Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

‘สืบนครบาล’ รวบ ‘แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์’ หลอกขายแบรนด์เนมราคาถูก ผ่านออนไลน์

วันที่ 4 ธ.ค. 65 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ที่ 5, พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี, พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม, พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ, พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์, พ.ต.ท.ชานนท์ บรรพกาล, พ.ต.ต.ธนากร จอมเกาะ, ร.ต.อ.ธีรเดช พรมลาย, ร.ต.อ.สตางค์ พิศุทธ์พัลลภ, ร.ต.ท.นันทัพพ์ แก่นจันทร์, ร.ต.ท.หญิง มุกนภา เอมรื่น และเจ้าหน้าที่ กก.สส.4 บก.สส.บช.น. จับกุมตัวน.ส.อรอุมา เกิดจันทึก หรือ ‘แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์’ อายุ 29 ปี และนายภิญญาพัชร์ หรือ ธันยกานต์ เอี่ยมท่า อายุ 30 ปี ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับของ ‘แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์’ จำนวน 3 หมาย 

ประกอบด้วย หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.552/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกงประชาชน’ ท้องที่ สน.ธรรมศาลา, หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ จ.545/2565 ลงวันที่ 17 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกงประชาชน’ ท้องที่ สภ.เมืองยะลา และหมายจับศาลแขงธนบุรี ที่ 360/2565 ลงวันที่ 28 พ.ย. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’ ท้องที่ สน.บุปผาราม ส่วนหมายจับของ 

นายภิญญาพัชร์ จำนวน 1 หมาย คือ หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ จ.545/2565 ลงวันที่ 17 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกงประชาชน’ ท้องที่ สภ.เมืองยะลา จับกุมได้ที่บริเวณ คอนโด เดอะโพลิแทน รีฟ ซ.นนทบุรี 15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 06.00 น. ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากผู้เสียหายขอความช่วยเหลือทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB” ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.อรอุมา เกิดจันทึก หรือแซนดี้ กระเป๋าหลุยส์ โดยใช้ชื่อกลุ่มไลน์โอเพ่นแชทว่า ‘เดอะแซนดี้แบรนด์’ แอบอ้างขายกระเป๋าแบรนด์เนมนำเข้าจากต่างประเทศราคาถูก โดย แซนดี้ จะสรรหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือ ทั้งการโพสต์รูปภาพ การรีวิวกระเป๋า จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก และตรวจสอบประวัติการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ปรากฎว่า น.ส.อรอุมา เคยก่อคดีมากว่า 26 คดี รวมมูลค่าความเสียหายประมาณล้านกว่าบาท 

โดยออกเช็คเด้งปี 64 จำนวน 1 คดี สภ.เมืองยะลา ปี 65 ก่อเหตุ 25 คดี ความผิดตามพ.ร.บ.คอมฯ สภ.กุมภวาปี, สภ.บางละมุง, ความรวมคดีฉ้อโกง สภ.สำโรงเหนือ, สน.หลักสอง, รวมความผิดรวมคดีฉ้อโกง สน.สำเหร่, รวมความผิดฉ้อโกง สน.ธรรมศาลา, รวมความผิดร่วมกันฉ้อโกง บก.ปอท. 2 คดี, รวมความผิดฉ้อโกง สน.ธรรมศาลา, สภ.หมวกเหล็ก, สภ.เมืองขอนแก่น, รวมความผิดฉ้อโกงประชาชน สภ.กันทรวิชัย, รวมความผิดฉ้อโกง สภ.ดอนหัวฟ้อ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช, สน.บวรมงคล, สภ.วารินชำราบ, สภ.เมืองมหาสารคาม, สภ.โป่งน้ำร้อน, สน.พญาไท และสภ.วังสะพุง 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2565 : หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

จงหาเวลานั่งเงียบ ๆ คนเดียว
เพื่อไตร่ตรองสิ่งที่เราทำ
สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
เพื่อพิจารณาหาข้อผิดพลาด
ที่ต้องแก้ไขในวันพรุ่งนี้
เราทำอะไรที่ไม่ใช่ไปบ้างหรือเปล่า
เราทำให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า

