Wednesday, 14 May 2025
SPECIAL

Road trip UTAH

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยห้าสิบรัฐ พื้นที่แต่ละรัฐกว้างพอ ๆ หรืออาจจะกว้างกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ 

ดังนั้น ความหลากหลายทางภูมิประเทศและภูมิอากาศจึงมากตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ชายทะเลทั้งฝั่งแอตแลนติกและแปซิฟิก ทะเลทราย เทือกเขาสูงทอดตัวยาว ภูเขาหิมะ ทุ่งหญ้า ป่าหลากประเภท มีบริเวณอากาศร้อนชื้นไปจนถึงหนาวจัดสุดขั้วก็มี สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายจึงกระจายทั่วประเทศ นักเดินทางต่างจึงมีทางเลือกเยอะมากในการปักหมุดหมายตามความชอบความต้องการ รวมถึงปริมาณเวลาว่างที่มี

  
ช่วงก่อนหน้านี้สามสี่เดือน ผมเดินทางในอเมริกาด้วยจักรยาน ปั่นท่องเที่ยวเลาะไปตามชายฝั่งทะเลแปซิฟิกในรัฐแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และรัฐวอชิงตัน อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ สลับสับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาเป็นการขับรถเที่ยวดูบ้าง พอดีรู้จักกับเพื่อนสองคนซึ่งปกติอยู่ไทย แต่กลับมาเที่ยวที่นี่ จึงเป็นเรื่องประจวบเหมาะ ชักชวนกันทำโร้ดทริป 

‘เน้ท’ เป็นคนอเมริกัน บ้านอยู่ที่โคโลราโด (และที่เชียงใหม่) ส่วน ‘เยา’ ผู้เป็นภรรยานั้นคือสาวไทย นัดแนะกันว่าจะพบกันที่บ้านพวกเขาบนเทือกเขาร็อกกี้ในรัฐโคโลราโด แล้วจะขับรถไปเที่ยวรัฐยูทาห์ซึ่งอยู่ติดกัน (พื้นที่ทางตอนกลางของสหรัฐ) 

มนต์เสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ผ่านภูมิประเทศแห้งแล้งกึ่งทะเลทรายจึงเริ่มต้นขึ้น จุดหมายปลายทางคือ อุทยานแห่งชาติอันเลื่องชื่อ อย่างอุทยานแห่งชาติ Arches National Park นั่นเอง 

จะว่าไป ส่วนตัว ผมไม่ได้รู้จักพื้นที่แถบนี้ดีเท่าไหร่นัก อารมณ์จับพลัดจับผลูได้มาเที่ยวเพราะมีเพื่อนเป็นคนแถวนี้มากกว่า ข้อดีก็คือไม่ต้องวางแผนการกินการนอน ไม่ต้องค้นหาว่าจะไปแวะเที่ยวที่ไหนบ้างระหว่างทาง สบายไปแปดอย่างสิบอย่างเพราะมีเพื่อนเป็นมัคคุเทศก์นำทางนั่นเอง


ทริปสบาย ๆ แบบไม่ได้กะเกณฑ์อะไรมาก เห็นอะไรสวยก็จอดแวะดูแวะถ่ายรูป คนขับง่วงก็หลบริมทางงีบ คุยสัพเพเหระอะไรกันไปขณะอยู่ในรถ โดยมีวิวสวยสองข้างทางสร้างความรื่นรมย์ ยิ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้พวกต้นไม้ใบหญ้าแข่งกันประชันขันแข่งสีสันสดใส สร้างความตะลึงพรึงเพริดแก่คนพบเห็น

ข้อดีของอเมริกาอย่างหนึ่ง คือทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดสรรลานพักแรมกระจายอยู่ทั่วไปให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งพวกที่ขับรถบ้าน รถกระบะหรือเก๋ง นักบิดมอเตอร์ไซค์ นักปั่นจักรยาน รวมถึงคนแบกเป้ทั้งหลายด้วย นับเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่ง พวกเราจึงมักอาศัยพักแรมตามลานกางเต็นท์ประเภทนี้ ไม่ก็หาพื้นที่หลบมุมกางเต็นท์ด้วยบ้างเช่นกัน 

แวะเที่ยวไปเรื่อย ทำให้กว่าจะถึงจุดหมายก็ปาเข้าไปสองวัน เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ Arches National Park คือเมืองโมอับ เป็นเมืองเล็ก แต่ความสะดวกสบายครบครันตามแบบฉบับเมืองที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งร้านค้าร้านอาหาร (มีแม้กระทั่งร้านอาหารไทย) ร้านขายของที่ระลึก โรงแรมหลายระดับ บริษัททัวร์ พิพิธภัณฑ์ก็มีด้วย พวกเราไม่ได้เลือกพักโรมแรม ส่วนหนึ่งเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และไหน ๆ ก็แบกเต็นท์ เครื่องนอน เตาไฟ สำรับอาหารสดอาหารแห้งกันมาเกือบเต็มคันรถ ไฉนจึงไม่หาที่พักแรมสวยๆ ดื่มด่ำความงามของธรรมชาติโดยรอบ ซึ่งดีกว่านอนในห้องหับกว่ากันเป็นไหนๆ จริงไหมครับ

