Monday, 19 May 2025
POLITICS

‘สมศักดิ์’ เปิดใจ เหตุทิ้ง ‘พปชร.’ ย้ายซบ ‘เพื่อไทย’ เผย มีโอกาสแลนด์สไลด์ ชี้ เป็น รบ.หลายพรรคทำงานยาก

(17 มี.ค. 66) ที่ร้านกินเส้น สนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงถึงเส้นทางการเมือง ที่จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย ว่า แนวทางตัดสินใจ 3 ประเด็น คือ ฟ้า ดิน อากาศ โดยในส่วนของอากาศ คือข้อมูลพรรคการเมืองต่าง ๆ และต้องให้ความสำคัญกับทีมงาน แนวนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเสถียรภาพรัฐบาลมีความสำคัญ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรค พปชร.ได้ ส.ส.118 คน แต่ยังไม่สามารถทำเศรษฐกิจให้ประชาชนพอใจได้ เพราะเป็นรัฐบาลผสม มีการต่อรองกระทรวงและโควตาต่าง ๆ โดยพรรค พปชร.ไม่ได้ดูกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้ต้องคิดว่าการจะทำให้สิ่งต่าง ๆ ให้สัมฤทธิ์ผลช่วยประชาชนได้ คือดูพรรคที่จะแลนด์สไลด์ จะมีส่วนทำให้แนวนโยบายรัฐบาลใหม่ประสบผลสำเร็จ เป็นที่พึ่งของประชาชนใจในการแก้ปัญหาความยากจน จึงตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกเพื่อไทย โดยตนได้ทำหนังสือลาออกจากรัฐมนตรียุติธรรม และส่งเอกสารลงรับไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะไม่ขอรักษาการรัฐมนตรี เพื่อความสบายใจต่อฝ่ายต่าง ๆ และทำหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองลงรับเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจน และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยเอกสารจะเรียบร้อยในวันที่ 20 มี.ค.นี้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ติดใจอะไร และขอให้โชคดี โดยนายกฯ พูดกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ฝากมาถึงตนด้วย และต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในการทำงานที่ผ่านมา ตนอยู่กับพลังประชารัฐก็ทำงานเต็มที่เมื่อไปอยู่กับเพื่อไทยก็จะทำเต็มที่ แม้จะยังไม่ได้เข้าไปที่พรรคเพื่อไทย แต่เมื่อมีข่าวออกมา และเห็นแนวทางทำงานของตน ทำให้คนในพรรคเพื่อไทย โทรมาแสดงความยินดีจำนวนมาก ส่วนตนจะไปดูพื้นที่ไหนในพรรคเพื่อไทย สุดแล้วแต่ผู้บริหารพรรคจะเห็นเหมาะสม ตนไม่เลือก ไปได้ทุกที่ และไม่ได้คาดหวังจะไปนั่งกระทรวงใด เพราะเวลาตั้งรัฐบาลแล้วหวังไว้ที่หนึ่ง แต่ไปได้กระทรวงอื่น จึงไม่ได้คิดอะไร ไม่คาดหวัง แล้วแต่ประชาชนจะสนับสนุน ทั้งนี้ หากไปอยู่เพื่อไทยแล้วได้อยู่ในลำดับไม่เกิน 50 ก็น่าจะได้เป็น ส.ส.

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น ได้กราบลานายวิษณุ เครืองาม และ พล.อ.ประวิตร ทั้งคู่ได้ให้ศีลให้พร ยืนยันว่าไม่มีความแตกแยก แต่การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ถือเป็นอุปสรรค และหากทีมงานที่ไม่สามัคคีจะเป็นอุปสรรค เพราะคนหนึ่งไปซ้าย คนหนึ่งไปขวา ส่วนพรรคเพื่อไทย นั้นทำงานเป็นระบบ และเป็นพรรคพวกกันมาก่อน จึงเข้าใจและพูดคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการทำงานในพรรค พปชร.ทำให้ทำงานลำบากหรือไม่ กล่าวว่า ไม่ลำบาก พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เป็นปกติ แต่บางคนเกิดความรู้สึกติดขัดบ้างเล็กน้อย เช่น ตนเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค แต่เมื่อไม่เป็นหนึ่งเดียวกันก็ทำงานยาก

เมื่อถามว่ามั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ดูจากโพลเมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้ 220 เสียง แต่ถ้าเราไปช่วยอีกทาง คิดว่าจะขยับได้ เมื่อถามย้ำว่า เป้าหมายที่ไปพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลแน่นอน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากเข้าไปช่วยหาเสียง มีนโยบายใหม่ จึงมั่นใจว่าจะได้เสียงมากขึ้นตามเป้าที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยวางไว้ ส่วนตนจะช่วยให้ดีที่สุด เพราะการเป็นรัฐบาลเป็นความใฝ่ฝันของทุกพรรค แต่จะเป็นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่มีมากน้อยของแต่ละพรรคจะดำเนินการ หากประชาชนช่วยเลือกเข้ามามาก จะได้แลนด์สไลด์ ส่วนจะได้ 310 เสียงหรือไม่ ตนไม่กล้าคิด เพราะไม่ได้ถือโพล หรือลงไปดูตรงนี้

เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้งพรรค พปชร.จะจับมือกับเพื่อไทย หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้บริหาร และผู้ใหญ่ของพรรคพูดคุยกัน โดยการพบกับ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ฟัง แสดงว่าไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จึงเชื่อว่ายังไม่ได้พูดคุยกัน

‘บิ๊กตู่’ โต้คนว่า “ไม่รู้เรื่อง” ลั่น!! ทำงานมา 8 ปี จะไม่รู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ ศาลาประชาคม​ อำเภอบ้านโป่ง​ จังหวัดราชบุรี ได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาล โดยบางช่วงบางตอนระบุว่า… รัฐบาลอยู่มา 4 ปีหลายคนคงเห็นบ้างว่าอะไรเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ตนตัดสินใจ คือการทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการขนส่ง อีกทั้งยังดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่จะให้ทั้งหมดไม่ได้เราไม่มีสตางค์พอ แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าสวัสดิการ มันผิดหลักการข้อกฎหมาย แต่ถ้าถามใจนายกฯ อยากให้ทุกคนมีกิน อยู่ดี แต่วันนี้ต้องแข็งแรงกว่าเดิม ประเทศไทยเดินผ่านความยากลำบากมา 8 ปีเต็ม เจอทั้งโควิด-19 สงครามทางการค้า และการสงครามที่หนักสุด คือ ราคาพลังงาน แก๊ส และน้ำมัน ซึ่งหลายอย่างถ้าทำได้ทำไมจะไม่ทำให้ ตนไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์เพื่อใคร แต่วันนี้ต้องสงวนงบประมาณที่มีอย่างจำกัด เพื่อรองรับ เพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นนอกจากนี้

‘สุริยะ’ อำลาข้าราชการกระทรวงอุตฯ  เปรย!! อนาคตอาจได้ร่วมงานกันอีก ก็เป็นได้

(17 มี.ค.66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในระหว่างการประชุมนัดสุดท้ายร่วมกับผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีทุกกรม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม จาก ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. และสถาบันเครือข่าย โดยระบุว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีความประทับใจ ซาบซึ้งใจ และความภาคภูมิใจต่อการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

เพราะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรมไทยทั้งระดับมหภาค เอสเอ็มอี และพี่น้องประชาชนโดยการฝึกอาชีพ ให้ผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ไปได้อย่างดี อีกทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่เคยถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในรายกระทรวง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือร่วมใจกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกเราชาวอุตสาหกรรม

 

‘ชูวิทย์’ บุก กกต. ยื่นสอบ ‘ภท.’ ปมรับเงินบริจาค มั่นใจ!! หลักฐานแน่น ยุบพรรคได้ 100%

(17 มี.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องให้ กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทยเข้าข่าย ขัดมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ และให้ กกต.พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย

โดยนายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงว่า ตามมาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โอนหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 190 ล้าน ให้ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนนั้น ไม่ได้เป็นการโอนหุ้นจริง เพราะจากการตรวจสอบนายศุภวัฒน์ไม่มีรายได้ ไม่มีการยื่นเสียภาษี จึงถือเป็นการโอนหุ้นให้นอมินีที่เป็นพนักงานในบริษัทถือแทน โดยที่นายศักดิ์สยามยังเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว และการที่บริษัทดังกล่าว ได้รับงานจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมอยู่นั้น จึงเป็นการรู้อยู่แล้ว แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้บริษัทดังกล่าวได้รับงานกว่า 104 โครงการ 1,500 ล้านบาท โดยมอบอำนาจให้นอมอนี นำเงินที่ได้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทยหลายครั้ง เงินดังกล่าวจึงได้มาโดยมิชอบ

ดังนั้น นายศักดิ์สยาม ในฐานะเลขานุการพรรคภูมิใจไทย จึงรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าเงินมาจากไหน ทั้งนี้การนายศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทยรับเงินบริจาคจาก หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และนายนายศุภวัฒน์ จึงเข้ามาตรา 72 ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้พิษ ผลไม้ก็เป็นพิษ

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า โดยหลักฐานที่ตนยื่นให้ กกต.ในวันนี้ มีทั้งหมด 8 รายการ ประกอบด้วย บัญชีรายชื่อผู้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทย, สำเนาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ, สำเนาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยาม, งบการเงินของบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991), งบการเงินของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น, สำเนาโอนหุ้นของนายศักดิ์สยาม, สัญญากรมทางหลวง และรายชื่อบริษัทที่มีสถานะร้าง

'สว.อุปกิต' สาบานไม่เกี่ยวธุรกิจสีเทา ซัดมีทฤษฎีสมคบคิด-การเมืองอยู่เบื้องหลัง?

