Tuesday, 8 July 2025
NEWS FEED

นักแสดงหนุ่ม เอ พศิน เรืองวุฒิ เปิดเผยคำทำนายของหมอดูชื่อดังที่ได้ทำนายเรื่องราวของโควิด-19 ในประเทศไทย

นักแสดงหนุ่ม เอ พศิน เรืองวุฒิ เปิดเผยคำทำนายของหมอดูชื่อดังที่ได้ทำนายเรื่องราวของโควิด-19 ในประเทศไทย เอาไว้ก่อนจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดระลอกที่ 3 ซึ่งไทม์ไลน์นั้นตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันเป๊ะ

พร้อมระบุแคปชั่นว่า “#คำทำนาย ขอให้เป็นจริงตามนั้น อ.พรหมญาณ ทำนายไว้ก่อนโควิดระบาด รอบนี้ #covid19 ไม่ได้งมงาย แต่ คำทำนายเชิงบวก มี Timeline ชัดเจน ก็อยากให้เป็นจริง #ขวัญและกำลังใจ สำคัญมาก ช่วยกันดูแลกันดี ๆ นะครับ ” โดยหมอดูชื่อดังได้ทำนายเอาไว้ว่า

เมษายน (ทำนายไว้เมื่อ 23 ธ.ค. 63) โควิดจะกลับมาระบาดหนักกว่าเดิม แพร่จากแหล่งอโคจรกิน ดื่ม เที่ยว

พฤษภาคม-มิถุนายน (ทำนายไว้เมื่อ 23 ธ.ค. 63) ไทยจะเจอวัคซีนที่ได้ผลดีมาก อาจเป็นไปได้ว่าไทยผลิตได้เอง

กรกฎาคม มีความผันผวนจากต่างประเทศ มีการถกเถียงเรื่องการรักษา

สิงหาคม-กันยายน การรักษาได้ผลดีมาก เริ่มนิ่ง มีวัคซีนตัวหนึ่งที่โดดเด่นได้ผลเกือบ 100%

ตุลาคม ควบคุมสถานะการณ์ได้ดีเกือบทั้งหมด

พฤศจิกายน มีความขัดแย้งทางวิชาการในการรักษา ทำให้วัคซีนไปไม่ทั่วโลก

ธันวาคม ทุกอย่างราบรื่น โลกเริ่มนับหนึ่งใหม่

มกราคม เปิดการเดินทางทั่วโลก


ที่มา : https://www.matichon.co.th/entertainment/news_2692094

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4503287796353073&id=100000156922776

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงปัญหาการบริหารจัดการเตียงสำหรับผู้ป่วยว่า..

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงปัญหาการบริหารจัดการเตียงสำหรับผู้ป่วย ว่า วันนี้มีการประชุมของคณะทำงาน 2 ชุด คือ ชุดของปลัดกระทรวงสาธารณสุข และชุดของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รายงานว่า วันที่ 25 เม.ย. 2564 สามารถนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว 1,182 คน แบ่งเป็นการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้

- จากระบบสายด่วน 1668 และ 1330 แอดมิทได้ 155 คน ยังรอเตียง 69 คน และอื่น ๆ 3 คน (ติดต่อผู้ป่วยไม่ได้ , ปฎิเสธเข้ารับการรักษา)

- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แอดมิทได้ 135 คน รอเตียง 88 คน

- กรุงเทพมหานคร แอดมิทได้ 347 คน รอเตียง 37 คน

- โรงพยาบาลเอกชน แอดมิทได้ 545 คน รอเตียง 7 คน และอื่น ๆ 44 คน

ดังนั้น ข้อมูลในวันที่ 26 เม.ย. มีผู้ป่วยที่ยังรอเตียงอีก 201 คน ซึ่งทุกหน่วยงานกำลังเร่งประสานรับผู้ป่วยมาโรงพยาบาลและจัดหาเตียงให้อย่างเต็มที่

