Monday, 19 May 2025
POLITICS

อดีตผู้แทนการค้ายุคทักษิณ-กุนซือเพื่อไทย  มัด!! 'พิธา' กุเรื่อง 'ถูกคลุมหัว-อายัดบัญชี'

(27 เม.ย.66) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะอดีตผู้แทนการค้าไทยสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปี2549 กล่าวกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์อ้างว่าเดินทางกลับจากนิวยอร์กหลังถูกรัฐประหารปี 49 ซึ่งโดยสารเครื่องบินลำเดียวกับนายปานปรีย์ว่า ก่อนเครื่องขึ้นจากนิวยอร์ก มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนำนายพิธามาฝาก โดยระบุว่าฝากน้องพิธากลับไทยด้วย แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่านายพิธามาจะมาเล่นการเมืองอะไรในอนาคต ขณะนั้นเข้าใจเพียงว่าเป็นน้องคนหนึ่ง ที่อาศัยเครื่องบินกลับมา เมื่อเครื่องมาถึงกรุงเทพฯ ตนก็ไม่คิดว่าจะเจออะไร เพราะได้ส่งนายทักษิณที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษแล้ว

"แต่เมื่อเครื่องถึงสนามบินดอนเมือง เครื่องบินลำดังกล่าวกลับจอดนิ่งประมาณครึ่งชั่วโมง ท่าทางไม่ค่อยดี ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าคณะเดินทาง จึงเดินไปบอกคนในเครื่องรวมถึงนายพิธา ว่าเราคงไม่ได้ลงที่ดอนเมือง ตอนนี้เครื่องมาจอดที่ บน.6 แล้วขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เชื่อว่าไม่มีปัญหาเพราะเราไม่ใช่นักการเมือง"

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนั้นนายพิธาขึ้นเครื่องในฐานะที่เป็นทีมงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ในขณะนั้น หรือเป็นแค่คนไทยที่อาศัยเครื่องบินเดินทางกลับประเทศ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ทราบเพียงว่าเป็นหลานของนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขาส่วนตัวนายกฯ ทักษิณ

‘รศ.ปวิน’ เผยอีกมุม ‘ชัยวุฒิ’ นักการเมืองสายชั้นเชิง แท็กติกเยอะ!! ใครคิดว่า ‘โง่’ ขอแย้งแทน เขาไม่ได้ ‘โง่’

‘รศ.ปวิน’ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต เผยมุมมองใหม่ หลายคนมองแง่ลบทางความคิด ‘ชัยวุฒิ’ ในบทนักการเมือง แต่แท้จริงแล้ว ลึกๆ มีเรื่องราวซ่อนอยู่มากมายในทุกประเด็น ที่ใครว่า ‘โง่’ ขอแย้งแทน เขาไม่ได้ ‘โง่’

(27 เม.ย. 66) รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต ให้สัมภาษณ์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ และการเลือกตั้งปี 2566 ผ่าน ‘เนม รติศา วิเชียรพิทยา’ บล็อกเกอร์สาว เจ้าของช่องสรุปข่าวแบบเข้าใจง่าย ในชื่อ NailName ซึ่งออกอากาศทาง YouTube ที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามมากกว่าครึ่งล้าน โดยบางช่วงได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตน กับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า…

เป็นความสัมพันธ์ที่ดีใจจุดหนึ่ง แต่อีกมุมก็มองว่าค่อนข้างแปลก ซึ่งเรื่องนี้เล่าให้ฟังเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยคุณโอ๋ ชัยวุฒิ เคยพยายามปิดตลาดหลวง และอยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องตนเองในด้านอาชญากรรมไซเบอร์มาก่อน แต่ก็ไม่เคยไม่พอใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เคยมีการพูดคุยกันอยู่บ้าง เมื่อครั้งตนเอง เขียนหนังสือเล่มใหม่ และต้องการส่งหนังสือไปให้ ทางคุณโอ๋ ชัยวุฒิ เองก็น่ารัก ยินดีรับหนังสือดังกล่าว บางครั้งในโซเชียลก็มีการโต้ตอบกันบางในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเมื่อครั้งคุณโอ๋ ชัยวุฒิ ไปทำบุญกับคุณแม่ภรณี ธนาคมานุสรณ์ ตนเองก็เข้าไปคอมเมนต์ ก็ได้รับการตอบกลับมา ว่าคุณแม่ ฝากบุญมาให้ตนเอง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่ารัก ไม่คิดว่าจะเป็นการพูดคุยกันในรูปแบบบุคคลธรรมดาทั่วไปได้ 

