 27,000 คน สำหรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กนักเรียนนี้จะทำให้จังหวัดสมุทรสาครพร้อมที่จะกลับมาเปิดเทอมกันอีกครั้งในรูปแบบออนไซด์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ขณะที่ในภาพรวมของจังหวัดสมุทรสาครนั้น เรื่องของการให้บริการฉีดวัคซีน กับการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไม่ใช่ปัญหาหลัก ส่วนที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ เรื่องของจำนวนและระยะเวลาของวัคซีนที่จะจัดส่งมายังจังหวัดสมุทรสาคร หากมาได้ครบและเป็นไปตามวันเวลาที่กำหนด ก็จะทำให้จังหวัดสมุทรสาครเดินแผนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

ด้านนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวด้วยว่า แผนเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนนั้น จะใช้รูปแบบวัคซีนนักเรียน หรือ School-based vaccination คือ การเข้าไปฉีดให้กับนักเรียนภายในรั้วโรงเรียนตามวันและเวลาที่ได้รับการนัดหมายไว้ โดยจะฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นเข็ม 2 จะเริ่มฉีดอีก 3 สัปดาห์ภายหลังจากนี้ ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ปกครองและนักเรียนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วคือ เรื่องของผลข้างเคียงมักจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังการฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขอให้ยังเฝ้าสังเกตอาการต่อเนื่องอีกระยะหากมีอาการเจ็บหน้าอก หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ใจสั่น หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ที่สงสัยได้ว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ก็ขอให้รีบแจ้งทางโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านทันที และอีกส่วนหนึ่งคือการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์แรกนี้ขอให้ระงับไว้ก่อน

 

ขอนแก่น - เปิดประตูระบายน้ำ 3 บาน หวั่นมวลน้ำตีกลับ หลังหัวน้ำก้อนแรกจากแม่น้ำชี-พอง ชนกันวันนี้ ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์ระดับน้ำเก็บกักทะลุ 85% และจุดกลับรถสะพานข้ามแม่น้ำชี บนถ.มิตรภาพ ท่วมสูงต้องปิดการจราจรเด็ดขาด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 ต.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนในเขต บ.กุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ยังคงเร่งเก็บสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง และอพยพออกจากพื้นที่จุดเสี่ยงมาพักคอยในจุดที่เทศบาลเมืองเก่าได้กำหนดไว้ในการเป็นสถานที่รองรับและพักคอยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม หลังระดับน้ำในแม่น้ำชีได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงถึงนาทีละประมาณ 5 ซม. หลังหัวน้ำก้อนแรกจาก จ.ชัยภูมิ ได้ไหลมาตามแม่น้ำชีและเข้าเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น แล้ว ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจชุมชน ร่วมระหว่าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.และสมาชิกสภาเทศบาลฯในการตั้งโต๊ะวัดระดับน้ำตลอดแนวแม่น้ำชี รวมกว่า 10 จุดเพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำชี ตามเส้นทาง ถ.มิตรภาพ ช่วงรอยต่อ ต.เมืองเก่าและ ต.ท่าพระ อ.เมือง เจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดการจราจรและจุดกลับรถในจุดตัดดังกล่าวทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย หลังระดับน้ำท่วมผิวการจราจรแล้ว ระดับความสูงกว่า 50 ซม. โดยให้รถทุกคันที่ต้องการกลับรถหรือเลี้ยวเข้าเขตตัวเมืองขอนแก่นต้องเลยไปใช้จุดกลับรถ ในจุดที่ใกล้กันหรือจุดตัดถนนเลี่ยงเมืองายขอนแก่น-กาฬสินธุ์แทนเพื่อความปลอดภัย