(17 มี.ค.66) ที่รัฐสภา นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แถลงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและพัวพันกับนายทุน มิน ลัต ขบวนการค้ายาเสพติด และให้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าอาคารเป็นที่ทำงานพรรค แถวอารีย์ซอย 5 ว่า ตนขออภัยที่แถลงข่าวช้าไปนิดหนึ่ง เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี แต่เมื่อสื่อบางสื่อกับนายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในสภาฯ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด สื่อดังกล่าวและนายรังสิมันต์ได้ตัดสินตนไปแล้วว่าตนผิด ตอนแรกตนคิดว่าเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นและจะไม่ละเมิดหรือก้าวล่วง ดังนั้นจะไม่กล่าวถึงมากนักเนื่องจากฝ่ายศาล อัยการและตำรวจได้ออกมาชี้แจงไปแล้ว

"อย่างไรก็ดีผมขอพูดเล็กน้อยเกี่ยวกับคดีลูกเขยของตน โดยตามหมายจับลงวันที่ 9 กันยายน 2565 และบันทึกจับกุมลงวันที่ 19 กันยายน 2565 ระบุว่าลูกเขยของผมมีพฤติกรรมหลบหนีมาอยู่บ้านพักซอยสุขุมวิท 69 ซึ่งเป็นบ้านของผมและมีชื่อตนเป็นเจ้าของ ลูกเขยของผมได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านนั้นมานานแล้ว ในขณะจับกุมตัวก็ได้เดินเล่นกับลูกเล็กอยู่ ซึ่งคือหลานของผมเอง หากผมเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างที่ว่า คงจะช่วยตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่ต้องให้ลูกเขยผมอยู่ในเรือนจำถึงวันนี้เป็นเวลา 7 เดือนแล้ว หลานของผมร้องให้ทุกวัน และลูกสาวของผมก็โทรมาหาทุกวัน ซึ่งผมช่วยอะไรไม่ได้" โดยนายอุปกิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเช็ดน้ำตาไปพร้อมกัน จนต้องหยุดพูดในบางช่วง

นายอุปกิต กล่าวว่า ส่วนเรื่องหมายจับจากคำฟ้องซึ่งไม่ใช่เหตุผลเดียวกัน และคดีที่พูดถึงคือนายทุนมินลัตและพวก ที่ถูกสั่งฟ้องไปแล้วในกลุ่มแรก เนื่องจากทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท Myanmar Allure Group ส่วนตนไม่ใช่ผู้ถือหุ้นและกรรมการแต่อย่างใด จึงไม่ได้อยู่ในสำนวนแรก ส่วนสำนวนของตนเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงถือเป็นอีกคดีหนึ่งดังที่กล่าวกันมา ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องตำรวจแล้วก็ขอพูดถึงเรื่องข่าวต่างๆ ว่าตำรวจที่ทำคดีนี้โดนย้ายไปทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจจะสั่งย้ายใคร หรือกดดันให้ย้ายใครได้ เรียนให้ทราบว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ในฐานะสารวัตรที่ทำคดีทุน มิน ลัต และพวกโดนย้ายเนื่องจากเป็นการย้ายไปตามรอบ และไม่มีผลงานใน 3-4 เดือน เพราะมีแค่คดีทุน มิน ลัต การย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ย้ายเพื่อลงโทษแต่ย้ายไปในตำแหน่งใกล้เคียงกัน ถ้าตนมีอิทธิพลจริง ก็คงจะย้ายเขาออกไปไกล อีกทั้งตำรวจชุดนี้ ไม่ได้รับคดีไว้ตั้งแต่ก่อนถูกย้ายแล้ว แล้วจะหาว่าตนทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ได้

