Saturday, 14 June 2025
NEWS FEED

แต่งตั้ง 'นารี ตัณฑเสถียร' อัยการสูงสุดหญิงคนแรก

โปรดเกล้าฯ ตั้ง 'นารี ตัณฑเสถียร' นั่งอัยการสูงสุดคนที่ 17 เคยได้รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นจุฬาฯ ผลงานเพียบ เป็นกรรมการดูแลสัญญาให้หน่วยงานรัฐหลายแห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ (27 ก.ย. 65) ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศวุฒิสภา เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการอัยการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อธิบดีอัยการ สํานักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คนที่ 17 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา

สำหรับ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร ตำแหน่งปัจจุบัน อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด ประวัติการศึกษา ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เนติบัณฑิตไทย พ.ศ.2523, ปริญญาโทด้านกฎหมายเปรียบเทียบ Howard University Wash, DC สหรัฐอเมริกา, ปริญญาโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ The American University, วอช ดีซี สหรัฐ อเมริกา, ปริญญาโทด้านกฎหมายการให้ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ Vrije Universiteit of Brussel, Belgium (ทุนรัฐบาลเบลเยียม)

ประวัติการทํางาน สํานักงานคดีอาญาธนบุรี, สํานักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด, ทำหน้าที่ให้คำปรึกษากฎหมายแก่หน่วยงานภาครัฐ และเจรจาตรวจร่างสัญญาภาครัฐ - เลขานุการรองอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจนัยภาค) เลขานุการอัยการสูงสุด, อัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 3, รองอธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ปัจจุบัน อธิบดีอัยการ สํานักงานที่ปรึกษากฎหมาย 

ประสบการณ์การทำงาน การเป็นที่ปรึกษา และอาจารย์พิเศษได้เเก่ ที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ 2547 ถึงปัจจุบัน, ที่ปรึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2549 ถึงปัจจุบัน, ที่ปรึกษากฎหมายโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรปริญญาตรี และปริญญาโท 2552 ถึงปัจจุบัน, อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตร ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต 

ด้านการประชุมเจรจาระหว่างประเทศ เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมกฎหมายอวกาศกับหน่วยงาน United Nations for Outer Space Activities กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, ผู้แทนเข้าร่วมประชุมการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับกฎหมาย (Nuclear Law) ของทบวงการพลังงานปรมาณู (IAEA) เกาหลี, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ออสเตรีย, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย (1999-2006), ผู้แทนคณะผู้แทนในการเจรจาการซื้อก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่า ประเทศมาเลเซีย (พื้นที่พัฒนาร่วม), ผู้แทนในคณะผู้แทนไทยในการเจรจาและยกร่างสัญญาซื้อขาย LNG ก๊าซธรรมชาติเหลวเย็นระหว่าง บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) กับ บริษัท Pars LNG Ltd. ประเทศอิหร่าน / ฝรั่งเศส และ บริษัท Qatar Gas ประเทศการ์ตาร์ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดในการประชุมการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สิน ทางปัญญาประเทศสหรัฐอเมริกา 2558 

ด้านกรรมการบริหาร กรรมการ อนุกรรมการ คณะทํางาน - กรรมการ ในคณะกรรมการประสานงานกำกับดูแลและติดตามผลการ ดำเนินการตามสัญญาให้สิทธิใช้ประโยชน์ศูนย์การค้าบริเวณสี่แยกปทุมวัน (อาคาร เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์) ตามมาตรา 43 และมาตรา 69 (2) แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556, กรรมการในคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่ - ราษฎร์บูรณะ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, กรรมการในคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินการตามสัญญา ให้สิทธิใช้ประโยชน์โครงการพัฒนาพื้นที่ หมอน 21-22 (บริเวณหัวมุมสี่แยกสามย่าน), อนุกรรมการคณะอนุกรรมการสัมปทานปิโตรเลียม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการกลั่นกรองร่างสัญญาโครงการระบบดาวเทียม เพื่อการสํารวจทรัพยากรธรรมชาติ (THEOS - 2), คณะทำงานพิจารณาสัญญาจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุของ สำนักงานสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน), อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการกลั่นกรองปัญหาการจ้างที่ปรึกษาและการจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง (อทอ.), กรรมการบริหารคณะกรรมการบริหารของคณะกรรมการ กฟผ., อนุกรรมการด้านกฎหมาย และระเบียบของการยางแห่งประเทศไทย การยางแห่งประเทศไทย, อนุกรรมการบริหารสัญญาแบ่งปันผลผลิต กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, อนุกรรมการพิจารณาข้อกฎหมายและร่างสัมปทานปิโตรเลียม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ 

