Sunday, 15 June 2025
NEWS FEED

ชลประทานพิจิตรปักธงแดงแม่น้ำยม-แม่น้ำน่านเอ่อล้นตลิ่งท่วมย่านที่ลุ่มชุมชนริมแม่น้ำ

พิจิตรประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 12 อำเภอ 45 ตำบล 332 หมู่บ้าน ชลประทานปักธงแดงแสดงสัญลักษณ์ระดับน้ำถึงจุดวิกฤตทั้งแม่น้ำยม-แม่น้ำน่าน มีปริมาณน้ำเดินการควบคุมเหตุน้ำเหนือไหลบ่ามาจากจังหวัดข้างเคียงจึงเป็นเหตุเกิดน้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำแต่การคมนาคมเข้า-ออก เมืองชาละวันยังคงใช้ได้ตามปกติ

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผอ.โครงการชลประทานพิจิตร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์และปริมาณน้ำในแม่น้ำยม-แม่น้ำน่าน ว่า เนื่องจากจังหวัดพิจิตรเป็นที่ลุ่มต่ำจึงทำให้เมื่อเกิดฝนตกในเขต จ.พิษณุโลก จ. กำแพงเพชร จ.เพชรบูรณ์ น้ำก็จะไหลบ่าเข้ามารอบทิศทาง โดยสถานการณ์ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำน่าน-แม่น้ำยม มีปริมาณระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องระดับน้ำเกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว ดังนั้นเพื่อสื่อสารกับประชาชนจึงได้ดำเนินการปักธงสีแดงที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ 4 แห่ง ทั้งแม่น้ำยม และ แม่น้ำน่าน เพื่อบอกกล่าวในเชิงสัญลักษณ์ว่าระดับน้ำถึงจุดวิกฤตแล้ว โดยเมื่อวานที่ผ่านมาระดับน้ำในแม่น้ำน่านมีปริมาณสูงขึ้น 46 ซม. ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมย่านชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำหลายจุดแล้ว นอกจากนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปิดประตูระบายน้ำคลองสาขาต่างๆ ที่เชื่อมกับแม่น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากแม่น้ำไหลเข้าท่วมทุ่งนาหรือเส้นทางคมนาคมภายในหมู่บ้าน นายเอกฉัตร ผอ.โครงการชลประทานพิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้ยังคงมีน้ำเหนือไหลมาอีกเป็นจำนวนมากดังนั้นเกษตรกรควรเร่งระบายน้ำส่วนเกินนี้ทิ้งไปก่อนแต่เมื่อฝนหยุดหรือฝนหมดฤดูกาลก็จะส่งสัญญาณให้กักเก็บน้ำทันที

น้ำท่วมเชียงใหม่เกือบเท่าปี 54 หนักแทบปิดเมือง ส.ส.- ว่าที่ผู้สมัครระทม ทำได้แค่ตะโกนถามหน้าบ้าน ปชช. ฝากหน่วยงานเร่งช่วย  รับทำอะไรพะวงหลังกลัวผิดกฎเหล็ก กกต.

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายบรรจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนและหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือรับมือสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นผลพวงจากพายุโนรู ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าบนเทือกเขาไหลทะลักท่วมหลายพื้นที่ ทั้งที่ อ.เวียงแหง​ อ.เชียงดาว อ.ไชยปราการ เส้นทางสายแม่จา​-เมืองแหง​ ดินสไลด์ ไม้ล้มขวางเส้นทาง​ พาดทับสายไฟฟ้า​หลายจุด ตลอดสายทางพื้นถนนด้านล่างทรุดตัวเป็นโพรงขนาดใหญ่​ ขณะที่ถนนโชตนา ช่วงระหว่าง อ.เชียงดาว เข้า อ.ไชยปราการ ถนนมีการทรุดตัว สุ่มเสี่ยงต่อการสัญจร สำหรับ อ.เชียงดาว​ พื้นที่ลุ่ม​ได้รับความเสียหายจากน้ำที่เอ่อทะลักท่วมพื้นที่การเกษตร​ ดินสไลด์​ทับบ้านเรือนประชาช​นที่บ้านห้วยตีนตั่ง​ น้ำพัดคอสะพาน​ขาด​ที่บ้านห้วยทรายขาว​ ต.ทุ่ง​ข้าว​พวง​ ส่วนที่ อ.แม่แตง ดินถล่มสร้างความบ้านประชาชนจำนวนมาก นักท่องเที่ยวในเขต ต.เมืองก๋าย ต้องเดินเท้ากว่า 10 กิโลเมตร มาที่ศูนย์ชั่วคราวที่ อบต.เมืองก๋าย เนื่องจากเส้นทางสัญจรเสียหายอย่างหนัก 

