Tuesday, 29 April 2025
CRIMES

"ตำรวจ PCT” แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จับกุม ผู้ต้องหากว่า 3,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!!

วันนี้ (6 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.​ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.,พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 25 ธ.ค.64  - 3 ม.ค.65 เพราะเป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้าน และมีการสังสรรค์ เกรงจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งจากผลการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทั้งสิ้น จำนวน 3,634 ราย โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ การหลอกลวงทางออนไลน์ 238 คดี, การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 335 คดี, การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 878 คดี, การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหรือสตรีทางอินเทอร์เน็ตและค้ามนุษย์ 194 คดี และ การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่น ๆ อีก 1,989 คดี รวม มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 356 ล้านบาท โดยพบเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ถึง 335 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 พร้อมกำลัง สืบสวนปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์  รวมถึงการลักลอบจำหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าร้านค้าออนไลน์หลายรายได้จำหน่ายสิ่งเทียมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ส่วนประกอบอาวุธปืน ออกไปแล้วจำนวนมาก

หลังจากได้เป้าหมายแล้ว ได้ประสานไปยังตำรวจภูธร ภาค 1-9 ตำรวจนครบาล ตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย โดยเน้นไปยังกลุ่มที่สั่งซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน(บีบีกัน) ส่วนประกอบอาวุธปืน เช่น ลำกล้อง ชุดอุปกรณ์ลั่นไก เพื่อนำไปดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนจริงออกมาได้ และกลุ่มที่สั่งซื้อเครื่องกระสุนปืนเพื่อนำไปใช้กับอาวุธปืนผิดกฎหมายได้ใช้การประกาศโฆษณาขายสินค้าโดยทำการอำพรางชื่อเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ

โดยในวันที่ 3 ม.ค.65 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 60 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 31 ราย พร้อมของกลาง 5 รายการ ดังนี้

1. อาวุธปืนสงคราม จำนวน 1 กระบอก

2. อาวุธปืน จำนวน 49 กระบอก

3. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,566 นัด

4. ยาบ้า จำนวน 203 เม็ด

5. ยาไอซ์ จำนวน 2.85 กรัม

6. กัญชาอัดแท่ง จำนวน 15 กรัม

ซึ่งการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 ชุดปฏิบัติเดียวกันนี้ ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นไปแล้ว จำนวน 40 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 24 ราย พร้อมของกลาง 6 รายการ คือ

1. อาวุธปืน จำนวน 23 กระบอก

2. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,005 นัด

3. วัตถุระเบิดปิงปอง จำนวน 1 ลูก

4. ยาบ้า จำนวน 9,902 เม็ด

5. ยาไอซ์ จำนวน 0.94 กรัม

6. กัญชาอัดแท่ง จำนวน 6.34 กรัม

ภาพรวมขณะนี้ได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายลักลอบขายอาวุธปืนทางออนไลน์ไปแล้ว 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 55 ราย ตรวจยึดของกลางเป็น อาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก , อาวุธปืน 72 กระบอก ,วัตถุระเบิดปิงปอง  จำนวน 1 ลูก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 2,571 นัด และยาบ้าอีกจำนวน 10,105 เม็ด ยาไอซ์ 3.79 กรัม, กัญชาอัดแท่ง จำนวน 21.34 กรัม โดยหลังจากนี้ จะได้ขยายผลไปยังร้านค้าที่ลักลอบขายปืนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่อไป

ตชด 436 พบเรือต้องสงสัยจอดทิ้งใกล้ป่าโกงกางริมทะเล ตรวจสอบพบกัญชาอัดแท่งเพียบ!!