นายอุปกิต กล่าวต่อว่า ส่วนนายรังสิมันต์ ที่อภิปรายถึงตนในสภาฯ ทำให้ตนไม่มีโอกาสชี้แจงและตอบโต้ แต่ต้องขอบคุณที่ทำให้ตนไปดูเอกสารการออกหมายจับ ซึ่งต่อมาได้มีการยกเลิกในวันเดียวกันตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ในเหตุผลที่ขอออกหมายจับตนพบว่ามีการตกแต่งคำพูดในแชท เอานู้นมาผสมกับนี้แปลผิดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเพื่อเอามาปั้นเป็นหลักฐานทำให้ตนมีความผิด การที่นายรังสิมันต์กล่าวว่า บุคคลย่อมเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย หากนายรังสิมันต์โดนออกหมายจับก็อยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกับตน ทั้งนี้ ตนทำธุรกิจซื้อขายไฟฟ้ามา 10 กว่าปี ตั้งแต่ต้น หลังจากที่ก่อสร้างโรงแรม Allure เมียนมา ทางการเมียนมายังไม่มีไฟที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ โรงแรมต้องใช้เครื่องปั่นไฟโดยเติมน้ำมันดีเซล เปิดปิดเครื่องทุก 6 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีไฟใช้อย่างเสถียร และต้นทุนสูงมาก ทางรัฐบาลเมียนมาจึงให้ตนนำไฟไทยมาใช้ในเบื้องต้น ต่อมาประชาชนที่ท่าขี้เหล็กมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน บริษัทฯ จึงได้เป็นตัวกลางในการขายไฟ และการชำระค่าไฟไม่ก็เคยมีปัญหามาก่อน แต่เริ่มมีปัญหาเมื่อด่านไทยเมียนที่ท่าขี้เหล็กปิดในปี 2563 เนื่องจาก โควิด-19 นายทุน มินลัต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการโอนเงินได้ฝากเงินผ่านผู้รับบริการโอนเงินฝั่งเมียนมา แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะเมียนมาไม่มีระบบการเงินการธนาคารที่รองรับการโอนเงินได้ จึงใช้ระแบบแมชชิ่ง

เมื่อนายทุนมินลัต ไปให้เงินในฝั่งเมียนมา ก็จะใช้บัญชีของลูกค้าฝั่งไทย โอนเงินไปตามที่เราต้องการ โดยเป็นการโอนเงินเข้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งทางตำรวจพบว่าบางบัญชีที่โอนเข้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าดูมูลค่าของธุรกิจไฟฟ้า ที่มีมูลค่าปีหนึ่งเป็นร้อยๆ ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับยอดเงินไม่ดีที่เข้ากฟภ. คิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วถือว่าน้อยมาก ต่อมานายทุนมินลัต ได้จัดตั้งบริษัท ALLURE GROUP (P&E) CO.,LTD. ในไทย เปิดบัญชีกับธนาคารและให้ผู้รับโอนเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งก็คือเป็นวิธีแมชชิ่งเช่นเดิม คือเอาบัญชีในไทยโอนเข้าบัญชีบริษัทฯ​ เพื่อที่จะรวบรวมเงินชำระค่าไฟฟ้า และลงบัญชีการเงินเพื่อชำระภาษีอย่างถูกต้อง และสามารถใช้อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งได้จากย่างกุ้ง หรือที่ที่เขาอยู่ โอนเข้าไปที่กฟภ. เพราะด่านชายแดนปิด นายทุนมินลัต ไม่สามารถเข้าออกประเทศไทยได้ แต่ยังไม่ทำเรื่องภาษีก็ถูกจับกุมเสียก่อน ข่าวกลุ่มบริษัท ALLURE ฯ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายไฟฟ้าเท่านั้นไม่เกี่ยวกับธุรกิจอื่น แต่ตำรวจนครบาลกล่าวหาว่าบริษัท ALLURE หัวแปรค่ายาเสพติดเป็นกระแสไฟฟ้า แล้วจ่ายค่ายาเสพติดที่เมียนมา การซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ และส่งไปยังคณะกรรมการไฟฟ้า ซึ่งเป็นรัฐวิสากิจเมียนมามีสัญญาซื้อขายไฟอย่างชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการจ่ายเงินค่าไฟฟ้าตามใบแจ้งหนี้ของ กฟภ. และรับเงินค่าไฟฟ้าจากคณะกรรมการไฟฟ้าเมียนมา ก็รับตามใบแจ้งหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ทุกอย่างจึงถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นท่านคิดว่ามีความสมเหตุสมผลในการฟอกเงินหรือไม่ ถ้ายืนยันนั้นตนจะอธิบายไม่ได้

‘ลุงป้อม’ ลงใต้ เยือน ‘ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส’ ดันโครงการ ‘ศูนย์กลางผลิตอาหารฮาลาลของโลกมุสลิม’

(17 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมช.กห. และคณะ ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อไปปฏิบัติราชการในการประชุมสัญจร กพต. และตรวจ ติดตาม โครงการสำคัญตามแผนงาน พื้นที่ 3 จชต.

โดยเมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางถึง หมู่บ้านกำปงบารู ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานพิธี เปิดศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มมาตรฐานการเลี้ยงวัว ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จชต. และมอบพันธุ์กระถิน, หญ้าเนเปียร์ ให้แก่เกษตรกร โดยได้กล่าวเปิดงาน ในฐานะประธาน กพต. ที่ต้องการสร้างอาชีพ เศรษฐกิจ และรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้อยู่ดีกินดี และเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาล ของโลกมุสลิม ต่อไป

จากนั้น ได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมทั้งได้ทำการมอบผ้าละหมาด และอินทผาลัมแก่ผู้แทน หน่วยงาน/องค์กร ในพื้นที่ 5 จชต. บริเวณห้องโถงอาคาร ม.ราชภัฎยะลา ซึ่งได้มีผู้แทนกล่าวขอบคุณ ในโอกาสที่ท่านให้การช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ 

‘หมอวรงค์’ เผย โดนปองร้าย-ขู่ฆ่า หลังชูนโยบายปราบโกง ลั่น!! “กูไม่กลัวมึง”

(17 มี.ค. 66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom’ พร้อมภาพที่มีคนข่มขู่โดยส่งรูปปืนและข้อความว่า “กูเจอมึงที่ไหนมึงโดน” โดย นพ.วรงค์ ระบุว่า…

#ไม่เคยกลัว

หลังจากที่พรรคไทยภักดี ประกาศเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพฯ ประกาศนโยบาย ‘ปราบโกง’ ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ต้องบริหารประเทศบนพื้นฐานถูกคือถูก ผิดคือผิด ต้องเอานักโทษหนีคดีมาติดคุก

‘อัษฎางค์’ ขุดนโยบายหาเสียงชัชชาติ ก่อนเป็นผู้ว่าฯ กทม. แซะ ตอนหาเสียงโม้ทำได้จริง ส่วนปัจจุบัน ทำแล้วแต่ ‘ได้แค่นี้’

(17 มี.ค.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ หัวข้อ ‘ตอนหาเสียง ทำได้จริง Vs ตอนทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำเต็มที่แล้ว ได้เท่านี้’ มีเนื้อหาดังนี้…

‘ตอนหาเสียง ทำได้จริง Vs ตอนทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำเต็มที่แล้ว ได้เท่านี้’

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว แนะวิธีลดค่าโดยสาร รถไฟฟ้า โดยได้ระบุข้อความว่า “เรื่องอัตราค่าโดยสารใหม่ของ BTS คงเป็นเรื่องกังวลใจของพวกเราหลาย ๆ คน มีทางไหนไหม ที่จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลง? วิธีหนึ่งที่หลาย ๆ ประเทศในโลกใช้กัน คือ เพิ่มรายได้ในส่วนของ Non-Fare รายได้จากกิจการรถไฟฟ้าหรือ กิจการขนส่งทั่ว ๆ ไป เราอาจมีรายได้ในสองรูปแบบคือ

1. Fare Revenue รายได้จากค่าตั๋วโดยสาร

2. Non-Fare Revenue รายได้จากกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าโฆษณา ค่าเช่าพื้นที่ ประโยชน์จากการเชื่อมต่อสถานี

จำนวนผู้โดยสารที่ผ่านระบบมากถึง 700,000 คน-เที่ยวต่อวัน ทำให้พื้นที่ในสถานีรถไฟฟ้า ในขบวนรถไฟฟ้า ราวจับ รวมถึงรอบตัวรถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งเสาโครงสร้างรถไฟฟ้า มีมูลค่าสำหรับการโฆษณาสูงมาก เราคงจะไม่เห็นพื้นที่ไหนที่มีการโฆษณามากเท่ากับพื้นที่ในสถานีรถไฟฟ้าแล้ว

ผมเชื่อว่าถ้าเราบริหารจัดการให้ดี ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนให้ดี เราสามารถนำรายได้ในส่วนของ Non-Fare มาช่วยเสริมรายได้จากค่าโดยสารอีกไม่น้อยกว่า 20%

รายได้จากการโฆษณาและให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีรถไฟฟ้า BTS ในปี 2562-2563 สูงถึง 2,183.89 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้จากค่าโดยสาร

ในอนาคต เมื่อสัมปทานปัจจุบันสิ้นสุดลง ถ้าเรามีการประมูลที่โปร่งใส ยุติธรรมกับทุกฝ่าย มีการนำรายได้อื่นๆ จากรถไฟฟ้ามาช่วยสนับสนุนค่าโดยสาร จะช่วยทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลงได้ครับ”

ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564

สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับ สำนักข่าว The Reporters จัดเสวนาออนไลน์หัวข้อ ‘รถไฟฟ้าต้องถูกลง ทุกคนต้องขึ้นได้ ผู้ว่าฯ กทม. ช่วยได้หรือไม่’

โดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พูดถึงเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