'โฆษก สพฐ.ตร.' ยืนยัน แป้นคีย์บอดร์คอมพิวเตอร์ ไม่สามารถระเบิดจนทำให้คนเสียชีวิตได้ ย้ำ ห่วงการใช้งานนานเกินไปส่งผลต่อสุขภาพ

เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 65 ที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวว่าจากเหตุการณ์นักเรียนชาย ชั้น ม.3 โรงเรียนวัดลาดปลาดุก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เสียชีวิตในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีการนำเสนอข่าวว่าเกิดจากคีย์บอร์ดระเบิด สร้างความตกใจให้กับเด็กนักเรียนและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ว่าการใช้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์จะมีอันตรายรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้จริงหรือไม่ 

ต่อมา ตำรวจภูธรบางบัวทอง ร่วมกับ แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นนทบุรี คลี่คลายปมปริศนาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ยืนยัน จากการสอบสวนอย่างละเอียด พบว่า สาเหตุที่ทำให้เด็กชายเคราะห์ร้ายเสียชีวิตเกิดจากอาวุธปืน เนื่องจากบาดแผลมีลักษณะเป็นรูขนาดใหญ่ด้านหลังศีรษะเหนือท้ายทอย เมื่อตรวจสอบภายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดก็พบหัวกระสุนปืน 1 หัว จากการประมวลเหตุการณ์สันนิษฐานว่า ขณะที่ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ได้ถูกกระสุนปืนยิงเข้าท้ายทอย คมกระสุนทะลุออกหางคิ้วและหัวกระสุนมาถูกคีย์บอร์ดจนแตก ทำให้ผู้เห็นเหตุการณ์ครั้งแรกเข้าใจผิดว่าสาเหตุเกิดจากการระเบิดของคีย์บอร์ด ในเวลาต่อมาผู้กระทำความผิดได้ยอมรับสารภาพและถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายไปแล้ว

'สวนนงนุช พัทยา' รับขวัญช้างเชือกที่ 3 ของปีพร้อมต่อโปรโมชั่น ซื้อ 1 ฟรี 1 ตลอดเดือนตุลาคม

วันนี้เวลา 09.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้จัดพิธีคล้องพวงมาลัย พร้อมนิมนต์ พระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต และพระสงฆ์ มาทำพิธีเพื่อเสริมสิริมงคลพร้อมจัดชุดการแสดงรับขวัญลูกช้าง ณ บริเวณหน้าช้างใหญ่ ที่มีความสูง 10 เมตรยาว 16 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเดินลอดท้องช้างเพื่อความเป็นสิริมงคลให้อยู่เย็นเป็นสุขและช่วยเสริมโชคชะตา

นายกัมพล ตันสัจจา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ในเวลา 01.00 น. มีแม่ช้างตกลูก คือ แม่พังฝนทิพย์ อายุ 14  ปี พ่อช้างคือพลายพรชัย อายุ 15 ปี ได้ลูกช้างเพศผู้พร้อมตั้งชื่อว่า พลายพอใจ ซึ่งลูกช้างมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และตกลูกเป็นเชือกที่ 3 ของปางช้างสวนนงนุชพัทยา ในปี 2565

รองปลัดแรงงาน ประธานจัดกิจกรรมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย ประจำปี 2565

วันที่ 28 กันยายน 2565 เวลา 08.00 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานจัดกิจกรรมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) ประจำปี 2565 โดยคณะผู้บริหารระดับสูงสังกัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ บริเวณเสาธงชาติหน้าอาคาร Smart Job Center กระทรวงแรงงาน

‘NRPT’ บริษัทร่วมทุนของ NRF และ Innobic จับมือ ‘OR’ร่วมพัฒนาธุรกิจ Plant-based ผ่านธุรกิจค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมัน เพื่อดันอาหารแห่งอนาคต เติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค

(28 กันยายน 2565) บริษัท เอ็นอาร์พีที จำกัด (NRPT) และ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจโปรตีนจากพืช (Plant-based) และอาหารแห่งอนาคต โดยมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และธุรกิจร้านค้าปลีกอาหารโปรตีนจากพืชที่เหมาะสมกับร้านค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมันของโออาร์ เติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค ทำให้คนไทยสะดวกและมีทางเลือกในการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) (NRF) และกรรมการบริษัท เอ็นอาร์พีที จำกัด กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการใช้อาหารต่อสู้กับโลกร้อน อาหารโปรตีนทางเลือกจากพืช นับเป็นกลยุทธ์หลัก ด้วยกรรมวิธี และกระบวนการการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน 1 ใน 10 ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการทำปศุสัตว์ ทั้งยังส่งผลที่ดีต่อสุขภาพ สอดรับเทรนด์ผู้บริโภคที่เริ่มสรรหาและคัดสรรอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกาย อีกทั้งอาหารที่จะรับประทานยังต้องส่งผลดีต่อโลกด้วย

นอกจากนี้เป้าหมาย คือการเดินหน้าพัฒนาและต่อยอดอาหารทางเลือกให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันมี alt.Eatery สาขาต้นแบบอยู่ย่านสุขุมวิท 51 ซึ่งแผนการขยายสาขานั้น เรามีพันธมิตรที่เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก ซึ่งมีความมั่นใจในความเชี่ยวชาญที่จะผนวกรวมกันเพื่อผลักดันให้อาหารโปรตีนจากพืช ที่มีรสชาติและสัมผัสที่คล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์ และในอนาคต Plant-Based อาจมิใช่เพียงอาหารทางเลือก แต่จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพและโลกที่ยั่งยืน 

ความร่วมมือกันพัฒนารูปแบบธุรกิจของร้านค้าปลีกและเมนูอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based) ในครั้งนี้ จะมีการพัฒนาเมนูพิเศษ “ขนมปังไส้หมูแดงแพลนเบส” ที่จะวางขายกับ คาเฟ่ อเมซอน ในปีนี้ และเปิดร้านค้า Flagship นำร่องในสถานีบริการน้ำมันของ “โออาร์” ที่สาขาวิภาวดีรังสิต ในปี 2566

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า โออาร์ ดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” โดยมุ่งเน้นในการแสวงหาโอกาสใหม่ในการดำเนินธุรกิจ คิดค้น และพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ พร้อมทั้งส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยหนึ่งในพันธกิจของ โออาร์ คือการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ (All Lifestyles) และเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งในปัจจุบันอาหารที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทั้งจากการที่มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่หันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ รวมไปถึงกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความร่วมมือกับอินโนบิกและเอ็นอาร์พีทีในการพัฒนารูปแบบของร้าน alt.Eatery ให้เหมาะสมสำหรับการขยายธุรกิจใน พีทีที สเตชั่น รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ โออาร์ จึงจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการรับประทานอาหารใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงอาหาร Plant-based ได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการใน พีทีที สเตชั่น หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ โออาร์ มากขึ้นอีกด้วย โดยจะเริ่มจากพื้นที่บริเวณ Flagship ในย่านชุมชนคนรุ่นใหม่ และขยายสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาเมนูอาหาร Plant-based หรือโปรตีนจากพืชสำหรับร้านอาหารในเครือของ โออาร์ ตลอดจนโอกาสในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Plant-based ต่อไป 

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า อินโนบิก (เอเชีย) ได้เดินหน้าต่อยอดธุรกิจโภชนาการและอาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ให้กับอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต ผ่านทางบริษัท“เอ็นอาร์พีที” (Nutra Regenerative Protein Co. Ltd : NRPT) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกกึ่งร้านอาหาร

'รัฐบาล' หนุนทุนวิจัย ผลิต 'เท้าเทียมไดนามิกส์' เตรียมดันให้ผู้พิการใช้ฟรีตามสิทธิรักษาพยาบาล

