Thursday, 7 November 2024
SPECIAL

‘บิ๊กป้อม’ เข้าคูหาใช้สิทธิ สวมเชิ้ตชมพู ต่อคิวหย่อนบัตร พร้อมชวน ปชช. ออกมาใช้สิทธิให้ประเทศไทยก้าวหน้า

(14 พ.ค. 66) ที่เต็นท์สวนวังทอง 1 (ปากซอยลาดพร้าว 71 ฝั่งขวา) แขวงสะพาน 2 เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนเดินทางมารอใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งกันตั้งแต่ช่วงเช้า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 
.
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 08.04 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกฯ เดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้งในลุคเสื้อเชิ้ตสีชมพูและกางเกงยีนส์ พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัย 2 นาย ก่อนเข้าต่อคิวรอใช้สิทธิเหมือนประชาชนรายอื่นๆ อย่างไรก็ตามระหว่างรอคิวมีสื่อมวลชนเข้าไปสอบถาม แต่พล.อ. ประวิตรจะปฏิเสธแรงว่า “เขาไม่ให้ถามแล้ว” หลังจากนั้นพล.อ.ประวิตรได้เข้าคูหาใช้สิทธ์เลือกตั้งในเวลา 08.30 น. 
.
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจากใช้สิทธิเสร็จ โดยกล่าวว่า อยากให้ประชาชนทุกคนออกมาเลือกตั้งให้ประเทศไทยก้าวหน้า โดยนานๆจะมีการเลือกตั้งทั้งที และนี่เป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ 

ต่อมาผู้สื่อข่าวถามว่า มีความรู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปตื่นเต้นทำไม ก็เลือกเท่าที่อยากเลือก แต่ก็ไม่รู้จะเลือกใครเหมือนกัน 

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร จะเดินทางไปร่วมรับฟังผลการเลือกตั้งที่พรรคพลังประชารัฐด้วยเช่นกัน 

สีสันเลือกตั้ง!! ‘กรณ์’ ควงภรรยา ออกมาลงคะแนนเสียงแต่เช้า ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 สถานเลี้ยงเด็กนอดดี้เพลย์กรุ๊ป

(14 พ.ค.66) เมื่อเวลา 09.30 น. นายกรณ์ จาติกวณิช แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า เดินทางพร้อมครอบครัว ได้แก่ นางวรกร จาติกวณิช ภรรยา นายพงศกร มหาเปารยะ หรือแต๊ง อดีตนักแสดง นายพันธิตร มหาเปารยะ นางสาวกานต์ จาติกวณิช มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 สถานที่เลี้ยงเด็กนอดดี้เพลย์กรุ๊ป ในเขต เลือกตั้งที่ 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ นายกรณ์ พร้อมคณะผู้บริหาร และผู้สมัคร จะเข้าพรรคชาติพัฒนากล้า ถนนรัชดาภิเษก ในเวลา 18.00 น. เพื่อรอลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งต่อไป

‘ปลัด กทม.’ ตรวจเช็กความเรียบร้อย ก่อนเลือกตั้ง 66 วันพรุ่งนี้ ยัน!! เรียบร้อยดี ไม่พบปัญหา คาดรู้ผลไม่เป็นทางการ 3-4 ทุ่ม

(13 พ.ค. 66) ที่สำนักงานเขตมีนบุรี นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการตรวจรับหีบบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง ให้แก่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.)

นายขจิต เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า วันนี้เป็นการส่งมอบวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง ให้แก่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค. 66) ถือว่ามีความสำคัญ เจ้าหน้าที่จะต้องมีการนับบัตรเลือกตั้งให้ครบตามจำนวนที่ได้รับ รวมถึงสำนักงานเขตได้มีการพูดคุยให้รายละเอียดต่างๆ กับคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ทาง กกต.ได้มีการส่งมอบโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีรูปผู้สมัคร และพรรคการเมืองในแต่ละเขตให้นำไปติดที่หน่วยเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนที่มาใช้สิทธิได้ดูก่อนเข้าคูหาอีกด้วย

“สำหรับภาพรวม 50 เขต วันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยยังไม่ได้รับแจ้งปัญหาอะไร ส่วนการนับคะแนนในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค. 66) จะเริ่มนับได้หลังจากปิดการลงคะแนน โดยเป็นการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับให้ทุกคนไม่ประมาทและทำตามขั้นตอนด้วยความรอบคอบ ไม่ต้องรีบเร่ง ขอให้เน้นความถูกต้องไว้ก่อน ซึ่งวันนี้เขตได้แจ้งรายละเอียดขั้นตอนการจัดการเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทราบอย่างละเอียดอีกครั้ง มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนจัดการเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม คาดว่าจะทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 21.00-22.00 น.”  นายขจิต ระบุ

ทั้งนี้ กทม.ขอเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค. 66) พร้อมเพรียงกัน โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงตนขอใช้สิทธิ บัตรประชาชนที่หมดอายุแล้วก็สามารถใช้ได้ นอกจากนี้ นำเอกสารทางราชการที่มีรูปและเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ไปแสดงตนได้ เช่น หนังสือเดินทาง (Passport) ใบขับขี่ เป็นต้น หากลืมบัตรประชาชนสามารถแสดงตนด้วยบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ในมือถือก็ได้ แต่ต้องลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่น ThaiD ก่อนจึงจะใช้ได้ และเพื่อความสะดวกต่อการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง และรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2566 ได้ทางแอพพลิเคชั่นสมาร์ตโหวต (Smart Vote) และไทยดี (ThaiD) ได้ทั้งใน App Store และ Google Play

‘หนุ่มคลั่ง’ ยอมจำนน หลังก่อเหตุยิงในบ้าน กว่า 30 ชม. ตร.บุกเข้าจู่โจม พบอาวุธปืน 9 มม.1 กระบอก

