Thursday, 12 June 2025
NEWS FEED

'บิ๊กป้อม' เผยศบค. เคาะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วย้ำ!! กฎหมายปกติใช้ดูแลสถานการณ์ต่อได้

เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 23 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2565 โดยยอมรับว่าที่ประชุมได้มีมติยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งการดูแลสถานการณ์ทั่วไปมีกฎหมายปกติอยู่แล้วไม่ต้องห่วง รายละเอียดรอให้ทางโฆษก ศบค. เป็นผู้ชี้แจง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ต้องเตรียมรับมือสถานการณ์วุ่นวายหรือไม่ กรณีศาลรัฐธรรมนูญลงมติวินิจฉัยวาระ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยพล.อ.ประวิตรได้ยิ้ม และกล่าวว่า "พุทโธ่ ไม่มีหรอก ไม่มีอะไรหรอกครับ ส่วนทางการข่าวก็ไม่มีการแจ้งอะไรเข้ามา"

ตร. เตือน QR Code สิ่งอำนวยความสะดวกที่อาจมาพร้อมภัยอันตราย ต้องรู้ทันถึงปลอดภัย

วันที่ (23 ก.ย. 2565) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบพบว่าในปัจจุบันประเทศไทย ได้มีการใช้งาน QR Code กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในโลกยุคดิจิทัล เพราะเพียงแค่สแกนก็สามารถเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องพิมพ์ ที่อยู่เว็บไซต์ (URL) ยาว ๆ อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามความสะดวกสบายก็ต้องแลกมากับความเสี่ยง โดยกลุ่มมิจฉาชีพมักจะฉวยเอาโอกาสจากการใช้ QR Code ในการทำเว็บไซต์ปลอม หรือหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าหากพี่น้องประชาชนไม่ระมัดระวังหรือไม่สังเกต URL ที่ขึ้นมาตอนสแกน QR Code ก็อาจทำให้หลงเชื่อว่าเป็นเว็บไซต์จริง หรือแอปพลิเคชันจริง ทำให้หลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รหัสผ่าน หรือติดตั้งไวรัสคอมพิวเตอร์ลงในอุปกรณ์ของตนเอง ทำให้เกิดความเสียหายกับพี่น้องประชาชนจำนวนมากนั้น

เช็คสุขภาพเบื้องต้น ด้วยเลือดหยดเดียว ทราบผลใน 90 วินาที

จริงหรือ ตรวจความเสี่ยงโรคด้วยเลือดหยดเดียว ทราบผลใน 90 วินาที ด้วยวิธีใด อะไรจะไวปานนั้น?!
ล่าสุดวงการแพทย์และพยาบาลของเมืองไทยมีนวัตกรรมเทคโนโลยี ชนิดอ่านผลจากเลือดหยดเดียว ใน 90 วินาที ด้วย เครื่องมือ+แถบตรวจ ความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน หัวใจ  เส้นเลือด ในสมองตีบ หรือแม้แต่มะเร็ง

การตรวจ hs-CRP เป็นนวัตกรรมล่าสุดในเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ใช้ในการตรวจค่าระดับการอักเสบในร่างกายด้วยเลือดปลายนิ้วเพียงหนึ่งหยด โดยผู้รับการตรวจไม่ต้องงดน้ำและอาหารให้ยุ่งยากวุ่นวายอีกต่อไป 

ที่สำคัญ สามารถรับทราบ แนวโน้มความเสี่ยงต่อโรค จากการอ่านค่า วัดผล ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทันที

กล่าวคือ การรู้ก่อน ป้องกันก่อน ที่จะเกิดโรคย่อมดีกว่าป่วยหนักแล้วมีค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลสูง

• ตรวจทำไม...ใครต้องตรวจ
โลกหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ผู้คนต่างใช้ชีวิตเพื่อทำงาน สร้างอนาคต ไม่เพียงละเลยดูแลสุขภาพในการรับประทานอาหาร หรือพักผ่อนน้อย  แต่อาจมีหลายท่านที่ใช้ชีวิตหนักหน่วง ทั้งการกินดื่มตามสะดวก ทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ขาดการออกกำลังกาย และอาจละเลยการตรวจสุขภาพเป็นประจำ นั่นหมายความว่า เรามีความเสี่ยงต่อโรคชนิดไม่ติดต่อ (เบาหวาน หัวใจ ไขมันในเลือดสูง และมะเร็ง) ยิ่งซ้ำเติมด้วย วิกฤตโควิด19 ระบาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนที่เคยติดเชื้อ เกิดความเสี่ยงสูงต่อโรคภัยอื่นมากขึ้น
1 คนทั่วไป ที่มีสิ่งบ่งชี้จากพฤติกรรมความเสี่ยง    
1.1 คนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ 
1.2 คนที่ไม่ดูแลการกินดื่มตามโภชนาการมาอย่างต่อเนื่อง 
1.3 คนที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ เป็นประจำ
2 คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป

'ธนาคารกสิกร' จ่อฟันโทษ 'พนักงานสาว' หลังไลฟ์ใช้คำหยาบคายขณะปฏิบัติงาน

เมื่อวันที่ (22 ก.ย. 65) ทวิตเตอร์ Red skull โพสต์คลิปวิดีโอขณะที่สาวแบงก์รายหนึ่ง กำลังนั่งทำงานอยู่ และได้ไลฟ์ในแอปพลิเคชันติ๊กต็อก พูดคุยกับคนในแอปฯ ที่เข้าดูไลฟ์ ปรากฏว่ามีช่วงหนึ่งที่เธอกำลังจะนำธนบัตรเข้าเครื่องนับ เธอได้พบกับธนบัตรที่ลูกค้าเย็บแม็กติดมาด้วย เธอพูดคำหยาบใส่ลูกค้า ว่า "แม็กมาทำเ_ี้ยไรก็ไม่รู้"

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารต้นสังกัดของสาวในคลิป ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า "ตามที่ปรากฏมีคลิปพนักงานธนาคาร live สด และใช้ถ้อยคำไม่สุภาพขณะปฏิบัติงาน ธนาคารได้ตรวจสอบ และพบว่าเป็นพนักงานของธนาคารจริง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสม และไม่เป็นไปตามคำนิยมหลักที่ธนาคารกำหนด ทั้งนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ตามกระบวนการของธนาคารโดยเร็ว ธนาคารขอเรียนว่า ธนาคารยังคงยึดมั่นและมุ่งมั่นให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าเสมอมา ธนาคารกสิกรไทย 22 กันยายน 2565"


ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/681921

https://twitter.com/RedSkullxxx/status/1572746558747316226

'สาวซื้อบ้านมือสอง' กุมขมับ!! เตือนควรเช็กก่อนซื้อ หลังพบปัญหา 'กระเบื้องแตก' ซ่อนอยู่ใต้พรม

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวเตือนอุทาหรณ์ เมื่อผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวเตือนภัย สำหรับใครที่คิดอยากจะซื้อบ้านมือสอง แล้วคิดแค่เรื่องทำเลที่ตั้ง รวมทั้งความสวยของตัวบ้าน แต่ไม่ได้เช็กสภาพก่อนที่จะซื้อให้ระวังไว้ เพราะอาจจะเจอเจ้าของโครงการหรือเจ้าของเดิมซ่อนปัญหาไว้ใต้พรมแบบนี้ได้

โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า "อสังหา ตาดีได้ตาร้ายเสีย ที่มาของคำว่า ซ่อนปัญหาไว้ใต้พรม" ซึ่งจะเห็นว่า สภาพบ้านตอนแรกเหมือนจะดี ดูสวยงามน่าอยู่ โดยใต้พรมนั้นซ่อนไว้ด้วยความเสียหาย กระเบื้องแตกมีปัญหา แต่ต้องเปลี่ยน ซึ่งเจ้าของบ้านเก่าได้เอาพรมมาปิดบังไว้นั่นเอง


ที่มา : https://www.tnews.co.th/social/social-news/574557

https://www.tiktok.com/@krubelieve/video/7141251070638001435

สตม.แจง มิสแกรนด์เมียนมาไม่ได้ถูกจับกุม ล่าสุด 'ฮาน เลย์' ได้ไปต่อประเทศที่ 3 แล้ว

จากกรณีที่ปรากฏข่าวว่ามิสแกรนด์เมียนมา (ฮาน เลย์) ถูกจับกุมในประเทศไทย นั้น ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ชี้แจงว่า มิสแกรนด์เมียนมาได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านทางท่าอากาศยานกรุงเทพ ในช่วงบ่ายของวันที่ (22 ก.ย. 65) และ สตม. ได้ปฏิเสธการเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12(1) จากนั้นมิสแกรนด์เมียนมา ก็ได้ประสานงาน กับสายการบินเพื่อเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