ตำรวจเมืองคอนระงับเหตุชายคลั่งยิง จนท. เจ็บ หลังเติมน้ำมันแล้วชิ่ง ซ้ำ!! พบยาบ้าในรถ

(2 ธ.ค. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผย กรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.นครศรีธรรมราช และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้าระงับเหตุชายคลั่งเติมน้ำมันแล้วไม่จ่ายเงิน ขับรถหนีเจอด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าเจรจาบริหารเหตุการณ์ตามหลักยุทธวิธี แต่คนขับไม่ยอมลงจากรถมีลักษณะคล้ายคนเมายา และได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีการปลดอาวุธ และเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ต่อมาภายหลังได้ตรวจค้นรถพบ ยาบ้ากว่า 8,000 เม็ด และจะนำไปขยายผลต่อไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา

ส่องผลงานว่าที่ แคนดิเดท 'นายกรัฐมนตรี'

แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่พรรคการเมืองต่าง ๆ เริ่มทยอยเปิดชื่อของ ‘แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี’ ออกมากันแล้ว 

‘บิ๊กโจ๊ก’ ชี้!! คดีทุนจีนสีเทา คืบหน้ากว่า 90% ลั่น!! ไม่มีมวยล้ม แม้ต้องสู้กลุ่มอำนาจเงิน

(1 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มทุนจีนผิดกฎหมาย ว่า เรื่องดังกล่าวตนรายงานพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผบ.ตร. จะเป็นผู้รายงานนายกรัฐมนตรี โดยเรื่องนี้ นายกฯ ได้กำชับครั้งล่าสุดในที่ประชุม ก.ตร. ว่าให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันเราทำงานยึดหลักกฎหมายตรงไปตรงมา สาวถึงใครก็ว่าไปตามนั้น ถ้าไม่ถึงก็ต้องให้ความเป็นธรรม 

รองผบ.ตร. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีนี้ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะเราใช้กำลังเยอะมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเยอะ เช่น กรณีวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ใช้เวลาทั้งวัน ค้น 3-4 จุด ยึดทรัพย์ 4,000 กว่าล้านบาท ที่เป็นวัตถุทั้งบ้าน รถ เครื่องบิน และต้องนำทรัพย์ที่ยึดมาได้มาโยงเส้นทางการเงิน และยังต้องไล่ต่อว่ายังมีเงินสดอีกหรือไม่แล้วอยู่ที่ไหน

เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีกลุ่มทุนผิดกฎหมายอยู่ในเมืองไทยอีกหรือไม่ รองผบ.ตร. กล่าวว่า คิดว่าวันนี้หนีออกไปเยอะแล้ว กลุ่มเหล่านี้หลบหนีจากจีนมาอยู่กัมพูชา เมื่อถูกกวาดล้างหนักก็หนีมาอยู่ไทยและสปป.ลาว เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้คุยกับ ผบ.ตร.สปป.ลาว เมื่อเราจับมือกันแบบนี้ คนสองสัญชาติ ก็ต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ ไปอยู่ที่อื่น

วันนี้กลุ่มคนที่อยู่แบบผิดกฎหมายที่ไม่ใช่กลุ่มทุนจีนที่มีปัญหา เขาก็หนีไปเป็นร้อยคนแล้ว เพราะเขาก็กลัวจึงออกไปก่อนดีกว่า แต่หลังจากนี้เราต้องเข้มงวดตั้งแต่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการให้วีซ่า อย่างกรณีการจับกุม นายโทนี่ หรือนายเฉิน จ้าวฮุ้ย ที่ถือวีซ่าธุรกิจ ก็ต้องตรวจสอบว่าออกได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกก็ต้องเพิกถอน หากใครเกี่ยวข้องกับการให้วีซ่าที่ไม่ถูกกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีหมด เช่นวีซ่านักเรียนที่ให้กับคนอายุ 57 ปี แบบนี้ออกมาได้อย่างไร ต้องถูกดำเนินคดีแน่ไม่ปล่อยไว้ เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อลงทุน แต่มาก่ออาชญากรรม