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วม การช่วยเหลือ ทั้งเพจดัง ๆ อินฟูเอ็นเซอร์ ดารา พรรคการเมืองผู้ที่มีศักยภาพทุกองค์กรอาสามาช่วยพี่น้องประชาชนมาเข้าสู่การรักษา ทั้งในเรื่องของโลจิสติกส์ และอาหารการกิน ขอกราบขอบพระคุณแทนพี่น้องประชาชน และกราบขอบพระคุณแทนคนไข้ที่รออยู่ ทำให้เราหันมาเห็นใจกันยามทุกข์ยาก ไม่มีใครเจตนาทำให้ใครเจ็บใครป่วย หรือใครเสียชีวิตรออยู่ที่บ้าน

"ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนและบุคคลากรทุกคนทำงานอย่างหนัก ในความเครียดนี้ มีอารมณ์ หรือมีเรื่องของการระบายอารมณ์หรือแสดงปฏิกิริยา ตรงนี้มาบ้าง ผมเองยังต้องดูแลจิตใจตัวเองในฐานะที่เรียนรู้ด้านจิตวิทยามา ก็ขอฝากพี่น้องประชาชนทุกท่าน กำลังใจเท่านั้น และการมีจิตอาสา ในยามทุกข์ยาก จำได้มั๊ยครับตอนน้ำท่วม ที่อุบลฯ ผมเห็นการช่วยเหลือกัน หรือกรณีหมูป่าที่ติดถ้ำ มีคนเก่งๆมาช่วยกัน บรรยากาศอย่างนี้ ต้องการคนเก่งต้องการคนดี และผมเชื่อว่าท่านเองก็มีศักยภาพอย่างนั้น พวกเราต้องช่วยกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ครับ"

เริ่ม 28 เม.ย.นี้ รถเมล์ ขสมก. ลดเที่ยววิ่ง พร้อมขอความร่วมมือยืนห่าง 30 ซม. ลดใช้เงินสดจ่ายตั๋ว

27 เม.ย. 64 นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบก ได้ออกประกาศ เรื่อง “การปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)” เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2564 โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่ง พิจารณาปรับลดจำนวนเที่ยวการเดินรถ ในการให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยให้พิจารณาจัดการเดินรถตามความจำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้ง ปรับลดการให้บริการ ในช่วงเวลา 23.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป ซึ่งในส่วนของการปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งรถกะสว่าง ขสมก. ได้ดำเนินการไปแล้ว

ทั้งนี้ขสมก. จึงเตรียมปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งรถโดยสารทุกประเภท ในช่วงเวลาการให้บริการปกติ ทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศดังกล่าว และเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการในปัจจุบันที่มีจำนวนลดลง เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นการทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) และสถานศึกษาหลายแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ขสมก. จะปรับลดจำนวนเที่ยววิ่ง เฉพาะเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการลดลง ส่วนเส้นทางที่มีจำนวนผู้ใช้บริการเท่าเดิม จะไม่มีการปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งแต่อย่างใด นอกจากนี้ ขสมก. ยังได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้

ด้านพนักงานประจำรถ

1.) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้งก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร หากตรวจพบว่าพนักงานมีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่และให้รีบไปพบแพทย์ทันที

2.) กำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร และ

3.) ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถโดยสาร กรณีมีผู้ใช้บริการบนรถมากพอสมควร ควรรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป

สำหรับด้านรถโดยสารประจำทาง

1.) เพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ และการทำความสะอาดผ้าม่าน

2.) ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นทำความสะอาดภายใน รถโดยสาร และใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ กริ่งสัญญาณ เป็นต้น พร้อมทั้งติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือบริเวณประตูทางขึ้น

3.) กำหนดจุดนั่ง (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และจุดยืนภายในรถโดยสาร

4.) ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้าง ภายในรถโดยสาร สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถโดยสารคันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือน ผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการ มีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์ และ

5.) ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บริเวณผนังด้านข้างภายในรถโดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ในการใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว

ด้านผู้ใช้บริการ

1.) ผู้ใช้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถโดยสาร

2.) ล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ที่ติดตั้งบริเวณประตูทางขึ้น

