Friday, 9 May 2025
ภาคกลางไทม์

สมุทรปราการ - ปิดชั่วคราว ! ตลาดสดหนามแดง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ที่บริเวณตลาดสดหนามแดง หรือ ตลาดเทพประธาน (หนามแดง) อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้ทำการปิดตลาดชั่วคราว หลังพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในตลาดสดแห่งนี้  โดยมีการติดป้ายพร้อมด้วยแผงเหล็กกั้นมาปิดกั้นบริเวณทางเข้า-ออก เพื่อปิดทำความสะอาด และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ที่เดินทางมาใช้บริการยังตลาดเทพประธานแห่งนี้

โดยนาย วชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์  หลังจากได้ทราบว่าตลาดเทพประธาน (หนามแดง) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีความห่วงใยผู้ประกอบการและประชาชนในเขตพื้นที่รวมถึงประชาชนทั่วไป  ที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดแห่งนี้  จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้างทำความสะอาดภายในตลาดเทพประธาน  และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มาใช้บริการยังตลาดสดแห่งนี้

ด้านนาย ชาตรี อยู่วัฒนะ ในฐานะผู้บริหารตลาดเทพประธาน (หนามแดง) หรือตลาดสดหนามแดง กล่าวว่า หลังพบว่าตลาดเทพประธานมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ทำการสั่งปิดตลาดชั่วคราวเพื่อล้างทำความสะอาด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเทพารักษ์  ภายใต้การอำนวยการของนาย  วชิรเชษฐ์  รุ่งธวัฒน์วงศ์  นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์  รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจึงได้ร่วมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในตลาดเทพประธาน โดยมีนาย ธนะสิทธิ์ วงษ์แก้วบุญเรือน รองประธานสภาเทศบาลตำบลเทพารักษ์ พร้อมด้วย  สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเทพารักษ์ นายกิตติพงษ์  อยู่วัฒนะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 และคณะเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข  ร่วมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาด รวมทั้งฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในบริเวณตลาดและพื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้พักอาศัย และประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาใช้บริการรวมถึงผู้ประกอบการ

อีกทั้งยังมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดเทพประธานแห่งนี้ หลังจากที่ทำการปิดตลาดเพื่อล้างทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น คาดว่าตลาดเทพประธาน หรือ ตลาดสดหนามแดง  จะกับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งภายในวันที่ 12 มิถุนายน 2564


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

นนทบุรี - ช่วงโควิด-19 หลายธุรกิจหยุดชะงัก แวะมาดูอินทผลัมออแกนิกของเกษตรกรชาวนนทบุรี สร้างศูนย์เรียนรู้ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรใกล้กรุงฯที่จังหวัดนนทบุรี

สวนอินทผลัม ปามี 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร ใช้ที่ดินกว่า 100 ไร่ ปลูกอินทผลัม ทุเรียน และสมุนไพรอื่นๆเพื่อให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางเกษตร ชนิดที่ว่าเข้าแล้วจะอิ่มเอมกับความบริสุทธิ์ของวิถีชาวสวนและสนุกกับการเดินข้ามท้องร่องในสวนบนบรรยากาศที่เป็นระเบียบน่ามองน่าชมเกษตรกรนนทบุรี ปลูกอินทผลัมกินผลสด ผลผลิตมากคุณภาพ ขายได้ราคาดี ผลใกล้สุกแล้วปลายเดือนมิถุนายนนี้ 

สำหรับสวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “ แห่งนี้ได้ความสนใจจากประชาชนมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างมากมาย เนื่องจากเป็นพืชนี้มีราคาดี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย และยังเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากและให้พลังงานสูง

อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์ม มีหลากหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสูงได้ถึงประมาณ 30 เมตร โดยใบติดอยู่บนต้น 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร มีลักษณะเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกของอินทผลัมจะออกจากโคนใบ เมื่อติดผลลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ รับประทานได้ทั้งผลสดและสุก ซึ่งผลจะมีสีเหลืองถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด โดยผลสุกจะนิยมนำไปตากแห้ง