รู้จัก ‘สุนทร ปานแสงทอง’ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง จากโควตาบ้านใหญ่สมุทรปราการ

รู้จัก ‘สุนทร ปานแสงทอง’ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง จากโควตาบ้านใหญ่สมุทรปราการ

‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้ง นายสุนทร ปานแสงทอง เป็นรัฐมนตรีช่วย (รมช.) ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่ามกลางเสียงถามอื้ออึงว่า ‘สุนทร ปานแสงทอง’ เป็นใคร มาจากไหน

หลังนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณปรับ ครม.ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า กลุ่มปากน้ำได้โควตารัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง และส่งชื่อไปให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ‘เป็นผู้ชาย และเป็นคนนอก’

รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดงคนนี้ มีตำแห่นงทางการเมืองก่อนหน้านี้ เป็น รองนายก อบจ.สมุทรปราการ ที่มี ‘ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย’ เป็นนายกฯ อบจ. ภายใต้การสนับสนุนของ ‘ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม’ บ้านใหญ่ปากน้ำ

ตามประวัติไม่เคยผ่านการเป็น ส.ส.มาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ข้องแวะเพียงแค่การเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ เมื่อปี 2548 ให้กับ ‘พรรคมหาชน’ และเป็นผู้สมัครเขต 4 สมุทรปราการ ในนามพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งปี 2562 เท่านั้น

ในทางการเมือง ถือเป็นคนที่มีโปรไฟล์ชัด มาจากบ้านใหญ่ อัศวเหม 

ซึ่งเรื่องนี้ สอดคล้องกับที่เจ้าตัวออกมาขอบคุณ หลังได้รับโปรดเกล้าฯ

“ขอบคุณกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ที่นำโดย นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ที่สนับสนุนการทำงานและผลักดัน ให้รับหน้าที่ในตำแหน่ง”

ดังนั้น เมื่อ นายชนม์สวัสดิ์ สนับสนุน โควตานี้ก็ถือเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ตามที่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ เคยรับปากกับ ‘กลุ่มปากน้ำ’ ไว้

ทั้งนี้ หากจำกันได้ การรับปากดังกล่าว เกิดขึ้นจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบที่ผ่านมา ที่ ส.ส.กลุ่มปากน้ำไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ อันประกอบด้วย นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับอีก 5 ส.ส.สมุทรปราการ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ, น.ส.ภริม พูลเจริญ, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร, นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ออกมาเขย่าเก้าอี้ ‘มท.1’ ของ ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ให้เสียวสันหลังวาบ

ด้วยการโหวตสวนมติพรรคตัวเอง ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมๆ กับการเรียกร้องให้ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มานั่งในตำแหน่ง มท.1 แทนด้วย

โดย นายกรุงศรีวิไล เรียกการโหวตสวนในคราวนั้นว่า เป็นการกระตุกหนวดเสือ

‘ตำรวจ’ เปิดปฏิบัติการ ‘ชัตดาวน์บ่อขยะเถื่อน’ ลุยตรวจ 16 จุดทั่วกรุงฯ รวบผู้ทำผิดได้ 7 คน

วันที่ (1 ธ.ค. 65) พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. สั่งการให้พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม), พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.1 บก.ปทส. นำกำลัง เปิดปฏิบัติการ SHUT DOWN!! บ่อขยะเถื่อนทั่วกรุง Season 2 เข้าตรวจสอบเป้าหมายในเขตต่าง ๆ 16 จุดทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ เขตลาดกระบัง 3 จุด, เขตสะพานสูง 3 จุด, เขตประเวศ 1 จุด, เขตมีนบุรี 2 จุด, เขตคลองสามวา 1 จุด, เขตบึงกุ่ม 1 จุด, เขตบางแค 1 จุด, เขตหนองแขม 2 จุด, เขตสวนหลวง 2 จุด ที่มีการลักลอบเปิดบ่อขยะเถื่อน ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเป็นมลพิษทางอากาศ ซึ่งจากการกำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกวิธี อีกทั้งยังกลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรครวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไปสู่แหล่งน้ำและพื้นที่ใกล้เคียง 