3.) เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน QR Code แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” บนรถโดยสาร เพื่อเช็คอินเมื่อขึ้นรถ และเช็คเอาท์ก่อนลงจากรถ สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก.ทุกประเภท ควรลงทะเบียนบัตรที่ www.bmta.co.th เพื่อให้บัตรดังกล่าว สามารถเช็คอิน – เช็คเอาท์ โดยอัตโนมัติ เมื่อนำบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาแตะที่เครื่อง EDC เพื่อชำระค่าโดยสาร

4.) เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อตอบแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และลงทะเบียน

5.) ขอความร่วมมือนั่งบนเบาะที่กำหนด (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และยืนบนจุดที่กำหนด หรือยืนห่างกันอย่างน้อย 30 เซนติเมตร กรณีมีผู้ใช้บริการบนรถมากพอสมควร ควรรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป

6.) ผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด และ

7.) ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ ชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของ ขสมก. บัตรเดบิต-เครดิตที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ที่อาจเป็นสื่อกลางในการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19)

ให้ทำงานที่บ้าน แต่นัดเพื่อน 'ไปกินข้าว-ช้อปปิ้ง' ผลติดเชื้อทั้งหมด ซ้ำบริษัทงดจ่ายเงิน เพราะผิดข้อตกลง WFH

นักแต่งเพลงเล่าเรื่องรุ่นน้องทำงานบริษัท ให้หยุดทำงานที่บ้าน 2 สัปดาห์ ยินดีจ่ายเต็มจำนวน มีกติกาห้ามออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ปรากฏว่านัดเพื่อนไปกินข้าวห้างฯ สุดท้ายติดโควิดทุกคน ลามถึงลูก เมีย และคนใช้ หาโรงพยาบาลวุ่นวาย แถมบริษัทฯ ไม่จ่ายเงิน เพราะผิดข้อตกลง 1 ใน 4 อาการหนัก

เฟซบุ๊ก Thawichaya Tungsaharangsee ของนายทวิษย์ชญะ ตั้งสหะรังษี หรือ แจ็ค รัสเซล นักแต่งเพลง เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่รุ่นน้องคนหนึ่งเป็นพนักงานบริษัทติดโควิด-19 และทำให้สัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานแย่ลงไปด้วย โดยกล่าวว่า...

เรื่องจริงที่อยากเล่า รุ่นน้องของผมคนหนึ่ง บริษัทให้หยุดทำงานอยู่ที่บ้าน 2 สัปดาห์ และยินดีจะจ่ายค่าทำงานให้เต็มจำนวน โดยมีกติกาว่าห้ามออกไปนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น เช่น เที่ยวเตร่ ดื่ม สังสรรค์ หรือเดินช้อปปิ้ง

แต่หยุดได้แค่สามวัน คนหนึ่งก็นัดกันกับเพื่อนในบริษัท อีก 3 คน รวมเป็นผู้ชาย 4 คน ออกไปกินข้าวที่ห้างฯ และตามด้วยไปเดินซื้อของ ไม่ได้บอกว่าห้างอะไร และกินข้าวกันที่ร้านไหน และก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไทม์ไลน์ที่สังคมรับรู้มีเพียงเท่านี้

ทั้ง 4 คน แต่งงาน และมีลูกกันหมดแล้ว

ผ่านไป 6-7 วัน คนที่ไป 4 คน เริ่มมีอาการ ทยอยไปตรวจกันคนละที่ พบว่าติดเชื้อกันทุกคน

ที่หนักกว่านั้น ลูก เมีย คนรับใช้ในบ้านของบางคนติดไปด้วย

หาโรงพยาบาล หาที่รักษากันวุ่นวายไปหมด ต่างคนต่างโทษกันไปมา ก็ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเพราะอะไร ติดจากอะไร

บริษัทเมื่อทราบเรื่องก็ไม่ขอชดใช้ค่าทำงาน เพราะผิดข้อตกลงที่ว่าต้องหยุดอยู่ที่บ้าน

ตอนนี้ต่างแยกย้ายกันไปรักษาตัวอยู่ และความสัมพันธ์ของแต่ละคนก็เริ่มไม่เหมือนเดิม เพราะโรคที่ตามมาพร้อมโควิด-19 คือ โรคเครียด

