Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

LANTA ซูเปอร์คอมฯพันธุ์ไทย สุดเจ๋ง! ติดอันดับ 70 ของโลก - อับดับ 1 อาเซียน

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ LANTA ของไทยติดอันดับ 70 ของโลก อันดับ 1 ในอาเซียน พร้อมเผยขณะนี้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีระดับโลก พร้อมทั้งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ซินโครตอน ดาราศาสตร์ โทคาแมค

(15 พ.ย. 65) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศข่าวดีว่า ผลการจัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสุดของโลก ซึ่งเพิ่งประกาศผลในวันนี้ พบว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตา (LANTA) ของกระทรวง อว. โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับการประเมินว่าเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอาเซียน” โดยเป็นอันดับที่ 20 ของทวีปเอเชีย และอันดับที่ 70 ของโลก มีประสิทธิภาพในการคำนวณที่สูงถึง 8.1 พันล้านล้านคำสั่งต่อวินาที ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยมีระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของโลก ซึ่งเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโนโลยีที่ต้องอาศัยการคำนวณขั้นสูงของประเทศไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลกแล้ว

รมว.อว. กล่าวต่อว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สนับสนุนการปฏิรูปอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการพัฒนาจัดระบบการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยในรูปแบบใหม่ ส่วนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ได้สนับสนุนการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนักวิจัยในระดับมาตรฐานโลก โดยในปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยมีความพร้อมอย่างมาก เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญ อยู่ในระดับโลก เรามีเครื่องซินโครตรอน กล้องดูดาวขนาดใหญ่ หอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุ และเครื่องโทคาแมค ซึ่งแต่ละสถานีวิจัยนั้นเป็นอันดับหนึ่งหรือเครื่องเดียวในอาเซียน และล่าสุดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของไทยก็ได้รับการจัดเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอาเซียนแล้ว”

ด้านศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตา หรือ LANTA เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย เป็นการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวง อว. ผ่านเครือข่ายซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ไทย (Thai SC) ซึ่งจัดตั้งที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. สำหรับการใช้งานของทุกหน่วยงาน เพื่อสนับสนุนนักวิจัยจากทั้งภาคการศึกษา มหาวิทยาลัย หน่วยงานจากภาครัฐ รวมทั้งส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในภาคเอกชนและอุตสาหกรรม และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีการคำนวณของไทยให้อยู่ในระดับนานาชาติ

ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตานี้สามารถใช้งานได้กับหัวข้อวิจัยที่สำคัญได้หลากหลาย ลดระยะเวลาการวิจัยที่ต้องคำนวณอย่างมากได้หลายร้อยเท่า เช่น การวิจัยการแพทย์แม่นยำ การวิจัยพัฒนายาชนิดใหม่ การออกแบบชุดตรวจวินิจฉัย การจำลองสภาพภูมิอากาศตามเวลาจริงโดยใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม การคำนวณออกแบบวัสดุใหม่ แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง การศึกษาการทำงานของชีวโมเลกุล และความหลากหลายทางระบบนิเวศวิทยาของไทย และในด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) อย่างรวดเร็ว โดยนำไปใช้ประโยชน์การบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจราจร การบริหารการสาธารณสุข หรือประมวลข้อมูลการกระจายรายได้ เป็นต้น

บช.ทท. รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสนับสนุน การปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้แก่ บุคคลสำคัญ และผู้เข้าร่วมประชุมพำนักในประเทศไทย

(15 พ.ย.65)  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจเยี่ยม ให้โอวาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญและกำลังใจ ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปฏิบัติหน้าที่ สายตรวจรถยนต์ สายตรวจจักรยาน สายตรวจรถพลังงานไฟฟ้า แบบ 2 ล้อ (Segway) และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ณ สวนลุมพิน กรุงเทพฯ 

โดยภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรับผิดชอบ มีรถยนต์โมบายประจำจุดที่กรุงเทพฯ บริเวณสวนลุมพินี จำนวน 1 คัน และรถโมบายเคลื่อนที่ประจำที่อยุธยาอีก 1 คัน รถยนต์สายตรวจ 34 คัน รถสายตรวจจักรยาน 42 คัน และรถเซคเวย์ 6 คัน รวมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสิ้น 153 นาย เพื่อใช้ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในบริเวณพื้นที่จัดการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตลอดจนสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆที่จะกระทบต่อความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ

รมว.สุชาติ รับข้อสั่งการ นายก มอบเงินทดแทนเยียวยาลูกจ้างประสบเหตุสูญเสียอวัยวะจากการทำงานกว่า 1.2 ล้านบาท

(15 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีขาดรายได้และสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการทำงานให้แก่ นายณัฐพล เดชเกศรินทร์ ลูกจ้างที่ประสบอุบัติเหตุขณะขับรถยนต์พุ่งชนกับแนวก่อสร้างที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ กล่าวว่า จากกรณีที่ นายณัฐพล เดชเกศรินทร์ อายุ 41 ปี ลูกจ้างซึ่งเป็นพนักงานขับรถยนต์ของบริษัท โชคอมร โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการประเภทขนส่งสินค้า ตั้งอยู่เลขที่ 502/541 ซอยเดชะตุงคะ 1 ถนนเดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ได้ประสบอุบัติเหตุขณะขับรถบรรทุกพุ่งชนแผงคอนกรีตที่ปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างถนนพระราม 2 ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร จนทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะขาข้างขวาขาดในระดับหัวเข่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเกิดเหตุญาติของนายณัฐพลได้มีการเจรจาตกลงค่าชดเชยและเยียวยาจากอุบัติเหตุดังกล่าวกับผู้รับเหมา โดยได้เรียกร้องเงินเยียวยา จำนวน 500,000 บาท แต่ผู้รับเหมาะเสนอจ่ายได้เพียง 200,000 บาท ทำให้ตกลงกันไม่ได้ จนนายณัฐพลและญาติร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังเพจเฟสบุ๊คของท่านนายกรัฐมนตรี และท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ

ซึ่งในเรื่องนี้ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและติดตามกำชับการเร่งช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายให้มีความเป็นธรรมและถูกต้อง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้รับเหมายอมจ่ายค่าเยียวยาแก่นายณัฐพลแล้วเป็นจำนวน 500,000 บาท และเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายณัฐพลและญาติจึงได้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าขอบคุณนายกรัฐมนตรีและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ให้การช่วยเหลือและแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียน จนในที่สุดได้รับเงินชดเชยเยียวยาตามข้อร้องเรียนดังกล่าว

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภค มูลค่า 2.2 ล้านบาท ลงพื้นที่แจกจ่ายในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมรวม 6 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 8-13 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ลพบุรี นครสวรรค์ และตาก รวม 6 จังหวัด  คิดมูลค่าเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งสิ้น 2,200,000 บาท (สองล้านสองแสนบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ  มูลนิธิฯ / สมาคม ประจำจังหวัดต่าๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อเป็นการฟื้นฟูหลังน้ำลดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ส่วนภูมิภาค รวม 16 จังหวัด รวมงบประมาณเครื่องอุปโภคบริโภคในการแจกจ่ายไม่ต่ำกว่า 5.1 ล้านบาท

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถประสานรายละเอียดการขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่  แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ โทร 02-225-0020  เวลา 08.30-16.30 น.

'ผู้พันเรย์' นำทหารตรวจปัสสาวะ เดินหน้ายุทธศาสตร์คนดี แก้ปัญหายาเสพติด

(15 พ.ย. 65) ณ กองบังคับการกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล  พันเอกเรวัตร เซ่งเข็ม ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 นำกำลังพลรวมแถวประจำสัปดาห์ โดยมีกิจกรรม เคารพธงชาติ, การสวดมนต์, บทสเจ ราชสวัสดิ์ กล่าวบทถวายเป็นพระราชกุศล และพระนามเต็มฯ อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ด้วยความพร้อมเพรียง หลังจากนั้นจะมอบหมายให้ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการชี้แจงและมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานแก่ นายทหาร, นายสิบ และ น้องๆ ทหารกองประจำการ ตลอดจนการฝึกทบทวนท่าเบื้องต้นให้กับกำลังพล 

ทั้งนี้ พันเอกเรวัตร เซ่งเข็ม ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 นำทีมนายทหารและกำลังพล ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เดินหน้ายุทธศาสตร์คนดี แก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เริ่มต้นจากบ้านตัวเอง สู่ชุมชน ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่สร้างเงื่อนไข รักษากฎและระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ซึ่งผลการตรวจตรวจกำลังพล ไม่พบสารเสพติด 