ขณะที่นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายศรีเรศ โกฎคำลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำท่วมตั้งแต่คืนวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ (4 ต.ค.65) โดยพบว่าพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายหนักจากน้ำป่าทะลักลงแม่น้ำปิงจนถนนในท้องถิ่นพัง พี่น้องประชาชนต้องช่วยเหลือกันเองด้วยการสร้างคันกั้นน้ำซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรในท้องถิ่นริมแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันการกัดเซาะตลิ่งพังจากไม้ในพื้นที่และเสริมกระสอบทรายเพื่อความแข็งแรง ในเบื้องต้นได้ประสานงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเพิ่มเติมแล้ว

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนในตัวเมืองเชียงใหม่ หลังถูกน้ำป่าจากดอยเชียงดาวและใกล้เคียงไหล ลงสู่แม่น้ำปิง จนเกินศักยภาพที่แม่น้ำจะรับได้ ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงสุด ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2565 อยู่ที่ 4.63 เมตร น้ำล้นตลิ่งจนไหลเข้าท่วมพื้นที่ตั้งแต่คืนวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ระดับน้ำเทียบเท่ากับปี 2554 ทำให้ตำบลช้างคลาน ตำบลป่าแดด และพื้นที่ใกล้เคียงถูกน้ำท่วม ทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาต สถานที่ราชการ วัด โรงเรียน ภาคเศรษฐกิจท้องถิ่น เช่น โรงแรมอนันตรา โรงเรียนมงฟอร์ด ไนท์บาซา กาดต้นลำไย ร้านอาหาร ไม่สามารถเปิดทำการได้ การคมนาคมไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เกือบ 100%  

'เฉลิมชัย' ห่วงใยประชาชนเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทุกจังหวัดพร้อมสั่งกรมชลประทานระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่กว่า 200 เครื่องผันน้ำลงทะเลเกือบ 2 พันล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (4 ต.ค.) ว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่องด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบความยากลำบากจากอุทกภัยที่เกิดจากอิทธิพลของโนรูและฝนที่ตกหนักในพื้นที่และได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งระดมกำลังคนเครื่องจักรกลเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทุกจังหวัดโดยบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐและท้องถิ่นเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด

สำหรับจังหวัดลุ่มเจ้าพระยา จังหวัดปริมณฑลและกรุงเทพมหานครได้เร่งผันน้ำลงทะเลโดยกรมชลประทานได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อย่างน้อย 220 เครื่องที่ติดตั้งตามสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตก สูบน้ำลงแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำบางปะกงทางฝั่งตะวันออกและสูบลงอ่าวไทยทางทิศใต้ คิดเป็นปริมาณ วันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 525 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และกำลังติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 

'นพ.เฉลิมชัย' ย้อนไทม์ไลน์ 1,000 วันโควิด-19 ประวัติศาสตร์สำคัญที่ควรรู้ ตั้งแต่เริ่มถึงปัจจุบัน

(4 ต.ค. 65) นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย ระบุว่า...

ครบ 1000 วันของโควิด-19 แล้ว สรุปเรื่องสำคัญที่ควรทราบ ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน

นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยพบโควิดเคสแรกเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563  จนถึงปัจจุบัน (3 ตุลาคม 2565) นับได้เป็นเวลา 1000 วันเต็มแล้ว เราจะลองมาทบทวนดูเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรบ้าง

1) ชื่อโรคและชื่อเชื้อโรค ชื่อโรคคือ COVID-19 (Corona Virus Disease 2019)
ชื่อเชื้อโรคคือ SARS-CoV-2 (Severe Acute Respiratory Syndrome-Corona Virus) เป็นไวรัสโคโรนาลำดับที่ 7

2) จุดกำเนิดของผู้ติดเชื้อ
31 ธันวาคม 2562 พบเคสแรกของโลกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน 
8 มกราคม 2563 พบเคสแรกของประเทศไทย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน

3) ช่วงสองเดือนแรกของการระบาด พบว่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หรือเมื่อโควิดระบาดได้ครบสองเดือน พบว่าประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 79,251 ราย เสียชีวิต 3.58% ส่วนประเทศในอีกสี่ลำดับถัดมา ได้แก่ เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน และญี่ปุ่น

