Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

ผบ.ตร.มอบรางวัลให้พลเมืองดี และตำรวจนาจอมเทียน ช่วยเหลือเด็กหญิงสาวถูกลักพาตัว รวมถึง สวป.มักกะสัน เจรจาต่อรองหนุ่มพม่า จะกระโดดสะพาน ในโครงการ 'ทำดี มีรางวัล'

(16 พ.ย. 65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบรางวัลโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' 2 ราย รายแรกเป็นกรณี พลเมืองดี และตำรวจ เข้าช่วยเหลือ ด.ญ.วัย 13 ปี จากการถูกลุงแท้ ๆ กำลังพาไปกระทำอนาจาร ส่วนอีกราย สวป.มักกะสัน เกลี่ยกล่อมหนุ่มชาวเมียนมาที่พยายามจะกระโดดสะพานยกระดับฆ่าตัวตาย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า กรณีปรากฎคลิป 2 เหตุการณ์ จนมีกระแสชื่นชมการปฏิบัติงานของตำรวจ และพลเมืองดีในสื่อสังคมออนไลน์นั้น 

กรณีแรก เมื่อวันที่ 12 พ.ย.65 เวลาประมาณ 15.00 น. นายสุขุม ผาติเสนะ อายุ 25 ปี พลเมืองดี ขณะขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาประสบเหตุเด็กหญิงวัย 13 ปี ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มีชายสูงวัยอายุราว 50 ปี เป็นผู้ขับขี่ เด็กหญิงได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” บริเวณถนนชุมชนยายร้า อ.บ้านฉาง จว.ระยอง จึงได้โทรศัพท์แจ้งเหตุ 191 พร้อมกับขับขี่รถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จากนั้นได้มี ส.ต.ต.พีรพัฒน์ เอี่ยวศิริ และ ส.ต.ต.สุรศักดิ์ ชัยชุมพร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาจอมเทียน สายตรวจรถจักรยานยนต์ สภ.นาจอมเทียน จว.ชลบุรี เข้าระงับเหตุติดตามสกัดจับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว และขับขี่ประกบกับคนร้ายได้ รวมระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร โดยขณะคนร้ายลดความเร็วเพื่อกลับรถหลบหนี เด็กหญิงจึงใช้จังหวะดังกล่าวกระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ แล้ววิ่งหลบไปพักอยู่ในรถกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้ขับไล่ติดตามคนร้ายต่อไป และพยายามจะสกัดรถของคนร้าย จนเฉี่ยวชนกันทำให้รถจักรยานยนต์สายตรวจเสียหลักคว่ำไป เป็นเหตุให้ตำรวจสายตรวจทั้ง 2 นาย ได้รับบาดเจ็บแต่คนร้ายสามารถประคองรถ แล้วขับหลบหนีต่อไปได้  ปัจจุบันเด็กหญิงได้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว จว.ระยอง ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

จากเหตุการณ์ดังกล่าว สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของนายสุขุม ผาติเสนะ พลเมืองดี ส.ต.ต.พีรพัฒน์ เอี่ยวศิริ  และ ส.ต.ต.สุรศักดิ์ ชัยชุมพร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาจอมเทียน สมควรได้รับการเชิดชูเกียรติ ยกย่องสรรเสริญ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตำรวจและสังคม

'บช.น.' แจ้งหลีกเลี่ยงเส้นทางในการประชุมเอเปค วันที่ 17 พ.ย.2565 เวลา 18.00 น. – 20.00 น.และ เวลา 21.00 น. – 23.00 น.