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ตชด.ยังคงทำงานกันอย่างหนักในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยเฉพาะตามแนวตะเข็บชายแดนไทยมาเลเซีย ทางทะเลริมชายฝั่ง ได้มีการออกลาดตระเวนตามแนวชายฝั่ง เฝ้าระวัง การลักลอบทำผิดกฎหมาย ล่าสุดพล.ต.ต.อรรถวุฒิ  อ่อนทรัพย์ ผบก.ตชด.ภาค 4 ,พ.ต.อ.ยงศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต  ผกก.ตชด.43,พ.ต.ท.ธีรศักดิ์  ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436, ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รองผบ.ร้อย ตชด.436,ร.ต.อ.ปริวรรต หมาดรา หน.ชปข. ร้อย ตชด.436  นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด.436 ,ชฝต.4301 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสตูล,ตำรวจ ตม.สตูล,ทหาร,ได้ออกลาดตระเวนทางน้ำริมชายฝั่งตั้งแต่ท่าเทียบเรือตํามะลังถึงหลักเขตแดนที่ 1 คลองกุ้งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ระหว่างเรือออกลาดตระเวนตรวจพบเรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้ป่าโกงกาง บ้านหัวแหลมหมู่ที่ 3 ตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบเรือที่ผูกอยู่กับต้นไม้ปรากฏว่าไม่มีผู้ควบคุมเรือจากนั้นจึงได้ตรวจสอบภายในเรือพบกระสอบสีขาวจำนวน 4 กระสอบห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำอีกชั้นหนึ่งห่อด้วยผ้ายางสีส้มภายในลำเรือดังกล่าวจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการเปิดกระสอบปุ๋ยต้องสงสัยออกดูปรากฏว่าบรรจุวัสดุเป็นแท่งห่อหุ้มด้วยกระดาษฝอยสีทองห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภายในพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา ) จำนวน 71 แท่ง/กิโลกรัม ที่เกิดเหตุไม่พบผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ คาดว่าจะไหวตัวและหลบหนีไปได้ มูลค่าของกลาง  852,000 บาท

 

รองโฆษก ตร. ชี้!แนวโน้ม’อาชญากรรมทางเทคโนโลยี’ ใน ปี พ.ศ.2565

วันที่ 3 ม.ค.2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งขาติ กล่าวถึงแนวโน้มอาชญากรรมทางเทคโนโลยีใน ปี พ.ศ.2565 ว่า เมื่อพิจารณาข้อมูลจากสถิติการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน บก.ปอท. ปี พ.ศ. 2561-2564   พบว่า รูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือใช้เทคโนโลยีในการกระทำความผิดที่มีประชาชนมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท 

โดยในปี 2564 มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 698 ราย สาเหตุที่การด่าทอ ให้ร้ายกันในสื่อสังคมออนไลน์ ครองความเป็นอันดับ 1 มาตลอดหลายปี อาจเนื่องมาจาก ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น การโพสต์ การแสดงความคิดเห็น การส่งต่อข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายจึงมีมากขึ้น  

แต่ที่น่าสนใจจากสถิติดังกล่าวพบว่า มีผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกแฮก เพื่อปรับเปลี่ยน/ขโมย/ทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ พบเป็นอันดับที่ 2 โดยมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 585 ราย ความเสียหายรวมประมาณ 67 ล้านบาทแสดงให้เห็นถึง ประชาชนอาจขาดการระวังป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์/ข้อมูลคอมพิวเตอร์จากแฮกเกอร์  

ส่วนการหลอกขายสินค้า/บริการ พบว่ามาเป็นอันดับ 3 โดยมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 445 ราย ความเสียหายรวมประมาณ 45 ล้านบาท 

ซึ่งจากสถิติดังกล่าวข้างต้นทำให้สังเกตได้ว่า รูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน หากไม่นับความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว พบว่าจะมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ การแฮกข้อมูล และการฉ้อโกงออนไลน์ เป็นหลัก ซึ่งพบว่าอาชญากรรมใน 2 รูปแบบนี้ คนร้ายมักอาศัยโอกาสจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิดหรือปกปิดตัวตนไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้โดยง่าย โดยใช้ช่องทางต่างๆ เช่น การปกปิดตัวตนโดยนำภาพหรือชื่อบุคคลอื่นมาสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม หรือใช้บัญชีอวตา (Avatar) , การปกปิดที่อยู่ไอพี (ip address) , การใช้ช่องทางสกุลเงินดิจิทัล ในการรับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือ การซื้อบัญชีธนาคารจากผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร เป็นต้น ซึ่งเป็นการสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าหน้าที่ ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ดังนั้นความเห็นส่วนตัวยังเห็นว่า แนวโน้มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในปี 2565 ยังไม่น่าจะแตกต่างไปจากเดิม แต่คนร้ายอาจนำเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่มาใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การให้ร้ายหรือระรานทางไซเบอร์(Cyber Bullying) , การหลอกลวงผ่านอีเมล (email scam) , การแฮกเพื่อเอาข้อมูลหรือเงินผ่านการลวงให้กดล่อให้กรอก (Phishing) , มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware), การหลอกลวงขายสินค้า , การหลอกรักออนไลน์(Romance Scam) , การหลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) , การหลอกลวงด้วยการโทรศัพท์โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ , การหลอกให้ลงทุนในลักษณะแชร์ออนไลน์และแชร์ลูกโซ่ , การขูดรีดดอกเบี้ยเงินกู้และการทวงหนี้ในลักษณะผิดกฎหมายจากแก๊งแอพพลิเคชั่นเงินกู้ , การปล่อยข่าวปลอมในโลกออนไลน์เพื่อหวังผลด้านต่าง ๆ (Fake News) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า “อาชญากรรมมักทิ้งร่องรอย” ยังคงใช้ได้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ที่อาจพัฒนาตัวเองจากอาชญากรภาคพื้นดิน (On Ground) มาเป็นอาชญากรบนอากาศ (Online) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการพัฒนาทักษะ ความรู้ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการด้านต่างๆ ในการสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบข้อมูลในการสืบสวนสอบสวน  