โซเชียลขุด 'กานต์กนิษฐ์' หย่า 'โอ๋-ชัยวุฒิ' แล้วรวย!!  มีทรัพย์สินเพิ่มกว่า 57.9 ล้าน แซว "สูบไปเยอะ"

หลังจากเกิดกระเเส 'ไข่ต้ม ฟีเวอร์' เเล้วชาวเน็ตจับสังเกต การตกเเต่งห้องครัว จนนำไปสู่การขุดคุ้ย บัญชีทรัพย์สิน ของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 

ล่าสุด ชาวเน็ตสายสอด ก็ไล่ตามไปเปิดดู บัญชี 'กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ' อดีตภรรยา 'โอ๋-ชัยวุฒิ' รมว.ดิจิทัลฯ ผู้ที่มีดรามาไข่ต้มอยู่ในขณะนี้ โดยหลังจากหย่ากันไป กานต์กนิษฐ์ ฝ่ายอดีตภรรยามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 60 ล้านบาท 

ว่าแล้ว ก็ขอเผือกเจาะลึกทรัพย์สินของกานต์กนิษฐ์ตามรายการที่ได้เเจ้งบัญชีทรัพย์สินล่าสุดต่อคณะกรรมการ ปปช. กันสักหน่อย

โดนขอไล่ต้นเรื่อง หลังจากที่คุณโอ๋ ชัยวุฒิ รมว.ดิจิทัลฯ ได้โพสต์คลิปวิดีโอกับลูกชายขณะกำลังกินข้าวกับไข่ต้ม พร้อมสอนว่า "วันนี้วันหยุดเราก็กินอาหารเช้าแบบง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องกินหรู อยู่สบายทุกมื้อนะ วันนี้เรากินไข่ต้มกัน" โดยถามลูกว่า "กินไข่ทุกวันใช่มั้ยครับ" ลูกก็บอกว่า "ไม่ค่อยทุกวัน กินขนมปัง" จากนั้นจึงสอนลูกว่า "ไข่ต้มมีประโยชน์ มีโปรตีน"

พลันที่คลิปปรากฎ ก็ได้มีดรามาทัวร์ลงแห่คอมเมนต์แซะมากมาย เช่น “บิ๊วท์อินครัวสวยจังค่ะ ราคาเท่าไหร่คะท่าน” และนั่นจึงเป็นที่มาของเพจบางเพจไปเปิดบัญชีทรัพย์สิน นายชัยวุฒิ ก่อนดำรงตำเเหน่ง รัฐมนตรี ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่ 159 ล้าน ในปี 2562 

อย่างไรก็ตาม ก็คอมเมนต์ต่างเข้ามาตอบโต้ว่า...

“แต่หลังหย่าแกก็โดนกานต์กนิษฐ์สูบไปเยอะจ้าา” 
“คู่สมรสแบ่งทรัพย์สินไปเป็นที่เรียบร้อย” 
“คุณชัยวุฒิเสียไปกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยเลยนะคะ”
“เมียเก่าก็ได้จากคุณโอ๋ไปเยอะ สงสารคุณโอ๋งะ” 

แน่นอนว่า คอมเมนต์บางส่วน ก็ถูกเพจลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนี่จึงเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการเปิดประเด็นเจาะทรัพย์สินของ กานต์กนิษฐ์ กันขึ้นมา...