4) มาตรการรับมือแบบต่าง ๆ ของโควิด-19 ในปี 2563 มี 3 มาตรการด้วยกัน ได้แก่

4.1 ไม่ทำอะไร (Unmitigation) ปล่อยให้มีการติดเชื้อตามธรรมชาติ โดยหวังว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) แล้วโรคจะสงบลงเอง

4.2 ชะลอผู้ติดเชื้อ (Mitigation) โดยปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อในระดับที่สาธารณสุขสามารถรับมือไหว แต่ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

4.3 เข้มข้นสูงสุด (Suppression) ต้องเมีมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) หรือปิดเมืองปิดประเทศ ซึ่งจะคุมจำนวนได้ดี แต่ผลกระทบโดยเฉพาะทางสังคมและเศรษฐกิจรุนแรง

5) คลื่นระลอกต่าง ๆ ของโควิดในไทย

5.1 ระลอกแรก เกิดขึ้นในช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคม 2563 เป็นไวรัสอู่ฮั่น(Clade S) เริ่มจากสนามมวยลุมพินีและผับบาร์ทองหล่อเป็นคลัสเคเตอร์ใหญ่ มีผู้ติดเชื้อ 4000 ราย เสียชีวิต 60 ราย ควบคุมโรคโดยใช้มาตรการล็อกดาวน์

5.2 ระลอกที่สอง เกิดขึ้นในช่วงธันวาคม 2563 ถึงมีนาคม 2564 ยังคงเป็นไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น (Clade GH) เริ่มที่ตลาดกลางค้ากุ้งมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อ 24,863 ราย เสียชีวิต 34 ราย

5.3 ระลอกที่สาม เกิดขึ้นในช่วงเมษายนถึงธันวาคม 2564 เริ่มต้นด้วยไวรัสสายพันธุ์อัลฟ่า (Clade GK) แล้วตามด้วยไวรัสสายพันธุ์เดลต้า (Clade GRY) โดยจุดเริ่มต้นจากแคมป์คนงานหลักสี่ มีผู้ติดเชื้อมากถึง 2,194,572 ราย เสียชีวิต 21,604 ราย

5.4 ระลอกที่สี่ เกิดขึ้นในช่วงมกราคม 2565 จนถึงปัจจุบัน (3 ตุลาคม 2565) เป็นไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Clade GRA) จนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อ 2,458,697 ราย เสียชีวิต 11,073 ราย

6) ลักษณะของไวรัส

ปัจจุบันพบว่าในประเทศไทย ไวรัสสายพันธุ์หลักได้แก่ โอมิครอน ซึ่งมีการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ย่อย(Sub-variant) จาก BA.1 เรื่อยมาจนปัจจุบันเป็น BA.5 ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่กว้างขวางรวดเร็วกว่าเดลต้านับเป็นเท่าตัว ขณะเดียวกันก็มีความรุนแรงก่อให้เกิดการเสียชีวิต น้อยกว่านับเป็นเท่าตัวด้วยเช่นกัน

7) สถานการณ์ปัจจุบัน

ในระดับโลก มีการระบาดครอบคลุมไปแล้ว 228 ประเทศและเขตการปกครอง พบผู้ติดเชื้อ 623 ล้านราย เสียชีวิต 6.5 ล้านราย คิดเป็น 1.05%

ในระดับประเทศไทย มีการระบาดจนครบ 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ (เฉพาะพีซีอาร์) 4.68 ล้านราย เสียชีวิต 32,771 ราย คิดเป็น 0.7%

8) การตรวจหาไวรัส

8.1 วิธี RT-PCR เป็นวิธีการตรวจแบบมาตรฐาน มีความแม่นยำสูง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูง รวมทั้งต้องใช้บุคลากรทางสาธารณสุขที่ได้รับการฝึกฝนในการเก็บตัวอย่างและดำเนินการทางห้องปฏิบัติการ

8.2 วิธี ATK เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้น มีความแม่นยำค่อนข้างดี แต่ไม่เท่ากับวิธี RT-PCR แต่ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก และไม่ต้องใช้บุคลากรทางสาธารณสุข ประชาชนสามารถทำเองที่บ้านได้

8.3 วิธี Genomic Sequencing เป็นการตรวจสารพันธุกรรม เพื่อหาชนิดของไวรัส

'กรณ์' ควง 2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 'ชาติพัฒนากล้า' ลงพื้นที่ภูเก็ต ชูนโยบายเชิงลึกหวังช่วยภูเก็ตโตยั่งยืน