เมื่อวันที่ (28 ก.ย. 65) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญในการสร้างโอกาสให้กับผู้พิการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ต้องการให้ผู้พิการทุกคนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ตลอดจนใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นใจ สามารถนำศักยภาพมาเป็นกำลังสำคัญในการร่วมพัฒนาประเทศ รัฐบาลโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้สนับสนุนทุนวิจัย ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ตั้งพรประเสริฐ และทีมวิจัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการ 'ก้าวใหม่ด้วยวิจัยและนวัตกรรม' ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยผลิตเท้าเทียมไดนามิกส์นำไปมอบให้กับผู้พิการขาขาดตามโรงพยาบาลกว่า 13 แห่ง จำนวน 67 ขา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการขาขาดให้ดีขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนในการนำเข้าเท้าเทียมจากต่างประเทศที่มีราคาสูง

'นารา เครปกะเทย' ร่ำไห้แรง คดีอาหารเสริมฯ พ้อหนัก!! ชีวิตพังเพราะคดี "ไม่เหลืออะไรแล้วชีวิตนี้"

‘นารา เครปกะเทย’ ร้องไห้ ชีวิตพัง เพราะคดี "อาหารเสริม ผสมสารอันตราย" บอกไม่รู้ไม่เห็น แต่โดนคนเดียว เสียหายทั้งชื่อเสียง เงินทอง "ถ้ารู้โรงงานใส่สารนี้ หนูจะตบ หนูจะหลอกลวงผู้บริโภคทำไม" ขอความรับผิดชอบจากแบรนด์

ร้องไห้กลางไลฟ์สดแบบชุดใหญ่ สำหรับ ‘นารา เครปกะเทย’ หลัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับกุมเครือข่ายผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ "เสริมอาหาร" ผสมวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 (2-ไดเฟนิลเมทิลโพโรลิดีน) โดย จับกุม นายอนิวัต ประทุมถิ่น อายุ 23 ปี หรือ ‘นารา เครปกะเทย’ เน็ตไอดอลชื่อดัง ในข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 (2-ไดเฟนิลเมทิลโพโรลิดีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำทางการค้า"

โดยหลังจากที่มีข่าวออกไปนั้น ‘นารา เครปกะเทย’ ออกมานั่งไลฟ์สด ร้องไห้ ตัดพ้อ ถึงคดี ที่ทำชีวิตพัง ว่า "คนที่ถามว่าขาวขึ้นจริงไหม หนูบอกแล้ว ว่าขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคนตลอด ในคลิปไลฟ์สดต่าง ๆ หาดูได้ ถ้าใครไม่อยู่จุดนี้ เจอคอมเมนต์มาก ๆ จะไม่เข้าใจ พอมีข่าวสารเสพติดแบบนี้ คนที่โดนคือหนูคนเดียว ทั้งที่เราไม่รู้เรื่องไม่เห็น เราทำแค่หน้าที่ สุดท้ายคนที่โดน คือหนูคนเดียว เสียหายทั้งชื่อเสียง เสียหายทั้งงาน ขอความรับผิดชอบจากแบรนด์

ครม.อนุมัติ 3.85 พันล้าน พัฒนา ‘สถานีศิริราช’ เป็นทั้งอาคารรักษาพยาบาลและสถานีรถไฟฟ้า

คณะรัฐมนตรี อนุมัติ 3.85 พันล้าน พัฒนาสถานีศิริราชเป็นอาคารรักษาพยาบาลและสถานีรถไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศ เชื่อมรถไฟสายสีแดงอ่อน-รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วยประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ว่า ครม.อนุมัติการดำเนินโครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล งบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,851.27 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนค่าก่อสร้าง 2,338.27 ล้านบาท ครุภัณฑ์การแพทย์ 1,400 ล้านบาท และงบบุคลากร (หมวดเงินเดือน) 113.01 ล้านบาท โดยขออนุมัติงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 - 2569 จำนวน 2,552.50 ล้านบาท และเงินสมทบจากเงินนอกงบประมาณ จำนวน 1,298.77 ล้านบาท ในลักษณะเป็นเงินอุดหนุน

