Sunday, 15 June 2025
NEWS FEED

'นักร้องดัง' โพสต์แง่คิด!! การที่เราโง่นั้น ไม่ผิด!! แต่เมื่อโง่แล้ว ต้องยอมรับและศึกษาจากคนที่ฉลาดกว่าเสมอ

(5 ต.ค. 65) 'บิลลี่​ โอแกน'​ นักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลง ชาวไทยชื่อดัง​ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก​ ว่า... 

การที่เราโง่นั้น 'ไม่ผิด' เพราะเราไม่รู้ เราจึง 'โง่'

แต่เมื่อโง่แล้ว เราต้องยอมรับว่า คนที่ฉลาดกว่าเรานั้นมีมากมาย 

บางที เขาแค่มองดูเราเงียบ ๆ แล้วเห็นว่าเราโง่

เราจึงควรศึกษาจากคนที่ฉลาดกว่าเสมอ

และไม่ควรคิดว่าตนเองฉลาด เพราะเราอาจฉลาดในเรื่องโง่ๆ ก็เป็นได้


ที่มา: https://www.facebook.com/232705074832/posts/pfbid02zdQCvjA5hmEhtywfYmcRV5hdaqnyxZ1PcVt69aJbaDreRoP8KZhVa5HjfB1654PHl/

ส่งมอบหน้าที่ธงการบังคับบัญชา แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมย้ำมั่นใจจะเป็นกำลังหลักให้ ทบ.ปกป้องชาติ เทิดทูนสถาบัน และพัฒนาประเทศ

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 ที่กองทัพภาคที่ 3 พล.อ.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ รองเสนาธิการทหาร (แม่ทัพภาคที่ 3 ท่านเก่า) ส่งมอบหน้าที่ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 3 ให้แก่ พล.ท.สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 (ท่านใหม่) โดยมีพิธีลงนามเอกสารรับ - ส่ง หน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 3 และพิธีส่งมอบการบังคับบัญชา แม่ทัพภาคที่ 3 โดยมีผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 (นขต.ทภ.3) ร่วมพิธี ณ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก

พล.อ.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ รองเสนาธิการทหาร (แม่ทัพภาคที่ 3 ท่านเก่า) ได้กล่าวว่าสำหรับ แม่ทัพภาคที่ 3 ท่านใหม่ ท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณลักษณะผู้นำที่ดี อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ และปัญหาในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 อย่างแท้จริง จึงมีความเชื่อมั่นว่า ภายใต้การบังคับบัญชาและการบริหารงานของท่านจะสานต่อภาระหน้าที่อันสำคัญนี้ได้อย่างดียิ่ง ซึ่งจะทำให้กองทัพภาคที่ 3 ได้รับการพัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ตามลำดับในการปฏิบัติงานให้บังเกิดผลดีแก่ประเทศชาติต่อไป 

สอท.เปิดศูนย์บึงกุ่ม เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของประชาชนให้ดีขึ้น

วันพุธที่ (5 ตุลาคม 2565) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานภาคกรุงเทพฯ และทีมงานสร้างอนาคตไทย ได้ร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเขตบึงกุ่ม ซึ่งมีนายอัศวิน คูร์พิพัฒน์ เป็นผู้ประสานงานพรรคในพื้นที่

นายสุรนันทน์ กล่าวว่า นายอัศวิน เป็นทนายความ เป็นนักกฎหมาย และอยากจะใช้วิชาชีพที่ได้ร่ำเรียนมา ช่วยแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน จึงขอเสนอตัวเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่และพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 

'ทัพเรือ' ช่วยนทท.จีน 4 ชีวิตกลับฝั่งปลอดภัย หลังขาดการติดต่อ ขณะออกเรือตกปลากลางทะเล

เมื่อวันที่ (5 ต.ค. 65) ศปก.ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีเรือตกปลาขนาดเล็ก ชื่อ Sao ขาดการติดต่อเรือ ขณะออกไปตกปลาบริเวณเกาะราชาน้อย ตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันที่ (4 ต.ค. 65) ที่ผ่านมา ซึ่งปกติจะกลับเข้าฝั่งในเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันเดียวกัน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โดยพิกัดที่หายไปห่างจากหลักเทียบเรือ ทัพเรือภาคที่ 3 ประมาณ 33 ไมล์ทะเล หลังจากได้รับแจ้ง ศปก.ศรชล.ภาค 3 ได้ประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยค้นหาและช่วยเหลือ ได้แก่ ศคท.จ.ภูเก็ต, ตำรวจน้ำภูเก็ต, ทรภ.3, PIPO ภูเก็ต และเครือข่ายเรือประมง จ.พังงา พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือไปยัง MRCC เพื่อติดต่อเรือในบริเวณใกล้เคียงเพื่อทำการค้นหาและช่วยเหลือ