(4 ต.ค. 65) ที่ จ.ภูเก็ต นายกรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย น.ส.อรทัย เกิดทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 และนายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 เข้าร่วมงานเทศกาลกินผัก เจี๊ยะฉ่าย พร้อมส่งพระในคืนนี้ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของประเพณีถือศีลกินผัก คึกคักมาตลอด 9 วันเต็ม มีนักท่องเที่ยวและชาว จ.ภูเก็ต เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ตนได้เดินทางมา จ.ภูเก็ตและเข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผัก มาตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ได้มีโอกาสเยี่ยมอ๊ามต่าง ๆ และร่วมในขบวนแห่ประเพณีถือศีลกินผัก เข้าสักการะอ๊ามหรือศาลเจ้า พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง 

โดยได้ถือโอกาสแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ขยัน มีความรู้ มีความสามารถ และ เป็นที่รู้จักของทุกคน ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของพรรคที่ต้องการเลือกคนที่มีความรู้มีประสบการณ์ และมีความมุ่งมั่นทุ่มเท และมีความตั้งใจ ที่จะนำประสบการณ์มาพัฒนา จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง ที่ผ่านมาว่าที่ผู้สมัครทั้ง 2 คน ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด 

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตนั้น อย่างที่ทราบจังหวัดภูเก็ตมีของดีมากมาย แต่ปัญหาที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้ของดีของภูเก็ตเป็นโอกาสของทุกคน เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ดังนั้นจึงต้องมีโอกาสในการบริหารจัดการภูเก็ตเอง เป็นพื้นที่เฉพาะด้านสำหรับเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลักคิดภูเก็ตจังหวัดจัดการตนเองแบบพิเศษ จำเป็นต้องทำเพราะระบบราชการประจำไม่ครอบคลุม การบริหารพื้นที่เพราะภูเก็ตมีปริมาณนักท่องเที่ยวและประชากรแฝงจำนวนมาก ในหลักเศรษฐศาสตร์แล้วจะนำระบบงบรายหัวของประชากรในพื้นที่มาจัดสรรอย่างเดียวไม่ได้ 

นายกรณ์ กล่าวย้ำว่า สำหรับการปกครองท้องที่ท้องถิ่นต้องคงไว้เหมือนเดิม และต้องพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้กำนันผู้ใหญ่บ้านมีเครื่องมือไว้ดูแลประชาชนครบถ้วนมากขึ้น แต่เรื่องของระดับผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องเป็นสิทธิของคนภูเก็ตที่จะได้เลือกเอง รวมไปถึงเรื่องของการบริหารจัดการงบประมาณที่ควรจะกลับมาให้คนภูเก็ตในสัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นธรรมเพียงพอกับรายได้ที่จังหวัดภูเก็ต

“แนวคิดนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์ของทางพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีต่อจังหวัดภูเก็ต และที่ผ่านมาได้ลงไปพบปะกับชาวบ้านในหลายพื้นที่ พบว่าทุกหมู่บ้านมีความหลากหลายในเรื่องของอาชีพ ภูเก็ตไม่ได้มีเฉพาะอาชีพด้านการท่องเที่ยว แต่ภูเก็ตยังมีอาชีพประมง อาชีพเกษตรกรรม เพราะฉะนั้นนอกจากจะส่งเสริมการท่องเที่ยว อาชีพเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลและพัฒนาด้วยเช่นกัน ในส่วนของรายละเอียดนโยบายนั้นเราจะนำเสนอให้อนาคตอีกครั้ง ซึ่งเรามั่นใจว่าแนวความคิดนโยบายจะสามารถทำให้ชาวภูเก็ตทุกคนมีความหวังในอนาคตของตนเอง” นายกรณ์ กล่าว

ผบ.ตร.สั่งตำรวจ เร่งช่วยเหลือประชาชน หวั่นการจราจรใน กทม.และปริมณฑล เป็นอัมพาต หลังฝนตกหนัก ขณะที่ต่างจังหวัด ตำรวจ ตชด. ออกช่วยชาวบ้านต่อเนื่อง

ผบ.ตร.สั่งตำรวจ เร่งช่วยเหลือประชาชน หวั่นการจราจรใน กทม.และปริมณฑล เป็นอัมพาต หลังฝนตกหนัก ขณะที่ต่างจังหวัด ตำรวจ ตชด. ออกช่วยชาวบ้านต่อเนื่อง 