(13 พ.ค. 66) พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้วางแผนเข้าจับกุม นายพงศ์ ภูธนะกูล หนุ่มคลั่งก่อเหตุยิงในบ้านมากกว่า 30 ชั่วโมง โดยมีการใช้พลแม่นปืนสไนเปอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค 2 สืบสวนจังหวัดระยอง และ สืบสวน สภ.เมืองระยอง เข้ามาตรึงกำลัง พร้อมทั้งเจรจากับผู้ก่อเหตุตลอด

แต่ผู้ก่อเหตุได้ตะโกนด่าออกมาเป็นระยะ พร้อมบอกว่า “พร้อมเผาตัวเอง” โดยบอกว่ามีน้ำมันอยู่ 6 ขวด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่สแตนด์บายไว้ ได้ลากสายน้ำเข้าไปเตรียมพร้อมภายในซอย พร้อมพลแม่นปืนที่มีการหาพื้นที่เตรียมพร้อม แต่ก็ยังไร้การบุกเข้าไป

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายพงศ์ ได้ยิงออกมา 2 นัด เสียงปืนดังสนั่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เตรียมพร้อมได้วิ่งกรูเข้าไป พร้อมกับทีมจู่โจม ใช้เวลา 30 นาที ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว โดยมีแม่เข้าไปรับ จึงยอมเดินลงมา และเดินออกมาจากบ้าน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวขึ้นรถตู้ไปควบคุมตัวที่ ภ.จว.ระยอง เพื่อทำการสอบสวน โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 เตรียมเดินทางมาแถลงข่าว

เช็กหน่วยเลือกตั้ง เช็กสิทธิเลือกตั้ง ง่ายนิดเดียว เตรียมความพร้อมก่อนออกไปใช้สิทธิ 14 พ.ค.นี้

เลือกตั้ง 66 ประชาชนต่างพร้อมที่จะออกไปใช้สิทธิ ในการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป หรือ เลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจะลงคะแนนในวันอาทิตย์ ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.

สำหรับประชาชนไทยทุกคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จะมีสิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยสามารถเช็กสิทธิได้ล่วงหน้าอย่างง่ายๆ บนเว็บไซต์ หรือ ในเอกสารที่จะส่งไปที่บ้านตามที่อยู่บัตรประชาชน

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยสำนักบริหารการทะเบียน ได้เปิดให้ประชาชนเข้า ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงการ แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ได้ที่เว็บไซต์ สำนักบริหารการทะเบียน www.bora.dopa.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับวิธี เช็กสิทธิเลือกตั้ง ผ่านเว็บไซต์ สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงเข้าเว็บไซต์ www.bora.dopa.go.th และกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก จากนั้น จะมีรายละเอียดของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ตรวจสอบ ชื่อ จังหวัดที่มีสิทธิเลือกตั้ง เขตที่มีสิทธิเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้งที่เท่าไร สถานที่เลือกตั้งอยู่ที่ไหน ลำดับที่อยู่ในบัญชีการเลือกตั้งอยู่ที่เท่าไร

ส่วนวันที่ 14 พ.ค. เมื่อไปถึงคูหาที่มีสิทธิเลือกตั้งแล้ว สามารถตรวจสอบเบอร์ผู้สมัครที่ลงรับสมัครเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ได้อีกครั้ง ส่วนบัตรเลือกตั้งจะมีด้วยกัน 2 ใบ คือ บัตรเลือกตั้งสีม่วง เลือก ส.ส. แบบแบ่งเขต บัตรเลือกตั้งสีเขียว เลือก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

‘บิ๊กตู่’ ขึ้นรถแห่รอบบ่าย ชวนคนไทยใช้สิทธิชี้ชะตาประเทศ ลั่น!! ‘รทสช.’ พร้อมดูแลทุกคน อ้อน!! 14 พ.ค.นี้ เลือกทั้งคนทั้งพรรค

(13 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และผู้บริหารพรรค ได้เดินทางมาสมทบกับคณะของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค  ขึ้นรถแห่หาเสียง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสีหน้าที่แจ่มใส แม้ว่าที่ผ่านมาจะเดินทางหาเสียง ท่ามกลางอากาศร้อนและฝนตกไปทั่วประเทศ รวมทั้งปราศรัย ในทุกเวทีที่เดินทางไป ทั้งนี้ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ขึ้นรถแห่หาเสียงที่ร้านศรแดง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีประชาชนมา ส่งเสียงเชียร์ และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สู้เพื่อคนไทยต่อไป พร้อมมอบดอกไม้เป็นกำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อน ขึ้นรถแห่ว่า พูดมาหลายวันแล้ววันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันสำคัญของคนไทย ขอวิงวอนขอร้องให้คนไทยทุกคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทุกที่ทั่วประเทศไทย เพราะนี่คือการเดินหน้าประเทศไทย ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ทั้งเขตและทั้งพรรค ขอให้ทุกคนออกไปลงมติโดยพร้อมเพรียงกัน อยากให้รู้ว่าบ้านเมืองของเราก็มีอะไรที่ดีอยู่แล้วแล้วเราก็จะทำต่อ เราไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อสร้างหลังใหม่ ไม่จำเป็นต้องรื้อประเทศไทย เราสามารถทำทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ พรรครวมไทยสร้างชาติทำเพื่อทุกคนอยู่แล้ว แบ่งแยกไม่ได้

พรุ่งนี้ถึงอากาศจะไม่เป็นใจแต่เชื่อว่าถ้าทุกคนตั้งใจก็ไม่เป็นอุปสรรค ฝนฟ้าถ้าตกก็มีวันหยุด แต่หากทำบ้านเมืองให้เสียหายต่อไปมันจะไม่หยุด ตอนนี้ปัญหาบ้านเมืองมีเยอะไม่มีใครจะแก้ได้นอกจากคนไทย เพื่อให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ขอร้องให้ทุกคนไปเลือกตั้ง