ด้านนายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำในเจต ต.พระลับ ที่ประตูระบายน้ำ D 8 บ.ท่าประทาย และ ประตูระบายน้ำห้วยซัน จุดตัดที่สำคัญของมวลน้ำ จากแม่น้ำพองและแม่น้ำชี ที่หัวน้ำก้อนแรกจากทั้ง 2 สายจะมาบรรจบกันในช่วงบ่ายของวันนี้และไหลลงสู่แม่น้ำชี ตามการระบายน้ำของกรมชลประทานในการผลักดันมวลน้ำดังกล่าวไหลจากเขต ขอนแก่น ไปตามแม่น้ำชี เข้าเขต จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ดและลงสู่แม่น้ำมูลที่ จ.ยโสธร และ ลงสู่แม่น้ำโขงที่ จ.อุบลราชธานี โดยที่คณะทำงานเทศบาล ต.พระลับ ได้นำโดรนขึ้นบินสำรวจระดับปริมาณน้ำในแม่น้ำชีที่พบว่าขณะนี้มวลน้ำก้อนใหญ่ของแม่น้ำชี ได้ไหลเข้าสู่พื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่นแล้ว โดยมวลน้ำบางส่วนได้ล้นพนังกั้นน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรบริเวณบ้านกุดกว้าง, บ้านสะอาด, บ้านดอนบม ,บ้านโนนตุ่น ต.เมืองเก่า  ในส่วนพื้นที่ของตำบลพระลับสถานการณ์ปริมาณน้ำยังไม่มีการล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมในพื้นที่

นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ กล่าวว่า  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ฯ นำกระสอบทรายปิดกั้นตามประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในแม่น้ำชีไหลเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำและทำการสูบน้ำที่อยู่ด้านในที่ไหลมาจากในเมืองขอนแก่นเพื่อเร่งระบายน้ำออก เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน พร้อมกันนี้ได้ประสานงานร่วมกรมชลประทานเปิดประตูระบาย D8 บ.ท่าประทาย 3 บาน คือประตูที่ 11-12 และ 13  เพื่อผลักดันน้ำจากเขตเมืองลงสู่แม่น้ำชีและกันมวลน้ำหนุนตีกลับเข้าเมืองจากการบรรจบของหัวน้ำก้อนจากแม่น้ำพองและแม่น้ำชีเพื่อผ่านเข้าเขตพื้นที่ ต.พระลับ รวมทั้ง  ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเร่งดำเนินการสูบน้ำ ประตู D9 จำนวน 4 เครื่อง ประตูD10 จำนวน 3 เครื่อง และวางแผนติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 1 เครื่องเพื่อเร่งระบายน้ำภายในรองรับน้ำ น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ และน้ำจากอำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบและทำความเสียหายกับพืชผลการเกษตร

นรข.บึงกาฬ ยึดกัญชาเกรดพรีเมียม 540 กิโล พบทิ้งริมน้ำโขงบึงกาฬ รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 ต.ค.ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือสถานีเรือ นรข.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข.นายนายธาตรี บุญมาก รอง ผวจ.บึงกาฬ พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และน.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย รอง ผบ.ควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.อ.อำนาจ กระโทกนอก ตัวแทนรอง.ผอ.รมน.พ.ต.ท.พลสันติ์ คมขาว ผบ.ร้อย 244 นายสมบัติ ฆ้อนทอง รักษาการนายด่านศุลกากรบึงกาฬ นายชัยณรงค์ สุระดะนัย ป้องกันจังหวัดบึงกาฬ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น อินโนวา สีขาว ทะเบียน ฆล 7982 กรุงเทพมหานคร บรรทุกกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 540 แท่งน้ำหนักประมาณ 540 กิโลกรัมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีทองแดง ระดับเกรดพรีเมี่ยม ติดโลโก้รูปใบกัญชาในวงกลมสีเขียว พร้อมตัวหนังสือภาษอังกฤษ MADE IN LAO และสัญลักษณ์รูปคล้ายธงชาติ ของ สปป.ลาว

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามน้ำโขงมาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ชาวไทย บริเวณพื้นที่บ้านสะง้อ หมู่ที่ 2 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จึงได้สั่งการให้ น.ต.การันต์ มินวงษ์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ร.ท.อุดม บัวสุข ผู้ควบคุมเรือ 111 ว่าที่ ร.ท.ไขยา เนียมแสง ผู้ควบคุมเรือลาดตระเวน 179 พร้อมชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดร่วมกับ พ.ต.ท.ปิยะณัฐ ปะโสทะกัง สว ตร.น้ำบึงกาฬ พ.ต.ท.ธนพล โพธิดา สว.ตม.บึงกาฬ ร.ต.อ.สมพงษ์ พบวันดี รอง ผบ.ร้อย ตชด.244 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมบูรณาการวางแผนในการสกัดกั้นและจับกุม

โดยวางกำลังตามพื้นที่บริเวณใกล้เคียงจนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ชุดชุ่มเฝ้าตรวจบริเวณจุดชมวิว บ้านสะง้อ ต.หอคำ ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 1 คันขับเข้ามาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ในขณะเดียวกันได้มีเรือติดเครื่องยนต์ 1 ลำแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดทางขึ้น-ลงแม่น้ำโขง บริเวณจุดที่รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดอยู่