​​

​​พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ 
รอง ผบช.น./รอง โฆษก บช.น. ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนทราบ ตามที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบภารกิจการรักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรให้แก่ผู้นำประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติในการจัดการจราจรดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องปิดการจราจร ในวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. 2565 เวลา 18.00 น. – 20.00 น. และ เวลา 21.00 น. – 23.00 น. ในบางเส้นทาง และบางช่วงบางเวลา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชน จึงแจ้งมาเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมและวางแผนการเดินทาง ดังนี้ 
1. เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ  
1.1) เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4-2
1) ถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ - แยกเพลินจิต )
2) ถ.สุขุมวิท (แยกเพลินจิต – ซอยสุขุมวิท 22 )
3) ถ.ราชดำริ (แยกราชประสงค์ – แยกศาลาแดง)
​4) ถ.วิทยุ (แยกเพลินจิต - แยกวิทยุ)
​5) ถ.รัชดาฯ (แยกอโศกมนตรี – แยกพระราม4)
6) ถ.พระราม4  (แยกศาลาแดง - แยกพระราม 4)
7) ถ.สาทร (แยกวิทยุ - แยกนรินธร )
1.2)  เส้นทางที่ได้รับผลกระทบ (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนยมราช
1) ถ.เพชรบุรี (แยกอุรุพงษ์  - แยกยมราช )
2) ถ.พิษณุโลก (แยกยมราช – แยกสวนมิสกวัน )
3) ถ.ราชดำเนินนอก (แยกสวนมิสกวัน – แยกจปร.)
4) ถ.วิสุทธิกษัตริย์​
​5) ถ.อรุณอัมรินทร์ (ตลอดสาย)
6) สะพานพระราม 8

1.3) เส้นทางทางด่วน
​1) ทางขึ้นด่วนสุรวงศ์ ​​​5) ต่างระดับพญาไท – ต่างระดับมักกะสัน
 ​2) ทางลงด่วนสีลม ​​​6) ทางขึ้น/ลงด่วนเพลินจิต
 ​​3) ทางลงด่วนอุรุพงษ์ ​​​7) ทางขึ้น/ลงด่วนพระราม 4/2
​​4) ทางขึ้น/ลงด่วนยมราช

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากสถาบันวิทยสิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564

เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.65) - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี ประจำปี 2564 จำนวน 30 คน โดยแบ่งเป็นระดับปริญญาเอก จำนวน 26 ราย และระดับปริญญาโท จำนวน 4 ราย และพระราชทานทุนการศึกษา ‘ศรีเมธี’ ให้กับนิสิตที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมจากสถาบันฯ จำนวน 4 ราย รวมทั้งพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 5 โดยนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีสถาบันวิทยสิริเมธี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมกับคณะผู้บริหารและพนักงาน กลุ่ม ปตท. เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรผลงานทางวิชาการและงานวิจัยของสถาบันวิทยสิริเมธี ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ งานวิจัยทางด้านระบบปัญญาและหุ่นยนต์ (Al and Robotic) งานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน การพัฒนาแบตเตอรี่และวัสดุคุณภาพสูง (Energy Materials & Environment) และงานวิจัยพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการเพิ่มมูลค่าขยะอินทรีย์ อนึ่ง สถาบันวิทยสิริเมธี ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อร่วมกันสร้างนักวิจัย พัฒนางานวิจัยที่มีศักยภาพไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และสร้างคุณค่าให้แก่สังคม อันเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของสถาบันฯ 

ต่อมาทรงเป็นประธานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สถาบันวิทยสิริเมธี และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) พื้นที่ประมาณ 88 ไร่

เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ให้เป็นเครื่องมือที่มีพลานุภาพ เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่องานวิจัยทางด้านการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และด้านอื่น ๆ โดยเครื่องกำเนิดแสงที่จะจัดสร้างนี้ มีค่าระดับพลังงาน 3 GeV และใช้เทคโนโลยี Double Triple Bend Achromat (DTBA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แสงซินโครตรอนมีความสว่างจ้ามากกว่าเดิม 1 ล้านเท่า และรองรับระบบลำเลียงแสงได้สูงถึง 22 ระบบ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านงานวิจัยได้หลากหลาย

จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารปฏิบัติการวิศวกรรม (Fabrication Center) ซึ่งเป็นห้องทดลองสำหรับนักเรียนในการสืบค้นข้อมูลและพัฒนาต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ตามแนวคิดของตนเอง พร้อมทรงติดตามความก้าวหน้าและความยั่นยืนของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ โดยมี 

รองศาสตราจารย์ ดร.บุญโชติ เผ่าสวัสดิ์ยรรยง ผู้อำนวยการโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กราบบังคมทูลรายงาน ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินไปยัง ‘ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา’ ซึ่งเป็นแหล่งการเรียนรู้สำคัญในการพัฒนาภาพลักษณ์ของเกษตรกรไทยยุคใหม่ ให้เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจและยั่งยืน โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. และ นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที ดิจิทัล โซลูชั่น จำกัด ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือและแพลตฟอร์ม ‘สวนสมรม’ ที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบการเกษตร

ต่อมาทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนลานใจบ้าน สถาบันวิทยสิริเมธี โดยมีนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ และนำเสนอนิทรรศการโครงการด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม ผลงานของ ปตท.สผ. ร่วมกับพันธมิตร ที่จะช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านแนวคิด EP Net Zero 2050 ของ ปตท.สผ.