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถแห่พร้อมกล่าวปราศรัยด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่าวันนี้ขอโอกาสมาพบประชาชนอีกครั้งหนึ่งเพราะเป็นโค้งสุดท้าย ที่จะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้แล้วขอให้ชาวกรุงเทพฯ ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างพร้อมเพียงกัน เพราะถือเป็นการเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน อย่าทำให้เกิดการแตกแยก ก่อนจะแวะลงกราบสักการะพระประธานภายในวัดชนะสงคราม และเดินทางต่อโดยมีประชาชนชาวกรุงเทพฯ ให้กำลังใจโบกมือส่งเสียงเชียร์ตลอดเส้นทาง

‘กรณ์’ ขึ้นรถแห่ทั่วกรุงฯ ชวน ปชช. เลือก ‘ชพก.’ เบอร์ 14 พร้อมขอโอกาสเข้าสภาฯ ไปแก้ ‘เศรษฐกิจปากท้อง’ ให้คนไทย

(13 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ เพื่อช่วยลูกพรรคหาเสียงเป็นวันสุดท้าย เพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนในเขตต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเช้าเริ่มจากเข้าสักการะพระแม่อุมาเทวีและสิ่งศักดิ์สิทธิที่ วัดแขก เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินทางไปยังตลาดศรีย่าน ราชวัตร ซึ่งเป็นพื้นที่หาเสียงของนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 9 จากนั้นได้ขึ้นรถแห่ไปยังเขตลาดพร้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ของ นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ผู้สมัคร เบอร์ 3 และเขตบางกะปิ พื้นที่ของนายธาม สมุทรานนท์ ผู้สมัครเบอร์ 8 ก่อนจะตรงไปยังตลาดบองมาเช่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ นางสาววิเวียน จุลมนต์ ผู้สมัครเบอร์ 10 

โดยนายกรณ์ ได้เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า และกาเบอร์ผู้สมัครของพรรคชาติพัฒนากล้าในทุกเขตเลือกตั้ง โดยตลอดเส้นทาง ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยประชาชนโบกมือทักทาย และอวยพรให้โชคดี ได้เข้าไปทำงานแก้ไขปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน ตามที่ได้ตั้งใจไว้ จากนั้นคณะได้พักรับประทานอาหารที่ตลาดบองมาเช่ ก่อนที่นายกรณ์ จะให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะได้มีโอกาสลงพบปะพี่น้องประชาชนขอคะแนนเสียง ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหาเสียงกันในเขตของตัวเอง อยากฝากประชาชนว่าในวันที่ 14 พฤษภาคม อยากให้ไปใช้สิทธิกันมาก ๆ และหากเห็นว่าประเด็นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ควรได้รับการดูแลเหนืออื่นใด ก็ขอให้พิจารณาเลือกพิจารณาพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะพรรคเราเป็นพรรคเศรษฐกิจที่มีความเชี่ยวชาญและมีความตั้งใจที่จะมาแก้ปัญหาปากท้องโดยเฉพาะ และมีทีมงานที่ผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นเก่า และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเศรษฐกิจ ธุรกิจ พร้อมรับใช้ท่าน 

“ขอให้ท่านส่งพลังบวกเลือกในสิ่งที่ท่านต้องการจริง ๆ อย่าไปกังวลว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยถ้าเราได้เลือกในสิ่งที่เราชอบและศรัทธาแล้ว ก็เชื่อว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ เราจะมีความภาคภูมิใจกับการตัดสินใจของเรา และหากกรุณาเลือกเบอร์ 14 ทั่วประเทศ ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี ถ้าเรามีโอกาสเข้าไปทำงาน เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

ต่อมาในช่วงบ่าย นายกรณ์ พร้อมคณะ ออกจากตลาดบองมาร์เช่ ขึ้นรถแห่ไปตามถนนในเขต บางเขน จตุจักร หลักสี่ ในพื้นที่ของ ดร.แวววรรณ ก้องไตรภพ ผู้สมัครเบอร์ 3 ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง ถ.สาทร ซึ่งเป็นพื้นที่หาเสียงของ 3 ผู้สมัคร คือ นายนันทพันธ์ ศุภณ์ภัทรพงศ์ เขต1 เบอร์9 นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน เขต2 เบอร์ 3 สาทร ปทุมวัน ราชเทวี และ นายปรัชญา อึ้งรังสี เขต3 เบอร์ 14 บางคอแหลม ยานนาวา โดยตลอดเส้นทางถนนสาทร นราธิวาสฯ พระราม3 ประชาชนรอให้การทักทายอย่างคับคั่ง

‘แนน ศิริภา’ งานเข้า ถูกมือดีทำลายป้ายก่อนวันเลือกตั้ง เจ้าตัวบอกไม่หวั่น!! วัดกันที่นโยบาย-ความตั้งใจ ไม่ใช่กระแส

(13 พ.ค.66) น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตธนบุรี คลองสาน ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผยภาพ ป้ายหาเสียง เบอร์ 11 ของตนเองในพื้นที่ฝั่งธนบุรีช่วงหาเสียงโค้งสุดท้าย โดนมือดี ทำลายป้ายพังยับหลายจุด ก่อนวันเลือกตั้ง ทั้งตัดรูปใบหน้า ตัดเบอร์ออกจากป้าย รวมถึงมีการขีดเขียนบนใบหน้า นอกจากนี้ยังพบว่าบางป้ายหายไปจากจุดติดตั้งเดิม และมีหลายป้าย มีผู้สมัครการเมืองอื่นเอาป้ายหาเสียงมาปิดทับบดบังด้วย

น.ส.ศิริภา กล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีกลุ่มไม่หวังดีมาตระเวนทำลายป้ายหาเสียงทั้งๆที่ เข้าสู้วันสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่เว้น  ถือเป็นความพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทางแม้แต่ทำลายป้าย เพื่อไม่ให้ประชาชนจดจำเบอร์ 11 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และตนได้มอบอำนาจให้ทีมงานแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว

“ส่วนตัวขอยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกหวั่นไหวต่อคู่แข่งในพื้นที่ ที่แม้จะมีการแข่งขันกันมาอย่างเข้มข้นแต่เชื่อว่ายิ่งทำให้ประชาชนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ยอมรับต่อพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น และมองว่าการแข่งขันกันในพื้นที่ฝั่งธน ประชาชนจะตัดสินกันที่นโยบาย วัดกันที่ความทุ่มเท ความตั้งใจ และความจริงใจที่ผู้สมัคร มีให้กับประชาชน รวมถึงทางออกที่สามารถมองไปข้างหน้าได้ว่าผู้แทนคนนี้พร้อมที่จะเข้ามาเป็นปากเป็นเสียง เป็นคนที่คอยประสานทั้งจากระดับนโยบายลงมาสู่พื้นที่ได้ และประสานปัญหา หรือข้อเรียกร้องในพื้นที่  ขึ้นไปดูการแก้ไขในระดับนโยบายได้ และเข้าถึงได้กับคนทุกเพศทุกวัย สิ่งนี้มากกว่าที่มีผลต่อฝั่งธน ไม่ใช่เพียงกระแส ไม่ใช่เพียงมาทำลายป้าย หรือดิสเครดิตกัน”น.ส.ศิริภา กล่าว

‘อนุทิน’ นำทีมผู้สมัคร กทม. 33 เขต ขึ้นรถแห่รอบกรุง แนะนโยบาย–ขอบคุณปชช. หวังตอกเสาเข็มกรุงเทพฯ สำเร็จ

(13 พ.ค. 66) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกรุงเทพมหานครพรรคภูมิใจไทย, นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

นายอนุทิน ได้นำทีมผู้สมัครเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 33 เขต ขึ้นรถแห่ แนะนำนโยบาย ขอคะแนนเสียงและขอบคุณประชาชน ที่มาฟังการปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย ไปจนถึงให้กำลังใจ เป็นแรงสนับสนุนพรรค ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 

สำหรับเส้นทางการเดินทางนั้น เริ่มต้นจากพรรคภูมิใจไทย ขบวนได้วิ่งตามถนนพหลโยธิน ไปตามเส้นทางรถไฟฟ้า ผ่านแยกรัชโยธิน ห้าแยกลาดพร้าว และสะพานควาย สนามเป้า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พญาไท และราชเทวี โดยหลังจากนี้ขบวนจะเดินทางต่อไปยังพื้นที่ห้วยขวาง เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชน 

ทั้งนี้ ตลอดเส้นทาง นายอนุทิน และนายพุทธิพงษ์ พร้อมทั้งทีมผู้สมัคร ได้กล่าวขอบคุณประชาชน ที่ให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยอย่างดีเสมอมา นายอนุทิน กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงระบุว่า นี่เป็นการทิ้งไพ่ที่สำคัญสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เราใช้ทุกวินาที ให้คุ้มค่าที่สุด เมื่อเอาความมุ่งมั่น มาบวกกับผลงานที่ผ่านมา เชื่อว่าชาวกรุงเทพ จะแบ่งใจให้พรรคภูมิใจไทย ที่ผ่านมา เราไม่เคยปักธง ตอกเสาเข็ม ในพื้นที่กรุงเทพได้เลย แต่คราวนี้ทุกอย่างน่าจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเราได้พิสูจน์ผลงานจากการเป็นรัฐบาล จะเห็นว่า เราเป็นพรรคที่พูดแล้วทำ นโยบายที่นำมาเสนอ เราทำได้จริงและทำได้เร็ว ครั้งนี้ภูมิใจไทยส่งผู้สมัคร กทม. ครบ 33 เขต และมีแชมป์เก่าถึง 8 คน  วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการหาเสียง เราได้ส่งการบ้านให้ประชาชนครบทุกข้อ อะไรที่เป็นสัญญาใจ เราให้ท่านคืนไปหมด อยากจะตื๊อคนกรุงเทพฯ ขอให้เปิดใจรับภูมิใจไทย เราอาจจะถูกมองว่าเป็นพรรคบ้านนอก แต่ที่ผ่านมา เราก็รับใช้คนกรุงเทพฯ เช่นกัน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ หวังว่าจะตอกเสาเข็มในพื้นที่กรุงเทพมหานครสำเร็จ เพราะเราได้คนเก่งมาเสริมทัพในหลายตำแหน่ง และเราก็มีผลงานไปขายประชาชน 

“ที่สุดแล้ว ผมต้องขอบคุณพี่น้องประชาชน ทุกเวทีปราศรัยในกรุงเทพมหานคร มีคนมาฟังเราแน่นขนัด เราถือว่าเราทำเต็มที่แล้วทั้ง กทม. และพื้นที่อื่นๆ เราเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งมาเป็นปีก่อนหน้านี้ คิดว่าทำในสิ่งที่ต้องทำอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด กระแสของพรรค ดีขึ้นอยู่ทุกวัน แน่นอนว่าเรามีเป้าหมาย และเราวิ่งเข้าหาเป้าหมาย เราพยายามนำเสนอนโยบายให้พี่น้องพิจารณา คะแนนที่พี่น้องประชาชนมอบให้ ถือเป็นสิ่งมงคล ขอให้มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยได้ทำทุกอย่างที่ให้สัญญาไว้ตั้งแต่ปี 2562 ไว้หมดแล้ว เราทำเต็มที่ การทำงานเพื่อประชาชน ถือเป็นเกียรติ ของเราทุกคน” 

'ประวิทย์' ชาติไทยพัฒนา ลุยหาเสียง เขต 5 พระนครศรีอยุธยา ชู!! พัฒนากรุงเก่าเจริญเทียบสุพรรณฯ - แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

(13 พ.ค. 66) นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 พระนครศรีอยุธยา เบอร์ 12 พรรคชาติไทยพัฒนา ลงพื้นที่ อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางซ้าย อ.ลาดบัวหลวง ชูนโยบาย บ้านพี่เมืองน้องเราไม่ทิ้งกัน พัฒนาบ้านเรา ให้เหมือนสุพรรณบุรี เพราะพื้นที่คลองสองจังหวัดนี้ติดกัน มีความตั้งใจที่อยากจะเป็นสะพานนำความเจริญจากสุพรรณเข้าสู่อยุธยา เพื่อพี่น้องเกษตรกร เพื่อปากท้องชาวบ้าน เลือกคนใหม่ และเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18

