Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

สมุทรปราการ-นายก ”อรัญญา” นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา สร้างภูมิทัศน์จัดกิจกรรม ปลูกต้นไม้ 12,000 ต้น สร้างพื้นที่สีเขียว ถนนแพรกษาเมืองน่าอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ (ต้นเฟื่องฟ้า) จำนวน 12,000 ต้น ที่บริเวณเกาะกลางด้านหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษา เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว อีกทั้ง เพื่อเป็นการส่งเสริมสร้างความสวยงามให้ถนนแพรกษากลายเป็นถนนที่สวยงามและเป็นเมืองที่น่าอยู่ ภายใต้โครงการ “ถนนสวย” ตามนโยบายการบริหารจัดการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแก่พี่น้องประชาชน

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้รับเกียรติจากท่าน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยคณะให้เกียรติร่วมปลูกต้นไม้ ได้แก่ ต้นเฟื่องฟ้า จำนวน 12,000 ต้น โดยมีท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายเฉลิม ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ นางพรทิพย์ เดชะทัศน์ ท้องถิ่นอำเภอเมืองสมุทรปราการ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาลตำบลแพรกษา ครู และนักเรียนโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา ร่วมให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ซึ่งการปลูกต้นเฟื่องฟ้าในครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นในโครงการถนนสวย ตามนโยบายการบริหารจัดการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแก่พี่น้องประชาชน โดยปลูกพันธุ์ไม้ประเภทต้นเฟื่องฟ้า จำนวน 12,000 ต้น ครอบคลุมบริเวณเกาะกลางถนน เพื่อสร้างภูมิทัศน์อันสวยงามตลอดเส้นทางสัญจรในเขตเทศบาลตำบลแพรกษา

สำหรับ ความหมาย เฟื่องฟ้า "ต้นไม้ของพ่อ" คนไทยมีความเชื่อว่าหากปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ประจำบ้านหรือตามหน่วยงานองค์กรต่างๆ จะสามารถช่วยสร้างคุณค่าของชีวิตให้สูงขึ้น เนื่องจาก ต้นเฟื่องฟ้าเป็นพรรณไม้ที่ได้รับสมญานาม "ราชินีแห่งไม้ประดับ"

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘คุณปลื้ม’ ชี้ ‘หยก’ ต้องเรียนวิชา ‘จริยศาสตร์’ มองเป็นสิ่งที่ขาดอยู่ ในหมู่นักเคลื่อนไหว ไม่เคารพกติกา-ไร้มรรยาท

วันที่ 20 มิ.ย. 2566-หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “คุณปลื้ม” พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก M.l. Nattakorn Devakula แสดงความคิดเห็น กรณี “หยก ธนลภย์” ระบุว่า ไม่ต้องการเรียนวิชาศีลธรรมเพราะผู้ใหญ่เรียนกันมาก็ยังทุจริตคอรัปชั่น? เป็นบทสรุปที่ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ การศึกษาทุกยุคทุกสมัย ทุกชาติ ทุกภาษา ต่างให้ความสำคัญในการสอนวิชาในกลุ่ม “จริยศาสตร์” (Ethics) กันทั้งนั้น

เด็กซึ่่งเรียนในระบบการศึกษาไทยนั้นโชคดีที่ได้มีหลักสูตรด้านนี้ตั้งเเต่ช่วงมัธยมทั้งที่ในหลายประเทศกว่าจะได้มีโอกาสเลือกวิชาประเภทนี้คือช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเเล้วบังเอิญอาจได้เลือกเรียนวิชาทางด้านปรัชญาหรือศาสนา เอาจริงๆเเล้วมันคือหนึ่งในเเขนงวิชาที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กที่ต้องเติบโตขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมมีเเต่ผู้ใหญ่ที่พร้อมใช้โอกาสเเสวงหาอำนาจเเละความนิยมให้กับตนเอง

จริยศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยความดี ความชั่ว ความถูก ความผิด สิ่งที่ควรเว้นสิ่งที่ควรทำ

เอาง่าย ๆ มันคือวิทยาศาสตร์เเห่งความผิดชอบชั่วดี ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ขาดอย่างมากในหมู่นักเคลื่อนไหวซึ่งไม่เคารพกติกาเเละไร้มรรยาทอยู่ ณ เวลานี้ มันคือศาสตร์ที่ว่าด้วยศีลธรรมหลักศีลธรรมเเละกฎที่ว่าด้วยความประพฤติและพฤติกรรม