'อ.นิด้า' ทวงถามจริยธรรมสื่อดัง บิดเบือนกรณีปลากุเลา ชี้!! ทุกครั้งก็รับปากว่าจะแก้ไข แต่ก็ทำซ้ำเหมือนเดิม

เมื่อ (14 พ.ย. 65) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ได้ออกมาประณามช่อง ThaiPBS ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายเชฟชุมพล และประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC 2022 ด้วยการกุเรื่องว่า ‘ปลากุเลาเค็ม’ ที่ขึ้นโต๊ะอาหารผู้นำเอเปคไม่ได้มาจากตากใบ

โดยเป็นการนำเสนอหัวข้อข่าวชื่อ ‘จับโป๊ะ Soft Power 'ปลากุเลาเค็ม' ขึ้นโต๊ะผู้นำเอเปค ไม่ได้มาจากตากใบ’ ซึ่งเป็นการไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร้านขายอาหารทะเลกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ได้บทว่า “ไม่มีใครมาซื้อปลากุเลาไปใช้ในงาน APEC” 

แต่ความจริงซึ่งถูกเปิดเผยโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชเชอร์ลินสตาร์ ที่เป็นหนึ่งในทีมทำอาหารเลี้ยงผู้นำเอเปค ก็คือ ทางทีมเชฟได้ซื้อปลามาจากร้าน ‘ปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ’ ซึ่งอยู่ที่ 40/1 หมู่ที่ 3 ต.เจ๊ะเห อ.ตกใบ จ.นราธิวาส เบอร์โทรร้าน 086-9636422

ซึ่งทางร้านก็ได้ออกมาประกาศผ่าน Facebook ทางร้านว่า ร้านเป็นผู้จัดจำหน่ายปลากุเลาเค็ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาวของชุมชน โดยก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่มาซื้อปลากุเลาเค็มไป 1 ตัวเพื่อนำไปชิม และภายหลังมีการสั่งออนไลน์วันละหลายหมื่นบาทในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

หลังข้อมูลปรากฏชัดเจน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ได้ตั้งคำถามว่าไทยพีบีเอสทำแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าทีมข่าวเรียนจบวารสารศาสตร์และมีกอง บก.หรือไม่ ทำไมจึงพยายามสร้างเนื้อหาที่ไม่สมเหตุผล ด้วยการไปสัมภาษณ์ร้านที่ไม่ได้รับการติดต่อซื้อ แล้วไปสรุปว่า 'ไม่มีการซื้อจริง'

พร้อมระบุว่า ไทยพีบีเอส จะรับผิดชอบอย่างไรต่อชื่อเสียงของเชฟชุมพล และชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC และไทยพีบีเอสยังเคยทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง และทุกครั้งก็รับปากว่าจะแก้ไข แต่ก็ทำซ้ำเหมือนเดิมเรื่อย ๆ จนมาถึงครั้งนี้

สุดท้ายประชาชนเสียเงินภาษีปีละ 2,000 ล้านบาทเลี้ยงช่องไทยพีบีเอส ก็ควรได้ช่องข่าวที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ใช่ได้ช่องทีวีที่ผลิต Fake News 

ข้อความของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต

“จับโป๊ะ” ใครกันแน่? 

กรณีการลงข่าวนี้ ข่าวไทยพีบีเอสจะ 'จับโป๊ะ' รัฐบาล หรือว่าข่าวไทยพีบีเอส จะถูก 'จับโป๊ะ' เสียเอง? 