'หมอทวีศิลป์' ขอพัก 10 วัน หลังตรวจ ATK พบติดเชื้อโควิด-19

28 พ.ค. 65 - นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ขอพัก 10 วัน ATK ขึ้น 2 ขีดเมื่อวาน เจ็บคอเล็กน้อย อื่นๆ ปกติดีครับ กราบขออภัยพี่น้องๆ เพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ชิดทำงานกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระมัดระวังตัวตรวจ ATK บ่อยๆ นะครับ"


ที่มา : https://www.thaipost.net/covid-19-news/150467/
https://www.facebook.com/113387520504681/posts/535478311628931/

'อดีตทูตไทยฯ' ย้อนอดีต ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยมาตลอด ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

หลังจากที่เขียนเล่าประสบการณ์ที่ได้เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นล่ามถวายงานในหลวง ร.10 ตอนที่เสด็จฯ เยือนลาตินอเมริกาใต้ ไปแล้ว ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับจาก FC จำนวนมาก บอกว่าอยากฟังอีก ผมก็พยายามเรียบเรียงจากความทรงจำเท่าที่พอจะจำได้ ให้เพื่อนๆ ฟังอีกนะครับ

ช่วงที่เสด็จฯ เยือนเปรู มีเหตุการณ์ประทับใจ และเหตุการณ์น่าตื่นเต้น เท่าที่จำได้คือ...

มีหมายกำหนดการนึงพระองค์ต้องเสด็จฯ ไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของเปรู ที่กรุงลิมา ซึ่งตอนนั้นมีจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอารยธรรมอินคาอยู่ ซึ่งพระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องประวัติศาสตร์และอารยธรรมอินคามาก 

จนเสด็จฯ มาถึงหน้าบอร์ดนิทรรศการนึงเป็นรูปภาพแกะสลักที่หน้าผาแห่งหนึ่งเป็นรูปเหมือนพระธิเบตนั่งสมาธิมีหมวกทรงสูงครอบศีรษะ เรียงรายไปตามแนวของหน้าผาหลายรูป 

ตอนนี้พระองค์ท่านทรงหันมาทางผมและมีรับสั่งว่า ดูเหมือนพระทางพุทธศาสนากำลังนั่งสมาธิ ผมก็เลยแปลบอกกับ ภัณฑารักษ์ ที่ทำหน้าที่บรรยายตามที่ทรงมีรับสั่ง ปรากฏว่า ภัณฑารักษ์ พยักหน้าทันทีบอกว่า ใช่ เหมือนพระพุทธรูป (ภาษาสเปนเรียก El Buda) และชมว่าพระองค์ทรงช่างสังเกตมาก นักโบราณคดีก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมรูปแกะสลักเหล่านี้ถึงเหมือนพระพุทธรูป ที่มาปรากฏถึงลาตินอเมริกาใต้ได้ 

กำหนดการต่อมาก็เสด็จฯ ไปเยือน รร.นายร้อยของเปรู พระองค์ทรงฉลองพระองค์ในเครื่องแบบพลเอกทหารบก ตอนนั้นผมได้ยิน จนท.ทหารหญิงที่เฝ้ารอรับเสด็จฯ แอบชมพระองค์ท่านกับผมว่าทรง muy guapo ซึ่งภาษาสเปนแปลว่า ทรงหล่อมากนั่นเอง 

จากนั้นทางรัฐบาลเปรู ก็ได้จัดเครื่องบินพระที่นั่งแบบ Fokker F27 ซึ่งเป็นไอพ่น 2 เครื่องยนตร์ เพื่อให้พระองค์ได้บินขึ้นไปชมความมหัศจรรย์ของ Nazcar Line ซึ่งเป็นลวดลายต่างๆ บนพื้นดินเช่น ลิงม้วนหาง นกอินทรี แมงมุม เป็นต้น แต่ละลวดลายนั้นมันกว้างใหญ่มาก ซึ่งหากยืนบนพื้นดินก็จะมองไม่ออก จะต้องมองมาจากที่สูงเท่านั้น ถึงจะเห็นลวดลายทั้งหมด ซึ่ง Nazcar Line นั้นก็ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ว่าใครเป็นคนสร้าง จนเกิดเป็นทฤษฎี UFO นั่นเอง

ต่อมาพระองค์ท่านก็ได้เสด็จฯไปเยือนอาณาจักรอินคาที่เมือง Cuzco และ Machu Pichu ซึ่งก็มีเหตุการณ์ประทับใจที่ผมยังจำภาพได้ถึงทุกวันนี้คือ ตอนที่เสด็จฯ ไปยืนที่หน้าป้อมโบราณของอินคา ตรงนั้นเป็นลานสนามหญ้ากว้าง ทางฝ่ายเปรูก็ได้นำนักเรียนอนุบาลตัวเล็กๆ มารอรับเสด็จฯ 