'พิธา' เปิดใจ!! แจงดรามา 'ทหารคุมตัวจนไปงานศพพ่อไม่ทัน'  ด้านคุณแม่พิธา ส่งข้อความ "ไม่รู้จักเพื่อนของพ่อคนดังกล่าว"

เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลัง ลงจากเวทีดีเบต ของสถานีโทรทัศน์ PPTV ถึงกรณี ดราม่าการกลับมางานศพพ่อของตนเองไม่ทันหลังจากรัฐประหาร 2549 ว่า ตนมางานศพพ่อไม่ทันจริงๆ โดยงานศพ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-24 กันยายน 2549 ตนมาทันในวันที่ 22-24 กันยายน 2549 หลังจากนั้นก็เก็บศพไว้ 100 วันก่อนทำการฌาปนกิจ การพูดในรายการของหนูแหม่ม สุริวิภา และรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอางานศพของพ่อใครมาพูดให้เป็นเรื่องแบบนี้

นายพิธา ยังได้ชี้แจงหลักฐานให้ผู้สื่อข่าวดูมา มีทุกอย่างครบ ว่ากลับมาประเทศไทยอย่างไร เป็นรูปภาพกำหนดการงานศพ ตั๋วเครื่องบิน 

เมื่อถามว่าตอนสมัยกลับจากสหรัฐอเมริกา มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นข้าราชการการเมืองแล้วหรือเป็นนักเรียนทุนกันแน่ นายพิธา ชี้แจงว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งลาออกจากทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พอดี และจะเดินทางไปศึกษาต่อ ดังนั้นจึงเป็นช่วงคาบเกี่ยวกัน

“นี่เป็นการทำงานตอนที่เป็นทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ … และหยุด ลาออก แล้วก็บินไปเรียนหนังสือต่อถึงวันที่ 6 คุณพ่อเสีย 19 กันยายน อย่างที่บอก เพราะฉะนั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยว ผมก็ต้องบอกว่าเพิ่งทำงานเสร็จ และจะไปปฐมนิเทศเริ่มการเรียนหนังสือ แต่อย่างไรก็ตามนามสกุลของเรายังมีบันทึกอยู่ เวลาลงพื้นที่มีคอมพิวเตอร์ มีแลปทอป ถ้าดูจากข่าวว่าสิงคโปร์บินถึงประเทศไทยวันที่ 21 กี่โมง ตอนนั้นประมาณบ่ายโมง ผมยังจำได้ว่าสัมภาษณ์กับท่านสุริวิภา ตอบไปว่าอยู่ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ถ้าจำไม่ผิด” นายพิธากล่าว

นายพิธา สรุปว่า ภายหลังจากออกจากกักตัวที่กองทัพอากาศ ก็ถึงบ้านประมาณสองทุ่ม ตนจำได้ว่ามาถึงแม่ของตนที่กำลังกลับจากงานศพ โดยแม่เพิ่งบอกว่าไปงานศพพ่อมา แสดงให้เห็นว่าตอนกลับมาก็ไปไม่ทัน ตนย้ำว่าไม่มีใครที่อยากเอาชีวิตพ่อตัวเองมาทำให้เป็นดราม่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันถึงการรัฐประหารว่าทำให้เกิดอะไรขึ้นกับประชาธิปไตยบ้าง

นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้เป็นนักการเมือง หากประชาชนอยากตรวจสอบก็สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งก็เห็นอยู่แล้วว่ามีภาพชัดเจน ตนคิดว่าประชาชนจะเข้าใจ และการอธิบายก็คงทำให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น 

นายพิธา ย้ำอีกว่า แม่ของตนได้เห็นโพสต์ของสื่อฉบับหนึ่ง ที่ระบุว่าเพื่อนของพ่อตนโพสต์เฟซบุ๊กบอกว่าตนโกหก เพื่อเรียกกระแสดราม่า โดยแม่เพิ่งส่งข้อความมาว่าไม่รู้จักเพื่อนของพ่อคนดังกล่าว