วันที่ 3 ต.ค.65 เวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ตำรวจออกเร่งช่วยเหลือประชาชน หลังจากช่วงเย็นที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลหลายจุด ทำให้การจราจรติดขัด ตำรวจได้ออกอำนวยความสะดวกการจราจร ช่วยรถเสีย จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมรถยกรถที่กีดขวางจราจร เพื่อแก้ปัญหาการจราจร บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

ขณะที่ในต่างหวัด ผบ.ตร.ส่งตำรวจตะแวนชายแดนออกช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมต่อเนื่อง ในพื้นที่ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์  พื้นที่บ้านหาดคูเดื่อ และบ้านท่ากกแห่ ต.แจระแม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และพื้นที่ จ.เลย โดยช่วยขนย้ายทรัพย์สินของใช้ภายในครัวเรือนขึ้นสูง เพื่อความปลอดภัย และป้องกันทรัพย์สินเสียหายจากอุทกภัย พร้อมกับเรือท้องแบน ออกปฏิบัติงาน รับ-ส่ง ประชาชน นักเรียนเข้าออกหมู่บ้าน

'ผู้บัญชาการโอ๋' มอบนโยบาย ภ.7 สั่งกำชับเชิงรุก 18 มาตราการตาม ตร.กำหนด

เมื่อวันจันทร์ ที่ 3 ต.ค. 65 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานในการประชุม“มอบนโยบายการบริหารราชการของตำรวจภูธรภาค 7 ประจำปีงบประมาณพ.ศ.2566 และนำนโยบายผบ.ตร.,รอง ผบ.ตร.มาขับเคลื่อน”

โดยมี พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7,พร้อมด้วยผบก.ฯ, รอง ผบก.ฯ, ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ก่อนการประชุมได้แนะนำผู้บังคับบัญชาระดับ ผบก.ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งในสังกัด ภ.7 สำหรับในการประชุมได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติ ดังนี้...

1.กำชับการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ผบ.ตร. "เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน"

2.กำชับการดำเนินการนโยบายของผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ที่ได้มอบนโยบายการบริหารราชการฯ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565

3.เน้นย้ำทุกหน่วย เห็นความสำคัญ และเร่งรัดภารกิจเร่งด่วนตามนโยบาย ผบ.ตร. ได้แก่ ภารกิจเร่งด่วนเพื่อประชาชน, ปัญหายาเสพติด, ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

4.ยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ, ภารกิจเร่งด่วนเพื่อตำรวจ, สร้างความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่, สร้างขวัญกำลังใจ และดูแลสวัสดิการ, กำชับข้าราชการตำรวจทุกระดับปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลัก, เกาะติดพื้นที่, เกาะติดประชาชน, เกาะติดคนร้าย และ เกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชา,ยกระดับองค์ความรู้, ยกระดับวิธีคิด, ยกระดับบวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลยพินิจ, ทำงาน, ทำดี, ทำบุญ และ มีภาวะผู้นำ, Smart, Smile และ Strong

5.กำชับทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล, นายกรัฐมนตรี, ผบ.ตร.และรองผบ.ตร.โดยเคร่งครัด ต้องมีแผนปฏิบัติการทำงานเชิงรุกเป็นแผนยุทธการในแต่ละพื้นที่

6.กำชับหัวหน้าหน่วยทุกระดับรายงานเหตุซึ่งจะต้องรายงาน อย่าให้ล่าช้า

7.กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับควบคุม กำกับดูแลการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม อย่างเท่าเทียม ดูแลความสะอาด จัดระเบียบที่ทำการโดยเฉพาะห้องรับแจ้งเหตุให้จัดเป็น One Stop Serviice เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจ

8.กำชับหัวหน้าหน่วยลงพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหา ข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างตำรรวจ และประชาชน

9.ปรับเปลี่ยนแนวคิดการควบคุมดูแลผู้ใจผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่แค่ควบคุมควมประพฤติ แต่ต้องลงไปดูแลและสัมผัสถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างบวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา งานบริหารต้องดูว่ามีอะไรที่ทำโดยสุจริตแล้วมีรายได้เข้าหน่วย เพื่อจัดเป็นสวัสดิการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา

10.พัฒนาองค์ความรู้ข้าราชการตำรวจทุกสายงาน จัดให้มีการฝึกทบทวนยุทธวิธี และมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกสัปดาห์