เทศกาลปีใหม่ สนุกอย่างสร้างสรรค์ “ไม่พกอาวุธปืน ไม่ยิงขึ้นฟ้า!!” ตำรวจพร้อม! จัดเต็มกำลัง ดูแลทั่วประเทศ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ พี่น้องประชาชนหลาย ๆ ท่านออกเดินทางไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพักผ่อนในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ทำสิ่งใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆแม้ว่าจะสนุกสนานสักเพียงใด แต่ก็ไม่ควรเลยเถิด จนกลายเป็นความคึกคะนอง "พาอาวุธปืน" ไปในสถานที่ต่าง ๆรวมถึงการ "ยิงปืนขึ้นฟ้า" เพราะการกระทำดังที่กล่าวมานั้น มีความผิดตาม "พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490"

>> มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจําเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ 

ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด 

>> มาตรา 72 ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรค 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรค 2 ด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท

นอกจากนี้กระสุนปืนที่ยิงออกจากกระบอกปืน มีโอกาสที่จะไปตกลงไปโดนหลังคาบ้าน "ทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย" หรือแม้กระทั่งกระสุนปืนถูกผู้อื่นจนเป็นอันตราย "ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต" จะมีความผิดตาม"ประมวลกฎหมายอาญา"

>> มาตรา 291  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

>> มาตรา 300  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รอง ผบ.ตร.สั่งการ!! รับมือประชาชนเดินทางกลับทำงานหลังเทศกาลปีใหม่ วันหยุดสุดท้าย...พอใจ!! ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุและเสียชีวิตรวม 5 วันยอดลดลง 

3 ม.ค.65 ที่ศูนย์บริหารงานจราจร​(ผอ.ศจร.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันหยุดสุดท้ายเทศกาลปีใหม่ 2565 ประชาชนจะเริ่มเดินทางกลับเข้า กทม. คาดว่าจะมีปริมาณการจราจรหนาแน่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) ได้กำชับให้ทุกหน่วยเน้นอำนวยการจราจร ให้ประชาชนเดินทางโดยสะดวกและปลอดภัย

1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เน้นการยืนปรากฏกายบนถนนในจุดสำคัญ  เช่น จุดตัดถนน ทางแยก ทางข้าม สถานีบริการน้ำมัน สถานที่สำคัญต่างๆ โดยการปฏิบัติให้มีการใช้นกหวีด และมีอุปกรณ์ประจำกายให้ครบถ้วน ในเวลากลางคืนให้ใส่เสื้อสะท้อนแสง ใช้กระบองไฟ เพื่อให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจน  การกดไฟสัญญาณในแยกต่างๆ ให้ควบคุมกดไฟสัญญาณด้วยมือ

2.เตรียมความพร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อเข้าไปแก้ไขกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้สามารถแยกรถ เคลื่อนย้ายรถได้ทันที รวมถึงเข้าไปอำนวยการจราจรและแก้ไขปัญหาจุดที่รถติดสะสม หรือการจราจรคับคั่ง โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีปริมาณรถจำนวนมาก เช่น ถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน ถนน 304 (เขาหินซ้อน) ถนนสายเอเชีย รวมถึงเส้นทางพิเศษ ทั้งด่านบางปะอิน มอเตอร์เวย์ กาญจนาภิเษก

3.ให้ทุกหน่วยที่เป็นพื้นที่รอยต่อ โดยเฉพาะ บช.น. ภ.1 ,2 ,3 และ บก.ทล.บูรณาการและประสานการปฏิบัติในการอำนวยการจราจรเพื่อรับรถกลับเข้า กทม. อย่างต่อเนื่อง และ