เนื้อหาข่าวไทยพีบีเอส เป็นการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการในพื้นที่ตากใบ 'บางคน' ที่ให้ข้อมูลว่าไม่เห็นรู้เรื่องว่ามีการซื้อปลากุเลาเค็มจากร้านใดร้านหนึ่งใน 9 ร้านที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ของจังหวัดไปเลย จึงสรุปได้ว่า ที่รัฐบาลโปรโมตว่าจะนำเอาปลากุเลาเค็มไปทำอาหารในการประชุมเอเปคนั้น 'ไม่จริง'

ซึ่งต่อมาเชฟชุมพล และรองโฆษกรัฐบาล ก็ออกมาให้ข้อเท็จจริงว่า เชฟชุมพลซื้อปลากุเลาเค็มมาจากตากใบจริง จากร้านป้าอ้วน เพราะเป็นร้านเดียวที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งต่อมาเฟซบุ๊กของร้านป้าอ้วนก็ออกมายืนยันว่ามีการสั่งซื้อไปจริง แต่ด้วยการที่ร้านขายจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าใครซื้อไปบ้าง (แล้วก็คงบอกกันไปในกลุ่มว่า ไม่รู้เรื่องที่ขายปลาเค็มไปทำอาหารเอเปค เพราะไม่เห็นมีใครมาติดต่อแจ้งอย่างนั้น)

ผมไม่แน่ใจว่านักข่าวที่ทำข่าวนี้ เรียนจบวารสารศาสตร์มาหรือไม่ หรือบก. ที่ตรวจข่าวนี้ (มีไหม) ใช้หลักการอะไรในการปล่อยให้ข่าวนี้ออกมาได้ แต่ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ ผมก็มีคำถามที่คนทั่วไปก็น่าจะสงสัยเหมือนกัน คือ ทำไมนักข่าวที่ทำข่าวนี้ถึง ... 

1.) เชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ด้วยคำบอกเล่าของร้าน (บางคน) ทำไมไม่คิดว่า คนที่ไปสัมภาษณ์นั้น เขารู้จริงหรือไม่ เข้าใจผิดหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนซื้อไปทำอาหารเอเปค การหาข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานนี่คือหลักการวารสารศาสตร์เบื้องต้นเลย

2.) ถ้าไม่แน่ใจว่าร้านค้าจะรู้ข้อมูลหรือไม่ ทำไมไม่ทำสิ่งที่ง่ายที่สุด ก็คือถามไปที่ต้นตน นั่นคือเชฟชุมพล หรือทางสำนักนายกก็ได้ ว่าซื้อจริงไหม ซื้อยังไง ใครซื้อ การหาข้อมูลจากอีกฝั่ง ก็เป็นหลักวารสารศาสตร์เบื้องต้นสุด ๆ เช่นกัน (ถ้าติดต่อไม่ได้ ก็ระบุไปว่ายังไม่ได้รับคำตอบ) 

แต่ไม่ครับ นักข่าวที่ทำข่าวนี้ ไม่ได้ทำทั้งสองข้อ แล้วก็ลงข่าวพร้อมพาดหัวเลยว่า 'จับโป๊ะ' ที่แปลว่า 'จับโกหก'

ผบ.ตร.ติวเข้ม กอ.ร่วมเอเปค เริ่มมีผู้นำเดินทางมา ภาพรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สั่งขยายการลงทะเบียนเข้าพื้นที่ถึง 19 พ.ย. 65 ย้ำต้องดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเต็มที่ 

วันนี้ (15 พ.ย.65) เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร การประชุมเอเปค 2565 เปิดเผยถึงผลการประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัย การบริหารจัดการจราจร และสถานการณ์การข่าวว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.กอ.ร่วมฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ตัวแทนกองบัญชากองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการประชุมเอเปค 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

โดยในวันนี้ จะมีเริ่มจะมีการเดินทางเข้ามาของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบางประเทศ สภาพการจราจรพบว่าในวันที่ 14 พ.ย. 65 ปริมาณรถจำนวนมาก เนื่องจากยังเป็นวันปกติที่ส่วนราชการและโรงเรียนยังเปิดปกติ แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี โดยทางตำรวจนครบาล ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพิ่มความเข้มในการดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน เพื่อให้มีผลกระทบต่อประชาชนในการเดินทางสัญจรให้น้อยที่สุด ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ ขยายเวลาการลงทะเบียนของผู้พักอาศัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 รายในพื้นที่ สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยได้เปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ อาหารหรือเอกสารต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณจุดตรวจและแสดงเอกสารหลักฐานเพื่อขอเข้าพื้นที่ได้เป็นราย ๆไป 