อบจ.สุโขทัย ร่วมกับ สปสช. สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องช่วยทางการแพทย์ ให้ รพ.สุโขทัย พร้อมดูแลผู้ป่วย-ผู้พิการ-ผู้สูงอายุ ในพื้นที่

นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย และประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.สุโขทัย เป็นประธานในพิธีโครงการจัดหาอุปกรณ์และจัดบริการยืม-คืนอุปกรณ์ เครื่องช่วยความพิการ โรงพยาบาลสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อให้ผู้ป่วยระยะกึ่งเฉียบพลัน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ได้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพตนเอง ลดปัญหาการพึ่งพิง ลดภาวะแทรกซ้อน ที่สำคัญส่งเสริมให้ผู้ป่วยเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

ทั้งนี้ อบจ.สุโขทัย ร่วมกับ สปสช. ในนามกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดสุโขทัย สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 660,200 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสุโขทัย จัดหาอุปกรณ์เครื่องช่วยทางการแพทย์ เช่นรถนั่งผู้พิการชนิดพับได้ ที่นอนลม เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องช่วยฝึกเดิน เตียงผู้ป่วยพร้อมเบาะ และเสาน้ำเกลือ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ให้ผู้ที่มีปัญหาการพึ่งพิง ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นกำลังใจและสร้างความมั่นใจในการดำรงชีวิต

'กองทัพเรือ' แถลงข่าวเตรียมกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ 'องค์บิดาของทหารเรือไทย'

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. กองทัพเรือจัดงานแถลงข่าว เตรียมจัดกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการแถลงข่าว ร่วมด้วย นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร , พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์ ประธานมูลนิธิกรมหลวงชุมพรหาดทรายรี และ พลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด รองเสนาธิการทหารเรือ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา ถ.อรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

ด้วยวันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กองทัพเรือได้เทิดพระเกียรติและขนานนามพระองค์เป็น 'องค์บิดาของทหารเรือไทย' และกำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น 'วันอาภากร' โดยในวันที่19 พฤษภาคม 2566 นี้ จะเป็นวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี กองทัพเรือ จึงกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านในส่วนของกองทัพเรือ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2565 ถึง 19 พฤษภาคม 2566 ประกอบด้วย

1. กิจกรรมร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์นำเข้าสู่การจัดกิจกรรม 100 ปี วันสิ้นพระชนม์ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยมีการจัดพิธีเปลี่ยนธงราชนาวี เปลี่ยนธงพระยศ การติดตราสัญลักษณ์ '100 ปี วันสิ้นพระชนม์ฯ' กิจกรรมแปรขบวน และถ่ายภาพกำลังทางเรือ และกิจกรรมร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์ ในพื้นที่หลัก ณ เขาแหลมปู่เจ้า อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ร่วมกับพื้นที่อื่น ๆ ของ ทร. และพื้นที่ ศรชล.จังหวัดทั้ง 23 จังหวัด พื้นที่ที่มีศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ ตั้งอยู่ 

2. กิจกรรมเทิดพระเกียรติวันคล้ายวันประสูติ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยมีการทำบุญตักบาตร กิจกรรมจิตอาสาบูรณะศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ กิจกรรมบริจาคโลหิต กิจกรรมบริการประชาชน กิจกรรมหน่วยแพทย์หมอพรเคลื่อนที่ กิจกรรมแสดงดนตรี กิจกรรมแสดงแสงสีเสียง โดยจัดขึ้น ณ บริเวณหนองตะเคียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

3. กิจกรรมกองทัพเรือเพื่อประชาชน (CSR) ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ จำนวน 5 ครั้ง ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 2 ทัพเรือภาคที่ 3 กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง โดยจัดหน่วยแพทย์หมอพรเคลื่อนที่ทั้งทางบกและทางน้ำ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารเรือ และการจัดนิทรรศการแสดงพระประวัติฯ 

4. การปรับปรุงบูรณะศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เปลี่ยนธงราชนาวี และธงพระยศ 270 ศาล ทั่วประเทศ

'พระเกจิสายกรรมฐาน' ร่วมพิธีตรึงหมุดมณฑป ครอบครัว 'จิรรัตน์จรัสธร' ร่วมสร้างถวายอดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเชียงใหม่ 'หลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ'

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ผู้บริหาร บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กสเตนเลส ตั้งอยู่ภายในซอย ส.มณีรัตน์ ถนนเทพารักษ์ กม.11 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดย นายขจรศักดิ์ จิรรัตน์จรัสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด และ กรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ครอบครัวจิรรัตน์จรัสธร และ พนักงานบริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างมณฑปขนาดใหญ่ เพื่อน้อมถวายสรีระหลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ พระอริยเจ้าแห่งวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เป็นถาวรวัตถุและสมบัติของพระพุทธศาสนา และเพื่อความเป็นสิริมงคลสืบไป

ซึ่งภายในพิธี ได้รับความเมตตาจากพระเถรานุเถระ โดย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์สายกรรมฐาน จากวัดต่างๆ จำนวนกว่า 30 รูป ที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อาทิ พระราชวชิรกิจโสภณ (หลวงปู่บุญจันทร์ สีลคุโณ) เจ้าอาวาสวัดป่ามณีโคตมวงศ์ จ.อุดรธานี ได้เมตตามาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูวิโรจน์ธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพุมุด จ.กาญจนบุรี พระวิมลศีลาจาร เจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร กทม. พระอาจารย์สามเรือน ปุญญสโก เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ และ พระราชวชิรธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นต้น นอกจากนี้ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จากวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 31 รูป ได้เมตตาออกเดินรับบิณฑบาตโปรดญาติโยม ภายใน บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย

โดยในพิธี การจัดสร้างมณฑป ในครั้งนี้ โดยนายขจรศักดิ์ จิรรัตน์จรัสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด และ กรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ ได้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างมณฑป พร้อมทั้ง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมี นายมนต์ชัย จิรรัตน์จรัสธร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานที่ปรึกษา กต.ตร.จ.สมุทรปราการ นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ และ คณะกรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ คณะ กต.ตร.สภ.บางพลี ครอบครัวจิรรัตน์จรัสธร และ พนักงานบริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติและผู้มีจิตศรัทธาร่วมในพิธีครั้งนี้

‘คาเวียร์’ ไข่ปลาสเตอร์เจียน โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่ ‘ดอยดำ’ สามารถสร้างผลผลิตปีละ 10-15 กิโลกรัม

หลังจากมีคนแซะ!! บอกว่า เมนูอาหารรับผู้นำ APEC เซิร์ฟ คาร์เวียหรูจากปลาสเตอร์เจียน...มันไทยตรงไหน?....

หลายท่านที่สงสัย อาจจะไม่รู้ว่า โครงการพระราชดำริ ‘ดอยดำ’ ของไทยได้เพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนสำหรับนำไปผลิตคาร์เวียได้มานานแล้ว...

ทั้งนี้ ต้องเล่าย้อนไปว่า ประเทศไทยได้มีการเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริ ให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหาแนวทางเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนบนพื้นที่สูง ภายในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ตามพระราชดำริ ดอยดำ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและชาวเขามีอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศบนเขาที่หนาวเย็น โดยการเลี้ยงใช้เวลา 8 ปี ถึงเริ่มมีผลผลิต (ไข่ปลา) ส่วนวิธีเลี้ยงมีข้อจำกัดในเรื่องของอุณหภูมิน้ำเท่านั้น เพราะปลาต้องอยู่ในน้ำอุณหภูมิประมาณ 12-24 องศาเซลเซียส คาดว่าอีก 3-4 ปีจะมีพ่อแม่พันธุ์พร้อมให้ลูกรุ่น 1 ได้ ปัจจุบันไข่ปลาคาเวียร์ ดอยดำ จะจำหน่ายผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ มีขนาด 25, 50 และ 100 กรัม (มีจำหน่ายตามฤดูกาลของผลผลิต)