จากนั้นเวลา 22.28 น. นายพิเชษฐ์ ปานะพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ติดต่อมาทางโทรศัพท์ ร้องขอให้ทาง ศรชล.ภาค 3 จัดเรือขนาดใหญ่ออกทำการค้นหาและช่วยเหลือ โดยพล.ร.ท.อาภากร อยู่คงแก้ว ผอ.ศรชล.ภาค 3 ในฐานะ ผบ.ทรภ.3 ได้สั่งการให้ ศปก.ศรชล.ภาค 3 ประเมินสถานการณ์และเตรียมเรือออกทำการค้นหาและช่วยเหลือ

ย้อนประวัติศาสตร์สยาม ฝ่าพายุร้ายจากตะวันตกนับเกือบ 200 ปี พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงทำให้เกิดความเจริญ

'พล.ท.นันทเดช' ย้อนประวัติศาสตร์ 'ประเทศไทยในสถานการณ์สู้รบ' สยามฝ่าพายุร้ายจากตะวันตกนับเกือบ 200 ปี พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงตั้งรับไว้ได้ย่างเหมาะสม สยามจึงที่มีทั้งความสงบและเจริญ ในลำดับ 1 ของเอเซีย ซัดคณะราษฎรไม่ได้สร้างโครงสร้างพื้นฐาน ชิงอำนาจกันเอง จนเกิดเผด็จการทางสภา

(5 ต.ค. 65) พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ประเทศไทยในสถานการณ์สู้รบ ตอนที่ 1 มีรายละเอียดดังนี้

สยามฝ่าพายุร้ายจากตะวันตก ที่พัดกระหน่ำซัดใส่มานาน แสนนาน นับเกือบ 200 ปีแล้ว แต่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ทรงได้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ภูมิทัศน์ และแนวตั้งรับ ของประเทศไว้ได้ย่างเหมาะสม โดยทรงภารกิจ จัดวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เครื่องมือสนับสนุนการประกอบอาชีพ ให้ราษฎร และทรงคุ้มเกล้าให้กำลังใจ ความหวัง ร่วมทุกข์ร่วมสุข กับประชาชนตลอดมา

โดยเฉพาะในรัชสมัยอันยาวนานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทำให้คนไทยได้มองเห็น และเข้าใจถึง 'สิ่งดี ๆ' ที่เคยเกิดขึ้นในวันก่อน ซึ่ง 'สิ่งดี ๆ'เหล่านั้น จะอยู่มาจนถึงวันนี้ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่คนไทยหลากหลายวัยในยุคปัจจุบันนี้ ว่าจะช่วยกันรับมืออย่างไร เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามริดรอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทย ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ให้ลดน้อยลงไป เหลือเป็นเพียง 'สัญญลักษณ์' หรือ สาบสูญไป เพียงหวังอย่างเดียวว่า “ถ้าเป็นผลสำเร็จ พวกเขาจะซื้อขายประเทศไทย กันได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการเดินทางกลับประเทศไทย ของคนอีกกลุ่มหนึ่งก็จะง่ายขึ้นด้วย ”

นอกจากนั้น ก็ยังมีอีกหลายประเทศ ที่ไม่อยากให้ประเทศไทยเติบโตไปมากกว่านี้อีก เพราะจะส่งผลกระทบต่อ สถานภาพของประเทศพวกเขา จึงได้เข้ามาผสมโรง สนับสนุนคนกลุ่มนี้

เรียงความตอนที่ 1 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคม 2565

ตอนที่ 2 : เปรียบเทียบการใช้พระราชอำนาจของในหลวงรัชกาลที่ 5 และ ในหลวงรัชกาลที่ 6 กับการใช้อำนาจ ของรัฐบาล คณะราษฎร ว่าตรงส่วนไหนท่ีจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น