ส่วนผลปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ 7 คน คือนายพัฒพร ถาวร อายุ 29 ปี, น.ส.บัวไทย นนเทศา อายุ 40 ปี, นายป่าน ภาคแก้ว อายุ 61 ปี, นายอภิสิทธิ์ กิจเกียรติ์ อายุ 27, ปี น.ส.นงค์ลักษณ์ สงเมือง อายุ 28 ปี, นายกิตติศักดิ์ สิริกิตติสุนทร อายุ 42 ปี และน.ส.ชัญญา สอนพ่วง อายุ 48 ปี 

‘ตร.’ เผย 2 เดือน จับยาเสพติดเฉียด 5 หมื่นคดี พร้อมทลาย ‘แก๊งต่างชาติ-ทุนจีน-พนันบอล’ เพียบ

ผบ.ตร.โชว์ผลงานรอบ 2 เดือน เน้นงานนโยบาย 5 ด้าน เร่งด่วน แก้ปัญหาผู้เสพกว่า 1.4 แสนราย จับกุมปืน 22,027 คดี กวาดล้างยาเสพติด 47,310 คดี พนันฟุตบอล 5,101 ราย ทลายเครือข่ายนายทุนจีน แก๊งต่างชาติ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

วันนี้ (30 พ.ย.65) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ด้านปัญหายาเสพติด อาวุธปืน สถานบริการ การพนัน คดีออนไลน์ และเครือข่ายคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทยอย่างเฉียบขาด จริงจัง และต่อเนื่อง โดยบังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 28 พ.ย. 65 จำนวน 5 ด้าน ดังนี้

1.) สถิติอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1 ต.ค.- 28 พ.ย.65) รับคำร้องทุกข์ 142,740 คดี  จับกุมได้ 131,349 คดี คิดเป็น ร้อยละ 92

(1.1) จับกุม อาวุธปืนและวัตถุระเบิด 22,027 คดี 20,316 คน (ปืนสงคราม 220 คดี, ปืนไม่มีทะเบียน 6,466 คดี, ปืนมีทะเบียน 529 คดี )

(1.2) คดีเกี่ยวกับการพนัน 15,407 คดี ผู้ต้องหา 18,170 คน จับกุมกรณี บ่อนการพนัน (20 คนขึ้นไป) 4 คดี ผู้ต้องหา 108 คน

โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลก (World Cup 2022) มีผลปฏิบัติ จับกุมเจ้ามือ จำนวน 104 ราย (เจ้ามือ 57 ราย เจ้ามือออนไลน์ 47 ราย) ผู้เล่น 4,975 ราย (ผู้เล่นทั่วไป 4,559 ราย ผู้เล่นออนไลน์ 416 ราย) เดินโพย 22 ราย รวม จำนวนทั้งสิ้น 5,101 ราย โดยยึดของกลางโพยบอล 7,064 ใบ เงินสด 98,140 บาท รวมมูลค่า 1,268,000 บาท
(1.3) จับกุมความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 1,032 คดี ผู้ต้องหา 1,024 คน

2.) ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด

(2.1) ค้นหาและนำผู้สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ จำนวน 72,716 ราย และผู้เสพที่มีอาการ ทางจิตประสาท จำนวน 21,143 ราย รวมทั้งสิ้น 93,859 ราย

(2.2) ผู้เสพไม่สมัครใจบำบัดหรือกระทำผิดซ้ำ จับกุม จำนวน 46,980 ราย (กลุ่มฐานความผิดร้ายแรง (ผู้จำหน่าย ครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน) จำนวน 9,329 ราย โดยสามารถนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 140,839 ราย ระยะเวลา ต.ค.-พ.ย.65 คิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ.2565