ด้านนางสาวสมพร กันธิยะวงศ์ นักวิชาการประมงปฏิบัติการ ศูนย์วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์กับ mgronline.com (ผู้จัดการออนไลน์) ว่า ปลาสเตอร์เจียนที่เลี้ยงในโครงการฯ จะออกไข่ประมาณเดือนกันยายนถึงเมษายนของทุกปี แต่ผลผลิตไข่ปลาสเตอร์เจียนหรือที่รู้จักกันว่า ไข่ปลาคาเวียร์ ยังมีจำกัดเพียง 10-15 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น โดยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นราคาถูกกว่าไข่ปลาคาเวียร์นำเข้าในระดับคุณภาพเดียวกันเล็กน้อย 

ว่าแต่...เพราะเหตุใดคาเวียร์จึงมีราคาแพง ราคาของคาเวียร์ (Caviar) แตกต่างกันไปตามชนิดของปลาสเตอร์เจียนในแต่ละแหล่งที่จับหรือเพาะเลี้ยง ส่วนมากจะบรรจุประมาณ 30-250 กรัม สาเหตุที่ทำให้ราคาคาเวียร์มีราคาแพงก็เนื่องมาจากหายากและต้องรอเวลายาวนานกว่าจะได้ผลผลิต คาเวียร์แท้ๆ ต้องมาจากปลาสเตอร์เจียนเท่านั้น แต่มีหลายชนิด เช่น Beluga, Osetra หรือ Sevruga

ตร.ป่าไม้ล่อซื้อลูกเสือโคร่งเบงกอล ผิดกฎหมายข้ามชาติ 4ตัว 2ล้านบาท ใน จ.มุกดาหาร

เมื่อวันที่ (15 พ.ย. 65) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบ งานศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปทส.ตร.) ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักด์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทส.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. จัดชุดสืบสวนปราบปรามจับกุม เครือข่ายการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. สืบสวนเฝ้าระวัง การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.ประทึบ ชูศรี รอง ผกก.ปทส. 3 เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ปทส. สืบสวน โดยได้ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี)นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 (อุบลราชธานี ) และหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.1 (ดงบังอี่) 

พ.ต.อ.ชณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. เปิดเผยว่า จากการสืบสวนและทำการล่อซื้อโดยทราบว่า นายถนัด วงศ์สาร ผู้ต้องหา ได้มีการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านจึงได้ให้สายลับวางแผนล่อซื้อสัตว์ป่า จากนายถนัดฯ ซึ่งนายถนัดฯ ได้เสนอขายลูกเสือโคร่ง พันธุ์เสือโคร่ง เบงกอล จากประเทศ สปป.ลาว ในราคา ตัวละ 500,00 บาท จำนวน 4 ตัว เพศเมีย 2 ตัว เพศผู้ 2 ตัว รวมเป็นเงิน 2,000,000 ซึ่งมีการติดต่อล่อซื้อหลายครั้ง แต่มีการเลื่อนการส่งลูกเสือโครงมาโดยตลอด จนวันที่ (14 พ.ย. 2565 ) เจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อสัตว์ป่า (ลูกเสือโคร่ง) จากนายถนัดฯ อีกครั้ง โดยนายถนัดฯ ลดราคาให้เหลือ 1,500,000 บาท โดยแจ้งว่า นำเข้ามาจาก สปป. ลาว และมีการนัดหมายส่งลูกเสือให้กับสายลับที่ปั๊มน้ำมัน ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ขณะนำเสือมามอบให้กับสายลับ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 03.00 น. คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พร้อมกับนำตัวไปตรวจค้นบริเวณโรงแรมที่ตั้งอยู้กลางเมืองมุกดาหารบริเวณหลังสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหารเพื่อหาหลักฐาน

นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ สร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในสังคมไทย มอบห้องเรียนให้โรงเรียนบ้านบางหัก สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยให้เรียนอย่างมีความสุข