น่ายกย่อง!! หนุ่มวัย 24 ปีเสียชีวิต บริจาคอวัยวะมอบ 15 ชีวิตใหม่

ยกย่องคนจนผู้ยิ่งใหญ่ หนุ่มวัย 24 ปี รับจ้างตัดมะพร้าวอ่อน ชาวสมุทรสงคราม เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต บริจาคอวัยวะมอบ 15 ชีวิตใหม่ พ่อแม่เผย ลูกเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นแม้ครอบครัวจะมีฐานะยากจน 

14 พฤศจิกายน 2565 เพจมูลนิธิโรงพยาบาลราชบุรี โพสต์ข้อความ “บริจาคอวัยวะ สร้างกุศลผู้ให้ สร้างชีวิตใหม่ผู้รับ 1 ผู้ให้ ช่วยได้ 8 ชีวิต” เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงพยาบาลราชบุรี นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี ได้มอบหมายให้ คณะกรรมการ Service plan สาขาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะโรงพยาบาลราชบุรี เป็นตัวแทนมอบเกียรติบัตร ให้แด่ญาตินายอชิระ กัญญา ผู้บริจาคดวงตาให้ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย

โดยสภากาชาดไทยได้นำไปช่วยเหลือผู้ป่วยตามเจตนารมณ์แล้ว ส่วนกระดูกให้ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ ขอกุศลกรรมที่ได้บำเพ็ญเพื่อประโยชน์แก่ผู้ป่วย จงเป็นอานิสงส์ดลบันดาลให้ผู้อุทิศประสบความเกษมสุขในสัมปรายภพชั่วนิรันดร์ พร้อมกันนี้ ได้มอบพวงหรีดเคารพศพผู้วายชนม์ จากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย

ผู้ป่วยชายอายุ 24 ปี ประสบอุบัติเหตุจราจร ผู้ป่วยอยู่ในอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ถูกนำส่งตัวจากโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ส่งมายังโรงพยาบาลราชบุรีเพื่อเข้ารับการรักษา เมื่อมาถึงโรงพยาบาลราชบุรีพบว่าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บรุนแรงหลายระบบจึงได้เข้ารับการรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากอาการที่รุนแรง แพทย์ได้วินิจฉัยว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะสมองตาย 

ทั้งนี้ บิดามารดาและยายผู้เลี้ยงดูผู้ป่วยมาตลอดรับทราบอาการและเข้าใจถึงความรุนแรงที่ผู้ป่วยได้รับ โดย พว.ชุลีพร ทองแพรว พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมระบบประสาท 1 โรงพยาบาลราชบุรี จึงได้เจรจาเพื่อขอรับบริจาคอวัยวะ ดวงตามอบสู่สภากาชาดไทยเพื่อนำไปให้ผู้ที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยญาติตัดสินใจบริจาคเพื่อเป็นการสร้างบุญใหญ่ให้กับผู้ป่วยโดยในการนี้ได้จัดเก็บดวงตามอบสู่สภากาชาดไทย และกระดูกมอบสู่ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ

ขอเชิดชูเกียรติ แด่นายอชิระ กัญญา และครอบครัวที่ได้ร่วมสร้างบุญใหญ่ มอบอวัยวะเพื่อส่งต่อไปยังผู้รอคอยอวัยวะอย่างทุกข์ทรมาน ซึ่งในการนี้ยังได้เป็นอาจารย์ใหญ่ในการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ ความดีที่ไม่สิ้นสุด คือการบริจาคร่างกายและอวัยวะเมื่อยามสิ้นสูญ

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลราชบุรี ได้จัดแถลงข่าวและยกย่องครอบครัวของ นายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ โดยมีนายรณภพ เหลืองไพรโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนายกเหล่ากาชาดราชบุรี พร้อมด้วยนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี แพทย์หญิงปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี และคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งกระดูก พร้อมด้วย นางสมพร แสงสี อายุ 60 ปี และ นายเฉลิม กัญญา อายุ 65 ปี ชาวบ้าน ต.นางตะเคียน อ.เมือง สมุทรสงคราม พ่อและแม่ของนายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ ร่วมกันแถลงข่าว ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลราชบุรี โดยมีสื่อมวลชนจากหลายสำนักร่วมทำข่าว

นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ อายุ 24 ปี อาชีพรับจ้างตัดมะพร้าวอ่อนในพื้นที่ วัดหลักห้า ต.ประสาทสิทธิ์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี มีภูมิลำเนาอยู่ ม.6 ต.นางตะเคียน อ.เมือง สมุทรสงคราม ได้รับอุบัติเหตุทางจราจร ญาติได้นำตัวส่งมาทำการรักษาที่ รพ.ดำเนินสะดวก