(2.3) จับกุมยาเสพติด 47,310 คดี ผู้ต้องหา 46,453 คน ปริมาณของกลางยาบ้า 34,827,953 เม็ด ไอซ์ 67.88 กิโลกรัม เฮโรอีน 125.9 กิโลกรัม เคตามีน 406.5 กิโลกรัม โคเคน 2.4 กิโลกรัม และยาอี 1,217 เม็ด ดำเนินการตามยึดทรัพย์ ตามมาตรการฟอกเงิน 3 ราย

(2.4) ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรในพื้นที่ 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า 15,000 ราย โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในห้วง ม.ค.-เม.ย.2566

3.) ด้านการแจ้งความออนไลน์ และ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่ 1 มี.ค. - 29 พ.ย.65 รับแจ้งความ 134,268 คดี พบว่า ข้อมูล 5 กลโกงที่พบการรับแจ้งมากที่สุด 
(1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 
(2) โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม 
(3) หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 
(4) หลอกให้ลงทุน 
(5) หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ/Call Center)

ข้อมูล 5 กลโกงที่พบความเสียหายสูงสุด
1.หลอกให้ลงทุน (6.4 ลบ.) 
2.หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ (2.1 ลบ.) 
3.โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม (2.0 ลบ.) 
4.หลอกให้รักแล้วลงทุน (0.99 ลบ.)
5.หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน (0.67 ลบ.)
สามารถติดตามอายัดบัญชี 49,765 บัญชี สามารถอายัดได้ทัน 385,759,583 บาท

4.) ด้านเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย ผบ.ตร. สั่งการให้ ผบช.สตม. ดำเนินการเพิ่มความเข้มในการคัดกรอง กวาดล้างและจัดระเบียบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย กระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนี้
(4.1) คัดกรองคนต่างด้าวมีการปฏิเสธคนต่างด้าวเข้าเมือง จำนวน 3,395 ราย คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2,005 ราย ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 21 ราย และจัดระเบียบคนต่างด้าวในประเทศ ไม่รายงานตัวฯ 582 ราย (มาตรา 37) ไม่แจ้งที่พักอาศัยคนต่างด้าว 8,770 ราย (มาตรา 38) และจับกุมคนต่างด้าวอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 1,073 ราย

(4.2) ขยายจับกุมเครือข่ายนายทุนจีนผิดกฎหมาย จากกรณี ร้านผับจินหลิง คดีที่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 เข้าตรวจค้น พบผู้ใช้ยาเสพติดกว่า 104 ราย และพบยาเสพติดจำนวนมาก พร้อมตรวจยึดรถยนต์หรู จำนวน 35 คัน จากการขยายผลพบเพิ่มอีก 4 กรณี ได้แก่

(1) ร้านคลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา หลังการตรวจค้น พบยาเสพติดจำนวนมาก ผู้ต้องหา 4 ราย
(2) ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร มีกลุ่มคนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี จำนวน 2 ราย
(3) ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา จับกุมขยายผลผู้ต้อง 4 ราย ได้ของกลางเป็นยาเสพติดประเภท เฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์ ตรวจค้นจุดต้องสงสัยกว่า 38 จุด ยึดรถหรู 5 คัน เงินสด 19 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย
(4) ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน หลังตรวจค้นที่พัก พบสุราต่างประเทศ ไวน์ต่างประเทศ บุหรี่ต่างประเทศ บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ และอาวุธปืน หลังจากรวบรวมพยานหลักฐาน ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เพิ่มจำนวน 4 ราย โดยคดีนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง

(4.3) จับกุม คนต่างด้าวลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 คนต่างด้าว 56 ราย ใช้ไทยเป็นฐานลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เห่อซิง โดยมีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