วันนี้ 1 ใน 4 อาการหนัก ปอดไม่แข็งแรง หายใจลำบาก ทั้ง ๆ ที่อายุแค่ 30 กลาง ๆ

คนที่เจ็บหนักสุดพูดเสียงอ่อย ๆ ว่า ฝากทุกคน ไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้าน ใจแข็ง ๆ เข้าไว้ เพราะถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าติดจากใคร นี่ขนาดใส่มาสก์ตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินข้าวเท่านั้นเอง

เล่าสู่กันฟังครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4399452703401697&id=100000110337117

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000039824

อัพเดท! 54 จังหวัด ไม่ใส่แมสก์ออกจากบ้านมีโทษ บวกเพิ่ม 2 จังหวัด ‘นครนายก-กาฬสินธุ์’

อัพเดท 54 จังหวัด/พื้นที่ (53 จังหวัด + กทม.) ที่มีบทลงโทษ กรณีประชาชนไม่ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถาน/สถานที่สาธารณะ

 

ภาคกลางและภาคตะวันออก

1.) กาญจนบุรี (เฉพาะตลาด ตลาดนัด ตลาดน้ำ)

2.) ปราจีนบุรี

3.) เพชรบุรี

4.) สุพรรณบุรี

5.) อยุธยา

6.) สมุทรสาคร

7.) ลพบุรี

8.) สมุทรปราการ

9.) ประจวบคีรีขันธ์

10.) ชลบุรี

11.) สระบุรี

12.) ตราด

13.) นนทบุรี

14.) นครปฐม

15.) จันทบุรี

16.) กรุงเทพมหานคร

17.) ปทุมธานี

18.) ฉะเชิงเทรา

19.) อ่างทอง

20.) สระแก้ว

21.) นครนายก

 

ภาคใต้

1.) สุราษฎร์ธานี

2.) ตรัง

3.) นครศรีธรรมราช

4.) นราธิวาส

5.) ปัตตานี

6.) พังงา

7.) ภูเก็ต

8.) ระนอง

9.) สตูล

10.) สงขลา

11.) ยะลา

 

ภาคเหนือ

1.) สุโขทัย

2.) ตาก

3.) เพชรบูรณ์

4.) อุตรดิตถ์

5.) ลำพูน

6.) พิษณุโลก

7.) เชียงใหม่

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

1.) ยโสธร

2.) หนองคาย

3.) อุบลราชธานี

4.) ชัยภูมิ

5.) มหาสารคาม

6.) มุกดาหาร

7.) ศรีสะเกษ

8.) สุรินทร์

9.) อุดรธานี

10.) เลย

11.) อำนาจเจริญ

12.) บุรีรัมย์

13.) นครพนม

14.) ขอนแก่น

15.) กาฬสินธุ์

 

ศบค.มท.

ข้อมูล ณ 27 เม.ย.64 เวลา 09.55 น.

เช้านี้กองกำลังกะเหรี่ยง KNU เปิดฉาก บุกตีฐานพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ฝ่ายความมั่นคงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่หวั่นอันตรายจากการสู้รบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ (27 เม.ย. 64) กองกำลังกะเหรี่ยง KNU บุกตีฐานพม่าซอแลท่า พัน.คร.341 ริมฝั่งน้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

ด้านฝ่ายความมั่นคงของไทย ได้ปิดกันพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณบ้านแม่สามแลบริมฝั่งสาละวิน เนื่องจากเสี่ยงอันตรายจากการสู้รบ รวมถึงประสาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนฝั่งไทยแล้ว

เบื้องต้นมีชาวบ้าน ร้านค้า บางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นที่ติดริมน้ำบริเวณท่าเรือแม่สามแลบได้อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป


สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน รายงาน

ทบ.สั่งเตรียมกำลังพลสายแพทย์ช่วยงานสาธารณสุข ส่วน รพ.สนาม ทบ. เปิดแล้ว 7 แห่ง ในกทม.-ประจวบฯ-สงขลา เผยส่งรถพยาบาลและทีมแพทย์เหล่าทัพช่วยงาน รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยในปัจจุบันที่ต้องเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โดยศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดตั้งรพ.สนามเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรงเข้ามารับการรักษาพยาบาล สำหรับกองทัพบกได้เตรียมการสนับสนุนเกี่ยวกับ รพ.สนาม มาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพบกได้ใช้อาคาร สถานที่ในหน่วยทหาร และสิ่งอุปกรณ์ที่มีอยู่ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในขั้นต้นแล้ว จำนวน 19 แห่ง รองรับผู้ติดเชื้อได้ 3,050 เตียง ซึ่ง ปัจจุบัน รพ.สนามของกองทัพกได้เปิดดำเนินการแล้ว 7 แห่ง โดยมอบให้ กระทรวงสาธารณสุข เข้าบริหารจัดการแล้ว 3 แห่ง 

ได้แก่ 1. โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1) เปิดให้บริการเมื่อ 19 เมษายน 2564 รองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 300 เตียง ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยพักแล้ว จำนวน 246 ราย (25 เมษายน 2564)  ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจัดบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาบริหารจัดการ โดยกองทัพบกได้ช่วยอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่เป็นการทำงานในลักษณะกองอำนวยการร่วม แห่งที่ 2 คือ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (ศูนย์การทหารราบ) จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับผิดชอบการดำเนินงานโดยโรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ รองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 100 เตียง เปิดให้บริการเมื่อ 16 เมษายน 2564 ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยเข้าใช้บริการ จำนวน 31 ราย (25 เมษายน2564)

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับแห่งที่ 3 คือ คือ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5) จ.สงขลา รองรับผู้ติดเชื้อได้ 100 ราย ปัจจุบันมีผู้เข้าพักแล้ว 36 ราย ส่วนโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(กรมพลาธิการทหารบก) ได้เปิดให้บริการแล้วใน 21 เมษายน 2564 สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 200 เตียง โดยหลังกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบพื้นที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายเพื่อรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก (25 เมษายน 2564) อยู่ระหว่างการปรับปรุง นอกจากนี้กองทัพบกยังได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15) จ.กระบี่ สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 280 ราย โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพลทหารราบที่ 15) จ.สงขลา สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 100 ราย และโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพันเสนารักษ์ที่ 1) จ.ลพบุรี สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 150 ราย 

ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก โดยล่าสุดกองทัพบกเตรียมจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(มณฑลทหารบกที่ 11) ที่กระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบความคืบหน้า และยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงให้เหมาะสมตามคำแนะนำของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งจะจัดบุคลากรทางการแพทย์เข้าบริหารจัดการ โดยมีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนเพื่อความปลอดภัย  นอกจากนี้ในส่วนของโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(เกียกกาย) ซึ่งกองทัพบกบริหารจัดการเอง ดำเนินการโดย ศบค.19 ทบ. และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รองรับผู้ติดเชื้อได้ 137 ราย เพื่อรองรับกำลังพลและครอบครัว เป็นการลดภาระของโรงพยาบาลสาธารณสุขและรองรับผู้ป่วยCOVID-19 อาการทุเลาแล้วจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าพักแล้ว 101 ราย (25 เมษายน 2564)

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการที่กระทรวงกลาโหมได้จัดชุดแพทย์ผสมเหล่าทัพไปสนับสนุน การบริการด้านการแพทย์ ให้กับรพ.สนามในความรับผิดชอบของกทม.นั้น ในส่วนของกองทัพบกได้มอบหมายให้ กรมแพทย์ทหารบก จัดชุดแพทย์ 2 ชุด จำนวน 10 นาย เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลสนาม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ร่วมกับโรงพยาบาลลาดกระบัง ตั้งแต่ 22 เมษายน เป็นต้นไป โดยหมุนเวียนกับชุดแพทย์ของเหล่าทัพอื่น นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้สนับสนุนรถพยาบาลเพื่อช่วยเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อCOVID-19 ในกระบวนการรับ- ส่งผู้ป่วยจากที่พัก เพื่อเข้ารับการรักษา ณ รพ.สนามในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เพิ่มศักยภาพในกระบวนการรับ-ส่ง ผู้ป่วย โดยได้รับการสนับสนุนการจัดยานพาหนะ จากทุกเหล่าทัพ และโดยขณะนี้กองทัพบกสนับสนุนยานพาหนะ 10 คัน จาก กองทัพภาคที่ 1, หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก และกรมการขนส่งทหารบก ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทำงานเป็นวงรอบกับเหล่าทัพอื่นๆ ด้วย 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์COVID-19 ที่ผ่านมาทำให้บุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าต้องทำงานอย่างหนัก อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้บัญชาการทหารบกมีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว ได้สั่งการให้ ศบค.19 ทบ. และกรมแพทย์ทหารบกได้จัดเตรียมกำลังพลที่เคยปฏิบัติงานสายแพทย์สำรองไว้ เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนมากในอนาคต ซึ่งขณะนี้กองทัพบกได้จัดทำบัญชีรายชื่อและแผนการปฏิบัติงานรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว พร้อมสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอ 