“ถ้าไม่เอากำไรแสนล้านบาท ค่าโดยสาร 25-30 บาทเป็นไปได้ กทม. ต้องรีบเจรจา เปิดเผยสัญญาจ้างเดินรถถึง 2585 ให้ชัดเจนว่าต้นทุนที่ต้องจ่ายเอกชนเท่าไร สัญญาเป็นธรรมหรือไม่ รัฐเสียเปรียบไหม ถ้าจ้างเอกชนแพงกลายเป็นว่าต้องไปปรับค่าโดยสารขึ้น

‘กกต.’ แจงสั่งยุติ 61 คำร้องยุบพรรค ยึดตาม กม. เตือนนักร้อง!! ระวังเจอร้องเท็จ มีโทษหนัก

(17 มี.ค. 66) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีมีความเห็นว่าคำร้องยุบพรรค 61 เรื่องไม่มีมูล จึงสั่งยุติเรื่อง ว่า การพิจารณาการยุบพรรคของนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ถือเป็นเรื่องของกฎหมายพูด เป็นความยุติธรรมตามกฎหมาย ไม่ใช่นายทะเบียนคิดเอาเอง

นายแสวง ยังกล่าวด้วยว่า โดยหลัก เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะให้สำนักงานดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง 2564 ที่กำหนดให้ต้องให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงเพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

จากนั้นจึงมาพิจารณาว่า การการกระทำนั้น กฎหมายกำหนดเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ หลายคำร้องมีการกระทำตามที่ร้องเกิดขึ้นจริง แต่การกระทำนั้นไม่ใช่เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองก็จะไม่รับไว้พิจารณา หรือสั่งยุติเรื่อง

“แต่ถ้าพิจารณาแล้วการกระทำตามคำร้องนั้นอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้ ก็จะรับไว้พิจารณาว่า การกระทำนั้นครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หรือถึงขนาดให้ต้องยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งก็แล้วแต่กรณี แต่ที่ผ่านมาพบว่าเป็นคำร้องที่ไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเป็นส่วนมาก”

‘ณัฐชา ก้าวไกล’ เสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหา PM2.5 ลดผลกระทบต่อ ปชช. - เศรษฐกิจ - การท่องเที่ยว

(17 มี.ค.66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล กทม. เขตบางขุนเทียน กล่าวว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาที่ไม่มีการแก้ไขแม้ตนได้มีการส่งหนังสือร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง โดยมีข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหา 5 ข้อ คือ

1. ให้มอบหมายหนวยงานที่ชัดเจน เพื่อการแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ทั้งนี้อาจจะเป็นการมอบหมายใหกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ใหเป็นหนวยงานหลักที่จะดูแลและแก้ไขปญหาฝุน P.M.2.5 ที่มีอยูในปัจจุบัน

2. ให้กรมควบคุมมลพิษ สร้างระบบการแจ้งเตือน แอปพลิเคชัน หรือข้อความ SMS แจ้งเตือนเข้าโทรศัพท์มือถือของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงรวมถึงมีการควบคุมแหลงกำเนิดฝุ่น P.M.2.5 ที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ เพื่อใหประชาชนรู้ล่วงหน้าและการวางแผนหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว

3. ให้ประกาศมาตรการของการเกิดฝุ่น P.M.2.5 ทั้งในระดับปกติระดับปานกลาง ระดับรุนแรง และระดับวิกฤตว่าในแต่ละระดับ ประชาชนควรมีมาตรการรับมือกับปญหาอยางไร และจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างไร เช่น หากค่าฝุ่นอยูในระดับวิกฤต มีการแจงเตือนจากกรมควบคุมมลพิษชัดเจน ประชาชนสามารถใช้เปนเหตุผลในการกรอกใบลาไดโดยไมมีการหักค่าจ้าง

‘ครม.’ ไฟเขียว ขึ้นเงินเดือนผู้บริหาร-สมาชิก อบต. ปรับตามรายได้ เริ่มจ่าย 1 ต.ค.66 เป็นต้นไป

(17 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบหลักการร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล

รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยให้จ่ายค่าตอบแทนตามบัญชีอัตราค่าตอบแทนใหม่ต้ังแต่ วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยมีการกำหนดช่วงอัตราเงินค่าตอบแทนขึ้นอยู่กับ รายได้ของ อบต. ซึ่งปัจจุบันมี 5,300 แห่ง แบ่งออกเป็น 6 ช่วง ดังนี้

1.) รายได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท
อัตราค่าตอบแทนของนายก อบต. รวม 25,800 บาท/เดือน รองนายก อบต. รวม 15,480 บาท/เดือน ประธานสภา อบต. และรองประธานสภา อบต. 10,880 บาท/เดือน สมาชิกสภา เลขานุการนายก อบต. และ เลขานุการสภา อบต. 7,080 บาท/เดือน