โครงการนี้เกิดขึ้นโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช เพื่อให้เป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพและสาธารณสุขแห่งแรกของประเทศไทย โดยพัฒนาจุดเชื่อมโยงการเดินทางโดยรถไฟฟ้าบริเวณโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 2 สถานี คือ สถานีศิริราช รถไฟฟ้าสายสีส้มของ รฟม. และสถานีธนบุรี - ศิริราช รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนของ รฟท. และเพิ่มประโยชน์การใช้งานนอกเหนือจากสถานีรถไฟฟ้าด้วยการบริการรักษาพยาบาล เช่น งานบริการผู้ป่วยนอก งานบริการผู้ป่วยใน งานบริการตรวจผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องพักค้าง เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาการเดินทางและลดความแออัดของผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลศิริราชด้วยการเป็น One Stop Service และ Best Integrated Care

นางสาวรัชดา กล่าวว่า โครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ รฟท. ซึ่งต่อเนื่องกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี - ศิริราช ช่วงเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน เลียบคลองบางกอกน้อย โดยเป็นการเช่าที่ดินของ รฟท. บนพื้นที่ 4.67 ไร่ (7,456 ตารางเมตร) ระยะเวลาเช่า 30 ปี สำหรับลักษณะของโครงการ เป็นการก่อสร้างอาคารสูง 15 ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น รวมความสูงของอาคารเท่ากับ 81 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 51,853 ตารางเมตร แบ่งเป็น 1. พื้นที่โรงพยาบาล 47,537 ตารางเมตร 2. พื้นที่รถไฟสายสีแดงอ่อน 3,410 ตารางเมตร และ3. พื้นที่รถไฟฟ้าสายสีส้ม 906 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถ 79 คัน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 32 เดือน รวมระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี

'ผบช.ภ.7' จัดกองเกียรติยศ ให้ ผบ.ปั๊ด อำลาหน่วยอย่างยิ่งใหญ่ ลั่นจะยึดถือเป็นต้นแบบในการปฏิบัติงานในฐานะผู้นำองค์กร

เมื่อวันอังคารที่ 27 ก.ย. 2565 (เวลาประมาณ 10.00 น.) ที่ กองบัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จว.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ได้ให้การต้อนรับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เนื่องในโอกาสที่ ผบ.ตร.เดินทางมาเยี่ยมอำลาหน่วยตำรวจภูธรภาค 7 ในโอกาสที่เกษียณอายุราชการ

พร้อมด้วยพล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.รักษ์จิต  หม้อมงคล ผทค.พิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.อาทิชา  เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.ภ.7, ผบก., ผกก. และ ข้าราชตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 เข้าร่วม ต้อนรับ

โดย ผบ.ตร.ได้ขึ้นรับการแสดงความเคารพจากกองเกียรติยศ พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ระดับผบก.ขึ้นไป และลงนามในสมุดตรวจเยี่ยมหน่วย

ผบ.ตร.สอน นักเรียนนายสิบตำรวจทั่วประเทศ รับราชการอย่างมีความสุข มีคุณค่า ต้องมีความยุติธรรม เอื้อเฟื้อ เป็นที่พึ่งของประชาชน 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ บรรยายพิเศษ นสต. ทั่วประเทศ 'แนวทางการรับราชการ อย่างมีความสุข และมีคุณค่า' สอนวิชาชีวิต ครองตน ครองคน ครองงาน ต้องเลือกคบเพื่อนดี มีต้นแบบผู้บังคับบัญชาดี เปรียบงานตำรวจสร้างพีระมิด ต้องสามัคคี ย้ำสีกากีต้องทำหน้าที่ รักษาความยุติธรรม ค้ำยันสังคม เป็นที่พึ่งของทุกคน 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 กันยายน 2565 ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 (ศฝร.ภ.1) อ.เมือง จว.สระบุรี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ 'แนวทางการรับราชการ อย่างมีความสุข และมีคุณค่า' โดยมี พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1, ศฝร.ภ.1 และนักเรียนนายสิบตำรวจ (นสต.) ทั่วประเทศ รับฟังผ่านระบบออนไลน์