รัชสมัย ร.5 พระองค์ทรงใช้พระราชอำนาจอย่างเต็มที่หลายเรื่อง เพื่อปรับปรุงพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วที่สำคัญ คือ

(1) การกำหนดขอบเขตแผ่นดินสยาม (สยามไม่เคยมีเส้นเขตแดนชัดเจนมาก่อน)
(2) การเลิก ไพร่/ทาส
(3) การลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทุกด้าน (ตลอด 25 ปีของรัฐบาลคณะราษฎร ไม่เคยทำเรื่อง โครงสร้าง อย่างจริงจังเลย มาเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม เป็นครั้งที่2 แล้วก็เลยมาที่รัฐบาลลุงตู่ นี่แหละ เป็นครั้งที่3 น่าเศร้าใจไหมครับ)
(4) การปูพื้นฐานทางด้านประชาธิปไตย เช่น การเลือก กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน, การให้อำนาจตัดสินคดีแก่ศาล,การส่งนักเรียนทุนหลวงไปศึกษาต่างประเทศ ฯลฯ แต่นักเรียนทุนบางคนกลับมาทำปฏิวัติผู้ส่งไปเรียนเสียเอง รวมทั้งจับกุมนักเรียนทุนท่ีไม่เห็นด้วยไปขังคุก โดยตั้งศาลพิเศษ (ญี่ปุ่นซึ่งมีความเจริญไล่ๆกันกับไทย และมีรัฐธรรมนูญท่ีจักรพรรดิ์ มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ได้นักเรียนทุนกลับมาพัฒนาประเทศ เจริญก้าวหน้าไปกว่าไทย ทั้งท่ีส่งคนไปเรียนพร้อมๆกัน จำนวนคนไปเรียนก็พอๆกันประมาณ400คน)

ในรัชสมัย ร.6 พระองค์ ทรงหาทางแก้ไขการทำสัญญาทางการค้า ที่เสียเปรียบต่างชาติ ดังนั้นพระองค์ทรงใช้พระราชอำนาจ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ประกาศสงครามกับเยอรมัน ท่ามกลางคำคัดค้านของทหาร และขุนนาง เมื่อชนะสงคราม สยามก็ได้รับการค้ำประกันอิสรภาพ ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติ และได้รับการแก้ไข สัญญาที่ไม่เป็นธรรมทุกฉบับ รวมถึงการซื้อเครื่องบินจำนวนมาก กลับมาใช้ในราชการไทย ( จอมพล ป.เข้าร่วมกับญี่ปุ่น ประกาศสงครามโลกครั้งท่ี2กับประเทศกลุ่มพันธมิตร

โชคดี ที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ทูตไทย ประจำสหรัฐฯไม่ยอมรับคำสั่งรัฐบาล จัดตั้งกลุ่มเสรีไทยขึ้น และส่งคนไปจัดตั้งที่อังกฤษ เพิ่มขึ้นอีก ต่อมานายปรีดี ได้จัดตั้งขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นขึ้นในไทย ซึ่งได้กลายเป็นจุดประสานงานของกลุ่มเสรีไทย เมื่อสงครามจบ ไทยยกเอาเรื่องเสรีไทยขึ้นมาอ้าง สหรัฐฯยอมรับ แต่อังกฤษ จะเอาไทยเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ ประชาชนเดือดร้อนกันมาก ม.ร.ว.เสนีย์ ใช้ความเป็นทูตประจำสหรัฐฯ เจรจาจนสำเร็จแม้จะเสียเปรียบบ้างก็ตาม )

นอกจากนั้น ในหลวง ร.6 ยังทรงระดมสร้างโครงงานพื้นฐานของประเทศต่อจาก ร.5 จนสำเร็จหมดทุกโครงการจากการกู้เงินในตลาดการเงินยุโรปเพื่อนำมาลงทุน เพิ่มเติม รวม 5 ล้านปอนด์ เมื่อโครงงานเสร็จ การค้าขาย นาข้าว การขนส่งฯลฯ ก็เจริญก้าวหน้าขึ้น เศรษฐกิจเริ่มดีมากขึ้น รัฐบาลก็ทยอยได้รับเงินคืนมามากขึ้นเช่นกัน

ลำปาง-มทบ.32 ประกอบพิธีรับ-ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชา

ลำปาง-มทบ.32 ประกอบพิธีรับ-ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชา

เมื่อวันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2565 มณฑลทหารบกที่ 32 ประกอบพิธีรับ-ส่ง หน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ระหว่าง พลตรี อโณทัย ไชยมงคล  ส่งมอบการบังคับบัญชาอย่างเป็นทางการให้กับ พลตรีพรชัย นพรัตน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32  

ในการนี้ได้จัดให้มีพิธีสักการะ ศาลเจ้าพ่อดวงทิพย์และศาลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวค่ายสุรศักดิ์มนตรีเคารพนับถือ

ต่อจากนั้น เป็นพิธีสักการะอนุสาวรีย์จอมพลและมหามาตย์เอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี พิธีลงนามเอกสาร และพิธีรับ - ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชา โดยมี รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 คณะนายทหาร กำลังพลและ ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ พร้อมทั้งรองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านสึกเขตลำปาง ร่วมพิธี ณบริเวณหน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32

เชียงใหม่-การแข่งขันบาสเกตบอล 'ยูนนานคัพเชียงใหม่ 2022' ชิงถ้วยเกียรติยศ พร้อม เงินรางวัล

สมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันบาสเกตบอลชิงถ้วยเกียรติยศ พร้อม เงินรางวัล ในรายการ 'ยูนนานคัพเชียงใหม่ 2022'

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ณ ห้องประชุมรวงข้าว ชั้น 2 โรงแรมสมายล์ล้านนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายสุนทร ยามศิริ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นางศิโรรัตน์ ชัยศิริ นายกสมาคมชาวเชียงใหม่ เชื้อสายยูนนาน พร้อมด้วย นายสุพจน์ เจ้าวัฒนพงษ์ ประธานกลุ่มหนุ่มสาว สมาคมชาวเชียงใหม่ เชื้อสายยูนนาน นายวิภาส ยาวุฒิ คณะกรรมการ จัดการแข่งขัน นายมงคล วัฒนาศิลป์ ประธานฝ่ายเทคนิค ร่วมแถลงข่าว

นายวิภาส ยาวุฒิ คณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า สมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน นำโดยนายสุพจน์  เจ้าวัฒนพงษ์ ประธานกลุ่มหนุ่มสาวสมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงใหม่ โดย นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จัดแข่งขันบาสเกตบอลรายการ 'ยูนนานคัพ เชียงใหม่ 2022' ขึ้น ในระหว่างวันที่ 17 – 23 ตุลาคม 2565 ณ โรงยิมเนเซี่ยม 3 สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่

ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดี ระหว่างหมู่บ้านที่เป็น สมาชิกในสมาคมฯ ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ จังหวัดตาก รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั่วไป ในจังหวัดเชียงใหม่ จะได้รู้จักสมาคมชาวเชียงใหม่ เชื้อสายยูนนาน มากขึ้น พร้อมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมเยาวชนให้เล่นกีฬา และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกด้วย

การแข่งขันบาสเกตบอล ในรายการ 'ยูนนานคัพเชียงใหม่ 2022' เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทชายทีมหมู่บ้าน(แบบปิด) และ ประเภทประชาชนชายทั่วไป โดย ได้รับสมัครทีมร่วมการแข่งขันไปแล้ว เมื่อวันที่ 1-15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีทีมที่ร่วมการแข่งขัน ประเภทประเภทชายทีมหมู่บ้าน(แบบปิด) จำนวนทั้งสิ้น 13 ทีม จาก 13 หมู่บ้าน ใน 3 จังหวัด และ ทีมประชาชนชาย ทั่วไป จำนวนทั้งสิ้น 16 ทีม

ทางด้าน คุณสมบัติทีมและนักกีฬา ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ทางคณะผู้จัดการแข่งขันได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ดังนี้สำหรับทีมประชาชนชาย ทีมหมู่บ้าน ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ต้องส่งทีมในนามหมู่บ้านที่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ จังหวัดตาก เท่านั้น โดยสามารถส่งได้ หมู่บ้านละ 1 ทีม นักกีฬาทีมละไม่เกิน 12 คน และไม่น้อยยกว่า 7คน และต้องเป็นบุคคลที่มีภูมิลำเนาของหมู่บ้านต้นสังกัดเท่านั้น