นอกเหนือไปจากนั้น ถึงเเม้ว่าผู้ใหญ่ทางการเมืองเเละเอ็นจีโอหลายท่านไม่ได้มีโอกาสสอนเด็กๆเรื่องนี้ เยาวชนควรมองให้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมในการจะช่วยจรรโลงโลก จรรโลงศีลธรรม จริยธรรม ด้วยหัวใจสำคัญที่เราเรียกกันว่า “รสนิยม” รสนิยมสะสมคือผลพวงจากการปลูกฝังทางด้าน ศิลปะวัฒนธรรม (ศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลายในทุกแขนง) รสนิยมสะสมนี้จะช่วยชี้ทางผิดชอบชั่วดี และที่สำคัญที่สุดก็คือ รสนิยมสะสมนี้ จะช่วยบอกเราเรื่อง “กาลเทศะ” และ “อะไรควร อะไรไม่ควร” และ “ความพอเหมาะพอดี” สิ่งเหล่านี้เป็น อัตวิสัย (Subjectivity) ที่จะใช้กำกับกรอบแห่งความพอเหมาะพอดี ที่เราจะต้องมีสำนึกขึ้นมาเพื่อควบคุมตนเองให้อยู่ในความพอเหมาะได้

ในชีวิตนี้จะมีแต่คำว่าสิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไม่ได้ กรุณาหากรอบความคิดที่ครบถ้วนกระบวนความเเละรอบด้านกว่านี้ ที่เหมาะสมเสียกว่า เเล้วร่วมกันถ่ายทอดสิ่งนั้นถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การรู้ดีเเละเฮ้าเลี่ยนด้าน “เสรีภาพ” เพียงอย่างเดียวมันไปไม่รอด ทั้งในตัวบุคคลเเละสังคม นี่ผมไม่ได้เทศนาเด็กวัย 15 ปีอยู่เเต่กำลังสื่อสารถึงบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเเต่ในวันนี้กลับคิดไม่เป็นเพราะไม่กล้าเสียสิ่งที่เรียกว่า ‘Personal Popularity’ เเละ ‘Political Convenience’

ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่พลเมืองดี ช่วยชีวิต 3 นักท่องเที่ยวจมน้ำ

วันนี้ (20 มิ.ย.66) เวลา 11.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่พลเมืองดีและตำรวจรวมทั้ง 4 ราย เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ทำดี มีรางวัล” 
นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงามความดีมีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตลอดจนข้าราชการตำรวจที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงาน และกรณีนี้กล่าวคือ

เมื่อวันที่ 7 พ.ค ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.30 น. 
ได้เกิดเหตุ พ่อ แม่ ลูก ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวประสบเหตุจมน้ำ บริเวณแก่งตาเบิ้ม 
หลังวัดชำนาญรังสรรค์ ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก 

พลเมืองดี 3 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ได้แก่ 
1.)ด.ต.ศักรินทร์ คณะธรรม ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.นครนายก
2.) นายปรีชา แก้วเงิน
3.) นายอักษร โพธิ์เงิน
4.) นายวุฒิศักดิ์ มั่งคั่ง หรือ น้องยูโร

ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและเห็นเหตุการณ์ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือจนผู้ประสบเหตุทั้ง 3 คนปลอดภัย ในระหว่างการให้ความช่วยเหลือ พลเมืองดี คือ นายปรีชา แก้วเงิน ได้ให้ความช่วยเหลือจนหมดแรง จมน้ำ และได้รับการปฐมพยาบาล CPR จนปลอดภัย และนายวุฒิศักดิ์ มั่งคั่ง หรือ น้องยูโร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม เกิดสำลักน้ำ จนทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด จนต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ปัจจุบันได้รับการรักษาพยาบาลจนหาย และกลับมาเรียนได้เป็นปกติ เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความประทับใจและได้รับความชื่นชมจากสังคมเป็นอย่างมาก

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุให้พ้นจากอันตราย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเลยในการเข้าช่วยเหลือ จึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล คนละ 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม

ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แสวงหาความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนและระดับสากล มุ่งแก้ไขความเดือดร้อน สร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืนแก่ประชาชนและสังคม

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทุกประเภท ซึ่งทวีความรุนแรง เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นอันมาก สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ในระดับพหุภาคีและระดับสากล
 
จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.สรร พูลศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท., พ.ต.อ.พงษ์เดช คำใจสู้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมผู้แทนจาก บช.ก., สตม., บช.ปส., บก.ปคม., บก.ปทส., ตท. และ ป.ป.ส. เดินทางไปร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 23 (The 23rd ASEAN Senior Officials Meeting on Transnational Crimes) (SOMTC) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 23 มิถุนายน 2566 ณ เมืองยอร์กยากาตาร์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ร่วมกับนายไมเคิล เทเน รองเลขาธิการอาเซียนฝ่ายประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน พร้อมทั้งผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต และประเทศคู่เจรจา

ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้(ประเทศคู่เจรจา SOMTC+3) สหภาพยุโรป(EU) ออสเตรเลีย รัสเซีย อินเดีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยมี พล.ต.อ.ลิสติโย ซิกิต ปราโบโว ผบ.ตร.อินโดนีเซีย และ พล.ต.ท.อกุส อันเดรียนโต ผู้บัญชาการตำรวจฝ่ายสอบสวนคดีอาญา         
และประธานคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน ให้การต้อนรับ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (SOMTC) ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนและเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ในการทำหน้าที่เป็นกลไกและหน่วยงานในการกำกับนโยบายของอาเซียนในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติแล้ว ยังเป็นการดำเนินการภายใต้ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ซึ่งเป็นเสาหลักที่ 1 จาก 3 เสาหลักของอาเซียน โดยจะร่วมดำเนินการ ประสานงาน ดำเนินกลยุทธ์และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันและต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่ และเน้นการติดตามผลตามแผนงานความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและปรับปรุง การประสานงานข้ามภาคส่วนและระดับพหุภาคี การยกระดับความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาข้างต้นและประเทศผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใต้ความร่วมมือป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ใน 10 สาขา

ได้แก่ การลักลอบค้าอาวุธ(Arms smuggling) การก่อการร้าย(Terrorism) การฟอกเงิน(Money laundering) การละเมิดลิขสิทธิ์ทางทะเล (Sea piracy) การลักลอบขนคนโดยผิดกฎหมาย (Human smuggling) การค้ามนุษย์ (Trafficking in persons) อาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime) อาชญากรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(International economic crime) การลักลอบค้ายาเสพติด (Illicit drug trafficking) และการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า (Illicit wildlife and timber trafficking) โดยประเทศไทยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในการป้องกันปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า ซึ่งทุกประเทศที่ร่วมประชุมได้ร่วมติดตามผลการปฏิบัติและพร้อมดำเนินการตามแผนความร่วมมือ ผลการประชุมหารือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
 
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า จากการเปิดประเทศภายหลังการคลี่คลายของสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด - 19 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของหลายประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ ในประเทศไทย มีการฉ้อโกงออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา ศปอส.ตร.(PCT) ได้รับแจ้งเหตุแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่าหมื่นราย สร้างความเสียหาย กว่า 400 ล้านบาท ภายใน 1 สัปดาห์ โดย บช.สอท. ได้ใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ

โดยเชิญชวนผู้ใช้โทรศัพท์รายงานหมายเลขต้องสงสัย และผู้ให้บริการให้ความร่วมมือสืบสวนหมายเลขต้องสงสัยและบล็อคหมายเลขคนร้าย แล้วส่งข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์ ส่งผลให้การสืบสวนจับกุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการค้ามนุษย์ ในห้วงที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ร่วมกับกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในเมืองสีหนุวิลล์ และช่วยเหลือเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกผ่านทางโซเชียลมีเดียไปทำงาน แล้วถูกกักขัง บังคับใช้แรงงานกว่า 800 คน สำหรับการลักลอบค้ายาเสพติด ประเทศไทยเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านยาเสพติดเพื่อประชาคมที่มั่นคงของอาเซียนฯ และเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียนด้านยาเสพติด(ASEAN-NARCO)

โดยในครั้งนี้ได้พิจารณาความร่วมมือในโครงการต่อต้านยาเสพติดร่วมกับออสเตรเลีย สำหรับการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า มีการนำเทคโนโลยีระบบนิติวิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรม DNA มาใช้เพื่อระบุตัวตนและจำแนกแหล่งที่มาของสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทั้งนี้ การบริหารจัดการชายแดนแบบเชิงรุก การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การปฏิบัติตามแผนความร่วมมือ การเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย คือกุญแจสำคัญในการปราบปราม สกัดกั้นและจับกุมขบวนการผู้กระทำผิดในทุกรูปแบบ  
  