พอเสด็จฯ ถึงที่นั้น ทางเปรูก็ปล่อยให้เด็กๆ ชาวเปรู (ลูกหลานอินคา) ทั้งหญิงและชายวิ่งเข้ามาหาพระองค์ท่าน โดยเด็กๆ วิ่งเข้ามาพร้อมร้องว่า El Principe (แปลว่า เจ้าชาย) เข้าไปรายล้อมพระองค์ท่าน พระองค์ท่านก็ทรงเป็นกันเองแย้มพระสรวลลูบศีรษะเด็กๆ เหล่านั้นด้วยพระเมตตายิ่ง เป็นภาพที่ยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้

จากเปรู ก็ต้องเสด็จฯ ต่อไปที่ เอกวาดอร์ เนื่องจากคณะฝ่ายไทยบางส่วนต้องเดินทางล่วงหน้าไปรอรับเสด็จฯ ที่เอกวาดอร์ก่อน ซึ่งทางการเปรูก็ได้จัดเครื่องบิน Fokker F 27 ลำเดิมที่ใช้บินชม Nazcar Line ให้คณะล่วงหน้าไปรอที่เอกวาดอร์

ตอนนี้มีเรื่องตื่นเต้นคือ เครื่อง Fokker F 27 ลำนั้น เกิดเครื่องไอพ่นดับไป 1 เครื่องก่อนที่จะร่อนลงสนามบินกรุง Quito ทำให้นักบินต้องขอเคลียร์รันเวย์ทำ emergency landing เดชะบุญที่เครื่องร่อนลงอย่างปลอดภัย พอตรวจก็พบว่าไอพ่นเครื่องนึงนั้นมีละอองทรายซึ่งสันนิษฐานว่าอาจฟุ้งเข้าเครื่องตอนที่บินเหนือ Nazcar Line นั่นเอง

การเสด็จฯ เยือนเอกวาดอร์ก็เป็นไปโดยราบรื่น เสด็จฯ ไปเยี่ยมชมจุดที่เรียกว่าเป็น “สะดือโลก” ซึ่งเอกวาดอร์เคลมว่าเป็นจุดศูนย์กลางของโลก 

จากเอกวาดอร์ ต้องเสด็จฯ จากกรุง Quito ไปเยือนหมู่เกาะกาลาปาโกส ซึ่งเป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความน่าสนใจทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยา มีชื่อภาษาสเปนอย่างเป็นทางการว่า กลุ่มเกาะ Colon (เป็นชื่อของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในภาษาสเปน) ตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร 

“นายก อรัญญา” นายกเทศมนตรี ลงนาม MOU สานความร่วมมือ “Honda Road Safety for Kids” ปลูกฝังวินัยจราจรแก่เยาวชนในสถานศึกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในห้องประชุมเธียเตอร์ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โดยสานความร่วมมือระหว่าง ทางเทศบาลตำบลแพรกษา กับทาง บริษัทฮอนด้า พรีเมียร์ แพรกษา จำกัด 

ซึ่งในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) นั้น ระหว่าง นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย นายพศิษฐ์ ชินมหาพิพัฒน์ รองกรรมการบริหาร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้  โดยมี นางธนัตถา รามางกูร ผู้จัดการทั่วไป จากบริษัทฮอนด้า พรีเมียร์ แพรกษา จำกัด อาจารย์วศิน จุลกาญน์ ครูผู้ฝึกขับขี่ปลอดภัย ฮอนด้า ออโต้โมบิล (ประเทศไทย) คณะเจ้าหน้าที่บริษัทฮอนด้า ตลอดจน คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในครั้งนี้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างเทศบาลตำบลแพรกษา กับ บริษัทฮอนด้า พรีเมียร์ แพรกษา จำกัด  

ตัวเลขสากลพิสูจน์ชัด ถอดรหัสเศรษฐกิจสยามยุค 'พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์' รัฐบุรุษผู้นำไทยไทยสู่ความโชติช่วงชัชวาล

เฟซบุ๊ก 'LVanicha Liz' โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ 'ป๋าเปรม' ระบุว่า...

ตัวเลขสากลพิสูจน์ชัด #ฝีมือรัฐบุรุษผู้นำไทยไปสู่ความโชติช่วงชัชวาล

วันที่ 26 พ.ค. 2562 เป็นวันถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ thansettakij.com นำเสนอบทความเรื่อง พล.อ.เปรม นายทหาร ผู้พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย “โชติช่วงชัชวาล” มีบทนำว่า: พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นอกจากจะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในทางทหารโดยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่มีผลงานโดดเด่นในการสู้รบ และปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศแล้ว ในช่วง 8 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลายจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และนำพาเศรษฐกิจของไทยไปสู่ยุค “โชติช่วงชัชวาล”

https://www.thansettakij.com/politics/401938

BOT Magazine ลงเนื้อหากล่าวถึงเศรษฐกิจโชติช่วงชัชวาล ว่าเป็นเพราะ พล.อ.เปรม เปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับภาคเอกชนเป็นอย่างมาก มีเนื้อหาดังนี้: สมัยนั้น เศรษฐกิจโชติช่วงชัชวาล เพราะป๋าเปิดโอกาสให้คณะนักธุรกิจร่วมเดินทางไปเจรจาการค้าด้วย รอบละกว่า 50 คน (อ้างอิงภาพประกอบ)

https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Pages/256203SpecialScoop.aspx