11.ยกระดับการบริการประชาชน ต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที ยกระดับการให้บริการทั้งในและนอกสถานีตำรวจ เช่นการรออกตรวจเยี่ยมประชาชน และ แจ้งความคืบหน้าคดีแก่ผู้เสียหาย

12.เน้นย้ำทุกหน่วยให้ความสำคัญกับเรื่องร้องเรียน เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน เนื่องจากผู้เขียนเรื่องร้องเรียนคือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและยังไม่ได้รับการดูแล

13.การขับเคลื่อนทุกหน้างาน จะใช้ศปก.ภ.7เป็นตัวขับเคลื่อน โดยกำหนดให้มีการประชุมศปก.ภ.7 ทุกวันพุธ เวลา 09.00น. ให้รอง ผบช./ผบก./หัวหน้าสถานี เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง

14.ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องอยู่ในพื้นที่ ดำรงการติดต่อได้ตลอดเวลา หากออกนอกพื้นที่ต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง

15.หัวหน้าสถานีต้องตรวจสอบปจว./ข้อมูลการรับแจ้งเหตุทุกเช้า และนั่งหัวโต๊ะประชุม Morning Brief ทุกวันสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ทุกสายงานทราบข้อมูล

16.มอบหมายให้ รอง ผบก.แต่ละหน้างาน ควบคุม กำกับดูแล เร่งรัด ขับเคลื่อน ติดตาม สั่งการในหน้างานของตนเองเป็นประจำ

ผบ.ตร.ให้ ผบช.ภ.3 บำบัดทุกข์ บำรุงขวัญลูกเมียตำรวจสำโรงทาบ สุรินทร์ และ สภ.พิมาย ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมสูงที่พัก

ภายหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งตำรวจเร่งช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมให้ผู้บังคับบัญชาเร่งดูแลขวัญกำลังใจของครอบครัวตำรวจ ที่ได้ผลกระทบน้ำท่วมเช่นกัน 

ล่าสุด วันนี้ 3 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการตำรวจ สภ.สำโรงทาบ จว.สุรินทร์ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยนำสิ่งของ และเงินมามอบเยียวยาให้กับครอบครัวข้าราชการตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 44 ครอบครัว 

พร้อมทั้งเข้าไปตรวจเยี่ยมที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบ แม้จะมีสถานการณ์น้ำท่วม แต่ตำรวจยังปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือ และคุ้มครองชีวิตทรัพย์สินของประชาชน

ขณะที่ พล.ต.ต.อิทธิพล นาคคำ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เดินทางไปตรวจเยี่ยม เเละมอบถุงยังชีพ เพื่อบำรุงขวัญเเก่ข้าราชตำรวจ สภ.พิมาย ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมบ้านพักอาศัย เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ผ่านวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน

ทีมวิจัย รร.นรต. ส่งมอบผลผลิตการวิจัย แผนงาน 'เสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์' เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ให้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา ศรีภา รองศาสตราจารย์ อาจารย์ (สบ 5) หัวหน้าแผนงานวิจัย เปิดเผยว่า คณะผู้วิจัยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นำโดย ศาสตราจารย์ พลตำรวจโท ดร. วีรพล กุลบุตร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคณะผู้วิจัย จากคณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้แก่ รองศาสตราจารย์  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.ธีรวุฒิ นิลเพ็ชร์  ผู้วิจัย และ ร.ต.อ.หญิง พัชรา ต๊ะตา ร่วมกับผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์ คณะวิทยาการการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ตรีทิพย์ บุญแย้ม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ อาจารย์ดร. ฐิติมา เวชพงศ์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์  

โดยคณะจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ทำการส่งมอบผลผลิตจากการศึกษาวิจัยเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ ให้แก่ ผู้แทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ร่วมกับ ดร.โชติมา หนูพริก ผู้อำนวยการกลุ่มผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษ อาจารย์เอกสิทธิ์ ปิยะแสงทอง นักวิชาการศึกษาชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยผลผลิตจากการศึกษาวิจัยที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจดำเนินการส่งมอบให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ 

(1) รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง “การเสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์” (2) มาตรการสำหรับสถานศึกษาในการกำกับดูแลความปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน (3) มาตรการสำหรับสถานศึกษาเพื่อป้องกันการเสพติดเกมและภัยที่เกิดจากการเล่นเกมออนไลน์ของเด็กและเยาวชน และ (4) สื่อการเรียนรู้ออนไลน์สำหรับสถานศึกษาในการป้องกันและลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน

พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา  กล่าวว่า  ทั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ  เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญในการร่วมกันดูแลเด็กและเยาวชนไทยให้ปลอดภัยจากการใช้สื่อออนไลน์และรับมือกับเทคโนโลยีออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม 

โดยได้มีกำหนดแนวทางในการใช้ประโยชน์จากผลการศึกษาวิจัยของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในประเด็นที่สำคัญคือ การนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อการป้องกันและลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ไปขยายผลต่อในสถานศึกษาในสังกัด เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และทักษะที่สำคัญให้แก่ผู้เรียน 

รวมถึงส่งต่อทั้ง 2 มาตรการที่ได้จากการศึกษาวิจัยให้แก่กลุ่มงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปศึกษาและขับเคลื่อนขยายผล นอกจากนั้นยังได้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะขยายผลต่อยอดจากการศึกษาวิจัย ไปสู่การจัดอบรมเพื่อพัฒนาครูและนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ในการรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์

ซึ่งต่อมาคณะผู้วิจัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้นำผลผลิตจากการศึกษาวิจัยอีกส่วนหนึ่ง ได้แก่ (1) รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง “การเสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์” และ (2) มาตรการส่งเสริมเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ไปส่งมอบให้แก่ ผู้แทนจากสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้แก่ นายคมกริช ทรงแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจและส่งเสริมสถานประกอบกิจการ และ นางสาววจี ทางเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและสนับสนุนภาคประชาสังคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรม มีภารกิจสำคัญเกี่ยวกับการเฝ้าระวังการนำเสนอเนื้อหาของสื่อที่ไม่เหมาะสม ไม่ปลอดภัย ไม่สร้างสรรค์ และกระทบต่อศีลธรรมอันดี ซึ่งแม้หน้าที่ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551 ยังไม่ครอบคลุมไปถึงการควบคุมเนื้อหาเกมออนไลน์ แต่ในปัจจุบัน กระทรวงวัฒนธรรมอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าว 

พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้ผนวกเรื่องของการควบคุมเกมทั้งในลักษณะออนไลน์และออฟไลน์ คณะผู้วิจัยจึงเห็นว่ามาตรการที่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาวิจัย จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินงานที่ให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเล่นเกมออนไลน์และส่งเสริมให้เกิดเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และจะได้นำผลการวิจัยและมาตรการส่งเสริมเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยให้กับเด็กและเยาวชน ไปใช้ประโยชน์และขับเคลื่อนขยายผลต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกันกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ใกล้จะแล้วเสร็จ

สำหรับแผนงานวิจัย “เสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์” คณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) แบ่งเป็น 2 โครงการย่อยภายใต้แผนงาน ได้แก่ โครงการ “การบูรณาการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลความปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน” และโครงการ “การพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อสร้างมาตรการในการป้องกันและควบคุมผลกระทบทางลบจากเกมออนไลน์ในเด็กและเยาวชน” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์ ผลผลิตจากการศึกษาวิจัยประกอบด้วย...

(1) มาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน แบ่งเป็น 2 มาตรการที่เน้นการทำงานในลักษณะภาคีเครือข่าย ได้แก่ “มาตรการสำหรับสถานศึกษา” ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย สรุปเป็น พัฒนาครู-ส่งเสริมผู้เรียน-เข้าถึงครอบครัว-เฝ้าระวังเหตุ-ดูแลช่วยเหลือ และ “มาตรการทางกฎหมาย” ประกอบด้วย การปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ และการดำเนินการช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ที่เข้าข่ายกระทำผิดทางกฎหมาย 

(2) สื่อการเรียนรู้ออนไลน์สำหรับสถานศึกษาในการป้องกันและลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ มีลักษณะเป็น e-learning กึ่งเกม ประกอบด้วย 3 ด่าน ด่านแรกเป็นด่านสร้างความตระหนักถึงความรู้สึกของผู้อื่น ด่านที่สองเป็นด่านให้ความรู้ด้านการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และด้านกฎมาย ส่วนด่านที่สามเป็นด่านให้ตัดสินใจแก้ไขปัญหา 

(3) มาตรการส่งเสริมเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย ได้แก่ การควบคุมเนื้อหาเกมออนไลน์ให้เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน  การกำหนดแนวทางในการแสดงข้อมูลสำคัญแก่ผู้ใช้บริการควบคู่กับการให้บริการเกมออนไลน์ การติดตามตรวจสอบเนื้อหาเกมออนไลน์ที่ไม่สร้างสรรค์และไม่ปลอดภัย  การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตเกมออนไลน์สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน และการเฝ้าระวังและปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยคุกคามที่แฝงมากับเกมออนไลน์ 