นครนายก - เทศบาลเมืองนครนายก จัดโครงการฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มให้ประชาชน รอบที่ 3 (เข็มที่ 1) จำนวน 1500 คน

เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่โรงพยาบาลนครนายก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายศุภกฤษณ์ จัยสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองนครนายก พร้อมคณะเทศมนตรี  และสมาชิกเทศบาลเทศบาลเมืองนครนายก เข้าตรวจเยี่ยมให้คำปรึกษาประชาชนที่เข้ารับบริการซีดวัคซีนชิโนฟาร์ม รอบที่ 3 (เข็มที่1)จำนวน 1500 คน โดยมีประชาชนที่ลงทะเบียนไว้แล้วได้เข้ามารับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ส่วนในวันที่ 8 ตุลาคม 2564 จะเป็นรอบที่ 4 (เข็มที่ 1)รอบเก็บตกของประชาชนที่ยังคงตกค้างคงเหลืออีกประมาณกว่า 300 คน

ด้วยเทศบาลเมืองนครนายก มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกท่าน จึงได้ประสานกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อขอรับวัคซีนชิโนฟาร์มจำวนวน 7000 โดส มาบริการฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มให้กับพี่น้องประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และลดการรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

 

จังหวัดขอนแก่นเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กแล้ววันนี้ พร้อมกับหลาย ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ผู้ว่าขอนแก่น มั่นใจ เดือนพฤศจิกายนปีนี้ ถ้านักเรียนในจังหวัดฉีดครบทั้ง 2 เข็มแล้วเตรียมพิจารณาเปิดเทอมในภาคการเรียนที่ 2 ทันที

วันนี้ (4 ตุลาคม พ.ศ.2564) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ เขตการศึกษาพิเศษ เขต 9 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.ชาตรี เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 ร่วมเปิดกิจกรรม Kickoff สร้างเกราะด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม พร้อมกันกับสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ ในการให้บริการวัคซีนให้กับเด็กและเยาวชนในกลุ่มอายุ 12 - 18 ปี เข็มที่ 1 ไฟเซอร์ โดยมีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่เข้าเกณฑ์อายุตามที่กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกวันนี้ 78 คน

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า “การให้บริการวัคซีนในกลุ่มอายุ 12 - 18 ปี พร้อมกันทั้งประเทศวันนี้ทุกจุดฉีดวัคซีนมีการดำเนินการพร้อมกันโดยขอนแก่นนำร่องในกลุ่มเด็กพิเศษ ที่ทุกคนได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองและเข้ารับวัคซีนเข็มแรกวันนี้และจะทยอยการให้บริการวัคซีนครอบคลุมทุกพื้นที่อำเภอของจังหวัดตามการจัดสรรของกระทรวงสาธารณสุข 

“ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการพบว่ากลุ่มอายุดังกล่าวทั้งจังหวัดมีทั้งสิ้น 147,000 คน โดยมีการยินยอมให้ฉีดวัคซีนรวม 90,000 คน ซึ่งชุดแรกของการรับวัคซีนตามการจัดสรรนั้นจะต้องเข้ารับการฉีดเข็มแรกในรอบแรกประมาณ40,000 คน”

"ขอนแก่นมีเด็กนักเรียน 12 - 18 ปี ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงมัธยมต้นและมัธยมปลาย โดยจากการสำรวจทั้งหมดมีอยู่ 147,000 คน ที่จะต้องเข้ารับการฉีดและขณะนี้มีการยินยอมทั้งผู้ปกครองและนักเรียนอยู่ที่ประมาณ 90,000 คน เริ่มฉีดวันนี้จะเป็นที่โรงเรียนศรีสังวาลย์เป็นโรงเรียนเด็กพิเศษ และอีกหนึ่งที่เปิดให้บริการที่ศูนย์ประชุมไคซ์ เป็นความรับผิดชอบของ รพ.ศูนย์ขอนแก่น ที่จะมีการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนขอนแก่นวิทยายน ประมาณ 2,400 คน และที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเป็นจุดฉีดของ รพ.ศรีนครินทร์ ที่ทำการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมานเช่นกัน ซึ่งวันนี้ขอนแก่นได้รับวัคซีนมาจากทางส่วนกลาง 47,580 โดส แล้วก็จะทยอยมาเป็นระยะ ๆ ภายใน 3 สัปดาห์เข็มที่ 1 จะต้องได้รับการฉีดทั้งหมด ประมาณ 85% ของกระทรวงศึกษาธิการได้วางแผนเอาไว้เพื่อให้โรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนให้ได้ในเทอมที่2"

โฆษกรัฐบาลประกาศแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักเรียนใน 29 จังหวัดสีแดงเข้มก่อน โดยวางแผนเร่งฉีดนักเรียน 5 ล้านคน ย้ำเพื่อให้นักเรียนได้กลับมาเรียนแบบปกติได้เร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักรัฐบาล ได้ประกาศถึงกำหนดแผนการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12 - 18 ปี จำนวน 5,048,081 คน โดยเบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็น 71.67% โดยนายธนกรได้กำชับว่าการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนนั้นจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองเท่านั้น เพื่อให้นักเรียนกลับมาใช้ชีวิตที่เรียนหนังสือในโรงเรียนโดยเร็วที่สุด

นักเรียน 29 จังหวัดสีแดงเข้มที่ได้รับเข้าการฉีดวัคซีนได้แก่ กรุงเทพมหานคร, กาญจนบุรี, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, ตาก, นครปฐม, นครนายก, นครราชสีมา, นราธิวาส, นนทบุรี, ปทุมธานี, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, ยะลา, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, สงขลา, สิงห์บุรี, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สระบุรี, สุพรรณบุรี และอ่างทอง

และนอกจากนี้ พลเอกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะร่วมเดินทางไปร่วมพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ พร้อมกับโรงเรียนใน 12 เขตสุขภาพทั่วไทย เพื่อให้กำลังใจน้อง ๆ นักเรียนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นเข็ม 1

สำหรับการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนนั้นจะเป็นการฉีดวัคซีนสูตร ไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ (4 ตุลาคม พ.ศ.2564 ) กับสถานศึกษา พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด 15,465 แห่งและจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ.2564

การฉีดวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียนนั้น เพื่อเร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยและพร้อมในการเปิดเรียนแบบ On-site อีกทั้งเพื่อเป็นการให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินโครงการ Sandbox Safety Zone in School (SSS) สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม ทางโรงเรียนจะต้องกลับมาเปิดเรียน On-site ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความเครียดและข้อจำกัดของนักเรียนในการเรียนออนไลน์อีกด้วย

และเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2564 นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์ กรุงเทพ โดยลุงตู่ได้ทักทายเด็กนักเรียนที่นั่งรอรับการฉีดวัคซีน พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สตูล - เปิด “ศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน” เฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรเมทร รามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

วันนี้ 4 ตุลาคม 2564 ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชน (ศูนย์สารภี) ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ร่วมรับชมพิธีเปิด “ศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน” ผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลเป็นประธานในพิธีเปิดป้าย“ศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน” เฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรเมทร รามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อเป็นศูนย์ดำเนินงานผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล และปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ และโอกาสนี้ผู้ว่าราชการสตูล ได้มอบสิ่งของอุปโภค-บริโภคให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่อำเภอละงู ผ่านนายธานี หะยีมะสาและ นายอำเภอละงู จำนวน 22 ชุด อีกด้วย

กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดให้มีโครงการส่งเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน จำนวน 76 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 และจัดตั้งเป็นสถานที่บ่มเพาะภาวะผู้นำ ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน และการบริหารจัดการชุมชน เพื่อการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นศูนย์ประสานงานภาคีเครือข่ายจิตอาสาพัฒนาชุมชน ระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชนและภาคีการพัฒนาในพื้นที่ทั้ง 7 ภาคส่วน โดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ สร้างเสริมอุดมการณ์ การทำงานเพื่อสาธารณะ ในรูปแบบผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน ที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อชุมชน มีบทบาท มีส่วนร่วมในการพัฒนาและเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และกรมการพัฒนาชุมชน กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมการเปิดป้าย “ศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน” ในส่วนภูมิภาคพร้อมกันทั่วประเทศ

 

การศึกษาในปัจจุบันมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงมากทั้งในเรื่องของอันดับ งานวิจัยต่าง ๆ ในทวีปเอเชียที่สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยความใส่ใจในการศึกษาจนสามารถเทียบเท่ามหาวิทยาลัยแถบตะวันตกได้