ในเรื่องนี้ผู้เขียนยืนยันด้วยอีกเสียงหนึ่ง เพราะในช่วงนั้นที่ประชุมบริษัทหารือกันว่ากิจการเอกชนได้รับโอกาสเข้าร่วมไปเจรจาการค้า จะไปกันหรือไม่  

ความ “โชติช่วงชัชวาล” นั้น จึงสรุปได้ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระจายโอกาสความร่ำรวยไปทั่วๆ จากหัวใจอันทรงคุณธรรมของ พล.อ.เปรม

ส่วนนายกฯ ประเภทกอบโกยผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง จะสงวนโอกาสไว้ให้เฉพาะกลุ่มของตน มันจึงเป็นที่มาของความ “รวยกระจุก จนกระจาย” ที่พวกเขาพร่ำกล่าวโทษใส่ร้ายนายกฯฝ่ายตรงข้าม

ย้อนกลับมาที่ #ฝีมือรัฐบุรุษผู้นำไทยไปสู่ความโชติช่วงชัชวาล

ผู้เขียนพบว่าตัวเลขสากลพิสูจน์ชัดอย่างยิ่งจากการตรวจดัชนีเศรษฐกิจย้อนหลัง กล่าวคือ GDP ที่ครอบคลุมช่วงเวลาการบริหารของ พล.อ.เปรม ระหว่างปี 1980-1988 (อ้างอิงภาพประกอบ)

'BTS' เตรียมพบ 'ไบเดน' ในฐานะทูตเยาวชน หารือประเด็นไม่ทิ้ง 'คนเอเชีย' ไว้ข้างหลัง

วงไอดอลเกาหลีใต้ชื่อดังก้องโลกอย่าง BTS จะเข้าร่วมการหารือกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือประเด็นตอบรับกับความเกลียดชัง ต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ (26 พ.ค.) ว่า วง BTS จะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บนประเด็น “การไม่ทิ้งคนเอเชียเอาไว้ข้างหลัง และการสร้างภาพแทน (คนเอเชีย)” ในสหรัฐฯ และหยิบประเด็นอาชญากรรมความเกลียดชัง และการเลือกปฏิบัติต่อชาวเอเชีย ขึ้นมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก

การเข้าหารือของวงไอดอลเกาหลีใต้ที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ เป็นอย่างมากนั้น จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้าช่วงวันอังคาร โดยการหารือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไบเดนเดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ก่อน ในฐานะที่เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของตนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

ไบเดนออกมาประกาศอย่างจริงจังว่า ตนจะมอบคำสัญญาในการจัดการตอบรับ กับปัญหาอาชญากรรมความเกลียดชัง ที่เกิดขึ้นต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น
 

ครบรอบ 85 ปี ‘Golden Gate Bridge’ สะพานแขวนสีส้มแห่งนคร San Francisco

วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) ประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ทำพิธีกดปุ่มทางไกลเปิดใช้สะพาน Gate Bridge ในนคร San Francisco อย่างเป็นทางการจากกรุง Washington D.C. โดยสะพาน Golden Gate ถูกจัดให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมของโลกยุคปัจจุบัน ด้วยเคยครองสถิติสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกมาก่อน (ปัจจุบันสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก คือ สะพาน Akashi-Kaikyo อยู่ที่ญี่ปุ่น) โดยมีระยะทาง 2.7 กิโลเมตร สูง 223.5 เมตร 

สะพาน Golden Gate ทอดข้ามอ่าว San Francisco บริเวณช่องแคบ Golden Gate ทางตอนเหนือของนคร San Francisco กับ เทศมณฑล Marin มลรัฐ California ในตอนก่อนสะพานจะถูกสร้างขึ้น เส้นทางสั้น ๆ ที่ใช้งานได้จริงเพียงเส้นทางเดียวระหว่างนคร San Francisco กับ เทศมณฑล Marin (ในปัจจุบัน) คือ โดยสารเรือ Ferry ข้ามอ่าว San Francisco โดยบริษัท Sausalito Land and Ferry ซึ่งบริษัทนี้เปิดตัวในปี พ.ศ. 2410 ในที่สุดก็กลายเป็นบริษัท Golden Gate Ferry ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัทรถไฟสายแปซิฟิกใต้ เรือ Ferry ข้ามฟากของบริษัทรถไฟสายแปซิฟิกใต้ทำกำไรมหาศาลและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ โดย เรือ Ferry ที่ข้ามฟากระหว่างท่าเรือ Hyde Street Pier ในนคร San Francisco กับท่าเรือ Sausalito Ferry Terminal ในเทศมณฑล Marin ใช้เวลาราว 20 นาที และราคาค่าบริการอยู่ที่คันละ  1.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ในสมัยนั้น) 

