Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

สตูล ทัพเรือภาค 3 จัดวันเด็กสุดอลังการ เนรมิตฮีโร่-เรือรบ สร้างฝันเด็ก 700 คน ชายฝั่งทะเลอันดามัน

สถานีเรือละงู ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 จัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ โดยมี น.อ.แสนย์ไทย บัวเนียม รองผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี ภายใต้การดูแลของ น.ต.ปรัชญ์ ขำเจริญ หัวหน้าสถานีเรือละงูพร้อมด้วยนาวาโท ธนภูมิ ประทีป ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452,เรือโท สุโภชน์ ทองย้อย รองผู้บังคับหน่วยหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศและรักษาฝั่งที่ 452 และเจ้าหน้าที่จากทหารเรือ

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เมื่อทหารเรือแปลงกายเป็นฮีโร่ในตำนานเดินทั่วงาน ให้น้องๆนักเรียน  5 โรงเรียนชายฝั่งทะเล( โรงเรียนบ้านกาแบง , โรงเรียนบ้านบุโบย , โรงเรียนบ้านสวนกลาง ,โรงเรียนเพียงหลวง 4 ,ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลแหลมสน 3 ศูนย์)  700 คน ได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก พร้อมจัดแสดงยุทโธปกรณ์ทางทหารให้เด็กๆ ได้สัมผัสประสบการณ์จริง ทั้งการทดลองจับอาวุธ และทดลองยิงปืน ไฮไลท์สำคัญของงานคือการนำเรือ ต.114 มาจอดเทียบท่า เปิดโอกาสให้นักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลได้ขึ้นชมยุทโธปกรณ์บนเรือ โดยมีทหารเรือเป็นมัคคุเทศก์พิเศษ นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ สร้างความประทับใจให้เด็กๆ จนหลายคนเอ่ยปากอยากเป็นทหารเรือในอนาคต 

ภายในงานยังจัดให้มีการแสดงความสามารถของเด็กๆ ทั้งการร้องเพลงและการเต้นรำ พร้อมแจกของรางวัลมากมาย โดยทัพเรือภาคที่ 3 ได้จัดงานวันเด็กครอบคลุม 6 พื้นที่ตลอดชายฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับกองทัพเรือ อันจะเป็นแรงบันดาลใจในการเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป

นทท. จีน แห่ยกเลิกทริปตรุษจีน เสียหายกว่า 5 พันลบ. หลังเกิดกระแส 'ไทยไม่ปลอดภัย' หวั่นเกิดผลกระทบระยะยาว

(10 ม.ค.68) ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการหายตัวไปของ 'ซิงซิง' นักแสดงหนุ่มชาวจีน บริเวณชายแดนไทย-พม่า กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์จีน หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงความปลอดภัยของการเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงภัยจากขบวนการค้ามนุษย์

แม้ว่าหวังซิง นักแสดงชาวจีนที่ถูกช่วยเหลือจากการลักพาตัวในไทย จะกล่าวว่า “ไทยยังคงปลอดภัย” แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทย

สื่อจีนหลายแห่งรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากได้ยกเลิกแผนการเดินทางมายังไทย โดยมีสาเหตุมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความไม่มั่นใจในมาตรการป้องกันของไทย ส่งผลให้ยอดจองโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทนำเที่ยวหลายแห่งรายงานว่ายอดการยกเลิกแพ็กเกจท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 30% ภายในสัปดาห์เดียว รวมถึงสายการบินที่ให้บริการเส้นทางระหว่างไทยและจีนอาจต้องปรับลดเที่ยวบินลง

จากการประเมินเบื้องต้นของสื่อจีน เหตุการณ์นี้อาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วงตรุษจีนมากถึง 5,000 ล้านบาท และยังอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนในระยะยาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้การท่องเที่ยวไทย

ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของไทยไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์นี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับผลกระทบจากสื่อและภาพยนตร์จีน เช่น No More Bets และ Lost in the Stars ซึ่งเล่าถึงการลักพาตัวและกลโกงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาพยนตร์เหล่านี้ทำให้ไทยและประเทศเพื่อนบ้านถูกมองในแง่ลบในสายตาชาวจีน และกรณีหวังซิงยิ่งตอกย้ำความกังวลที่เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องสมมติ

'เฉลิมชัย' บินตรวจทุ่งใหญ่นเรศวร วอน ทุกฝ่ายเฝ้าระวังไฟป่า สร้างความเข้าใจให้ 'ชุมชน คน ป่า อยู่ร่วมกันได้'