4.ให้ รอง ผบช.​/รอง ผบก. ทุกหน่วยและผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น กำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจ "สารวัตรสืบสวน สภ.ฝาง พลีชีพ" ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด พื้นที่ จ.เชียงใหม่ เตรียมปูนบำเหน็จความชอบ พร้อมสั่งล่าตัวผู้กระทำผิด!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา มีเรื่องน่าสลดใจเกิดขึ้น เมื่อข้าราชการตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนถึงขั้นเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 21.30 น. ชุดสืบสวน สภ.ฝาง และ สภ.แม่อายภ.จว.เชียงใหม่ ได้ออกสืบสวนติดตามขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดน เข้ามาในพื้นที่ อ.ฝางจว.เชียงใหม่ พบรถยนต์ต้องสงสัยขับมาจากเส้นทาง บ.โป่งไฮ - ถ.โชตนา จึงทำการติดตามไป เพื่อทำการจับกุมก่อนที่จะถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่ ส่งผลให้ "พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่" ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอสดุดีวีรกรรมของ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนวาระสุดท้ายของชีวิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เร่งติดตามล่าตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ของ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ฯ ให้ดูแลสวัสดิการของครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะ "พิจารณาการปูนบำเหน็จความชอบ และดูแลในเรื่องของเงินสวัสดิการ" ช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละ เพื่อเป็นการรักษา เยียวยา และให้กำลังใจผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าวนี้ ซึ่ง กรณี เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ250,000 – 500,000 บาท โดยในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แอปพลิเคชันแทนใจ และผู้ได้รับเงินเยียวยาจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิชันแทนใจ อีกทางหนึ่งด้วย

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. - ผอ.ศปน.ตร. ปรับกลยุทธ์เด็ด!! ‘ทลายแก๊งเจ้าหนี้นอกระบบ’ สนองนโยบายรัฐบาล

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศปน.ตร.นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ของ ศปน.ตร. กระจายกำลังบุกทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ 3 จังหวัด ได้แก่ เลย อุดรธานี และหนองคาย รวม 5 เครือข่าย 9 จุดตรวจค้น เพื่อดำเนินการกับเจ้าหนี้นอกระบบตาม พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560  โดยทำการจับกุม นายอลงกร ผนามอญ อายุ 34 ปี และ นายโชคสวัสดิ์ ลีเพ็ญ อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย เลขที่ 184/2564 และ 185/2564 พร้อมตรวจยึดรถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 31 คัน มูลค่า 7.2 ล้านบาท ตรวจยคดโฉนดที่ดิน 10 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ราคาประเมิน 50 ล้านบาท รวมมูลค่า 57,200,000 บาท

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า เมื่อ 2 ธ.ค.64 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งมอบหมายให้เป็น ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ หรือ ศปน.ตร.เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน  ดังนั้นในฐานะ ผอ.ศูนย์ จึงได้กำหนดกลยุทธ์ให้ชุดปฏิบัติการต่าง ๆ วางแผนเพื่อตัดวงจรกลโกงให้ได้และวันนี้ชุดป้องกันและปราบปรามหนี้นอกระบบ ได้เปิดยุทธการปราบปรามจับกุม กลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบผิดกฎหมาย พร้อมกัน 3 จังหวัด 9 จุด เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ที่ถูกฉ้อฉลหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ จากเจ้าหนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการปราบปรามในเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อนำความสงบสุขส่งมอบเป็นของขวัญให้พี่น้องประชาชนในปี พ.ศ 2565 จะมาถึงนี้

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ศปน.ตร.ได้ทำการปราบปรามจับกุม เจ้าหนี้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบและฉ้อฉล ลูกหนี้นอกระบบโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแล้ว จำนวน 310 ราย ช่วยเหลือลูกหนี้มาแล้วมากกว่า 514 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สิน จำนวน 91,763,429 บาท และมุ่งมั่นจะช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่างเต็มความสามารถ ขอให้บรรดาลูกหนี้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ดังต่อไปนี้

     1. ถูกเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

     2. มีการทำสัญญาเงินกู้เกินกว่าที่กู้จริง

     3. ถูกเป็นทาส หาเงินมาชำระหนี้โดยไม่รู้จักจบสิ้น

     4. ถูกประจานติดตามทวงหนี้

     5. ถูกข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายในการทวงหนี้

     6. ถูกเจ้าหนี้ใช้กลฉ้อฉลยึดทรัพย์ หรือเอาทรัพย์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

"10 แก๊งร้าย อันตรายช่วงปีใหม่" สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห่วงใยเตือนภัยให้ประชาชนระวัง!!