(4) มาตรการป้องกันการเสพติดเกมและภัยที่เกิดจากการเล่นเกมออนไลน์สำหรับเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย สรุปเป็น ป้องกัน-ค้นหา-เฝ้าระวัง-เสริมคุณค่า-รักษาดูแล นอกจากนั้น ในกระบวนการศึกษาวิจัยของแผนงานวิจัย ยังทำให้เกิดการเสริมพลังทางสังคมเพื่อการรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์ โดยภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการวิจัย ตระหนักถึงประโยชน์ของมาตรการและสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาวิจัย และเห็นควรนำไปขับเคลื่อนขยายผลต่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. จับกุมขบวนการหลอกเหยื่อ บังคับค้าประเวณี ประเทศเมียนมา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. จับกุมขบวนการหลอกเหยื่อ บังคับค้าประเวณี ประเทศเมียนมา

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ผ่านมา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 16 ปี พร้อมผู้ปกครอง เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. (ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น) กรณี น.ส.เอ ถูกหลอกลวงให้เดินทางไปยังประเทศเมียนมา และถูกบังคับให้ค้าประเวณี  ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือและพากลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยในเวลาต่อมา โดยขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่หลอกลวง น.ส.เอ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ,ศพดส.ภ.จว.บุรีรัมย์ และ สภ.กระสัง เร่งสืบสวน ติดตามคดีนี้อย่างเร่งด่วน โดยได้ประสานความร่วมมือไปยังกองกำลังทหารประเทศเมียนมา เพื่อช่วยตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จนทราบว่าขบวนการดังกล่าวได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ เริ่มต้นจากการหลอกลวงเหยื่อให้มีความต้องการเดินทางไปทำงาน นำพาลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา และถูกบังคับค้าประเวณีในที่สุด เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องของหมายจับต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย...

1.น.ส.ณัฐฐิตา หรือออม  อายุ 29 ปี ที่อยู่ 68/1 ม.2 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นคนหลอกลวงให้เหยื่อไปทำงานที่ประเทศเมียนมา โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าข้ามธรรมชาติ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก

2.นายอาหลู่ผะ หรือไวน์ อายุ 44 ปี ที่อยู่ 56/22 ม.2 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สามีของ น.ส.ณัฐฐิตาฯ ทำหน้าที่เป็นคนนำพาเหยื่อลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา สามารถจับกุมได้ที่ ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง  ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้น เต็มใจไปด้วย” , “ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก หรือซึ่งได้กระทำแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี” , “บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการนำภาระหนี้ของบุคคลอื่นส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด” และ “ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”

3.น.ส.สุพัฒตา หรือกิ่ง  อายุ 23 ปี ที่อยู่ 198 ม.17 ต.หัวนาคำ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เป็นเจ้าของร้าน (KTV) ที่ประเทศเมียนมา บังคับเหยื่อค้าประเวณี โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าข้ามธรรมชาติ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก

ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ซึ่งถูกพราก ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย” , “ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก หรือซึ่งได้กระทำแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี” , “บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการนำภาระหนี้ของบุคคลอื่นส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด” และ “ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”

พฤติการณ์ในคดีนี้กล่าวคือ น.ส.ณัฐฐิตา หรือออม ฯ ผู้ต้องหา ได้ชักชวน น.ส.เอ ผ่านแอพพลิเคชั่น Line และ Facebook ให้ไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมาร์ โดยอ้างว่าจะได้เงินสัปดาห์ละ  50,000  บาท ทำประมาณ 2 เดือนจะมีเงินเก็บประมาณ 200,000 - 400,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จากนั้น น.ส.ณัฐฐิตาฯ ได้ให้นายอาหลู่ผะฯ ซึ่งเป็นสามี พา น.ส.เอ ลักลอบข้ามชายแดนในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ และนำไปส่งให้กับน.ส.สุพัฒตาฯ เจ้าของร้านอาหาร (KTV) หลังบ่อนการพนัน แจ็คดรากอนไนท์ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยน.ส.สุพัฒตาฯ ได้บังคับให้ น.ส.เอ ขายบริการทางเพศ น.ส.เอ จึงได้ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณา และได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กลับมายังประเทศไทยในที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top