ท่าเรือ Sausalito Ferry Terminal ในเทศมณฑล Marin ก่อนที่จะมีสะพาน Golden Gate

ด้วยเหตุนคร San Francisco เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงไม่มีการเชื่อมโยงถาวรกับชุมชนรอบอ่าว และต้องใช้บริการโดยสารเรือ ferry ข้ามฟากเป็นหลัก จึงทำให้อัตราการเจริญเติบโตของเมืองต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการเจริญเติบโตของเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ 

แต่ในยุคนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างให้ความเห็นว่า เทคโนโลยีขณะนั้นคงไม่สามารถสร้างสะพานข้ามช่องแคบยาว 6,700 ฟุต (2,000 เมตร) ได้ เพราะมีอ่าว San Francisco มีกระแสน้ำที่หมุนวนอย่างแรง ความลึกของน้ำบริเวณใจกลางช่องแคบอยู่ที่ 372 ฟุต (113 ม.) และลมพัดแรงจัดมากอยู่บ่อย ๆ ครั้ง จึงเป็นเหตุให้ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า ลมที่พัดแรงจัด อีกทั้งหมอกลงหนักจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการก่อสร้างและการใช้งานสะพาน 

แม้ว่าแนวคิดของเรื่องสะพานทอดข้ามช่องแคบ Golden Gate จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในที่สุดข้อเสนอก็ถูกตีพิมพ์ใน San Francisco Bulletin ปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) โดยบทความของ James Wilkins วิศวกรของนคร San Francisco ซึ่งได้ทำการประเมินค่าใช้จ่ายในการสร้างไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.5 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) แล้วก็ยังไม่สามารถทำได้ในขณะนั้น 

แต่ Joseph Strauss ซึ่งเป็นวิศวกรและกวี ผู้มีความทะยานอยาก ซึ่งเคยทำวิทยานิพนธ์เรื่องการออกแบบสะพานรถไฟยาว 55 ไมล์ (89 กม.) ข้ามช่องแคบ Bering และในขณะนั้น Strauss ได้สร้างสะพานแขวนเสร็จสมบูรณ์แล้วราว 400 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสะพานในสหรัฐฯ และไม่มีอะไรที่เขาจะสนใจมากไปกว่าโครงการสร้างสะพานใหม่เพื่อข้ามช่องแคบ Golden Gate ภาพร่างสะพานเริ่มต้นของ Strauss ประกอบด้วยคานแขนขนาดใหญ่ในแต่ละด้านของช่องแคบ ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยส่วนกันสะเทือนกลาง โดย Strauss สัญญาไว้ว่า จะสามารถสร้างได้ด้วยงบประมาณ 17 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่ากับ 423 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน)


Joseph Strauss

หลังจากนั้นด้วยมติในสภานิติบัญญัติแห่งมลรัฐ California อนุมัติให้มีการสร้างสะพานและทางหลวงด้วยงบประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 530 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) เพราะมีความมั่นใจว่า Strauss จะมีการปรับเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และยอมรับข้อมูลต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญโครงการที่ปรึกษาหลาย ๆ คนว่า การสร้างสะพานแขวนถือเป็นแนวทางที่น่าจะประสบความสำเร็จและสามารถใช้งานจริงได้มากที่สุด การก่อสร้างต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งทศวรรษเพราะโครงการก่อสร้างสะพานนี้ต้องเผชิญกับการต่อต้าน รวมถึงการฟ้องร้องดำเนินคดีจากผู้ที่คัดค้านและเสียผลประโยชน์มากมาย 

อีกทั้งกระทรวงสงครามของสหรัฐฯ เองก็เกรงว่า สะพานนี้จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรทางเรือ กองทัพเรือสหรัฐฯ กลัวว่า การชนสะพานของเรือหรือการก่อวินาศกรรมอาจเป็นปิดกั้นทางเข้าท่าเรือหลักแห่งใดแห่งหนึ่ง ส่วนสหภาพแรงงานเรียกร้องให้มีการรับประกันว่า คนงานในท้องถิ่นจะได้เข้าทำงานในการก่อสร้างโครงการนี้

นอกจากนั้น บริษัทรถไฟสายแปซิฟิกใต้ หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในมลรัฐ California คัดค้านการสร้างสะพานนี้เพราะจะเป็นการแข่งขันกับธุรกิจเรือ Ferry ข้ามฟาก และได้ยื่นฟ้องคัดค้านโครงการนี้ ซึ่งนำไปสู่การคว่ำบาตรการใช้บริการเรือข้ามฟาก