2.) รายได้เกิน 10-25 ล้านบาท (3,562 แห่ง)
อัตราค่าตอบแทนของนายก อบต. รวม 35,600 บาท/เดือน รองนายก อบต. รวม 21,180 บาท/เดือน ประธานสภา อบต. 15,180 บาท/เดือนและรองประธานสภา อบต. 12,420 บาท/เดือน สมาชิกสภา เลขานุการนายก อบต. และเลขานุการสภา อบต. 9,660 บาท/เดือน

3.) รายได้เกิน 25-50 ล้านบาท (525 แห่ง)
อัตราค่าตอบแทนของนายก อบต. รวม 40,800 บาท/เดือน รองนายก อบต. รวม 24,840 บาท/เดือน ประธานสภา อบต. 15,840 บาท/เดือน และรองประธานสภา อบต. 12,960 บาท/เดือน สมาชิกสภา เลขานุการนายก อบต. และเลขานุการสภา อบต. 10,080 บาท/เดือน

4.) รายได้เกิน 50-100 ล้านบาท (166 แห่ง)
อัตราค่าตอบแทนของนายก อบต. รวม 46,000 บาท/เดือน รองนายก อบต. รวม 28,500 บาท/เดือน ประธานสภา อบต. 16,500 บาท/เดือน และรองประธานสภา อบต. 13,500 บาท/เดือน สมาชิกสภา เลขานุการนายก อบต. และเลขานุการสภา อบต. 10,500 บาท/เดือน

5.) รายได้เกิน 100-300 ล้านบาท (30 แห่ง)
อัตราค่าตอบแทนของนายก อบต. รวม 63,000 บาท/เดือน รองนายก อบต. รวม 38,220 บาท/เดือน ประธานสภา อบต. 24,720 บาท/เดือนและรองประธานสภา อบต. 20,250 บาท/เดือน สมาชิกสภา เลขานุการนายก อบต. และเลขานุการสภา อบต. 15,750 บาท/เดือน

6.) รายได้เกิน 300 ล้านบาท (8 แห่ง)
อัตราค่าตอบแทนของนายก อบต. รวม 75,530 บาท/เดือน รองนายก อบต. รวม 45,540 บาท/เดือน ประธานสภา อบต. 30,540 บาท/เดือนและรองประธานสภา อบต. 24,990 บาท/เดือน สมาชิกสภา เลขานุการนายก อบต. และเลขานุการสภา อบต. 19,440 บาท/เดือน

‘ชัยวุฒิ’ เตือน คนเปิด ‘บัญชีม้า’ โทษหนัก หลัง ‘พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์’ บังคับใช้วันนี้

‘ชัยวุฒิ’ ยินดีคนไทย ‘พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์’ ประกาศใช้แล้ว แนะผู้เสียหายแจ้งธนาคารระงับบัญชีม้าได้ทันที เตือนคนทำผิดรีบไปยกเลิกบัญชีม้าก่อนเจอโทษหนัก

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่ง อยู่ระหว่างการประชุม World Summit on the Information Society Forum 2023 นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ กล่าวแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคน หลัง พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. เป็นต้นไป  ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายสำคัญ ที่รัฐออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ และปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ทั้งหมด ทำให้ปัญหาจะลดลงอย่างแน่นอนหลังจากนี้

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า หลังจากนี้หากประชาชนถูกหลอกลวงทางออนไลน์ให้รีบแจ้งไปที่ธนาคารโดยตรง เพื่อที่ธนาคารจะได้ระงับบัญชีไม่ให้เงินถูกโอนออกไปเป็นทอดๆ ซึ่งหลังจากนี้ ธนาคารจะมีอำนาจระงับบัญชีต้องสงสัยได้ทันที จากเดิมต้องรอไปแจ้งความก่อนถึงจะระงับบัญชีได้

‘อัศวิน’ สอนมวย ‘ชัชชาติ’ ชี้ทาง เอาสายสื่อสารลงดิน ‘ไม่ต้องใช้เงิน’

‘อัศวิน’ สอนมวย ‘ชัชชาติ’ เอาสายสื่อสายลงใต้ดิน ไม่ต้องใช้เงินทุนซักบาท ใช้แค่กึ๋นเท่านั้น

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์รายการ TOP PEOPLE บันทึกคนสำคัญ ทางสถานีข่าว TOP NEWS โดยตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ได้พูดถึงแนวคิดการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยระบุว่า การนำสายสื่อสารลงใต้ดิน เป็นความตั้งใจอย่างมาก โดยแบ่งโปรเจกต์เป็น 4 ก้อน โดยมีระยะทางความยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตร ที่อยู่บนถนนสายหลักและสายรอง โดยไม่รวมถึงในตรอก ซอก ซอย โดยในระยะแรกที่ดำเนินการนั้น สามารถทำไปได้ประมาณ 100 กิโลเมตร 