พล.ต.อ.สุวัฒน์ บรรยายแนวทางการดำเนินชีวิต ครองงาน ครองคน ครองชีวิต อย่างมีคุณค่า และมีความสุข โดยบางช่วงบางตอน ผบ.ตร. ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน การตัดสินใจ ในช่วงของการดำรงตำแหน่งต่างๆ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังปรับหลักสูตรนายสิบตำรวจ ให้เรียนภาคปฏิบัติเพิ่มขึ้น เรียนด้านวิชาการน้อยลง เน้นสอนขั้นตอนการทำงาน เช่น ขั้นตอน มาตรฐานการเข้าระงับเหตุ แล้วอธิบายด้วยกฎหมาย ต่างจากปัจจุบันที่สอนกฎหมาย แล้วให้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้การปฏิบัติงานตำรวจ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีนโยบายให้นักเรียนนายสิบตำรวจที่จบใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ในงานด้านอารักขา และควบคุมฝูงชนก่อน เพื่อให้มีความชำนาญด้านยุทธวิธี จากนั้นจะย้ายไปปฏิบัติงานในสถานีตำรวจต่อไป

“ยอมรับว่าตำรวจยุคใหม่ มีพื้นฐานความคิดไม่เหมือนรุ่นเก่าๆ สิ่งที่ต้องฝากเมื่อนักเรียนนายสิบจบออกไป เจออะไรแปลกใหม่ ต้องเรียนรู้ รุ่นพี่บางคนชักจูงเราไปในทางไม่ปลอดภัยในชีวิตราชการ อย่างนี้ต้องระวัง จำไว้ว่าของสองอย่างอยู่ด้วยกันมักดึงดูดกัน จะเลือกเป็นตามสิ่งดี หรือถูกดึงดูดไปทางไม่ดี ต้องเลือกเอง โดยยึดความถูกต้อง ชอบธรรม การคบเพื่อนร่วมงาน ควรหาให้เจอว่าควรคบใครดี หาเจ้านายที่เป็นตัวแบบ มีเพื่อนร่วมงานที่จะพาเรารอดไปทั้งชีวิต หาตัวแบบผู้บังคับบัญชาที่ดี เราอยู่คนเดียวไม่ได้” ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สุวัฒน์ สอนเรื่องการดำรงชีวิต วางแผนการใช้เงิน ไม่สร้างหนี้ รวมถึงการสร้างครอบครัว ต้องเลือกคู่ชีวิตให้ดี โดยต้องวางแผนการเงินให้ดี หากวางแผนไม่ได้ อย่าก่อหนี้ เช่น เริ่มทำงานก็กู้ทันที ซื้อมอเตอร์ไซค์ ผ่อนบ้าน ใช้หนี้คนอื่น กู้ให้พ่อแม่ ต้องคิดดีๆ การก่อหนี้หากจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบ ต้องรู้จักการบริหารเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ แต่ไม่สนับสนุนให้กู้ เรื่องการสร้างครอบครัว การมีคู่ชีวิตภรรยาดี เป็นกัลยาณมิตรในชีวิต ก็เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพย์สินชีวิต หาคู่ชีวิตที่ช่วยกันส่งเสริมชีวิต  

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ความสำเร็จของชีวิต อยู่ในที่ลำบาก มนุษย์เราชอบอยู่ในคอมฟอร์ตโซน แต่หากอยากทำอะไรสำเร็จต้องออกไปข้างนอก ต้องเรียนรู้พัฒนาตนเอง สร้างยี่ห้อให้ตัวเอง พัฒนา ปรับตัว หาวิธีการทำงาน โลกมีไดนามิกต้องเอาตัวให้รอด ทำงานในหน้าที่ ทำตัวให้มีคุณค่าที่ใครก็อยากใช้งาน และตำรวจยุคใหม่ต้องเท่าทันเทคโนโลยี นำเทคโนโลยีมาใช้ให้งานมีประสิทธิภาพ ใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ ยับยั้งชั่งใจ

ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจต้องเคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ ต้องทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตั้งแต่วันแรก จนวันที่พ้นจากหน้าที่ราชการ อย่าเอาตัวไปเกลือก ไปเสี่ยง ดำรงตนด้วยความยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต ต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ให้มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ มีความพร้อมยุทธวิธี ต้องมีความมั่นคงในความคิด ไม่ยอมให้ตนเองถูกชักจูงออกนอกเส้นทาง โดยพึงจำว่า ประสบการณ์ชีวิตเป็นบทเรียนที่มีค่ามากที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top