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตรกล่าวว่า “เห็นถึงลักษณะพิเศษของอินทผลัม จึงได้นำมาทดลองปลูกภายในสวน จนประสบผลสำเร็จ ทำให้ในเวลานี้ที่ สวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “มีผลผลิตอินทผลัมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด พร้อมทั้งแต่ละปีมีผลผลิตคุณภาพออกสู่ตลาดเป็นที่ถูกใจของลูกค้าไม่น้อยทีเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากจะปลูก ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ที่สวนเราได้ หรืออยากจะลองชิม หรือศูนย์เรียนรู้ได้ที่ ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร  เลขที่ 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ได้ทุกเวลา

สมุทรปราการ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.2564 ฯพณฯสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานปิดเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด 19แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ โดยมี นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวรายงาน และนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ ร่วมงาน ณ เรือนจำกลางสมุทรปราการ

เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ภายในประเทศ พบมีประชาชนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก อย่างรุนแรงและ เป็นวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อบางรายถูกจับกุมและถูกส่งตัวเข้าฝากขังภายในเรือนจำตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่ง ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อกลุ่มผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง และถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำอย่างแออัด จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารกิจการภายในเรือนจำ และกรมราชทัณฑ์ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ลด ผลกระทบต่อการเจ็บป่วยรุนแรง หรือการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อญาติผู้ต้องขังและสังคมภายนอก ว่ากรมราชทัณฑ์สามารถจะควบคุมสถานการณ์ได้ และสามารถให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับสังคมภายนอก เรือนจำกลางสมุทรปราการจึงได้จัดทำโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส โควิด-19 แก่ผู้ต้องขังหญิงจำนวน 845 คนและผู้ต้องขังชายจำนวน 5,658คน เจ้าหน้าที่จำนวน 22 ราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 6,525 คน โดยได้รับการสนับสนุนวัคซีนและบุคลากรจากกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และโรงพยาบาลบางบ่อ ในฐานะโรงพยาบาลแม่ข่าย ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ ในการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ระหว่างวันที่ 3-6 มิถุนายน 2564 รวมระยะเวลา 4 วัน หรือวันละประมาณ 1,800 คน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ทุกคนที่ได้ร่วมกันวางมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำเป็นอย่างดี ทำให้ในขณะนี้ในเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่พบว่ามีผู้ต้องขับติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด มีเพียงผู้ต้องขังแรกรับเท่านั้นที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อจำนวน 4 ราย และมีการส่งไปรักษาตัวตามกระบวนการ ทำให้ในปัจจุบันเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถเข้าไประบาดภายในเรือนจำได้ ทำให้เรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการเป็นเรือนจำสีขาวปลอดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ในวันนี้ก็เป็นการสร้างความเชื้อมันให้กับเจ้าหน้าที่และตัวผู้ต้องขังรวมทั้งญาติของผู้ต้องขัง และสังคมภายในนอก ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายหลักของกระทรวงยุติธรรม

 


ภาพ/ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ

เพชรบุรี - “ท็อป-วราวุธ” มอบสิ่งของช่วยเหลือชาวเพชรบุรี

วันที่ 4 มิถุนายน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. และคณะผู้บริหาร ทส.ลงพื้นที่มอบสิ่งของสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์-ผู้ป่วย อาทิ ชุด PPE ,หน้ากากอนามัย (N95), Face Shield, พัดลม ,น้ำดื่มจำนวน 8,000 ขวด เป็นต้น เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนามทุกแห่งในจังหวัดเพชรบุรี พร้อมมอบถุงขยะสีแดงเพื่อใช้ในกิจกรรมคัดแยกขยะติดเชื้อในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยมี นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายแพทย์เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า หัวหน้าส่วนราชการ บุคลาการทางการแพทย์เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี

นายวราวุธ กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้นอกจากสิ่งของที่จำเป็นแล้ว คือ กำลังใจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบสิ่งของเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และสิ่งของที่จำเป็นให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในการผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน ขอให้ทุกคนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ รวมถึงดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง และปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด

จากนั้น นายวราวุธ และคณะได้ร่วมส่งมอบ “โครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น จังหวัดเพชรบุรี” บริเวณท่าเทียบเรือบางแก้ว และรับฟังผลการดำเนินงานโครงการปรับปรุงฟื้นฟูคลองเจ๊กสี และติดตามการดำเนินงานของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมปลูกต้นไม้ ณ อ.บ้านแหลม และ อ.ท่ายาง พร้อมกล่าวว่าโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นเพื่อรักษาชายฝั่งทะเล นับเป็นการทำความเข้าใจธรรมชาติที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ ให้เราอยู่คู่ธรรมชาติ เพราะไม่มีอะไรใหญ่กว่าธรรมชาติ การรักษาธรรมชาติ ธรรมชาติจะเคียงข้างให้เราทำมาหากินได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การรักษาระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม การช่วยบรรเทาปัญหาการกัดเซาะในอนาคตและช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้มากขึ้น การปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นจากกำลังแรงคนยังช่วยแก้ปัญหาการว่างงานได้อีกด้วย รวมถึงปัญหาขยะจากทะเลที่ทุกฝ่ายร่วมรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลให้ประเทศไทยลดลำดับจากอันดับที่ 6 ที่เป็นประเทศที่ทิ้งขยะมากที่สุดในระดับโลก วันนี้เราอยู่ลำดับที่ 10 ซึ่งเพชรบุรีเป็น 1 ใน 23 จังหวัดชายฝั่งที่ช่วยกันลดปริมาณขยะ และต้องสร้างจิตสำนึกการรณรงค์อย่างต่อเนื่องที่จะไม่ทิ้งปัญหาไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน

“นอกจากนั้นยังได้ห่วงถึงเรื่องน้ำอุปโภค บริโภค จากความร่วมมือของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่สามารถเจาะ เจอน้ำในปริมาณมาก ประชาชนสามารถได้รับประโยชน์ มีน้ำใช้ เพื่อการอุปโภคบริโภคตลอดทั้งปี มีจุดให้บริการน้ำดื่ม มีชุดงวงช้างเอาไว้เติมน้ำบริการให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลออกไป ช่วยประหยัดเงินแบ่งเบาภาระให้กับพี่น้องประชาชน และให้ตระหนักถึงการใช้น้ำว่า น้ำบาดาลแต่ละหยดนั้น ยิ่งเจาะลึกลงไปเท่าไหร่ เปรียบเสมือน การทุบกระปุกเก่า ยิ่งเจาะลึก น้ำก็จะยิ่งเก่า ก็แปลว่าเป็นสมบัติเก่า ที่คนรุ่นปู่ย่าตาทวดนั้นได้เก็บเอาไว้ให้กับพวกเรา ดังนั้นน้ำแต่ละหยดที่นำขึ้นมาใช้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้กันอย่างคุ้มค่า” นายวราวุธ กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สมุทรปราการ - มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ส่งต่อน้ำใจไทย มอบเครื่องช่วยหายใจ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลสมุทรปราการ สู้ภัยโควิด-19

วันนี้ (วันที่ 1 มิถุนายน 64 เวลา 13.00 น.) นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วยนายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ในโครงการ “ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19”  แก่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ประกอบด้วย เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 1 เครื่อง ชุด Personal Protective Equipment ( PPE ) จำนวน 200 ชุด หน้ากาก N95 จำนวน 200 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 200 กล่อง เจลแอลกอฮอล์ ขนาด 5 ลิตร จำนวน 20 แกลลอน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 281,900 บาท(สองแสนแปดหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยบาทถ้วน) เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) โดยมี นายแพทย์ปฏิวัติ วงศ์งาม รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลสมุทรปราการ เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมโกศล อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสมุทรปราการ

การมอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ริเริ่มดำเนินการมามอบมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา พร้อมทั้งจัดตั้งกองทุน “ธารน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19” เพื่อมอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนต่อเนื่อง ควบคู่กับโครงการ “ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19” โดยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ระลอกใหม่นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ปรับแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านบรรเทาสาธารณภัย สังคมสงเคราะห์ และหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน พร้อมประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือเชิงรุกทั้งในส่วนของประชาชน ชุมชน และบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารปรุงสุกเพื่อช่วยเหลือประชาชนในขณะนี้ รวมงบประมาณดำเนินการออกช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 33 ล้านบาท

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสารกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ – ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

อุทัยธานี - หน่วยทหารยื่นมือช่วยชาวบ้าน แก้ปัญหาน้ำท่วม กำจัดผักตบชวาในลำคลอง เขาฆ้องชัย หมู่ 11 บ้านวังหน้าศาล ต.ประดูยืน อ.ลานสัก

ณ ลำคลองเขาฆ้องชัย บ้านวังหน้าศาล หมู่ 11 ต.ประดู่ยืน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมี นาวาเอกเอกปิ่นแก้ว สาระปัญญา รองผู้บังคับบัญชาหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 พร้อมหน่วยข้าราชการในพื้นที่ ที่ขาดไม่ได้ ก็คือความร่วมมือของชาวบ้าน ที่ร่วมใจกัน ดำเนินการแก้ไขปัญหาผักตบชวาบ้านวังหน้าศาล และขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และแนวทางการดำเนินการ บูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาให้เกิดความเรียบร้อย เป็นรูปธรรม เกิดความต่อเนื่องอย่างยั่งยืนให้ประชาชนในพื้นที่ ที่ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำรักษาความสะอาดและจัดเก็บขยะมูลฝอยในพื้นที่สาธารณะ คูคลอง ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะปัญหาน้ำเน่าเสีย และสิ่งปฏิกูลจากการปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง สารเคมี การสะสมของวัชพืชต่าง ๆ ส่งผล ให้คุณภาพน้ำต่ำลง คูคลอง ตื้นเขิน ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันเมื่อฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมตามมา


ภาพ/ข่าว ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน

สมุทรสงคราม - ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 ตรวจเยียมหน่วยงาน ศรชล.จังหวัด และหารือข้อราชการ

พล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และผู้บัญชาการทัพเรือภาค 1 (ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1) พร้อมคณะฯ เข้าเยี่ยมพบปะและหารือข้อราชการกับ นายชรัส บุญณสะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสมุทรสงคราม/ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม (ผอ.ศรชล.จว.สส./ผวจ.สส.) เพื่อหารือข้อราชการ พร้อมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ ศรชล.จว.สส.และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรสงคราม (ศคท.จว.สส.) ศคท.จว.สส.เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกับกำลังพล ตลอดจนให้แนวทางในการปฏิบัติราชการในด้านต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานและยกระดับการให้บริการในด้านต่าง ๆ กับประชาชนและพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย


ภาพ/ข่าว ปชส.ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

พิจิตร - นายก อบต.โพธิ์ประทับช้าง ปลุกพลังชาวบ้านฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันโควิด

วันที่ 31 พ.ค. 2564 นายปิติพล  ปานทิม  นายก อบต.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร และ เรืออากาศตรี บุญเกิด มีทวี  รองนายก อบต.โพธิ์ประทับช้าง รวมถึง นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร รองนายก อบจ.พิจิตร ได้ร่วมกันทำกิจกรรมในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด โดยมีประชาชน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และ สมาชิก อบต. รวมเกือบ 100 คน ที่นำเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่ใช้ฉีดพ่นไม้ผลหรือสวนส้มโอมาดัดแปลงเป็นเครื่องฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโวิด รวมถึง อบจ.พิจิตร ก็นำเครื่องฉีดพ่นที่เป็นนวัตกรรมมาร่วมดำเนินการในครั้งนี้ด้วย  