26 ธ.ค. 64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ในห้วงเวลาปัจจุบันใกล้จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ซึ่งพี่น้องประชาชนหลาย ๆ ท่านจะได้เดินทางไปอวยพรปีใหม่ผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ออกไปซื้อของขวัญ ไปทำบุญ หรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แต่อาจจะมีกลุ่มมิจฉาชีพ แฝงตัวเข้ามา หลอกลวงทำให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชนได้

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่ใกล้จะถึงนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยกับพี่น้องประชาชน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะดูแลรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดเตรียมมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเทศกาลปีใหม่ 2565 และได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวันหยุดปีใหม่ ให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพ “10 แก๊งร้าย อันตรายช่วงปีใหม่” ประกอบไปด้วย

1. แก๊งส่งของขวัญปีใหม่

2. แก๊งเรี่ยไรทำบุญ

3. แก๊งขายสินค้าราคาถูก

4. แก๊งชุบทองล้างทองรูปพรรณ

5. แก๊งสารพัดช่าง

6. แก๊งชวนเล่นการพนัน

7. แก๊งล้วงและกรีดกระเป๋า

8. แก๊งจัดงานเลี้ยง

 

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม “ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.)” สุดทันสมัย เทคโนโลยี 5G - เชื่อมโยงข้อมูล Real Time – บริหารเหตุวิกฤต!!

วันที่ 25 ธันวาคม 2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ไปตรวจเยี่ยม “ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.)” ซึ่งตั้งอยู่ที่ ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่และการนำเทคโนโลยีส่วนขยายมาใช้ในการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อันจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ลดปริมาณคดีอาชญากรรม โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการ ศปป.ตร.

“ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.)” จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ "ควบคุมและบริหารงาน" ป้องกันปราบปรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ "ทันกับสถานการณ์" มีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติ เพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนางานป้องกันปราบปราม ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการ "เฝ้าติดตาม" การปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันปราบปราม สามารถ "เชื่อมต่อสัญญาณภาพสด" ในขณะปฏิบัติหน้าที่ จาก "กล้องประจำตัวเจ้าหน้าที่สายตรวจ" / "กล้องติดรถยนต์สายตรวจ" จากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ รวมถึง "กล้อง CCTV" 

ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ติดตั้งไว้ใน "หัวเมืองสำคัญ" พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงจุดล่อแหลมต่าง ๆ ทั่วประเทศ มายัง ศปป.ตร. สามารถเฝ้าระวังเหตุและ "บริหาร จุดตรวจ จุดสกัด ไม่ให้ซ้ำซ้อน" และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากเกิด "เหตุวิกฤต" ด้านอาชญากรรม ศปป.ตร. สามารถ "ยกระดับ" การปฏิบัติเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารสถานการณ์ให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถ "บริหารจัดการแก้ไขเหตุวิกฤต" นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มาสังเกตการณ์ พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการปฏิบัติและ "นำเทคโนโลยีส่วนขยาย" มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและยังได้รับชมการสาธิตการปฏิบัติระหว่าง ศปป.ตร. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ปฏิบัติการจริง โดยใช้ยุทธวิธีตำรวจสายป้องกันปราบปรามที่ได้รับการฝึกมาแล้ว

 

ตร.เตือน!! ‘การยิงปืนขึ้นฟ้า’ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน มีโทษตามกฎหมาย ตำรวจพร้อมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด!!

ตามที่ปรากฏข่าวผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กรณีการสูญเสียชีวิตจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ชอบยิงปืนขึ้นฟ้าเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ด้วยความคึกคะนอง ซึ่งในบางเหตุการณ์ก่อให้เกิดการสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สิน นั้น

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2565 ที่ทุกครอบครัวต่างพากันเฉลิมฉลองเพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มักจะมีเหตุการณ์การยิงปืนขึ้นฟ้า อาจจะเป็นเพราะความเชื่อส่วนบุคคลที่คิดว่าเป็นการขับไล่สิ่งที่ไม่ดี หรือเคราะห์กรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการเปิดรับโชคลาภเงินทอง

เป็นการกระทำที่ขาดการยั้งคิดยั้งทำ เพราะกระสุนปืนที่ยิงออกไปนั้นจะไปหล่นใส่บุคคลให้ได้รับอันตรายบางรายถึงขั้นเสียชีวิต หรือหล่นใส่หลังคาบ้านเรือนประชาชนจนได้รับความเสียหายซึ่งถือว่าเป็นความผิด และมีโทษตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top