เมื่อวันจันทร์ ที่ 3 ต.ค. 65 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานในการประชุม“มอบนโยบายการบริหารราชการของตำรวจภูธรภาค 7 ประจำปีงบประมาณพ.ศ.2566 และนำนโยบายผบ.ตร.,รอง ผบ.ตร.มาขับเคลื่อน”

โดยมี พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7,พร้อมด้วยผบก.ฯ, รอง ผบก.ฯ, ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ก่อนการประชุมได้แนะนำผู้บังคับบัญชาระดับ ผบก.ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งในสังกัด ภ.7 สำหรับในการประชุมได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติ ดังนี้...
1.กำชับการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ผบ.ตร. "เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน"
2.กำชับการดำเนินการนโยบายของผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ที่ได้มอบนโยบายการบริหารราชการฯ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565
3.เน้นย้ำทุกหน่วย เห็นความสำคัญ และเร่งรัดภารกิจเร่งด่วนตามนโยบาย ผบ.ตร. ได้แก่ ภารกิจเร่งด่วนเพื่อประชาชน, ปัญหายาเสพติด, ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
4.ยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ, ภารกิจเร่งด่วนเพื่อตำรวจ, สร้างความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่, สร้างขวัญกำลังใจ และดูแลสวัสดิการ, กำชับข้าราชการตำรวจทุกระดับปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลัก, เกาะติดพื้นที่, เกาะติดประชาชน, เกาะติดคนร้าย และ เกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชา,ยกระดับองค์ความรู้, ยกระดับวิธีคิด, ยกระดับบวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลยพินิจ, ทำงาน, ทำดี, ทำบุญ และ มีภาวะผู้นำ, Smart, Smile และ Strong
5.กำชับทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล, นายกรัฐมนตรี, ผบ.ตร.และรองผบ.ตร.โดยเคร่งครัด ต้องมีแผนปฏิบัติการทำงานเชิงรุกเป็นแผนยุทธการในแต่ละพื้นที่
6.กำชับหัวหน้าหน่วยทุกระดับรายงานเหตุซึ่งจะต้องรายงาน อย่าให้ล่าช้า
7.กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับควบคุม กำกับดูแลการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม อย่างเท่าเทียม ดูแลความสะอาด จัดระเบียบที่ทำการโดยเฉพาะห้องรับแจ้งเหตุให้จัดเป็น One Stop Serviice เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจ
8.กำชับหัวหน้าหน่วยลงพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหา ข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างตำรรวจ และประชาชน
9.ปรับเปลี่ยนแนวคิดการควบคุมดูแลผู้ใจผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่แค่ควบคุมควมประพฤติ แต่ต้องลงไปดูแลและสัมผัสถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างบวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา งานบริหารต้องดูว่ามีอะไรที่ทำโดยสุจริตแล้วมีรายได้เข้าหน่วย เพื่อจัดเป็นสวัสดิการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
10.พัฒนาองค์ความรู้ข้าราชการตำรวจทุกสายงาน จัดให้มีการฝึกทบทวนยุทธวิธี และมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกสัปดาห์
11.ยกระดับการบริการประชาชน ต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที ยกระดับการให้บริการทั้งในและนอกสถานีตำรวจ เช่นการรออกตรวจเยี่ยมประชาชน และ แจ้งความคืบหน้าคดีแก่ผู้เสียหาย
12.เน้นย้ำทุกหน่วยให้ความสำคัญกับเรื่องร้องเรียน เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน เนื่องจากผู้เขียนเรื่องร้องเรียนคือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและยังไม่ได้รับการดูแล
13.การขับเคลื่อนทุกหน้างาน จะใช้ศปก.ภ.7เป็นตัวขับเคลื่อน โดยกำหนดให้มีการประชุมศปก.ภ.7 ทุกวันพุธ เวลา 09.00น. ให้รอง ผบช./ผบก./หัวหน้าสถานี เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง
14.ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องอยู่ในพื้นที่ ดำรงการติดต่อได้ตลอดเวลา หากออกนอกพื้นที่ต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง
15.หัวหน้าสถานีต้องตรวจสอบปจว./ข้อมูลการรับแจ้งเหตุทุกเช้า และนั่งหัวโต๊ะประชุม Morning Brief ทุกวันสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ทุกสายงานทราบข้อมูล
16.มอบหมายให้ รอง ผบก.แต่ละหน้างาน ควบคุม กำกับดูแล เร่งรัด ขับเคลื่อน ติดตาม สั่งการในหน้างานของตนเองเป็นประจำ