ซึ่งการรณรงค์ในครั้งนี้เนื่องจาก ต.โพธิ์ประทับช้าง เป็นพื้นที่ตั้งของวัดโพธิ์ประทับช้าง ซึ่งเป็นโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว อบต.โพธิ์ประทับช้างจึงได้ดำเนินการดังกล่าว สำหรับพื้นที่ ต.โพธิ์ประทับช้าง ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม และทำสวนปลูกส้มโอ โดยที่ผ่านมาพื้นที่แห่งนี้ไม่เคยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเลยแม้แต่รายเดียว สาเหตุเนื่องจากชาวบ้านให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง จึงทำให้รอดพ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดดังกล่าว

สำหรับสถานการณ์ของจังหวัดพิจิตรประจำวันที่ 31 พ.ค. 64 วันนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ติดต่อกันมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว ผู้ป่วยสะสมระลอก 3 เดือนเมษายน 64 จนถึงวันนี้มีผู้ป้วยสะสม 144 รายรักษาหายแล้ว 95 ราย  ผู้ป่วยยังรักษาตัวอยู่ 47 ราย มีเสียชีวิต 2 ราย 


ภา/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

อยุธยา - เร่งฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 2 ให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า

วันที่ 28 พฤษภาคม 64 ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน ร่วมเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมทั้ง 298 ราย ในภาคเช้า และในภาคบ่ายจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 152 นาย จะเข้ารับวัคซีนสำหรับเข็มที่ 1

สำหรับประชาชนกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 โรคเรื้อรัง จะเริ่มฉีดในวันที่ 7 มิย 64 กำหนดจะเริ่มฉีดวัคซีน (Astrazeneca) จำนวน 38,000 โดส ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” และลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ฯแล้ว จำนวน 32,942 คนอย่างแน่นอน สำหรับส่วนเกินจากกลุ่มดังกล่าว จะพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มองค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจยุทธศาสตร์ ทั้งใน 16 อำเภอ เพื่อจะได้รับวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย พร้อมทั้งขอให้ทุกหน่วยเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน โดยการสแกน QR Code “อยุธยาพร้อม”

นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึง ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับวัคซีนคือ 1.ผู้ที่รับวัคซีนแล้วเกิดแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ถึงขั้นช็อก แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ทุกคนจึงไม่อยู่ในข้อนี้ แต่ถ้าให้เข็มแรกแล้วแพ้รุนแรง เข็ม 2 ให้ไม่ได้แน่นอน ต้องเปลี่ยนชนิดวัคซีน รวมถึงผู้ที่รู้ว่าแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน ก็ไม่สมควรให้ 2. ผู้ที่เจ็บป่วย มีไข้ หรือเป็นโรคปัจจุบันที่ต้องการการรักษา ผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของโรค และผู้ป่วยที่รักษา โดยเฉพาะนอนในโรงพยาบาล ก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน จนกว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพคงที่และกลับบ้านแล้ว จะเห็นว่าจะมีข้อห้ามเด็ดขาดน้อยมาก ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวและดูแลรักษาอยู่มีภาวะคงที่ ถึงจะกินยาประจำอยู่ ก็สามารถให้วัคซีนได้ เบาหวาน ความดัน ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ ถ้ารักษาและดูแลอยู่ตลอดอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่ความดันที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเบาหวานที่ยังควบคุมไม่ได้มีน้ำตาลสูงมาก ขนาดมีอาการที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

กรุงเทพฯ - ด้วยความห่วงใย ศาลเยาวชนฯ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์ป้องกันโรค ให้แก่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง นางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ นางวิรา ยากะจิ ณ พิกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง และคณะผู้พิพากษาสมทบ (โครงการติดตามด้วยความห่วงใย โดย ดร.นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานโครงการฯ และโครงการติดตามด้วยใจ

โดยนางณัฐา อินทวงศ์ คณะทำงานและผู้ประสานงาน) เป็นตัวแทนมอบเครื่องอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์ป้องกันโรค ให้แก่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยมี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งต่อให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนราธิวาส บ้านกรุณา บ้านมุทิตา บ้านอุเบกขา บ้านปรานี บ้านสิรินธร และบ้านกาญจนา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด19 ณ โถงกลาง ชั้น 2 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จตุจักร กรุงเทพฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top