โดยมองว่างานด้านการรักษาพยาบาลถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลประชาชน ให้ความสำคัญกับการรักษาพยาบาลและดูแลประชาชน เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และลดภาระบุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าที่ทำงานหนักในสถานการณ์ที่ผ่านมา สำหรับการป้องกันการติดเชื้อในหน่วยทหาร เพื่อดำรงสภาพความพร้อมของกองทัพบกในการสนับสนุนภารกิจดูแลประชาชนในสถการณ์COVID-19 ขณะนี้กองทัพบกได้กระชับและดำรงความเข้มงวดใน “มาตรการพิทักษ์พล” และมีการปรับการปฏิบัติในบางภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อาทิ ยกระดับกองรักษาการณ์คัดกรองการผ่านเข้า-ออกหน่วยทหาร, การจัดสรรกำลังพลให้ปฏิบัติงานในลักษณะ WFH, หลีกเลี่ยงหรืองดการสังสรรค์แบบหมู่คณะ, การประชุมและจัดการเรียนการสอนออนไลน์, งดการฝึก, การรักษากำลังพลที่ติดเชื้อและกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น ส่วนการดูแลประชาชน 

เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อน ยังคงเดินหน้านโยบาย อาทิ Army Delivery, ช่วยเหลือเกษตรกร, อุดหนุนผลผลิตทางการเกษตร, แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ พร้อมลงพื้นที่สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตน การสังเกตและเฝ้าระวังอาการผิดปกติ รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดCOVID-19 จากแนวโน้มของการแพร่ระบาดที่สูงขึ้นนี้ กองทัพบกได้ติดตามและเตรียมความพร้อมในศักยภาพทั้งบุคลากรสิ่งอุปกรณ์และความร่วมมือ พร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนขับเคลื่อนให้มาตรการป้องกันและการรักษาพยาบาลของภาครัฐ สามารถรองรับและดูแลประชาชนได้อย่างดีที่สุด

ทบ.ชี้ “ทหารเมียนมา” เข้าใจผิด ขอโทษยิงส่งสัญญาณขอให้เรือจอดเทียบท่า นึกว่าเป็นเรือส่งสินค้า บอกไม่ได้มีเจตนาในทางลบ ขณะที่ไทยเตือนให้ระมัดระวัง-ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วม

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ทหารเมียนมายิงเรือไทยว่า กองทัพบกโดยกองกำลังนเรศวร ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับทหารเมียนมาที่รับผิดชอบพื้นที่ตรงข้าม บ.แม่สามแลบ อ.สบเมยจ.แม่ฮ่องสอน โดยทันที จากการพูดคุยถึงข่าวที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด โดยทางเมียนมายอมรับว่ากำลังพลของตนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรือขนสินค้า จึงได้ทำการส่งสัญญาณขอให้เรือจอดเทียบท่า เพื่อขอซื้อเวชภัณฑ์และอาหาร โดยไม่ได้มีเจตนาในทางลบ พร้อมกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้พูดคุยให้ระมัดระวังและให้ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมที่ได้กำหนดไว้มาก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะจะต้องไม่มีปฏิบัติการทางทหารหรือใช้อาวุธที่อาจจะส่งผลต่อความรู้สึกหรือการดำเนินชีวิตของประชาชน และการค้าขายชายแดนตามลำน้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแนวเขตแดน(ลำน้ำกลาง) 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในปัจจุบันการสัญจรและค้าขายในบริเวณแม่น้ำสาละวินยังคงดำเนินไปตามปกติ
จากสถานการณ์ปัจจุบัน พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก มีความอ่อนไหว ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงและกองทัพบกได้บูรณาการดูแลพื้นที่และประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน, การหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย, การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยยึดตามนโยบายของรัฐบาล ศบค. ภายใต้กลไกคณะกรรมการชายแดนในระดับต่าง ๆ ร่วมแก้ไขและคลี่คลายในทุกปัญหาที่เกิดขึ้น