นอกจากนี้ ยังพร้อมรับฟังปัญหาน้ำท่วมจากพ่อแม่พี่น้องในพื้นที่ โดยมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่อยากจะเข้ามาเป็นปากเป็นเสียงและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้พี่น้องพระนครศรีอยุธยาเขต 5 เพื่อที่พี่น้องเขต 5 จะได้ไม่เดือดร้อนทุกปี

'บอส อริย์ธัช' ชี้ แก้ ม.112 ต้องทำประชามติ ถามคนทั้งประเทศ ลั่น!! ใช้สภาฯ แก้ไขคงไม่เหมาะ เพราะกระทบต่อจิตใจคนไทย

(13 พ.ค. 66) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ (บอส) ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เบอร์ 14 เขตประเวศ และ เขตสะพานสูง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นคำถามแห่งยุคสมัยของสังคมไทยเวลานี้คือ 'ม.112' ซึ่งมีคนบางกลุ่มหยิบยกมาใช้เป็นเครื่องมือจนนำมาสู่ความขัดแย้งในหลายระดับของสังคม 

ขณะที่จุดยืนเรื่องนี้ของเราคือเพิกเฉยต่อกระแส เพราะกระแสแบบนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้โซเชียลอย่างไม่สร้างสรรค์ เช่นเดียวกับกระแสไม่เลือกเราเขามาแน่ ลักษณะนี้คือลักษณะเดียวกัน ที่มีอัตลักษณ์เหมือนกัน แต่เลือกจะปั่นให้สังคมแตกแยกจากคนละมุมคนละขั้ว ให้ฝ่ายขวา และ ฝ่ายซ้าย เป็นเหมือนน้ำและน้ำมัน 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้น ในฐานะพรรคการเมืองมีหน้าที่แนะนำแนวทางทางเหมาะสมแก่สังคม ซึ่ง ม.112 เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญยิ่ง เราจึงไม่เห็นด้วยที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้ใช้สภาแก้ไข เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ และพรรคของเราเชื่อในประชาชน ทางออกในการแก้ปัญหานี้ก็ต้องกลับไปฟังเสียงประชาชน

ดังนั้น ข้อเสนอของเราคือเสนอให้มีการสร้าง ‘ประชามติ’ ถามประชาชนทั้งประเทศว่า ถ้าเขาอยากจะแก้ จะแก้อะไร ต้องไปฟังคนทั้งประเทศมา เพื่อให้ปัญหาที่มีความอ่อนไหวนี้มีฉันทามติเป็นกติการ่วมกันได้จริงในสังคม กติกา คือ สิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกัน แต่กติกาจะไร้คุณค่าเมื่อมีคนโกง ดังนั้นในฐานะคนรุ่นใหม่ ผมต้องการให้ประเทศไฉไลกว่าเดิม คนซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 21 กรุงเทพมหานคร และ กลุ่มคนที่ตีมึนกระหายการเข้าสู่อำนาจ ที่รู้ตัวว่าไม่มีความสามารถเพียงพอ ไม่มีหัวใจของการเป็นผู้แทนราษฎร ผมขออนุญาตพูดตรงนี้ว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่องของโอกาส 

โอกาสครั้งนี้ 1 สิทธิ์ 1 เสียง เรามีเท่ากันครับ ตัวตนคนเราต่างหากที่ไม่เท่ากัน โอกาสนี้โอกาสเดียวที่จะทำความเป็น พหุวัฒนธรรม นำพาประเทศชาติพ้นจากวิกฤติความขัดแย้ง โอกาสนี้ขอท่านมองให้ชัดถึงตัวตนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง มองและพิจารณา ถึงคุณสมบัติ 'พร้อมใช้ ตั้งใจจริง' เป็นอันดับแรก และตัดสินใจที่ความเป็นคนรุ่นใหม่ รุ่นใหม่ที่วิธีคิด มีหัวหน้าพรรคที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ อีกทั้งความรู้ความสามารถ เช่น พี่ท๊อป วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชายของ คุณพ่อบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย ผู้สำเร็จรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 2540 ก้าวข้ามทุกข้อขัดแย้ง ผู้สร้างเมืองตัวอย่าง เมืองที่สดใส เมืองสุพรรณบุรีสีชมพู 

14 พฤษภาคม 2566 นี้ ผมกราบขอเชิญชวนทุกท่าน เลือก ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 21 14 พฤษภาเข้าคูหากาเบอร์ 14 บัตรสีม่วงเลือก บอส อริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ คนรุ่นใหม่ พร้อมใช้ ตั้งใจจริง และ เลือกพรรคสีชมพู พรรคชาติไทยพัฒนา นำความสดใสนำนโยบายที่ไม่ขายฝัน นโยบายที่ทำได้จริง คอนเซปต์ ว๊าวไทยแลนด์ WOW Wealth Opportunity and Welfare for all 

ใช้โอกาสเพียงหนึ่งเดียวนี้ชี้ชะตาชีวิตของตัวท่าน เลือกชาติไทยพัฒนา เลือกพรรคสีชมพูทั้งแผ่นดิน เพื่อมุ่งสู่ประเทศไทยที่ทุกประเทศทั่วโลกรอคอย ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องมีทางเลือกให้ประชาชน บริหารงานด้วยวิสัยทัศน์ที่เป็นสากล คือ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นท้องถิ่น วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม สอดประสานทำงานอย่างคล้องจองแนบแน่น และราบรื่น (Glow with the flow) สามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เป็นพื้นที่ตรงกลางให้ทุกขั้วสามารถนำนโยบายที่ดีมาขยับไปร่วมกันได้

‘ครูฝึกยิงปืน’ คลุ้มคลั่ง!! ลั่นไกสนั่นบ้าน ชาวบ้านหวาดผวา ล่าสุดยังไม่ยอมมอบตัว ตร.ปิดล้อมพื้นที่ ขอเน้นเจรจา