โดยผู้ป่วยอยู่ในอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงถูกนำส่งตัวจากโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ส่งมายังโรงพยาบาลราชบุรีเพื่อเข้ารับการรักษา เมื่อมาถึงโรงพยาบาลราชบุรีพบว่าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บรุนแรงหลายระบบ แพทย์ได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรง ร่างกายของนายอชิระ ไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ ทีมแพทย์ได้ลงความเห็นว่านายอชิระ เสียชีวิตแล้วด้วยภาวะสมองตาย สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้นายอชิระ เคยแจ้งไว้กับคุณพ่อและคุณแม่ ว่าตนได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้กับทางโรงพยาบาล หากตนเสียชีวิตก็ขอบริจาคอวัยวะที่ยังใช้งานได้ให้กับผู้อื่นนำไปใช้ต่อ เพื่อเป็นการทำคุณประโยชน์และสร้างบุญกุศลครั้งสุดท้ายในชีวิต หลังแพทย์ทางโรงพยาบาลราชบุรี ได้แจ้งให้กับทางญาติได้ทราบ คุณพ่อคุณแม่จึงตัดสินใจแจ้งต่อแพทย์ ขอบริจาคอวัยวะของนายอชิระทั้งหมด เพื่อทำตามเจตนารมณ์ของลูกชาย

โรงพยาบาลราชบุรีได้ร่วมประสานงานกับสภากาชาดไทย และศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ ทำการผ่าตัดส่งมอบอวัยวะ ที่ยังใช้งานได้ คือดวงตาทั้ง 2 ข้าง เนื้อเยื่อ ผิวหนัง และกระดูกอีกจำนวน 12 ชิ้น เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งกระดูก ได้จำนวน 15 ราย

ผู้บริหารโรงพยาบาลราชบุรี ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลราชบุรี และเจ้าหน้าที่ทุกคนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว และขออนุโมทนาบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของนายอชิระ กัญญา ที่ท่านมีจิตเมตตาเสียสละบริจาคอวัยวะเป็นทานในครั้งนี้

พร้อมกันนี้ นายรณภพ เหลืองไพรโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนายกเหล่ากาชาดราชบุรี ได้มอบเงินสดส่วนตัวจำนวน 4 พันบาท ให้กับพ่อและแม่ของนายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ เพื่อเป็นค่าเช่าที่บ้านที่ทางครอบครัวต้องจ่ายให้กับทางเจ้าของที่ที่ให้เช่าที่สำหรับปลูกบ้าน พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณยกย่อง นายอชิระ กัญญา ในการบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ในครั้งนี้

ส่วนทางด้าน นายเฉลิม กัญญา และนางสมพร แสงสี พ่อและแม่ของ นายอชิระ กล่าวว่า ครอบครัวรู้สึกดีใจที่ การบริจาคร่างกายของลูกชาย เพื่อนำอวัยวะที่สามารถใช้ได้นำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อีก 15 คน เป็นไปตามความประสงค์ของลูกชายที่ได้พูดไว้เมื่อครั้งยังชีวิต แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจที่สูญเสียลูกชายซึ่งเป็นที่รักของครอบครัว ลูกชายของตนเป็นคนดี คนขยันทำมาหากิน และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ตั้งแต่เล็กลูกชายจะอยู่กับพ่อและแม่ตลอด จนเขาทำงานก็ยังขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ทำงานในอำเภอดำเนินสะดวก ราชบุรี กลับมาที่บ้านพักในจังหวัดสมุทรสงครามทุกวัน

ก่อนหน้าที่ลูกจะตาย ทางแม่ได้มีรางสังหรณ์นอนฝันถึงลูกชายว่ามีเลือดเต็มใบหน้าและนอนคว่ำลงกับพื้นมีเลือดไหลนอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะมาเล่าให้ลูกฟังเพราะลูกบอกว่าแม่ชอบคิดมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นเรื่องจริง และยังบอกอีกว่า “ร่างกายไม่ใช่ของเรา ให้โรงพยาบาลเขาไป เอาไปช่วยเหลือคนอื่นได้”
 