และสำหรับ ทีมประชาชนชาย ทั่วไป ทีมเข้าร่วมการแข่งขันต้องใช้ชื่อทีม เป็นชื่อหน่วยงาน หรือชมรมกีฬา ที่มีความเหมาะสม นักกีฬาทีมละไม่เกิน 12 คน และไม่น้อยยกว่า 7คน ให้มีนักกีฬาต่างชาติ , นักกีฬาทีมชาติ, และนักกีฬาอาชีพ (TBL) ได้ 3 คน ลงแข่งขันได้ครั้งละ 2 คน โดย นักกีฬาทีมชาติ และ นักกีฬาอาชีพนับย้อนหลัง 5 ปีปลดล็อค (ปี พศ. 2560 , 2559 , 2558 เป็นต้นไป)


                               
ในด้าน กติกาและการตัดสิน จะใช้กติกาการแข่งขัน ซึ่งสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดใช้ในปัจจุบัน หรือ ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน เป็นผู้พิจารณาการแข่งขัน บาสเกตบอลรายการ 'ยูนนานคัพ เชียงใหม่ 2022' กำหนดพิธีเปิดการแข่งขัน ในวันที่ 17 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00 น. และกำหนดปิดการแข่งขันวันวันที่ 23 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00 น. ณ โรงยิมเนเซี่ยม 3 สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ 

'อลงกรณ์' ควงรักษาการผู้ว่าเพชรบุรีนำทีมชลประทานตรวจความพร้อมมาตรการปัองกันน้ำท่วมเพชรบุรี

พร้อมเดินหน้าเพชรบุรีโมเดลพัฒนาอาชีพเกษตรกรบางครกสร้างแบรนด์ 4 ผลิตภัณฑ์นำร่อง 'ไม้กวาด-เครื่องจักสาน-น้ำตาลมะพร้าว-ปลาสลิด'

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 10.00 น.นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำที่อ่างเก็บน้ำแก่งกระจานพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปจากนายมีชัย ปฏิยุทธ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแก่งกระจาน

จากนั้นจึงเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการติดตั้ง
เครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำที่สะพานวัดเขาตะเครา และประตูระบายน้ำคลอง ดี.26 มีนางวันเพ็ญ มังศรี รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ. นายชาญชัย อุ้มนุช นายก.อบต.บางครก นางบุษกร เอี่ยมเทศ รองนายก อบต. บางครก นายลม่อม เล็กสุก กำนันตำบลบางครก นายปริญญา คัชมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 นายสมเกียรติ แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรี นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี นางสาวศิริวรรณ เครือเล็ก เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี นายอาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี  และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ. ให้การต้อนรับและสรุปผลการดำเนินงานมาตรการป้องกันน้ำท่วมของชป.ที่14 โครงการชลประทานเพชรบุรีและโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี

โดยนายอลงกรณ์ได้กล่าวแสดงความห่วงใยพี่น้องจังหวัดเพชรบุรีและขอบคุณที่กรมชลประทานโดยการสนับสนุนของจังหวัดเพชรบุรีได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมล่วงหน้าตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่การบริหารจัดการต้นน้ำคืออ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน อ่างเก็บน้ำแม่ประจันต์และอ่างเก็บน้ำห้วยผากซึ่งมีความจุ 710 , 42 และ 25 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับโดยพร่องน้ำอยู่ที่ระดับ40-60%ของความจุเพื่อรองน้ำฝนที่จะตกชุกในเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายนซึ่งถือเป็นช่วงเสี่ยงที่จะเกิดน้ำหลากน้ำท่วมในจังหวัดเพชรบุรีรวมทั้งการขุดลอกผักตบกำจัดวัชพืชใน19คลองสายหลักและการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำบริเวณพื้นที่เสี่ยงและปลายคลองเพื่อผันน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด นับเป็นครั้งแรกที่มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายเดือน

หลังจากนั้น ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมด้วยรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีและคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกลุ่มทำไม้กวาดซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุในตำบลบางครกร่วมตัวกันผลิตไม้กวาดจากทางมะพร้าว และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มจักสานบางครก ก่อนไปเยี่ยมกลุ่มทำน้ำตาลมะพร้าว และกลุ่มเลี้ยงปลาสลิด

โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่าจะเร่งเดินหน้าเพชรบุรีโมเดลในพื้นที่ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลมเพื่อพัฒนาอาชีพสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรโดยการสร้างแบรนด์และขยายตลาดทั้งออนไลน์ออฟไลน์

โรงพยาบาลพญาไท 3 ก้าวสู่ปีที่ 26 อย่างมั่นคง ด้วยศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 โดย นพ.สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 เพชรเกษม 19 พร้อมด้วย  พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการแพทย์  คุณศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาดเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล  คุณณัฐชานันท์ นิธิโชติวรภัทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด คุณนิตยา กฤตธนเวท ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร คุณภาวิณี วัยปัทมะ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล

พร้อมแพทย์ พยาบาล พนักงาน ร่วมทำบุญ และบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในโอกาสครบรอบ 26 ปี ที่โรงพยาบาลก้าวอย่างมั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ป่วย ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ  ในปีนี้โดยการนำทัพโดย นพ.สุรพล โล่ห์สิรว้ฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล นำชาวพญาไท 3 ทำบุญรับพร เพื่อความเป็นศิริมงคลกันทั่วหน้า

ขอนแก่น - 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม

ขอนแก่น - 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม

นายกรัฐมนตรีลุยพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมือง โดยบางข่วงบางตอนได้มีการพูดคุยกับประชาชนที่มารอให้กำลังใจ บอกว่าให้ประชาชนรัก สามัคคี และเชื่อมั่นในรัฐบาล
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยที่ จ.ขอนแก่น และ  จ.อุบลราชธานี โดยนายกฯได้หยุดโบกมือทักทายประชาชนที่อยู่อาคารติดกับสนามบินด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งถือว่าเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่การเกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ว่า แบ่งเป็น 3 กรณีคือ น้ำเหนือ คือน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ 2 สาย มาบรรจบกันที่ลำน้ำชีเขตรอยต่อขอนแก่น มหาสารคาม ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเกินความจุของอ่างฯแล้ว น้ำนองคือน้ำค้างทุ่ง โดยเฉพาะฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ประมาณ 39% ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจเมืองขอนแก่นบริเวณบึงหนองโคตรและชุมชน

นายไกรสร กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนน้ำที่หนุน จากจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ซึ่งมีผลทำให้ขอนแก่นระบายน้ำได้ช้าลง โดยจังหวัดขอนแก่น ได้นำโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนจังหวัดขอนแก่น งบประมาณ 376 ล้านบาท เริ่มมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 สิ้นสุด โครงการเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งจะช่วยเสริมการระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดขอนแก่นว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้เป็นการมาตำหนิใคร แต่ต้องการมาช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และขอให้ทุกฝ่ายพยายามเยียวยาอย่างทั่วถึง ทั้งนี้แนวทางการแก้ปัญหามีแผนงานโครงการของทุกจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งหลายโครงการมุ่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2565 และบางโครงการมุ่งให้สำเร็จในปี 2566

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวย้ำว่า การระบายน้ำในพื้นที่และการพร่องน้ำต่างๆจะต้องบูรณาการไม่ให้เกิดผลกระทบกับ ประชาชน ซึ่งภาพรวมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่น้ำมาก บางพื้นที่น้ำน้อย ดังนั้นจะต้องมาพิจารณาหาแนวทาง เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกันในเรื่องของการกักเก็บน้ำ