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการพัฒนาชุมชนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ จ.กาญจนบุรี ภายใต้มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ ศูนย์ประสานงานโครงการฯ บ้านสาละวะ หมู่ที่ 4 ต.ไร่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นแบบในการพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ติดชายแดนเมียนมาร์ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีการจัดทำ MOU การใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตป่าร่วมกันระหว่างชุมชน กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้เกิดการดูแลรักษาป่าร่วมกัน และมีการกำหนดการถือครองที่ดินที่ชัดเจนรายละ 20 ไร่ พร้อมทั้งจัดทำแปลงสาธิตเพื่อการพัฒนาอาชีพ และพื้นที่ส่วนร่วมเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันในชุมชน พร้อมกันนี้ รมว.ทส. ยังได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิทักษ์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก และมอบถุงยังชีพให้กับเจ้าหน้าที่

ในระหว่างเส้นทางการตรวจเยี่ยม ดร.เฉลิมชัย ยังได้แวะเยี่ยมนักเรียนและครู โรงเรียนกองม่องทะ สาขาบ้านสาละวะ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านทิไล่ป้า และโรงเรียนบ้านหินตั้ง พร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่นักเรียน เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ  จากนั้น รมว.ทส. ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากร ฯ บินสำรวจสภาพป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก และสังเกตการณ์สถานการณ์การเฝ้าระวังไฟป่า และหมอกควันที่เข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวังป้องกันไฟป่า รวมถึงการป้องกันการเผาในที่โล่งในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น

ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า การมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ นอกจากมาสร้างขวัญกำลังให้กับเจ้าหน้าผู้ปฏิบัติงานถึงในพื้นที่แล้ว ยังเป็นการมาดูสภาพพื้นที่การทำงานจริงเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย “ชุมชน คน ป่า อยู่ร่วมกันได้“ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการบูรณาการความร่วมมือช่วยกันเฝ้าระวังป้องกันไฟป่า เพราะเมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญสนับสนุนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาให้กับทุกหน่วยงานแล้ว เราต้องช่วยกัน โดยเฉพาะ ทส. ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นหลักในการเข้าไปพูดคุยสร้างความเข้าใจและความร่วมมือร่วมกับทุกฝ่าย ปัญหาไฟป่าแม้จะแก้ยาก แต่ถ้าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันเชื่อว่าจะสามารถผ่านไปได้อย่างเห็นผลในเชิงประจักษ์

'เดชอิศม์-รมช.สธ.' นำประชุมสมาคมฌาปนกิจฯ อสม. เดินหน้า 'รวมพลัง อสม.เป็นหนึ่งเดียว'

นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการประชุมสมาคม ฌกส. อสม. แห่งประเทศไทย (สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย) พร้อมกันนี้ได้ อวยพรปีใหม่ ให้กำลังใจ คณะกรรมการ โดยมีผู้บริหารสมาคมฯ ประธาน อสม.แต่ละจังหวัดและผู้แทน ร่วมพบปะพูดคุย จากนั้นได้เข้าตรวจเยี่ยมสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง จ.นนทบุรี โดยมีนายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วยนายแพทย์ชลพันธ์ ปิยถาวรอนันต์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง ให้การต้อนรับ ที่ทำการ สมาคม ฌกส.อสม.แห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง นนทบุรี (6 ม.ค.2568)

‘ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์’ เศร้า! บ้านหรูถูกไฟไหม้เหลือแต่ซาก จากเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ในลอสแองเจิลลิส สหรัฐฯ

(10 ม.ค.68) เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในลอสแองเจิลลิส สหรัฐอเมริกา สำหรับ 'ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน' เจ้าของตำแหน่งนางสาวไทย พ.ศ. 2531 และนางงามจักรวาล หรือมิสยูนิเวิร์ส ปี 1988

หลังบ้านหรูที่เธอกับครอบครัวอาศัยต้องถูกไฟป่าเผาวอดเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำโดยเธอได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า... "เราสูญเสียบ้านอันเป็นที่รักในมาลิบูเมื่อวานนี้"

"ความทรงจำอันล้ำค่ามากมายในบ้านพิเศษหลังนั้น... ที่ซึ่งลูก ๆ ของฉันเกิดและเติบโต บ้านหลังแรกและรังศักดิ์สิทธิ์ของฉันในรอบ 25 ปีตอนนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน… ทุกอย่างถูกลบไปหมด ทั้งข้าวของ รูปถ่าย และของที่ระลึกทั้งหมดในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา"

"ในช่วงเวลาที่น่าตกใจเหล่านี้ ฉันได้รับการเตือนอย่างสุดซึ้งว่าชีวิตมีค่าแค่ไหน ทั้งเพื่อนและคนที่เรารักคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแท้จริง"