แต่พอเปลี่ยนมาเป็นผู้บริหารชุดใหม่ โปรเจกต์เอาสายสื่อสารลงใต้ดินก็หยุดไป ด้วยเหตุผลว่า ต้องใช้เงินเยอะ แต่ตนยืนยันได้ว่า ไม่จำเป็นจะต้องใช้ทุนเลย เพราะโปรเจกต์แรกที่ทำไปนั้นก็ไม่ได้ใช้ทุนของ กทม. แต่ใช้วิธีให้เอกชนมาประมูล แล้วลงทุนวางท่อใต้ดิน จากนั้นไปเก็บเงินกับเจ้าของสายสื่อสารที่ต้องการใช้ท่อสำหรับวางสายสื่อสาร

‘บิ๊กตู่’ บุกระนอง ติดตามปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค กำชับทุกฝ่าย เร่งแก้ไข บรรเทาความเดือดร้อน ปชช.โดยเร็ว

(16 มี.ค. 66) ที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง เพื่อตรวจติดตามสภาพปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และพบปะประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาขาดแคลนนาอุปโภค บริโภค โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน, นายนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายอำเภอสุขสำราญ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยมครั้งนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรี รับฟังสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง จากนายอำเภอสุขสำราญ โดยสภาพปัญหาคือแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่มีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานกว่า 25 ปี ทำให้ท่อส่งน้ำมีสภาพเสื่อมโทรม และชำรุดเสียหาย ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำหลักในพื้นที่จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายคลองกำพวน และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายบ้านโตนกลอย

และเนื่องจากทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการถ่ายโอนภารกิจแล้ว โครงการชลประทานระนองจึงไม่สามารถขอรับสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมได้ ส่งผลให้ราษฎรขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในช่วงที่เกิดการชำรุดเสียหายของท่อส่งน้ำ

ทั้งนี้ เทศบาลตำบลกำพวนได้ซ่อมแซมและให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยโครงการชลประทานระนองได้ประสานไปยังส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 14 เพื่อพิจารณาโครงการเบื้องต้น เป็นโครงการฝายคลองโตนกลอยพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหา วงเงินงบประมาณ 40.60 ล้านบาท คาดว่าจะจัดเข้าแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีปัญหากัดเซาะชายหาดบ้านทะเลนอก ระยะทาง 7 กิโลเมตร รวมถึงระบบไฟฟ้า เป็นต้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการทำงานร่วมกันในการเร่งช่วยเหลือดูแล แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เป็นผลสำเร็จภายในปีนี้เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ ได้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางมาจังหวัดระนองในวันนี้ ว่า เพื่อมารับฟังปัญหาและหาแนวทางพัฒนาปรับปรุงให้การดำเนินงานสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนไปตามแผน รวมทั้งตั้งใจมาขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของจังหวัดระนอง ทั้งด้านเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยขอย้ำให้ทุกคนนำศักยภาพที่จังหวัดระนองมีอยู่ ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ และการเป็นจังหวัดที่ติดกับทะเล ที่จะเชื่อมไปฝั่งอันดามันและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้า สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ขอให้ทุกคนมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ รวมถึงการร่วมมือกันในประเทศและต่างประเทศ ในการลดโลกร้อนที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยเฉพาะร่วมกันรักษาป่า และปลูกป่า สร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อดูดซับคาร์บอน และสามารถใช้ในการเป็นคาร์บอนเครดิต ที่จะสร้างรายได้ในอนาคต

‘สมศักดิ์-สุริยะ’ เข้ากราบลา ‘บิ๊กป้อม’ แล้ว หลังตัดสินใจย้ายพรรค ยันไม่มีความขัดแย้ง

ลาแล้ว! ‘สมศักดิ์-สุริยะ’ เข้ากราบลา ‘บิ๊กป้อม-อ.วิษณุ’ หลังตัดสินใจการเมือง ก่อนแถลงใหญ่ 17 มี.ค.นี้ เผยยังเคารพทั้ง 2 ท่าน แต่แนวทางทำการเมืองมีเหตุผลหลายประการ ยันไม่มีความขัดแย้ง ด้าน ‘สันติ-วิรัช-ธรรมนัส’ ร่วมวงอาหารเที่ยงชื่นมื่น

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เดินทางเข้ามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อกราบลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.หลังจากตัดสินใจย้ายไปทำงานร่วมสังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.) และเตรียมจะยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และรัฐมนตรีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพูดคุยเป็นไปด้วยดี พูดคุยด้วยความเข้าใจ ไม่มีปัญหาติดใจ โดยในวงสนทนาที่ร่วมรับประทานอาหารนี้ มี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค , นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ร่วมวงพูดคุยและร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top