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวอีกว่าถ้าหากยังมีฝนตกในปริมาณมากกว่าที่จะระบายน้ำได้ทัน ก็ยังจะมีปัญหาอยู่เช่นนี้ และไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากอะไรที่สามารถป้องกันได้ก็ให้ดำเนินการไป เช่น การปกป้องโรงพยาบาล พื้นที่เศรษฐกิจ แต่หากเรื่องไหนทำไม่ได้ก็ต้องหาวิธีการแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล อาหาร น้ำสะอาดและพื้นที่พักพิงสำหรับการแก้ปัญหาต้องสรุปและแบ่งเป็นกลุ่มในการเยียวยาให้ทั่วถึง เช่นกลุ่มเกษตรกร ภาคธุรกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ในฐานะนายกฯ และรัฐบาลได้สั่งการให้เตรียมการไว้นานแล้ว เพราะคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น จึงขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกคน ทุกเหล่าทัพ ดำเนินการให้เร็วที่สุดในทุกพื้นที่ รวมถึงขอความร่วมมือภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาช่วยในเรื่องของอาหาร อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยชาติช่วยประชาชน และนั่นคือสิ่งที่จะรวมพลังคนไทยทั้งหมด และจะสามารถแก้ได้ทุกปัญหา มากบ้างน้อยบ้าง เร็วบ้างช้าบ้าง นั่นคือประเทศไทยหากไม่ทำเช่นนี้ก็จะแก้ไขไม่ได้  ถือว่าไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเวลา 10.26 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เดินทางออกจากท่าอากาศยานขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ด้วยรถยนต์ทรานฟอร์เมอร์ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สีส้ม ทะเบียน 1 นข 4001 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปที่จุดสถานีสูบน้ำพลังงานไฟฟ้า บึงหนองโคตร เทศบาลตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น โดยจุดนี้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพื้นที่รอยต่อพื้นที่เศรษฐกิจเมืองขอนแก่นและมีหมู่บ้านจัดสรร บ้านเรือนประประชาชน ได้รับผลกระทบจำนวนมาก จากฝนที่ตกหนักจนน้ำจากบึงหนองโคตรระบายไม่ทันเอ่อนล้นเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนหลายพันหลังคาเรือน

ขณะที่นายชัชวาล ธีรภานุ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเป็ด ได้กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ รวมถึงสภาพปัญหาและข้อจำกัดในการระบายน้ำจากบึงหนองโคตรว่าได้เสนอแผนเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายน้ำให้มากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงช่องทางเดียวเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรณีเกิดฝนตกหนัก ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเบื้องต้น ทางเทศบาลตำบลบ้านเป็ดได้ระดมเครื่องสูบน้ำจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 4 อบจ.ขอนแก่น และเครื่องสูบน้ำระยะไกลของศูนย์ ปภ.เขต 6 เร่งพร่องน้ำออกจากบึงหนองโคตรให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้น มีประชาชนใกล้เคียงออกมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี โดยพลเอกประยุทธ์ ได้พูดคุยกับประชาชนว่าให้ประชาชนรัก สามัคคีกันเชื่อฟังคำแนะนำและการปฏิบัติ ที่สำคัญเชื่อมั่นในรัฐบาลแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่วัดเทพนิมิตวนาราม บ้านพรหมนิมิต หมู่ 4 ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น ต่อไป

สำหรับบรรยากาศการรอต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณโดยรอบบึงหนองโคตร จังหวัดขอนแก่น ได้มี จนท.ตำรวจนำกำลังจำนวนหลายร้อยนายทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตามเส้นทางเข้าออกทุกเส้นทางป้องกันม็อบ ขณะที่ อสม.นำดอกไม้มารอต้อนรับ ส่วนคนเสื้อแดงนำรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงพร้อมมวลชนจำนวนหลายคนมาโจมตีการทำงานของนายกฯ

บรรยากาศการเตรียมการรอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา ที่จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน พท.ที่จังหวัดขอนแก่น โดยจุดแรกที่นายกรัฐมนตรีจะลงตรวจเยี่ยมก็คือ ที่บริเวณโดยรอบบึงหนองโคตร บ้านคำไฮ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง ซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ และเป็นแก้มลิง รอรับน้ำจากแหล่งต่างๆ ของเขต อ.เมือง ที่จะไหลมารวมกัน ปีนี้ฝนตกหนักจึงทำให้น้ำล้นอ่างมาท่วมถนนสายรอบบึง และทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบของบึงหนองโคตรมานานหลายวันแล้ว

โดยการรักษาความปลอดภัย ของ จนท.ตำรวจนั้น ได้วางกำลังหลายร้อยนายไว้ตามจุดต่าง ๆ ของถนนเส้นทางเข้าออกบึงหนองโคตร โดยมีบรรดา อสม.ตำบลบ้านเป็ด ถือดอกไม้มารอต้อนรับและให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พร้อมฝาก ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีด้วยว่า เงินที่บอกว่าจะเพิ่มให้ อสม.เดือนละ 3,000 บาทนั้น เมื่อไหร่จะได้ ขอให้เห็นใจ อสม.ด้วย เพราะ อสม.คือด่านหน้าที่ทำงานให้กับทางราชการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top