"ขอบคุณสำหรับข้อกังวลที่รอบคอบของคุณ เราทุกคนปลอดภัย ขอให้คิดหาวิธีช่วยเหลือกันต่อไป ขอส่งความรักและคำอธิษฐานถึงทุกคน"

อย่างไรก็ตามแม้จะต้องเสียทรัพย์สินไปมากมายจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในชีวิต ทว่าเจ้าตัวก็ยังส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการทำงานครั้งนี้และยังช่วยแชร์มูลนิธิที่จะช่วยเหลือคนสำหรับคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงรับทูลเกล้าฯ ถวาย ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก ม. เเห่งชาติสิงคโปร์

ทรงพระเจริญ

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่กรมสมเด็จพระเทพฯ  

เมื่อวันที่ (8 ม.ค. 68) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายทาร์มัน ชันมูการัตนัม (Tharman Shanmugaratnam) ประธานาธิบดีสิงคโปร์ และนาย Tan Eng Chye อธิการบดีมหาวิทยาลัยเเห่งชาติสิงคโปร์ เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ณ ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์

ผุดไทยทาวน์ที่จางเจียเจี้ย สอนมวยไทย-ศูนย์วัฒนธรรม-ตลาดน้ำ 4 ภาค

(9 ม.ค. 68) สำนักงานส่งเสริมการลงทุนของเมืองจางเจียเจี้ย เขตหวู่เหลิงหยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการจัดประชุมร่วมกับ นายศุภดล โฉมมงคล ประธานบริษัท พัทยาชาแนล จำกัด นายศักดา เจริญบุญมา ประธานบริษัท เจ บี เอ็ม เอ จำกัด และนางนุชนารถ เจริญบุญมา

เพื่อร่วมหารือในข้อตกลงการทำสัญญาสิทธิในการใช้พื้นที่ของเมืองจางเจียเจี้ย ขนาด 800,000 ตารางเมตร เพื่อทำโครงการไทยทาวน์ งบประมาณลงทุน จำนวน 21,000 ล้านบาท ที่เมืองจางเจียเจี้ย เขตหวู่เหลิงหยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆนี้

โดยนางได๋ เซียวเฝิน ผอ.ส่งเสริมการลงทุนและรองเลขาธิการสภาประชาชนเมืองจางเจียเจี้ย กล่าวในที่ประชุมว่า ยินดีต้อนรับคณะจากบริษัทพัทยา ชาแนล จำกัด และบริษัท เจ บี เอ็ม เอ ดิวิล็อปเมนท์ (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งมีนายศุภดล และนายศักดา พร้อมคณะ มาประชุมหารือเพื่อร่างเงื่อนไขสัญญาในการลงทุนทำโครงการไทยทาวน์ ณ เมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเดือนละประมาณ 7,000,000 คน

มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีการพัฒนาพื้นที่ของเมืองจางเจียเจี้ยไทยทาวน์ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องด้วยจีนและไทยมีความสัมพันธ์และมิตรกันมายาวนาน

ด้านนายศุภดล กล่าวอธิบายโครงสร้างของโครงการเมืองจางเจียเจี้ยไทยทาวน์ว่า จะมี สวนสัตว์ และสวนสนุก, เวทีแข่งขันกีฬามวยไทยมาตรฐาน, โรงเรียนสอนศิลปะมวยไทย, ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมมวยไทย, ตลาดน้ำ 4 ภาค, สวนอาหารไทย, บูธสินค้าไทย 500 บูธ และลานแสดงคอนเสิร์ต

นายศักดา กล่าวว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยหลัก 5 F ทางบริษัท เจ บี เอ็ม เอ ดำเนินกิจการด้านกีฬามวยไทยร่วมกับศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก มวยไทยลุมพินี สังกัดกองทัพบก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกีฬามวยไทย จึงคิดว่าจะใช้ศิลปวัฒนธรรมมวยไทยเป็นสื่อนำ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองจางเจียเจี้ยได้มากขึ้น

อีกทั้งเป็นการเผยแพร่กีฬามวยไทยให้แพร่หลายมากขึ้นในประเทศจีน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือจากรัฐบาลเมืองจางเจียเจี้ยเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขยายพื้นที่ บรรเทาทุกข์ มอบไออุ่น แก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดารพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และชัยนาท รวมมูลค่ากว่า 8 แสนบาท

(9 ม.ค. 68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมสาธารณภัยลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค  ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ ตำบลวังยาว และตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี รวมผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวม 750 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น  412,500  บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมี นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย ผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุพรรณบุรี และ มูลนิธิร่วมบุญสุพรรณบุรี เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดวังยาว ตำบลวังยาว และบริเวณโรงเรียนบ้านทุ่งมะกอก ตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

และในวันพรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวม 750 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ตำบลวังตะเคียน อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท เป็นการต่อไป รวมงบประมาณการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และชัยนาท รวม 2 จังหวัดทั้งสิ้น 811,076 บาท (แปดแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) 

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยเมื่อปลายปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ  ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้  ครอบคลุม  4 ภาค  43 จังหวัด ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่ากว่า 34.6 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้ขยายโตรงการบรรเทาทุกข์ในอีกหลาย ๆ ด้าน เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

สนง.เลขาธิการวุฒิสภา ลงนาม MOU ร่วมกับสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม มุ่งส่งเสริมการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ

เมื่อวานนี้ (8 ม.ค.68) เวลา 09.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมหมายเลข 402-403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการนำผลงานทางวิชาการและผลงานการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ ระหว่างสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยนางปัณณิตา สท้านไตรภพ เลขาธิการวุฒิสภา กับสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม โดยพันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ลงนามในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ และมีนายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา พร้อมด้วยพันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ลงนามเป็นพยาน โดยมี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ในฐานะประธานกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา นายสุทนต์ กล้าการขาย สมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และผู้บริหารของสำนักงานกิจการยุติธรรม เข้าร่วมในพิธี

ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภาเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติที่มุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณากลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรต่าง ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย การที่วุฒิสภาจะได้รับการสนับสนุนผลงานวิชาการ งานวิจัย นวัตกรรม และองค์ความรู้ในรูปแบบอื่น ๆ จากสำนักงานกิจการยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานชั้นนำที่มีผลงานทางวิชาการและงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานในกระบวนการนิติบัญญัติของวุฒิสภา อีกทั้ง ยังเป็นการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการเพื่อให้ภารกิจด้านต่าง ๆ ของสมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการเป็นไปด้วยความละเอียด รอบคอบ และอยู่บนพื้นฐานของหลักคิดทางวิชาการมากขึ้น

โอกาสนี้ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ในฐานะประธานกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา ได้เยี่ยมชมนิทรรศการการดำเนินงานของสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เช่น นิทรรศการการให้ความรู้กฎหมายต่าง ๆ การดำเนินงานศูนย์ปฏิบัติการฐานข้อมูลการบริหารงานยุติธรรม ฐานข้อมูลงานวิจัยในกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ เปิดผลงาน ‘ดีอี’ ลุยปราบโจรออนไลน์ เดินหน้าปิดกั้นโซเชียลมีเดีย-เพจ-เว็บไซต์ผิดกฎหมาย ‘ไตรมาสแรก’68’ แล้วกว่า 52,691 รายการ เพิ่มมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบเท่าตัว 

(9 ม.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 (ระยะเวลา 3 เดือน) กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายแล้ว 52,691 รายการ หรือเฉลี่ย 17,564 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 0.69 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่ปิดกั้น 31,154 รายการ หรือ เฉลี่ย 10,385 รายการต่อเดือน

สำหรับประเภทของการปิดกั้นในระยะเวลา 3 เดือน ( ตุลาคม – ธันวาคม 2567) มีดังนี้ พนันออนไลน์ จำนวน 14,010 รายการ เพิ่มขึ้น 0.163 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่มีจำนวน 12,045 รายการ , บิดเบือน/หลอกลวงออนไลน์ จำนวน 22,826 รายการ เพิ่มขึ้น 1.287 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่มีจำนวน 17,750 รายการ , อื่นๆ จำนวน 15,855 รายการ เพิ่มขึ้น 10.66 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่มีจำนวน 1,359 รายการ

“จากการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้สถิติการปิดกั้นมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวของปีงบประมาณก่อนหน้า พร้อมกันนี้กระทรวงดีอี ยังได้ติดตามตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายในการระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ภายหลังจากที่แจ้งคำสั่งศาลไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และแพลตฟอร์มทราบแล้วด้วย เพื่อให้การปิดกั้นเว็บไซต์เป็นไปตามคำสั่งศาล โดยหากกรณีที่ยังพบเว็บไซต์บางรายการที่ยังไม่ปิดกั้น / ระงับการเผยแพร่ ถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งหากพบการฝ่าฝืนดังกล่าว กระทรวงฯ จะนำผลการตรวจสอบการไม่ระงับ / ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แพลตฟอร์มด้วยระบบการจัดเก็บทางคอมพิวเตอร์ ไปทำการปรับพินัยฐานไม่ปิด ‘เว็บผิดกฎหมาย’ ต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top