 Leon Moisseiff วิศวกรผู้ออกแบบและสร้างสะพาน Manhattan ในมหานคร New York

ในที่สุด Strauss ก็ได้เป็นทั้งหัวหน้าวิศวกรที่รับผิดชอบการออกแบบโดยรวมและการก่อสร้างสะพาน แต่เนื่องจากเขามีความเข้าใจหรือประสบการณ์น้อยในการออกแบบระบบกันสะเทือนด้วยสายเคเบิล ความรับผิดชอบในด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จึงตกอยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ 

ข้อเสนอจากการออกแบบเบื้องต้นของ Strauss (ช่วงเสาเข็มคู่สองช่วงที่เชื่อมโยงกันด้วยระบบกันสะเทือนส่วนกลาง) ไม่เป็นที่ยอมรับอันเนื่องมาจากมุมมองที่สามารถมองเห็นนั้นดูไม่สวยสง่า ทำให้การออกแบบช่วงล่างที่สวยงามขั้นสุดท้ายเกิดขึ้นโดย Leon Moisseiff วิศวกรผู้ออกแบบและสร้างสะพาน Manhattan ในมหานคร New York 
 

'สร้างอนาคตไทย' ประกาศต่อหน้าคนอีสาน 'ดร.สมคิด' เท่านั้น เป็นนายกฯ

'สร้างอนาคตไทย' ทัวร์อีสาน ประกาศชัด ไม่เป็นนั่งร้านของใครเด็ดขาด ชาวบ้านเรียกร้อง 'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' นั่งนายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ 'สนธิรัตน์-อุตตม' ประสานเสียงลั่นเมืองอุบล ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลางเวทีเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครภาคอีสาน เผยเหตุที่เดินออกจากรัฐบาล เพราะไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 

วันที่ 26-27 พ.ค.2565 พรรคสร้างอนาคตไทยลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน พบปะประชาชนในพื้นที่ อ.ม่วงสามสิบ และ อ.เดชอุดม พร้อมทั้งเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครของพรรค ที่ อ.ม่วงสามสิบ คือ นายจำลอง พรหมสวัสดิ์ และที่อ.เดชอุดม คือ น.ส.ตวงทิพย์ จินตะเวช ซึ่งมีประชาชนให้การต้อนรับและเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า นโยบายหลักของพรรคฯ คือการมุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องคนไทย ซึ่งถือเป็นวิกฤตของคนทั้งประเทศ ทั้งด้านค่าใช้จ่าย รายได้และหนี้สิน โดยเฉพาะคนในภาคเกษตรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดออกจากวงจรความยากจน และยังถูกซ้ำเติมหนักยิ่งขึ้น จากสถานการณ์โควิดและราคาพลังงานในปัจจุบัน 

นอกจากนี้พรรคฯ ได้ให้คำมั่นกับคนอีสานว่า จะสนับสนุนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 เพราะมีความสามารถทางเศรษฐกิจที่ทุกคนยอมรับว่าเหมาะที่จะเป็นผู้นำประเทศมากที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคพร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขอประชาชนเลือก ส.ส. ของพรรค เพื่อให้โอกาสพรรคเข้าไปแก้ปัญหาประเทศ

“พวกเราเดินออกมาจากรัฐบาลชุดนี้เมื่อ 3 ปีก่อน หลังร่วมงานด้วยได้ไม่นาน เพราะพบว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้เราเห็นแล้วประเทศเดินไม่ได้ จึงตั้งพรรคขึ้นมาเอง และจะไม่หันหลังกลับไปอีก  ผมขอยืนยันกับพี่น้องว่า พรรคเราไม่ได้เป็นนอมินีใคร ไม่ได้เป็นนั่งร้านให้ใคร ถ้าจะเป็นก็เป็นให้กับพี่น้องประชาชนเท่านั้น” นายอุตตม กล่าวบนเวที

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หลายปีมาแล้วที่ประเทศไทยไม่มีความสุข เหตุจากการเมืองที่แบ่งขั้วแบ่งฝักฝ่าย ต่างฝ่ายต่างยึดประโยชน์พวกพัองตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง คนอีสานเสียโอกาสการพัฒนา และไม่มีใครดูแลความเดือดร้อน มองไม่เห็นอนาคต

พรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองแล้วสถานการณ์ของแต่ละขั้วการเมืองวันนี้ โอกาสที่พวกเขาจะทำงานเพื่อแก้ปัญหากับพี่น้องประชาชนจริงๆ แทบไม่มี 

“สร้างอนาคตไทย มุ่งทำเพื่อประชาชนเท่านั้น เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีความสุขขึ้น เช่นเดียวกับคนอีสานและคนไทยทั้งประเทศที่ต้องร่วมกันเปลี่ยนสิ่งเดิมๆ การเมืองเดิมๆ เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ตร.เตือน เข้าถึงบัญชีออนไลน์ผู้อื่นโดยมิชอบ เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสี่ยงคุก