สถาบันการศึกษาในแถบเอเชียกำลังกลายเป็นดาวรุ่งในวงการแวดวงการศึกษาโลก ทำคะแนนตีตื้นสถาบันการศึกษาของชาติตะวันตก จนกลายเป็นที่จับตามองอย่างมากจากนักวิชาการทั่วโลก และคาดว่าวงการวิชาการจากซีกโลกตะวันออกจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

ล่าสุดจากการสำรวจ และจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยนิตยสาร Times Higher Education พบว่า สถาบันการศึกษาจากฝั่งเอเชียตะวันออก ทำคะแนนมาแรง แซงเบียดมหาวิทยาลัยชั้นนำจากตะวันตกเข้ามาติดกลุ่มอันดับท็อปมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปีนี้ 2021 

นำกลุ่มมาโดยมหาวิทยาลัยชิงหวา ของประเทศจีนที่ปีนี้เข้ามาติด หนึ่งในท็อป 20 มหาวิทยาลัยโลกได้เป็นปีแรก และสถาบันในเอเชียอื่นๆ ก็พากันเข้ามาติดอันดับท็อป 200 มหาวิทยาลัยโลกกันอย่างคึกคัก อาทิ สถาบันจากฮ่องกงเข้ามาติดถึง 5 สถาบัน จากเดิมที่เคยมี 3 สถาบัน ส่วนเกาหลีใต้ปีนี้มีมหาวิทยาลัยเข้ามาติดอันดับถึง 7 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 4 สถาบันจากการจัดอันดับครั้งที่ผ่านมา 

ส่วนมหาวิทยาลัยแห่งเอเชียที่กลายเป็นดาวรุ่ง พุ่งแรงที่สุดในปีนี้ ได้แก่ Nanyang Technological University จากสิงคโปร์ ที่เข้ามาติดอันดับที่ 47 ของโลก และเป็นอันดับ 5 ของเอเชียในปีนี้ แม้จะเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ 40 ปีจากการเป็นวิทยาเทคนิค ที่เปิดสอนเพียงแค่ 3 ภาควิชาเท่านั้น

ซึ่งการจัดอันดับของ Times Higher Education มาจากการประเมินผลงานวิชาการจากทั่วโลกมากถึง 13 ล้านชิ้น และจากการสำรวจความเห็นของนักวิชาการทั่วโลกมากกว่า 22,000 คน เพื่อให้ได้คะแนนในการจัดอันดับที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด และจากการภาพรวมในคะแนนด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ ก็พบว่ามีสถาบันจากเอเชียทำคะแนนสูงขึ้นจนเข้ามาติดอันดับเพิ่มขึ้นถึง 32% เทียบกับการประเมินในปี 2016 ที่ผ่านมาที่มีสถาบันในเอเชียเข้ามาติดอันดับ 26%

และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ากระแสในวงการวิชาการจะเติบโตอย่างมากในฟากเอเชีย จากเดิมที่ซีกโลกตะวันตกเคยผูกขาดการเป็นผู้นำในด้านวิชาการของโลกมาตลอด 

ซึ่งที่ผ่านมาตลอดหลาย 10 ปี สถาบันการศึกษาในเอเชียตะวันออกต่างทุ่มงบประมาณเพื่อแข่งขันในการพัฒนาด้านวิชาการสมัยใหม่อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลจีนเพิ่มงบประมาณแผ่นดินลงทุนในสถาบันอุดมศึกษามากขึ้นถึง 12% ในช่วงปี 2019 - 2020 ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศแผนที่จะจัดสรรทุนการวิจัยในมหาวิทยาลัยอีก 10 ล้านล้านเยน (2.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งชาติอื่น ๆ ในเอเชีย อย่าง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างมีแผนทุ่นงบประมาณเพิ่มในการพัฒนาการศึกษาระดับสูงเช่นกัน

ซึ่งตรงกันข้ามกับสถาบันการศึกษาในประเทศฝั่งตะวันตก ที่มีการปรับลดงบประมาณงานวิจัย ทุนการศึกษา ลดอัตราการจ้างนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยลงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากนักศึกษามีแนวโน้มลดลง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่นักวิชาการทั่วโลกเริ่มไหลจากฝั่งตะวันตกไปสู่ตะวันออกที่มีการขยายตัวในอุตสาหกรรมการศึกษามากกว่า 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top