เมื่อวันที่ (15 พ.ย. 65) ที่ผ่านมา นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา กรรมการบริหาร นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ มอบห้องเรียนให้กับโรงเรียนบ้านบางหัก(ประชาวิทยาคาร) อำเภอบางปะกง โดยมีพระครูสุนทรกิตติธำรง เจ้าอาวาสชลธีบุญญาวาส พร้อมด้วยนายอนัน ไม้งาม ประธานคณะกรรมการขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านบางหัก (ประชาวิทยาคาร) นางเอมอร ทองอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบางหัก และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนชุมชนและผู้ปกครองให้การต้อนรับ และร่วมในพิธีสืบเนื่องจากโรงเรียนบ้านบางหัก เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน จำนวน 58 คน เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 แบ่งเป็น 8 ชั้นเรียน แต่โรงเรียนมีอาคารเรียนเพียง 1 หลัง จำนวน 6 ห้องเรียน ทำให้ห้องเรียนไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน  ซึ่งตามโครงสร้างแล้วต้องมี 8 ห้องเรียน ที่ผ่านมาในระดับชั้นอนุบาลต้องเรียนควบชั้นในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับพัฒนาการตามช่วงวัย

สมาคมนิสิตเก่า ม.เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ ม.เกษตรศาสตร์จัดกิจกรรมโครงการเดิน - วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)รวมพลังเพื่อโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

​มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
จัดกิจกรรมรวมพลังแสดงความรักและสามัคคี ภายใต้โครงการเดิน–วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)  กำหนดวันดีเดย์ วันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 6.30 น. โดยเชิญชวน นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากร และประชาชน ร่วมกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 รวมพลังครอบครัวเกษตรศาสตร์และประชาชน นำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย สนับสนุนการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ และ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล ชั้น 1 อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าว เดิน –วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)   โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นิสิตเก่า KU 33 อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน–วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) ให้เกียรติเป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมด้วย ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ นิสิตเก่า KU 46 อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) และนางโสภาวรรณ มงคลธรรมากุล​ นิสิตเก่า KU 36 นายกสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) ร่วมแถลงข่าว ทั้งนี้ นายสิทธิพล ภู่สมบุญ นิสิตเก่า KU 39 อุปนายกสมาคมนิสิตเก่า ฯ ประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ เดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) พร้อมด้วย กรรมการบริหารสมาคมนิสิตเก่า ฯ คณะกรรมการโครงการ ฯ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ นิสิตเก่า มก. ดร.ตระการ (ต้น) พันธุมเลิศรุจี เข้าร่วมงานแถลงข่าว

สำหรับกิจกรรม KU RUN วิ่งลั่นทุ่ง นั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2562 และ ได้ว่างเว้นการจัดงานมาเป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อสถานการณ์โควิด คลี่คลาย จึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

โดยในปีนี้ กิจกรรม KU RUN วิ่งลั่นทุ่ง จัดขึ้นในชื่อโครงการเดิน - วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเพื่อจัดหารายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์และก่อสร้างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกทั้งเป็นการรวมพลังแสดงความรักความสามัคคีร่วมกันของเครือข่ายนิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากรและครอบครัวของชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเพื่อให้ประชาชนและสังคมได้เห็นคุณค่าของการออกกำลังกาย การมีสุขภาพพลานามัยที่ดี อีกด้วย ​รูปแบบกิจกรรม KU RUN เดิน - วิ่ง 80 ปี มก. จะไม่มีการแข่งขัน แพ้ หรือ ชนะ เน้นการมีส่วนร่วม การแสดงออกถึงความรักความสามัคคี การแสดงพลังของชาวเกษตรศาสตร์ และประชาชน กำหนดจัดกิจกรรม ในวันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 6.30 น. พร้อมกันในทุกสนามของวิทยาเขตมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และสนามในแต่ละจังหวัดเครือข่ายนิสิตเก่าทั่วประเทศ สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จัดที่ สนามอินทรีจันทรสถิตย์ ระยะทาง 4.80 กิโลเมตร จุดเด่นของโครงการนอกจากการแสดงพลังความรักและความสามัคคี และส่งเสริมการออกกำลังกายแล้ว ยังมีกิจกรรมการแชร์ภาพถ่าย ณ จุดเช็คอิน และ Backdrop ตามจุดต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นการรำลึกความหลังในธีม 80 ปี มก. รวมถึงมีระบบถ่ายทอดสดสำหรับนักวิ่ง Virtual run เพื่อให้บุคลากร นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน ได้มีส่วนร่วมในการเดิน–วิ่ง ไปพร้อมๆ กับนักวิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top