(23 พ.ค. 65) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีมีบุคคลได้เข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Happy Melon Patcharaveerapong “ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม แล้วทำการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยอ้างว่าตนเองเป็น แตงโม พร้อมโพสต์ข้อความในลักษณะที่เป็นการกล่าวอ้างใส่ความบุคคลอื่น อ้างว่ามีพยานหลักฐานสำคัญ ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสนในวงกว้าง จนเกิดคำถามและข้อสงสัยในสังคมว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวสามารถกระทำได้หรือไม่ และถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย หรือไม่นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนว่าการกระทำของบุคคลดังกล่าว มีประเด็นพิจารณาเป็น 2 กรณี คือ

1. การเข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ผู้อื่น เป็นการเข้าถึงโดยชอบหรือไม่ ถ้าเป็นการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการเข้าไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม มาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. กรณีเผยแพร่ข้อมูลที่มีลักษณะเป็นการใส่ความผู้อื่นและเผยแพร่ต่อสาธารณะ ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  
3. กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ในลักษณะที่อาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. หากมีการโพสต์หรือเผยแพร่ข้อมูลอื่นอันมีลักษณะเข้าข่ายผิดกฎหมายในฐานความผิดอื่น ก็จะมีความผิดตามฐานความผิดที่ได้กระทำ

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมคณะ หารือผู้แทนสหรัฐฯ ร่วมแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

จากกรณีประเทศไทยได้ถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) เป็นเวลา 2 ปีติดกัน หากไม่ได้รับการแก้ไขก็จะถูกปรับระดับเป็น (Tier 3) โดยอัตโนมัติ


 
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงได้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามฝ่ายคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงแรงงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ทั้งการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็กและการบังคับใช้แรงงานข้ามชาติ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ เช่น การส่งออกสินค้าไทย และยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศต่อสายตานานาประเทศอีกด้วย


 
โดยเมื่อวันที่ 15-18 พ.ค.65 นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำตัวแทนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคม คณะผู้แทนไทย ได้เข้าพบปะหารือในเรื่องการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา


 
การเข้าหารือ ครั้งนี้ มุ้งเน้นไปที่การดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือจากทางการสหรัฐ โดย ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตานีละบุตร ผบช.รร.นรต. และพล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.๑ ในฐานะผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทน


 
ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทย ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย โดยได้สรุปผลงานภาพรวมของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งการดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ สหรัฐเห็นถึงความพยายาม ในการขจัดปัญหา
 
ซึ่งทางการสหรัฐ ได้ให้ความสนใจและซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการในการดำเนินการช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำเสนอ แนวทางการประสานงานในการช่วยเหลือคนไทยจากประเทศกัมพูชา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งสถิติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ของไทย ที่มีการดำเนินคดีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และยังมีจำนวนคดีที่สั่งไม่ฟ้องลดลงอย่างน่าพอใจ เป็นผลมาจากการประสานงานให้พนักงานอัยการ เข้ามาร่วมกับพนักงานสอบสวน ในการตรวจสำนวนคดีก่อนส่งฟ้อง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้สหรัฐมีความพึงพอใจในด้านการปราบปราม และการดำเนินคดีผู้กระทำผิดค้ามนุษย์เป็นอย่างมาก
 
ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนไทย ยังได้เสนอให้มีการพิจารณาสถานการณ์ปัญหาค้ามนุษย์ในอนาคต เป็นการแก้ไขในระดับภูมิภาค เพราะประเทศไทย อยู่ในฐานะของประเทศทางผ่าน ที่ผู้กระทำผิดมักจะใช้ในการลักลอบขนเหยื่อค้ามนุษย์ไปสู่ประเทศที่สาม มิใช่ประเทศต้นทางหรือปลายทางแต่อย่างใด อีกทั้งรัฐบาล ก็มีนโยบายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์ภายในประเทศมีปริมาณลดลงอย่างมาก
 
ขณะที่ทางการสหรัฐ ได้ให้ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากการหารือครั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยให้เน้นการเพิ่มเติม การบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ทั้งระบบ แม้ที่ผ่านมา การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่อยากให้เพิ่มเติม ด้านการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ให้เป็นระบบ และมีความจริงจัง โดยให้ประสานงานกันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ในภาพรวมให้เป็นทีมประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถจัดการปัญหาค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นได้ในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ


 
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า การเดินทางมากรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาของคณะผู้แทนไทยในครั้งนี้ ได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อคิดเห็น ประสบการณ์ในการทำงานแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ผ่านมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้แทนของสหรัฐได้มีความเข้าใจในความมุ่งมั่นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องของไทย รวมทั้งได้เห็นผลงานและความเปลี่ยนแปลงที่หน่วยงานไทย ได้ร่วมกันบูรณาการพัฒนาระบบการทำงาน การประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ และการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ที่มีพัฒนาการที่ดีจากปีก่อนมาก

'กรณ์' เชื่อ!! เสียงคนกรุงฯ เทเลือก 'ชัชชาติ' ท่วมท้น เพราะ 'สร้างความหวัง' มากกว่า 'ความเกลียดชัง'

กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงคะแนนเสียงคนกรุงเทพฯ ที่เทให้ 'ชัชชาติ' อย่างท่วมท้นว่า...