สำหรับการปฏิเสธการเข้าเมือง เพราะหนังสือเดินทางไม่เรียบร้อย ทาง สตม.จึงเชิญตัวฮาน เลย์ ไปยังที่พักรอ แต่ไม่ได้ควบคุมตัวอย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ให้เธออยู่ในที่พักรอ ซึ่งตามหลักแล้ว หากเข้าไทยไม่ได้ ก็จะต้องกลับไปทางเดิมที่เดินทางมา หากแต่ ฮาน เลย์ ไม่ประสงค์จะกลับไปยังเวียดนาม แต่จะไปที่อื่นก็ย่อมได้

ทั้งนี้ทาง สตม.ไทยยืนยันว่าใช้หลักปฏิบัตินี้กับชาวต่างชาติทุกคนที่เข้ามาแล้วหนังสือเดินทางไม่เรียบร้อย ไม่ใช่การควบคุมตัวแต่อย่างใด ซึ่งแต่ละวันก็มีผู้โดยสารต่างชาติหลายคนที่ถูกปฏิเสธให้เข้าเมืองเหมือนกับ ฮาน เลย์

ด้านเพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ ว่า...

อ.เฉลิมชัย ประกาศเลิกวาดภาพจริงจัง หวังใช้ชีวิตบั้นปลายแสวงหาความสุขให้ตัวเอง

อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อัดคลิปเปิดใจประกาศชัดไม่วาดภาพแล้ว หลังจากปีก่อนประกาศวางมือทั้งหมด บอกเมียกับลูกแล้ว ย้ำ “วัดร่องขุ่น” อยู่ได้แล้ว ขอขี่ จยย.เที่ยวก่อนตาย

วันนี้ (22 ก.ย. 65) เฟซบุ๊กส่วนตัวของ "นรินทร ทามาส" หรือ "เอ็ม-เมืองพาน" ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนสนิทของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วัย 68 ปี ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ผู้สร้างสรรค์ศิลปะที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย จ.เชียงราย ได้เผยแพร่คลิปอาจารย์เฉลิมชัยตอบคำถามที่ลูกศิษย์ลูกหาสอบถามว่าตอนนี้ไม่ได้วาดภาพแล้วใช่หรือไม่ เพราะเห็นขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อยู่เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ภาพแต่ละใบมีราคาแพงอย่างมาก

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวว่า สำหรับคนที่ถามก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับตนแล้วถือว่ารู้จักพอและตนไม่ชอบการวาดภาพแบบเอาจริงเอาจัง หรือซีเรียสมากเกินไปจนวันตาย เพราะที่ผ่านมาถือว่าตนได้ทำมามากแล้ว และตอนนี้ไม่ทำแล้วเนื่องจากอยากพักผ่อนและอยากใช้ชีวิตที่มีความสุขก่อนที่จะตาย

ดังนั้นจึงปล่อยวางทั้งหมด เริ่มตั้งแต่อายุได้ 55 ปีก็เริ่มเบางาน เมื่ออายุถึง 60 ปีก็เริ่มปล่อยวางมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ผลงานที่วัดร่องขุ่นอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มปล่อยวางลงอีก กระทั่งอายุถึง 65 ปีก็ปล่อยทิ้งเลย จนตอนนี้มีการบริหารงานกันเองได้แล้ว เพราะทุกอย่างถือว่าสำเร็จแล้ว ตนจึงมีหน้าที่เหลืออย่างเดียวคือ ท่องเที่ยวเพื่อหาความสุขเพราะพอแล้วทุกอย่าง ซึ่งได้บอกกับภรรยากับลูกว่า..ตนพอแล้วและให้ลูกพึ่งตัวเอง ตนไม่เติมเงินให้อีกแล้ว

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ชีวิตของแต่ละคนต้องแสวงหาความสุขของตัวเอง ขณะที่ตนมีความปรารถนาตั้งแต่ยังเด็กว่าหากอายุถึง 65 ปี และยังมีชีวิตอยู่ ก็จะท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ อย่างเดียวเพื่อพักผ่อนตามที่ตัวเองชอบ ซึ่งก็คือการขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวพร้อมกับลูกศิษย์ลูกหาที่ชื่นชอบการขับขี่แบบนี้ด้วยกัน แล้วจากนั้นก็ป่วยตายไป เพราะตนไม่มีอะไรอีกแล้ว ชีวิตตอนนี้ก็ออกกำลังกายให้แข็งแรงเพื่อจะได้ขับขี่ได้ และมีการนั่งสมาธิภาวนาเพื่อให้จิตใจยอมรับกับทุกเรื่องและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งก็คือความตาย