(13 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายบาส หรือพงศ์ อายุ 36 ปี ครูฝึกยิงปืน เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธยิงภายในบ้าน เหตุเกิดตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 24 ชั่วโมง การเจรจายังไม่เป็นผล นายบาสยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ซึ่งตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงและป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียโดยจะยึดแนวทางการเจรจา ซึ่งท่าทีของนายบาสล่าสุดไม่ได้แสดงอาการคลุ้มคลั่งแล้ว แต่ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน

ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูล ผกก.กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ได้นำโดรนขึ้นบินสังเกตปฏิกิริยาของนายบาส ที่ยังคงกบดานอยู่ภายในบ้านพักบนชั้น 2 ก็ยังไม่พบว่ามีการกระทำที่รุนแรงใดๆ ซึ่งก็หมายความว่า ตัวของนายบาสยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้าน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าระวังและเตรียมวางแผนการเจรจาอีกครั้งเพื่อให้เหตุการณ์สงบก่อนช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่จัดตลาดนัดถนนคนเดินวันเสาร์

‘กรณ์’ ชี้ เดินสายมา 1,183 วัน ปชช. คือแรงบันดาลใจให้สู้มาตลอด ย้ำจุดยืนครั้งสุดท้าย!! ‘ชพก.’ ทุบทุนผูกขาด เพิ่มโอกาสให้ ปชช.

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทำงานในฐานะหัวหน้าพรรค เดินสายพบพี่น้องประชาชน ทั้งปราศรัยและลงพื้นที่ มาถึงวันนี้ 1,183 วันเต็ม สะสมความรู้สึก ความคิด ประสบการณ์มามากมาย ตนทำงานทุกวันไม่เคยท้อ เพราะมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ของพรรคชาติพัฒนากล้า วันนี้อยากบอกกับพี่น้องว่า เป้าหมายการทำงานของพรรคชาติพัฒนากล้า เราจะมาทำงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยรวยขึ้น แต่ความรวยไม่สามารถแก้ปัญหา และทำให้เรามีความสุขได้ เราจะไม่มาอ้างเหมือนนักการเมืองหลายๆคน ว่าจะมากำจัดคนยากคนจนออกจากบ้านเมือง ทุกประเทศทั่วโลกก็ต้องมีคนจนที่เราต้องดูแล แต่สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะให้คือโอกาสที่จะทำให้อนาคตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยไม่ว่าจะเกิดมาจากที่ไหน ภาคไหน คนไทยทุกคนมีโอกาสที่จะฝัน ที่จะเชื่อว่า ถ้าเขาขยัน มุ่งมั่น ตั้งใจ เขาจะมีโอกาสที่จะมีชีวิต และรวยขึ้นได้ วันนี้คนไทยยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะกติกาของสังคมที่คนไทยทุกคน ขอให้ขยันและตั้งใจโอกาสมีแน่นอน และพรรคชาติพัฒนกล้า เป็นพรรคแห่งโอกาส ข้อเสนอนโยบายประชาชนนิยม ลดแลกแจกแถม เราทำประชานิยมมาแล้วกี่ยุคสมัย สุดท้ายคนไทยก็ยังไม่รวย เพราะติดกับดักว่า โอกาสก้าวหน้าเขาไม่มี วาทกรรมการเมือง ว่า เบี้ยผู้สูงอายุ จำนำข้าว และจะไปตัดงบทหาร เป็นรัฐสวัสดิการ ขอบอกว่าต่อให้ยุบกระทรวงกลาโหม ก็จะได้เงินมาแค่ 2 - 3 แสนล้านบาท ไม่ถึงครึ่งของนโยบายที่นำเสนอกัน ประเทศเราไปจุดนั้นได้ เราต้องรวยกว่านี้อีกเยอะ นั่นคือการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า ประชาชนทุกคนต้องมีความเชื่อ มีความหวัง สิ่งที่ตนได้รับมาตลอดคือของฝากจากพี่น้องประชาชน คือฝากให้เราช่วยดูแล แก้ปัญหาปากท้อง ที่จ.ภูเก็ตช่วงโควิด ทำมาหากินไม่ได้เลย ฝากช่วยดูแลเรื่องดอกเบี้ย โอกาสการกู้ยืมเงิน พอมา จ.ชุมพร พี่น้องประชาชนก็ฝากเรื่อง ราคาพืชผลทางการเกษตร ราคาปุ๋ย ไปที่ไหนมีแต่ของฝาก นี่คือความจริง ประชาชนยังมีความหวัง ถ้าเขาไม่หวัง ไม่ศรัทธา เขาไม่มาฝากพรรคชาติพัฒนากล้าหรอก และนี่คือแรงบันดาลใจที่เราสู้มาตลอดพันกว่าวัน

นายกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค แรงบันดาลใจนอกจากมาจากประชาชนแล้ว ทีมงานของเราทุ่มเทเสียสละ ไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ขอเพียงโอกาสช่วยบ้านเมือง ตนขอยกตัวอย่างเพื่อนผู้สมัคร 2 คนๆ แรกคือ เลขาธิการพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ วันนี้ไม่ได้อยู่กับเรา นายเทวัญ เลือกที่จะสู้ด้วยการแข่งขันในเขตเลือกตั้งเดิมของตัวเองคือเขต 1 โคราช ที่มีการแข่งขันหนักมาก ตนขอส่งกำลังใจไปให้นายเทวัญ ด้วย ผู้สมัครอีกท่านคือ นายจูรี นุ่มแก้ว เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เรื่องราวชีวิตเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ตน ผู้สมัคร และพี่น้องชาวใต้นับล้านคน เขาต่อสู้แนวทางสร้างสรรค์ บริสุทธิ์ นายจูรีทำงานเพื่อส่งตัวเองเข้าเรียน  ใฝ่คว้าหาโอกาสด้วยตัวเขาเองจนประสบความสำเร็จ ทั้งเป็น นักกฎหมายรับราชการ เป็นสื่อมวลชน จนมาเป็นดาวติ๊กตอก สร้างรายได้หลายสิบล้าน จากนั้นเขาทิ้งทุกอย่าง เพื่อทุ่มเทให้กับการเมือง สองท่านคือ ดีเอ็นเอ คือการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน เน้นเรื่องของการสร้างโอกาส