‘พี่เบิร์ด’ เตรียมร้องเพลงงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำ APEC ฟาก ‘บัวขาว’ เตรียมโชว์ 'ไหว้ครู-ท่ามวยไทย' ให้สื่อรับชม

ไม่นานมานี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงสิ่งของที่ระลึกในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC สำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจและคู่สมรส รวมทั้งหมด 7 ชิ้น

นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 17 พฤศจิกายนในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่หอประชุมกองทัพเรือ จะมีกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือด้านนอกจะมีการแสดงโขน หนังใหญ่ การแสดงพื้นบ้าน การสาธิตทำขนมไทย การละเล่น นอกจากนี้ ยังจะประดับบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยกระทงขนาดใหญ่ เรือไฟ และกระทงสาย

ทั้งนี้ สำหรับการแสดงด้านในงานเลี้ยงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการขับร้องและบรรเลงดนตรี ซึ่งได้เชิญนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคนมาร่วมร้องเพลง ทั้งเพลงพระราชนิพนธ์ เพลงไทย เพลงสากล เช่น พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งจะมาขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ แผ่นดินของเรา และ รัดเกล้า อามระดิษ

เลขาธิการ ศรชล. ปฐมนิเทศกำลังพล ย้ำ 7 ศร รวมพลังหนึ่งเดียว สนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เลขาธิการ ศรชล.ปฐมนิเทศกำลังพล ศรชล. ย้ำ 7 ศร รวมพลังหนึ่งเดียว สนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มอบนโยบาย 3 ด้านเพิ่มสมรรถนะ ทีมโกอินเตอร์ปราบค้ามนุษย์ดีขึ้น Tier2 - ยึดโปร่งใสเป็นธรรม

(14 พ.ย. 65) พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (รอง ผอ.ศรชล.) มอบหมายให้ พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือและเลขาธิการ ศรชล. เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการปฐมนิเทศกำลังพล ศรชล.และรับมอบนโยบายการปฏิบัติงานของ ศรชล. ประจำปี งบประมาณ 2566 

โดย พลเรือตรี วิฉณุ ถูปาอ่าง ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนความมั่นคงทางทะเล ศรชล. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงานราชการ ศรชล. ผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ศรชล. ทั้ง 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงแรม บางแสนเฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน  

พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เลขาธิการ ศรชล. ได้กล่าวเปิดการปฐมนิเทศฯ โดยมอบนโยบายของ รอง ผอ.ศรชล. ประจำปีงบประมาณ 2566 แก่กำลังพล ศรชล. ประกอบด้วยนโยบายหลัก 3 ด้าน 3 หมุดหมาย อาทิ ด้านแผนและนโยบาย จัดทำแผนแม่บท ศรชล. รองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติและพัฒนา ศรชล. อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนากลไก การขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในทุกมิติ การพัฒนาแนวทางการประชาสัมพันธ์ และการสร้างความตระหนักรู้ โดยกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล   

ด้านการฝึกอบรมและบังคับใช้กฎหมาย มีการฝึกอบรมกำลังพลในหลักสูตรต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการ ยกระดับการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานสากล พัฒนาแนวทางในการปราบปรามการค้ามนุษย์ในแรงงานภาคประมงของประเทศไทย คงเทียบเท่าหรือดีกว่าระดับบัญชี 2 หรือ Tier 2 ในรายงาน TIP Report ของกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา และร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมในด้านที่เกี่ยวข้องกับ ศรชล. รองรับการตรวจประเมินจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทั้งนี้ ยังให้ความสำคัญกับการประเมินผลและทบทวนการปฏิบัติงาน โดยวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดแนวทางแก้ไข เพื่อถอดบทเรียนที่มีคุณค่า (Best practice) จัดทำเป็นคู่มือการปฏิบัติงาน และด้านธุรการ มุ่งเน้นสร้างความโปร่งใส และเป็นธรรม ในการจัดซื้อจัดจ้างที่ยึดผลประโยชน์สูงสุดในการช่วยเหลือประชาชน มีเครื่องแบบปฏิบัติงานที่แสดงถึงความเป็นเอกภาพ ในการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 ให้เป็นแนวทางเดียวกับนานาชาติ  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top