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันอาชญากรรมข้ามชาติพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่หน่วยงานความมั่นคงทั้งในและระหว่างภูมิภาคจะต้องส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและระดับสากล นำไปสู่ความสำเร็จในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทในภาพรวม เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความปลอดภัย มีสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืน

เคยสงสัยกันมั้ย

🔍เคยสงสัยกันมั้ย ว่าทำไมร้านค้าที่ขายของคล้ายๆ กัน ถึงชอบเปิดร้านใกล้กัน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ทั้งนี้ หากมองในมิติเชิงทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ก็สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎี ‘Hotelling's law’ 

แต่ถ้าจะมองในมิติที่ไม่ซับซ้อน อาจกล่าวได้ว่า การที่ธุรกิจประเภทเดียวกัน เปิดร้านอยู่ใกล้กัน ในบางธุรกิจถือว่าเป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สร้างความคึกคักน่าสนใจและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ไปลองดูตัวอย่างธุรกิจประเภทเดียวกันที่มักพบเห็นเปิดในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ว่ามีอะไรบ้าง
 

ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมบริหารราชการ ตร. ครั้งที่ 6/2566

วันที่ 20 มิ.ย.66 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นประธานการประชุมบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2566 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และกำหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อาทิ การดำเนินการตามแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ, การตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด, การสำรวจการก่อสร้างที่ทำการศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ร่วมถึงอาคารที่ทำการ และอาคารที่พักอาศัย และการคัดเลือกตำรวจดีเด่น เป็นต้น โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุมฯ

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งยังได้มีการกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการ หรือผู้บังคับการ ต้องหมั่นดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา ระวังอย่าให้ทำผิดกฎหมาย ระเบียบ วินัย ซึ่งก่อให้เกิดภาพลักษณ์ ที่ไม่ดีกับองค์กร
 

กรุงเทพฯ ครองแชมป์ เมืองที่นักท่องเที่ยว จองมาพักมากที่สุดในโลก จากข้อมูลของ Agoda

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ายินดีของวงการท่องเที่ยวไทย เมื่อล่าสุดทาง Agoda แพลตฟอร์มจองที่พักยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ออกมาเผยข้อมูลการจองที่พักของนักท่องเที่ยว โดยเมืองที่นักท่องเที่ยวจองมาพักมากที่สุดเป็นอันดับ 1

นั่นก็คือกรุงเทพมหานครนั่นเอง นอกจากเมืองกรุงเทพฯ แล้ว ประเทศไทยยังได้ถูกจัดอันดับเป็นที่ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีกด้วย

‘ไมเคิล อีวานส์’ ประธานบริษัทอาลีบาบา ยัน ‘แจ็ก หม่า’ ยังมีชีวิตอยู่ มีความสุขดี กำลังสอนหนังสืออยู่ที่โตเกียว

เฟซบุ๊ก ทันข่าว Today ได้โพสต์ข้อความถึง ชีวิตและความเป็นอยู่ของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง  ‘แจ็ก หม่า’ โดยได้ระบุว่า ...

นายไมเคิล อีวานส์ ประธานบริษัทอาลีบาบา ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน เผย “แจ็ก หม่า” ผู้ก่อตั้งอาลีบาบานั้น “ยังมีชีวิตอยู่” และ “มีความสุขดี” เนื่องจากมีกระแสคาดเดาเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของเขา หลังธุรกิจถูกรัฐบาลจีนปราบปรามอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

▪️ นายหม่ายังมีชีวิตอยู่ กำลังสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว และใช้เวลาในจีนมากขึ้น นายอีวานส์ระบุท่ามกลางการประชุมวีว่า เทค (Viva Tech) ณ กรุงปารีส

▪️สื่อ CNBC ระบุว่า อีวานส์ตอบคำถามของนายมอริส เลวี ประธานบริษัทพับลิซิส (Publicis) ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาของฝรั่งเศส โดยกรณีดังกล่าวตอกย้ำว่าสาธารณชนยังคงสนใจเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของนายหม่า

▪️ ธุรกิจด้านเทคโนโลยี รวมทั้ง อาลีบาบา ของนายหม่าถูกรัฐบาลควบคุมอย่างเข้มงวดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เขาลดบทบาทลงและหายจากสังคมไปช่วงหนึ่ง