นายพิธา กล่าวพร้อมโชว์รูปวันที่พ่อแม่ไปส่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า รูปดังกล่าวเป็นวันที่พ่อของตนไปส่งเรียนต่อ ช่วงวันที่ 6-7 กันยายน 2549 และรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตนไม่ได้มีโอกาสบอกลาพ่อ ซึ่งการสัมภาษณ์บางครั้งอาจถูกตัดออกไป นอกจากนี้ตนคิดว่ายังมีความเข้าใจผิดเรื่องไทม์โซนของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งตอนที่แม่โทรมาบอกตน แม่ก็โกหกบอกว่าพ่อยังไม่เสีย เพื่อต้องการไม่ให้ตนแตกสลาย อย่างน้อยบินกลับมาเมืองไทยและอยู่กับครอบครัว 

“คุณต้องเข้าใจว่าคนที่เสียพ่อ โดยที่ไม่ได้ลากันมันไม่มีเวลามานั่งไล่จับรายละเอียดอย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าคุณอยากรู้ผมก็มีหลักฐานที่จะมาเปรียบเทียบให้ชัดๆ ไปก็ได้ ว่าสิ่งที่พูดมาไม่เป็นความจริง และอย่าทำให้การเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลตอนนี้เสียสมาธิ ขอเรียกร้องให้คนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่าเสียสมาธิกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้” นายพิธากล่าว

ทั้งนี้ นายพิธา ยังได้โพสต์โชว์ 3 ภาพดราม่า 

โดยรูปที่ 1 แสดงให้เห็นว่างานศพของคุณพ่อตนนั้นเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 - 24 กันยา ต่อคำถามว่า สรุปแล้วมาทันหรือไม่ทันกันแน่ คำตอบ คือ มาทันครึ่ง (วันที่ 22-24) “และ” ไม่ทันครึ่ง (วันที่ 18 - 20) ทั้งการสัมภาษณ์ของคุณสุริวิภากับของคุณสรยุทธ์จึงไม่มีอะไรขัดแย้งกัน

รูปที่ 2 อ้างอิงถึง ข่าวจาก Channel News Asia รายงานว่า วันที่ 21 กันยายน 2549 เครื่องบินรัฐบาลไทยที่กลับสู่ประเทศไทยหลังการรัฐประหาร โดยลงจอดที่สนามบินกองทัพอากาศ ในช่วงประมาณ 12.40 น. ซึ่งเป็นเครื่องบินลำที่ตนโดยสารมาจาก นิวยอร์กและลอนดอน จากรายงายข่าวจะพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมตัวและตรวจสอบบนเครื่องบินอย่างละเอียด ตนถูกกักตัวอยู่ 5-6 ชั่วโมง กว่ารถบัสจะออกมา กว่าจะมีรถของตนมารับ ก็ถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ จำได้ว่าถึงบ้านก่อนคุณแม่และน้องที่ใส่ชุดดำกลับมา แล้วเราก็กอดกันเป็นครั้งแรกหลังสูญเสียคุณพ่อ

‘ศรีสุวรรณ’ จ่อร้อง กกต. สอบ ‘พิธา’ ปมอ้างกลับไทยช่วงรัฐประหาร 49 ชี้ เข้าข่ายจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคการเมือง

(27 เม.ย.66) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่โลกโซเชียลจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังถูกขุดบทสัมภาษณ์ที่ไปออกรายการกับสองพิธีกรชื่อดัง คือ คุณสรยุทธ (ปี 2566) และคุณหนูแหม่ม-สุริวิภา (ปี 2552) ซึ่งบทสัมภาษณ์ใน 2 รายการ 2 ช่วงเวลา แต่เห็นการณ์เดียวกันกับมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นที่นายพิธาได้อ้างว่ากลับมาเมืองไทยช่วงรัฐประหารปี 49 ซึ่งมีถ้อยความที่ดูจะต่างกันพอสมควร อาทิ การรับราชการเป็นทีมงานนักการเมือง การให้ร้ายกองทัพเพราะถูกควบคุมตัว การไปงานศพคุณพ่อไม่ทัน การถูกควบคุมการเงินจนไม่มีเงินทำศพพ่อ ฯลฯ