ผมขอแสดงความยินดีกับคุณชัชชาติที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพ

คุณชัชชาติแสดงเจตจำนงมานาน และเตรียมตัวมาอย่างดี  

สำหรับผมที่น่าชื่นชมที่สุดคือคุณชัชชาติหาเสียงด้วยการสร้าง ‘ความหวัง’ มากกว่า ‘ความเกลียดชัง’ ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายหรือพูดสั้นๆ ว่าหาเสียงอย่าง ‘สร้างสรรค์’

พรรคกล้า พร้อมให้ความร่วมมือกับคุณชัชชาติและทีมบริหาร กทม. ชุดใหม่เพื่อประโยชน์ของประชาชนในกรุงเทพทุกคน การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง และชัดเจนว่าประชาชนมองว่าที่ผ่านมานั้นยังไม่ดีพอ

โพลสถาบันพระปกเกล้า ชี้!! คนกรุงไว้ใจชัชชาติ พร้อมเทคะแนนเลือกเป็นผู้ว่าฯ มากถึง 40.8%

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ภายหลังจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ภายใต้โครงการวิจัยประเมินผลการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผู้บริหารท้องถิ่น ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก่อนเลือกตั้ง กทม. 22 พฤษภาคม 806 ตัวอย่าง โดยทำการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2565 ดังนี้

'โตโต้' ซัด!! เลือกตั้งยังต้องปลุกไปใช้สิทธิ์ ไม่แปลกใจที่เผด็จการไม่กลัว 'เรา'

วันนี้ 22 พ.ค. 65 นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่มวีโว่ อดีตผู้สมัครสส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า...

“ถ้าถึงขนาดว่าต้องปลุกกันไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันแบบนี้ก็ไม่แปลกที่เผด็จการมันไม่มีอะไรต้องกลัวเรา”


ที่มา : https://www.thaipost.net/x-cite-news/146622/

เปิดแชตไลน์ ‘บังแจ็ค’ ส่งขู่ ‘วัน อยู่บำรุง’ เผยมีภาพ-แชตคุย ‘แตงโม’ อีกเยอะ

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 65 'วัน อยู่บำรุง' ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความว่า...

"มีคนไลน์มาขู่ผมด้วยฮะ🤣
ไม่มีที่ยืนก็นั่ง ไม่มีที่นั่งก็นอนดิวะ!!!!"

ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพเดียวกับที่ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์มาแล้วก่อนหน้านี้

'ต๋อง ศิษย์ฉ่อย' หักคิว 'ลิ้ม ก๊อก เลียน' รอบชิงฯ ขึ้นแท่นนักบิลเลียดไทยคนที่ 6 คว้าทองซีเกมส์

การแข่งขันบิลเลียด ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ฮาดอง ยิมเนเซียม กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย ในประเภทสนุกเกอร์เดี่ยว 15 แดง รอบชิงชนะเลิศ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม นักสอยคิวไทยจอมเก๋าวัย 52 ปี อดีตมืออันดับ 3 ของโลก และนักกีฬาทีมชาติชุดซีเกมส์ในฐานะกัปตันทีม ลงดวลคิวกับ ลิ้ม ก๊อก เลียน เจ้าของเหรียญทองสนุกเกอร์ 6 แดงจากมาเลเซีย โดยแข่งขันระบบ 4 ใน 7 เฟรม

เริ่มต้นเฟรมแรก ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ออกสตาร์ตคิวยังไม่ไหลลื่นพ่ายไปก่อน 24-75 แต่เข้าสู่เฟรมที่สอง นักสอยคิวเจ้าของฉายา “ไทยทอร์นาโด” เริ่มแทงเข้าที่ไล่สอยเอาชนะไปได้ 88-34 ทำให้เสมอกัน 1-1 แต่เฟรมที่สาม จอมคิวมาเลเซียไล่แทงชนะได้ 70-25 ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 เฟรมที่สี่ทั้งคู่ต่างดวลกันอย่างคู่คี่สูสีก่อนเป็นจอมคิวมือเก๋าชาวไทยที่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาไล่แทงแซงเอาชนะไปได้ 65-48 เสมอกัน 2-2 เฟรม

จากนั้นในเฟรมที่ห้า ต๋อง และลิ้ม ต่างออกมาแทงผลัดกันวางสนุ้กชิงเหลี่ยม และแทงเบียดทำแต้มไล่บี้กันสุดเดือด ก่อนเป็นฝ่ายของ “เจมส์-วัฒนา” ที่ชิงจังหวะตบทำแต้มเอาชนะไปได้ 83-33 แซงขึ้นนำเป็นครั้งแรก 3-2 และเฟรมที่หกทั้งคู่ยังสู้ชิงไหวชิงพริบกันอย่างต่อเนื่อง แต่เป็น “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” อาศัยความเก๋า และความเฉียบขาดแทงบดชนะไปได้ 67-42


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top