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานเปิดการเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ

วันนี้ (20 มิ.ย.66) เวลา 09.00 น. พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 รุ่นที่ 1 ณ ห้องประชุม โรงแรมคลาสสิก คามีโอ จังหวัดระยอง โดยมี นาย นพดล อุเทน ที่ปรึกษาด้านกฎหมายและพัฒนา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. , รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ,รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , ผู้แทนจากสำนักงาน ปปง. และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 , 2 , ,7 , 8 , 9 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จำนวน 116 คน เข้าร่วมพิธี 

ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 เป็นโครงการที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดขึ้น จำนวน 2 รุ่น โดยรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 19-22 มิถุนายน 2566 และรุ่นที่ 2 ในวันที่ 27-30 มิถุนายน 2566 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ อำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อีกทั้งเพื่อให้เกิดระบบที่เป็นมาตรฐานในการดำเนินคดีด้วยความโปรงใสและยุติธรรม

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. และสำนักงานอัยการสูงสุด มาให้ความรู้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 อาทิ การดำเนินคดีฟอกเงินและขั้นตอนในกระบวนการของศาล แนวปฏิบัติที่ถูกต้องในทุกมิติ การประสานงานกับ ปปง. เทคนิคการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำไปสู่คดีอาญาฐานฟอกเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

‘Miss International Queen 2023’ อวดชุดประจำชาติ 22 ประเทศ พร้อมประกวดความสามารถพิเศษ

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 66 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ – การประกวดสาวทรานส์เจนเดอร์ระดับโลก ‘Miss International Queen 2023’ ได้จัดการประกวดสำหรับรอบชุดประจำชาติ และรอบการค้นหาความสามารถพิเศษ งานนี้เป็นการเฉลิมฉลองความงามและความสามารถของบุคคลข้ามเพศจากทั่วโลก ด้วยธีม คือ ‘A CREATION’ ครีเอทสิ่งที่เปี่ยมคุณค่าแก่สังคมให้มีค่าเหนือกว่าสิ่งอื่นใด

รอบชุดประจำชาติ (National Costume) เป็นการแสดงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และหลากหลายของประเทศของผู้เข้าประกวด เป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์และความภาคภูมิใจในมรดกของพวกเขา ผู้ชนะในรอบนี้จะประกาศผลในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ณ ทิฟฟานี่ โชว์ พัทยา

รอบความสามารถพิเศษ (Talent Contest) รอบนี้เป็นโอกาสที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้แสดงความสามารถเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น การร้อง การเต้น หรือทักษะอื่นๆ

และผู้ชนะรางวัล Best Talent ในปีนี้ ได้แก่ อริสรา การกล้า หรือ ‘น้องกวาง’ ประเทศไทย ในชุดการแสดง รำอิสานพื้นบ้าน อริสราร่ายรำอย่างอ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาของชาวลุ่มแม่น้ำโขงที่มีต่อพญานาค

รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ เมโลนี มอนโร ประเทศสหรัฐอเมริกา ในชุดการแสดงยิมนาสติกลีลา อันพริ้วไหวจนไม่อาจละสายตาได้

รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มิค่า ประเทศจีน ในชุดการแสดง ร้องเพลงโชว์พลังเสียงน่าประทับใจ พร้อมเต้นประกอบเพลงสวยงาม

‘Miss International Queen’ ไม่ใช่แค่การประกวดนางงาม แต่เป็นเวทีสำหรับบุคคลข้ามเพศในการแสดงความสามารถและส่งเสริมการยอมรับและความเข้าใจ เป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายและความเท่าเทียม และเราหวังว่าจะได้เห็นความสามารถอันน่าทึ่งและความสวยงามของผู้เข้าแข่งขัน

สำหรับรอบ The Preliminary แฟนคลับ เตรียมตาแตกกับ โชว์ชุดราตรีและชุดว่ายน้ำ ในวันที่ 22 มิ.ย. นี้ ณ โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา จ.ชลบุรี

และวันมงลง หรือ รอบชิงชนะเลิศ The Coronation Night ลุ้นร้อน ลุ้นแรง ชี้ชะตาสาวงามจากประเทศใดจะได้ครองตำแหน่ง Miss International Queen ประจำปี 2023 ในวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย. นี้ ณ โรงละครทิฟฟานี่โชว์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top