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า  เราเป็นพรรคที่นำเสนอยุทธศาสตร์ชัดเจน เราจะสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ เราจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ 5.5 ล้านล้านบาท ซึ่งต่างจากพรรคอื่นคือเราสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในระดับครัวเรือน เพราะเรามองประชาชนอยู่ศูนย์กลาง เช่น นโยบายเฉดสีเชียว การสร้างโรงงานไฟฟ้าโดยประชาชนที่มีหลังคาบ้าน , เฉดสีขาว เราส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ฯลฯ และไม่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น โอกาสทางการเมืองก็สำคัญ การใช้สิทธิของพี่น้อง มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เรายืนหยัดคือความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเมือง เราจะเข้าร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาล่าง โดยไม่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.

นอกจากนี้ ในเรื่องคุณภาพชีวิต เราเดือดร้อนปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เราต่อสู้เพื่อให้พี่น้องมีอากาศสะอาด ผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด หรือโอกาสของผู้สูงอายุที่จะมีบ้านที่ปลอดภัย ผ่านโครงการอารยสถาปัตย์ , ช่วงกลางคืนทุกคนเงยหน้าต้องมองเห็นดาว เราจึงมีนโยบายคุ้มครองพื้นที่ที่เป็นฟ้ามืดเป็นมรดกให้ลูกหลานเราสามารถดูดาวได้ เราต้องการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญอีกโครงการที่อยากพูดถึงวันนี้คือ ถึงเวลาแล้วที่กองสลากจะเพิ่มสัดส่วนคืนกำไรให้กับประชาชนผ่านโครงการ หวยจังหวัดๆ ละ 3 ล้านบาท สร้างเศรษฐีจังหวัดละ 3 คนในทุกงวด

นายกรณ์ กล่าวว่า แม้เราจะเป็นพรรคเล็ก แต่เป็นพรรคเล็กที่คิดใหญ่ ที่สามารถเปลี่ยนทิศทางประเทศ เราจะทำให้ทุกคนรวยขึ้น มีคำถามว่า นโยบายที่เรานำเสนอ ดูเป็นเรื่องใหญ่ แล้วพรรคเล็กเลือกไปแล้วทำได้จริงหรือ ขอตอบว่า ถ้าพี่น้องย้อนกลับไปดู สองปีที่ผ่านมา เมื่อเจอปัญหาหนักๆ เช่น ค่าน้ำมันแพง ไฟแพง อัตราดอกเบี้ยแพงพี่น้องกู้ยืมเงินไม่ได้ มีพรรคไหนสู้เพื่อพี่น้องบ้างนอกจากเราพรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญเท่าขนาดของหัวใจ อยู่ที่ความตั้งใจถ้าเรามีโอกาสเราต่อสู้เต็มที่ พรรคเราจะมี ส.ส.กี่คนก็แล้วแต่ตนมั่นใจหัวใจของผู้สมัครทุกคน

สุดท้ายวันอาทิตย์นี้ มันเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่ท่านรอมา 4 ปี ในการที่จะใช้สิทธิไปเลือกตั้ง เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศ ตนอยากเชิญชวนให้ท่านใช้สิทธิหนึ่งครั้งนี้ของเราในการสร้างพลังบวกให้กับสังคมไทย ที่พูดแบบนี้เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง มันจะมีกระบวนการปั่นให้เราทั้งกลัวทั้งเกลียดในทุกยุคทุกสมัย ไม่มีอะไรต้องกลัว สิ่งที่เขาไม่พูดถึงคืออิทธิพลของทุนผูกขาดที่อยู่เหนือการเมือง พรรคยิ่งใหญ่ยิ่งต้องอาศัยทุนผูกขาด แต่พรรคเราพรรคเล็กที่มีอิสระในการต่อสู้ ที่ประชาชนวางใจได้ เราไม่อยู่ภายใต้ทุนผูกขาด วันที่ 14 พฤษภาคม พี่น้องเลือกด้วยพลังบวก เลือกคนที่ท่านศรัทธา อย่าเลือกด้วยความกลัว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะเก็บความภาคภูมิใจจนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าเราได้ใช้ 1 เสียงของเรา ไปสู่พลังบวก ดีกว่าเราเลือกด้วยพลังลบที่ทั้งเกลียดและกลัว 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 เลือกพรรคชาติพัฒนากล้า และเบอร์ผู้สมัครทุกเขตที่อยู่ในพื้นที่ท่าน

‘มณีรัตน์’ ย้ำชัด!! อยากทำงานเพื่อพี่น้องพระโขนง-บางนา หวังผลักดันนโยบายรอบด้านให้ 'ปชช.-คนรุ่นใหม่' ก้าวไปถึงฝัน

เมื่อไม่นานมานี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจของ น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 6 โพสต์ข้อความระบุว่า “จากใจถึงใจ” อยากให้พิจารณาจากคุณสมบัติของผู้สมัคร ความตั้งใจจริงในการทำงาน ความสามารถในการที่ผลักดันนโยบายต่างให้เกิดเป็นผลลัพธ์ และประโยชน์สูงสุดให้กับทุกคนชาวพระโขนง-บางนาค่ะ 14 พฤษภาคม เข้าคูหาบัตรสีม่วง 🟪 กาเบอร์ 6️ ค่ะ

พูดแล้วทำ #บางนา #ภูมิใจกรุงเทพ #ภูมิใจไทย #พระโขนง #ทีมแม่มณี #กาเบอร์6่

โดยวิดีโอดังกล่าวนั้นได้ตอบคำถามมากมาย โดยคำถามแรกนั้นถามว่าทำไมชาวพระโขนง-บางนา ต้องเลือกคุณมณีรัตน์ เบอร์ 6 ว่า ตอนนี้อายุ 40 ปี ผ่านมาครึ่งชีวิต ใน 20 ปีที่ผ่านมานั้น เป็น 20 ปี ที่มีคุณค่ามากๆเลย ถ้าเราก้าวข้ามเรื่องการทะเลาะกัน ทำทุกอย่าง โดยใช้เวลา 20 ปีนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน

ส่วนจุดยืนและแนวทางการทำงานการเมือง ตนอยากจะทำการเมืองที่สร้างสรรค์ และเรียกตนเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่คือคนที่ต้องทำงานได้กับทุกคน ผูกมิตร แล้วก็ทำเพื่อประชาชน ให้มีผลลัพธ์ ให้กับพี่้น้องประชาชนอย่างแท้จริง ผ่านนโยบายต่างๆ ส่งผลไปถึงคนในพื้นที่ของเรา โดยเฉพาะในเขตพระโขนงบางนา

พรรคภูมิใจไทยนั้นมุ่งเน้นนโยบายต่อเนื่อง และสัญญาที่จะทำด้านสาธารณะสุข เช่น เรื่องศูนย์ฟอกไตฟรี ซึ่งก่อนหน้านี้นโยบายของภูมิใจไทยก็ทำขึ้นฟรีอยู่แล้ว แต่ที่จะทำต่อจากนี้ก็คือให้มีศูนย์ฟอกไตฟรีทุกเขต ทุกอำเภอ ย่นระยะเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนที่จะพาผู้ป่วยไป

ตนมีความเข้าใจหัวอกคนทำงาน ในการที่คนจะออกไปทำงานค่าเดินทางนั้นเป็นต้นทุนของทุกคน ถ้าตนได้มีโอกาสเข้าไปทำงานก็อยากจะผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ลดความทุกข์ของพี่น้องประชาชนคนเมือง

นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมคนรุ่นใหม่ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำที่อยากมีอาชีพอิสระ หรือแม้กระทั่งที่อยากมีรายได้เสริม แต่ก็มีอุปสรรค์มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าขนส่ง หรือแม้กระทั่งช่องทางที่จะค้าขาย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะช่วยผลักดันเป็นการลดค่าขนส่งต่างๆ ผลประโยยชน์เกี่ยวกับทางด้านภาษี เพื่อที่ซัพพอร์ตให้พ่อค้าเหล่านี้เดินต่อไปได้

ส่วนกระแสการเลือกตั้งในโค้งสุดท้ายนั้น กระแสก็เป็นเรื่องของกระแส แต่อยากให้มองถึงความตั้งใจจริงและคุณสมบัติ ข้อดีของตนอย่างหนึ่งก็คือเป็นคนที่ทำงานผ่านมาหลาบบทบาท สามส่วนหลักๆเลยก็คือ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคราชการ ตนเคยทำงานร่วมมาแล้วทั้งหมด ตนจึงสามารถที่จะเห็นภาพรวมต่างๆ และทำงานขับเคลื่อนออกมาให้เป็นผลลัพธ์แก่ประชาชน

คนรุ่นใหม่กับการเมืองใหม่ในมุมมองของตนนั้น มองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้ตัดสินที่อายุ แต่อยู่ที่แนวคิด อยู่ที่ความเข้าใจมากกว่า ว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้อยากได้อะไร คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้มีความฝัน มีแรงบันดาลใจ มีความต้องการอยากจะทำนู่นอยากจะทำนี่ หน้าที่ของตนก็คืออยากที่จะผลักดันไม่ว่าจะเรื่องสาธารณะสุข ที่คนรุ่นใหม่ต้องมีความห่วงใยพ่อแม่ ครอบครัว แต่ตัวเขาเองนั้นต้องรับเอฟเฟคต่างๆโดยตรง ได้การที่ต้องดูแล อาทิ หาหมอ หายา หรือแม้กระทั่งค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าเดินทางที่จะไปทำงาน หรือสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ดิจิทัลครีเอทีป เชฟ หรืออาชีพต่างๆ ถ้าตนมีโอกาสก็อยากจะผลักดันทั้งเชิงนโยบาย ทั้งเชิงปฏิบัติ อยากจะให้ไปสู่ฝันให้ได้

\ส่วนคำถามสุดท้ายที่ถามว่า ความตั้งใจที่ทำให้มานั่งอยู่ตรงนี้ คืออะไร นางสาวมณีรัตน์ตอบอย่างมั่นใจว่า “ก็อยากจะทำจริงๆ อยากจะทำให้กับทุกคนในพื้นที่ มีความตั้งใจจริงๆ อยากจะมาเป็นทั้งตัวเชื่อม เป็นทั้งตัวคนทำงาน ให้ผลประโยชน์ตกกับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตพระโขนง-บางนา อย่างแท้จริง”

‘บิ๊กป้อม’ ปล่อยคาราวาน ‘พปชร.’ หาเสียงทั่ว กทม. เริ่มขบวนตั้งแต่หน้าพรรค ไปจนถึงวงเวียนใหญ่

(13 พ.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำแกนนำพรรคพปชร. เคารพธงชาติ ก่อนปล่อยคาราวานรถหาเสียงโค้งสุดท้ายทั่วกทม. เพื่อให้กำลังใจผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศ พร้อมเชิญชวนประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่า วันนี้เป็นการหาเสียงวันสุดท้าย และเราจะยุติการหาเสียงในเวลา 18.00 น. ขอให้ผู้สมัครทุกคนทำงานให้เต็มที่เพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา และความแข็งแกร่งของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะช่วยเหลือประชาชนต่อไป ขอฝากให้ช่วยกัน  

จากนั้นพล.อ.ประวิตร โบกธงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และปล่อยขบวนแห่ โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และหัวหน้าทีมรับผิดชอบดูแลกทม. นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย ขึ้นขบวนรถแห่ แยกย้ายไปตามเส้นทางต่างๆ เริ่มปล่อยขบวนตั้งแต่หน้าพรรค ผ่านห้าแยกลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านแยกยมราช เข้าถนนหลานหลวง ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานพุทธ และจบที่วงเวียนใหญ่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top