(4.4) จับกุมแก๊งค์อุ้มเรียกค่าไถ่ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ผู้ต้องหา 2 ราย เกี่ยวข้องกับแก๊งอุ้มตัดนิ้วเพื่อนร่วมแก๊งเรียกค่าไถ่ 37 ล้านบาท

(4.5) จับกุมคนต่างด้าวสวมบัตรประชาชน เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 จับกุมนายทุนรายใหญ่ สวมบัตรประชาชนไทย ตามหมายจับศาล จว.ปัตตานี จ.125/65 ยึดของกลางหลายรายการ เช่น ชุดเครื่องแบบฯ ติดป้ายชื่อ รถยนต์ 2 คัน (ติดธงจีนคล้ายรถสถานทูต) หนังสือเดินทาง 3 เล่ม

(4.6) จับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.65 รวบหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หนีซุกไทยเสวยสุข ตามหมายจับฯ ข้อหา เกี่ยวกับยาเสพติด การฉ้อโกง การลักทรัพย์ เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสาธารณะ หนังสือเดินทางปลอม ตรวจยึด รถยนต์ยี่ห้อ Ferrari 1 คัน มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท
(5.) โครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรตามโครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 8 เรื่อง โดยเป็นข้าราชการตำรวจ จำนวน 12 นาย และประชาชน 3 นาย เช่น การช่วยเหลือ ประชาชน นำส่งเด็กผลัดหลง การปฐมพยาบาล (ปั้มหัวใจ) ช่วยเหลือรถจักรยานยนต์ตกคลอง การจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืน ช่วยเหลือเด็กหญิง เจรจาคนพยามยามจะกระโดดสะพาน ใช้ไหวพริบในการจับกุมยาเสพติดกว่า 5 ล้านเม็ด

DSI ปูพรมค้น 41 จุด ก๊วนลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ขุดเงินดิจิทัลเลี่ยงภาษี ทำรัฐสูญรายได้กว่า 500 ลบ.

DSI เปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด (ปฏิบัติการ Electrical Shock) ปูพรมค้น 41 จุด ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าและใช้เครื่องขุดเงินดิจิทัลเลี่ยงภาษีในเหมืองขุดบิตคอยท์ รัฐสูญรายได้กว่า 500 ล้านบาท

(30 พ.ย. 65) ณ หน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ, นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพันตำรวจตรี วรณันศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ/โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือปฏิบัติการ ‘Electrical Shock’ โดยมีพันตำรวจโท เฉลิมชนม์ อุณหเสรี รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ รักษาการผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายชวภณ สินพูนภักดิ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการ ‘Electrical Shock’ เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 41 จุด ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท 

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียน การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี  มีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์โดยผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิทคอยน์มาจากต่างประเทศ และมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสืบสวน โดยมีการประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร จนพบจุดต้องสงสัยมากกระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งการทำเหมืองขุดบิทคอยน์ดังกล่าวจะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรง โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ อันเป็นการลักกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด ซึ่งกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้ดำเนินการสืบสวนจนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ 100 เครื่อง มีการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300 - 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 300 ล้านบาท   

ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเพื่อเข้าค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัย จำนวน 41 แห่ง เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการลักไฟฟ้า เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา และร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า 2,000 ตัว มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท ไว้เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งตรวจสอบกับกรมศุลกากรว่ามีการนำเข้าราชอาณาจักรไทย โดยผ่านพิธีการทางศุลกากร โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษก็จะได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนต่อไป

เมียนมา สกัดยาบ้าที่รัฐฉานก่อนทะลักเข้าไทย จับ 8 ผู้ต้องหา พร้อมอุปกรณ์การผลิตเพียบ

แผนความร่วมมือระหว่างประเทศ พม่าตรวจยึดยาเสพติดก่อนทะลักเข้าไทย พร้อมประสานความร่วมมือต่อเนื่อง

พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเลขาธิการร่วม CCDAC เมียนมามีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงผลการจับกุมโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ทหารเมียนมา และเจ้าหน้าที่ CCDAC เมียนมา ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่บ้านน้ำปุ่งใหม หรือบ้านนายาว เมืองกาน จังหวัดเมืองสาด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมจับกุม 8 ผู้ต้องหา และตรวจยึดยาเสพติด พร้อมอาวุธปืน และอุปกรณ์การผลิตได้เป็นจำนวนมาก

เปิดข้อมูลเลือกตั้ง 10 ครั้งล่าสุด

พรรคการเมืองอันดับ 1 ในใจคนไทยในแต่ละห้วงเวลา จากผลการเลือกตั้ง 10 ครั้งหลังสุดของประเทศไทย

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 : หลวงปู่ประไพ สุภโร

มีกรรม ก็ใช้เขา
เหมือนเกลือ เอาน้ำเติมบ่อย ๆ
เดี๋ยวก็จางความเค็ม
หมั่นทำบุญ ภาวนา แผ่เมตตา
เดี๋ยวก็ดี...

เตือน!! ‘พริตตี้-เน็ตไอดอล’ รับงานช่วงบอลโลก หากเข้าข่ายชวนเล่นพนัน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

วันที่ 26 พ.ย. 65 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. แจ้งเตือนบุคคลที่มีชื่อเสียง ศิลปิน ดารา พริตตี้ เน็ตไอดอล และนักพากย์เสียง ให้ใช้ความรอบคอบและระมัดระวังในการรับงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โปรโมตเว็บไซต์ต่างๆ ต้องตรวจสอบรายละเอียดของงานและหลีกเลี่ยงงานที่มีความเสี่ยง ถ้าถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือชักชวนประชาชนให้เล่นการพนันทายผลแข่งขันฟุตบอล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 

‘สืบนครบาล’ รวบ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’  หลอกทำบุญกฐิน-เช่าพระ เสียหาย 10 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี, พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม, พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี, พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ, ร.ต.อ.ธนพล มโนสร และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. จับกุมนายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’ อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 214/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’ พร้อมของกลางบัตร ATM จำนวน 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม สำเนาสลิปที่เกี่ยวข้อง 2 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เอกสารระบุสัญญาร่วมลงทุน จำนวน 1 ชุด / 4 ใบ เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 1 ชุดจับกุมตัวได้ที่บริเวณริม ถ.ประตูขาว ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’ ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนเทรดหุ้น แต่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า นายปอ เป็นคนพื้นเพที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากนั้นได้เริ่มเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์ เปลี่ยนถิ่นที่อยู่ไปอยู่ในพื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง จนกระทั่งได้ผันตัวมาเป็นครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า ‘โค้ชจอห์น’ แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น 

ผู้เสียหายรวมตัวกันกว่า 140 รายขอความช่วยเหลือทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น’ ครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า ‘โค้ชจอห์น’ แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น โดยเนื้อหาที่สอนนั้นกลับมีเพียงคลิปวีดิโอ 4 คลิป ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่โค้ชจอห์น จะสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อไม่ต่ำกว่า 140 คน โดยในห้วงเวลาใกล้กันนั้นก็ยังเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์โดยใช้ความเชื่อทางศาสนาหลอกลวงผู้คนไปด้วย เช่น หลอกซื้อขายเช่าบูชาพระ, หลอกซื้อขายซิมโทรศัพท์เบอร์มงคล, หลอกจัดทำบุญกฐิน ก่อเหตุมาโชกโชนจนถึงปัจจุบัน 

จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหา พบหมายจับจำนวน 4 หมายจับคือ หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 88/2565 ลงวันที่ 30 ก.พ. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกงประชาชน’, หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 214/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’, หมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 194/2564 ลงวันที่ 7 ก.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ยักยอก’, หมายจับศาลแขวงกระบี่ ที่ 5/2565 ลงวันที่ 10 ม.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้หรืออ้างเอกสารปลอม’ ท้องที่ สภ.อ่าวนาง ภ.จว.กระบี่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top