‘พี่คนดี’ ร่ายกลอนซัด ‘พิธา - ก้าวไกล’ ‘มืออย่าง ปากอย่าง ใจอย่าง’ ปม ม.112

(27 เม.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์บทกลอนชื่อ ‘มืออย่าง ปากอย่าง ใจอย่าง’ มีเนื้อหาดังนี้

มือแปะ ยกเลิกแน่ ปากบอกแค่ ขอแก้ไข
ปากบอก เทิดทูนไว้ แต่ในใจ นั้นใช่หรือ
สิ่งที่ ในใจอยาก อาจผิดจาก ปากและมือ
เห็นแวว ความไม่ซื่อ ใครเชื่อถือ ให้แปลกใจ

ความเป็น กบฏรัฐ ย้อนประวัติ เห็นชัดแจ้ง
หลายสิ่ง ที่แสดง โคตรหยาบแรง อย่าแกล้งไก๋
พูดอย่าง ทำอีกอย่าง บอกไม่ล้าง แต่อย่างใด
มีใคร ว่าก้าวไถล ไม่โกหก จงยกมือ

‘แอดมินตาหวาน’ โผล่ฟาด ‘ช่อ’​ เหตุจาบจ้วงสถาบันฯ ลั่น!! ยังน้อยไป ถ้าเทียบกับที่ปั่นหัวเยาวชนให้ทำลายชาติ

(26 เม.ย. 66) หลังเกิดเหตุเผชิญหน้ากันที่รายการดีเบตช่องดัง ของ ‘แอดมินตาหวาน’ ที่บุกมาเจอ ‘ช่อ’​ พรรณิการ์ วานิช ระหว่างทีมงาน ‘รอยตุ๊’​ นพดล พรหมภาสิต กับ ช่อ พรรณิการ์ผู้ช่วยหาเสียงคณะก้าวไกล หนึ่งในคณะทำงานพรรคก้าวหน้า ร้อนฉ่ายิ่งกว่าตัวแทนที่ขึ้นไปดีเบตบนเวที จน ‘ป้าอยุธยา’ ต้องรีบเข้ามาห้ามทัพนั้น เมื่อมีคลิปที่ถูกเผยแพร่ออกมาในโลกโซเชียลมีเดีย แอดมินตาหวานยอมรับ โดยกล่าวว่า “นี่ยังน้อยไป ถ้าเทียบกับที่คนกลุ่มนี้ปั่นหัวเยาวชน ทำลายประเทศชาติ”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในสตูดิโอ เวิร์คพอยท์ ซึ่งจัดให้มีการดีเบตกัน ระหว่างแฟนคลับของแต่ละพรรคการเมือง โดย ช่อ พรรณิการ์ วานิช มาในนามของแฟนคลับพรรคก้าวไกล นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือ ‘มัมดิวไดอารี่’ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มาในนามแฟนคลับพรรคเพื่อไทย และ ‘แอดมินเจน’ วริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ หัวหน้าทีมเชียร์ลุง มาในนามแฟนคลับของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

บรรยากาศการบันทึกเทปในรายการเป็นไปได้ด้วยดี แต่บรรยากาศกองเชียร์ ทีมแอดมินเจน ค่อนข้างร้อนระอุดุเดือด โดยเฉพาะช่วงที่อัดเทปรายการเสร็จ รอยตุ๊ นพดล และ ‘ตาหวาน’ หรือ วลัญช์รัช สิทธิสวัสดิ์ แอดมินเพจภาคีประชาชนปกป้องสถาบันฯ ได้ขอเข้าไปเคลียร์กับช่อ พรรณิการ์ วานิช พร้อมถามตรง ๆ เรื่องการจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เป็นเหตุให้ ‘ป้าอยุธยา’ หรือ กัลยาณี จูปรางค์ แฟนคลับตัวยงรุ่นใหญ่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อีก 1 คน พร้อมด้วยแอดมินเจนได้เข้าไปห้ามทัพ ไม่ให้ตาหวาน และรอยตุ๊ จี้คำถามกับช่อ

จับผิด ‘ช่อ พรรณิการ์’ โต้ปมไหน… ‘ก้าวไกล’ กุมขมับ (เสมอต้นเสมอปลาย)