สมอ. ไฟเขียวคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า 20 รายการกันไฟดูด

นายวันชัย  พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ สมอ. มีมติเห็นชอบให้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง วีดิทัศน์ และการสื่อสาร ที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 600 โวลต์ รวม 20 รายการ เป็นสินค้าควบคุมต้องได้มาตรฐาน มอก. 62368-2563 เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้บริโภคหลายรายใช้สินค้าแล้วได้รับอันตรายถูกไฟดูด ไฟช็อต บางรายถึงขนาดเสียชีวิต โดยเฉพาะผู้ใช้อะแดปเตอร์ไม่ได้มาตรฐานชาร์จโทรศัพท์มือถือ 

โดยจะเร่งประกาศบังคับใช้มมอก. ภาคบังคับภายในกลางปีนี้ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนจากอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า  โดยข้อกำหนดในมาตรฐานจะควบคุมด้านความปลอดภัย  มีการทดสอบเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่เกิดจากไฟฟ้า การทดสอบเกี่ยวกับไฟไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้า การทดสอบความร้อน การทดสอบการแผ่รังสี และการทดสอบเกี่ยวกับสารอันตราย เป็นต้น
 
สำหรับสินค้าที่เตรียมยกระดับเป็นมอก. ภาคบังคับ 20 รายการ  ได้แก่ เครื่องจ่ายไฟฟ้าสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ต   (อะแดปเตอร์) เครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องขยายสัญญาณ เครื่องเล่นแผ่นดิสก์ เครื่องเล่นวีดีโอเกมส์ เครื่องรับสัญญาณไมโครโฟนไร้สาย เครื่องรับสัญญาณวิทยุ เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม ลำโพงพร้อมขยายสัญญาณ เครื่องแปลงสัญญาณ เครื่องปรับแต่งสัญญาณ เครื่องผสมสัญญาณเสียง เครื่องจ่ายไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเล่นเสียงและภาพ เครื่องรับสัญญาณภาพและเสียงผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เครื่องรับสัญญาณเคเบิลทีวี และเครื่องแปลงสัญญาณเสียง

ซีอีโอข้ามเพศชื่อดัง 'แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์' หรือ แอน JKN ร่วมบริจาคอาหารและน้ำดื่ม จำนวน 1 ล้านชุด ให้บุคลากรทางการแพทย์ มูลนิธิคนยากไร้และผู้ป่วยโควิด เป็นเวลา 5 เดือน

โดยเธอได้แจกอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์ มูลนิธิคนยากไร้และผู้ป่วยโควิด 1,000,000 กล่อง ตลอดจนแคปซูลวิตามินรวมให้กับหมอ และพยาบาล ร่วมถึงคุกกี้ และน้ำดื่มอีก 1,000,000 ชุดตลอดระยะเวลาห้าเดือนจากนี้ไป

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “ศูนย์รวมการสื่อสารทุกอย่างในการรับของ ส่งของและการมอบคำแนะนำทั้งหมด แอนขอให้ทุกคนส่งข้อความไปที่ Facebook ชื่อ JKN 18 ตลอดจนช่องทีวีดิจิตอล JKN 18 เช่นเดียวกันจะมีข่าวรายงานให้ฟังตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาห้าเดือนจากนี้ไปเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันค่ะ #แอนจักรพงษ์ #annejakrajutatip #jkn18 #ข้ามเพศพันล้าน”

 

ที่มา: https://www.posttoday.com/ent/news/651319


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top