สมาชิกวุฒิสภา ร่วมการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาค

สมาชิกวุฒิสภา ร่วมการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาค มุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกวุฒิสภา กับสื่อมวลชนในภูมิภาคในการเป็นเครือข่าย การเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และ เพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาค

(22 ก.ย.65) ที่ ห้อง ออคิด บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่นราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์วุฒิสภา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชน กล่าวต้อนรับโดย นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และกล่าวรายงาน โดย นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานอนุกรรมการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์วุฒิสภา 

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกวุฒิสภา กับสื่อมวลชนในภูมิภาคในการเป็นเครือข่ายการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และ เพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในการนำเสนอผลงานและกิจกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยสื่อมวลชนจากทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมสัมมนา ณ สถานที่จัดสัมมนา จำนวน 80 คน และสื่อมวลชนจากจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ จำนวน 70 คน รวมทั้งสิ้น 150 คน 

พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์วุฒิสภา กล่าวว่า รู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาค ในวันนี้โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้วุฒิสภามีหน้าที่ และอำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจในลักษณะเดียวกันกับหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับต่างๆ ที่ผ่านมา 

สำหรับวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลชุดปัจจุบันนั้น นอกจากจะมีหน้าที่และอำนาจเช่นเดียวกับวุฒิสภา ตามบทบัญญัติหลักแล้ว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้เพิ่มหน้าที่และอำนาจโดยเฉพาะ ในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 

นอกจากนี้ วุฒิสภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการรับฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อการติดตามผลสัมฤทธิ์ของการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อนำมาเป็นข้อมูล ประกอบในการกลั่นกรองกฎหมาย รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นเพื่อการตรวจสอบและควบคุมการบริหารราชการแผนดิน ซึ่งการทำหน้าที่ดังกล่าวไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาข้างต้น เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน และสื่อมวลชนโดยทั่วไป จึงได้มีการจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาคครั้งนี้ขึ้น เพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในการนำเสนอผลงานและกิจกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะที่ สื่อมวลชนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

‘บิ๊กป้อม’ ลุยจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าไม้ถาวร

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เห็นชอบการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าไม้ถาวร และให้กรมป่าไม้ดำเนินการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าไม้ถาวร โดยพิจารณาถึงพื้นที่ป่าไม้ถาวรที่ได้จำแนกไปแล้ว และที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 ของกรมพัฒนาที่ดิน 

รวมทั้งเห็นชอบการเสนอเรื่องขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 เรื่อง มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้ในภาพรวมทั้งประเทศ โดยเรื่องที่ราษฎรร้องเรียนให้เพิกถอนเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดได้รับเรื่องไว้แล้ว 

รวมถึงเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 ที่เกี่ยวข้อง ให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการต่อไปให้แล้วเสร็จ จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติยกเลิกหรือมีข้อสั่งการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและจัดทำกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าไม้ถาวรเสนอคณะอนุกรรมการจัดที่ดินเพื่อพิจารณาต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชุมชน 6 เขตกรุงเทพมหานคร รุดจัดทีมลงพื้นที่ลุยแจกจ่ายถุงยังชีพต่อเนื่อง ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่น้ำท่วม

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่น้ำท่วมขัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำรงชีพ

ระหว่างวันที่ 17-22 กันยายน 2565  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ได้มอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร ปลากระป๋อง  บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนม ชุดยาสามัญ น้ำดื่ม ฯลฯ ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อาศัยอยู่ในชุมชนในพื้นที่เขตลาดกระบัง บางคอแหลม บางเขน มีนบุรี หนองจอก และจตุจักร รวม 6 เขต รวมชุดเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 1,175 ชุด รวมงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 352,500 บาท (สามแสนห้าหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมีการประสานงานกับสำนักงานเขตต่างๆ ในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในพื้นที่และใกล้เคียง รวมทั้งอาสาสมัครศิลปิน ร่วมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ

โดยในวันนี้ (วันที่ 22 กันยายน 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิฯ ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่เขตจตุจักร โดยมีอาสาสมัครในพื้นที่ร่วมให้ความช่วยเหลือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top