>> ประเด็นแรก ช่อบอกว่าเด็กไปทำโพลเรื่องงบประมาณสถาบันฯ เป็นเรื่อง รบ. ไม่ใช่เรื่องสถาบันฯ

-ข้อเท็จจริง การทำโพลของม็อบ 3 นิ้วในหลายประเด็น ทั้งเรื่องขบวนเสด็จฯ เรื่องบประมาณ ล้วนใช้คำจาบจ้วงสถาบันฯ ไม่ได้ตั้งคำถามถึง รบ.แต่อย่างใด

-ตัวอย่าง กรณีของ ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ถูกดำเนินคดี 112 เตรียมป่วนขบวนเสด็จฯ และไลฟ์ใช้คำพูดจาบจ้วงสถาบันฯ

>>ประเด็นที่ 2 ช่อบอกว่าประเทศไทย อยู่มาจนถึงวันนี้ เพราะทหารล้มตาย ไม่ใช่เจ้า

-ข้อเท็จจริง ประวัติศาสตร์ของไทย ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา การทำศึกสงคราม พระมหากษัตริย์ ก็เป็นผู้นำทัพรบกับข้าศึก ไม่ได้เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งการ

-ตัวอย่าง สมเด็จพระนเรศวรฯ ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพจากพม่า หลังเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1

ย้อนคำพูด 'บิ๊กแดง' ถามปัญหาประเทศชาติ ไว้ใจใครแก้? เมื่อ 'อาจารย์-นักวิชาการ-เด็กนอก' ปลุกคนรุ่นใหม่ล้มล้างสถาบัน

ถูกหยิบยกกลับมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลอีกครั้ง สำหรับคำกล่าวของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ 'บิ๊กแดง' ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้บรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง 'แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง' ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก 11 เมื่อตุลาคม 2562 โดยระบุว่า...

“ทุกท่านไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ได้ แต่ขอถามทุกท่านว่า สุดท้ายแล้วปัญหาเรื่องความมั่นคง ควรจะให้ใครแก้...นักวิชาการ หรืออาจารย์บางคน ที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม เป็นคลังสมอง ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอนแบบไร้จรรยาบรรณ ชอบอ้างเลข 2475 เป็นตัวชี้นำ ชอบอ้างว่าตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง ซึ่งบ้างก็เป็นนักธุรกิจ เจ้าของโรงงานที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบากเหมือนพวกฮ่องเต้ซินโดรม เคยชุมนุมร่วมกับคนเผาบ้านเผาเมือง สมคบคิดกับชาวต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรมล้างสมองคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นฐานให้แก่ตนเข้าสู่การเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติสถาบัน

‘อดีตทหารมะกัน’ แฉ!! กลุ่มรับเงิน ‘NED’ ในไทย ทำ IO ใส่ร้ายผู้อื่น แนะ!! จัดการตามมาตรฐานสหรัฐฯ

จากกรณีที่มีการถกเถียงกันในประเด็นทางการเมืองต่างๆ นานา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีกลุ่มการเมืองที่กล่าวโจมตี หรือ Name Calling ผู้อื่นและสื่อที่เห็นต่างจากพวกตนเอง ว่าเป็น 'IO รัฐ' (ไอโอรัฐ) ทั้งๆ ที่กลุ่มประชาชนและสื่อที่เห็นต่างนั้น ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการใส่ร้ายผู้อื่นและไม่เป็นประโยชน์ต่อการพูดคุยดีเบตประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการหาเสียงกันอย่างเข้มข้น

แต่ทางด้านของนายไบรอัน เบอร์เลติก (Brian Berletic) อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ผู้ผันตัวมาเป็นสื่อมวลชนนักคิดนักเขียนชาวอเมริกัน ที่คนไทยเคยรู้จักในนามปากกา ‘โทนี คาร์ตาลัคซี’ (Tony Cartalucci) ซึ่งคอยตีแผ่และเปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังในหลายประเด็น ทั้งการเมืองไทยและการเมืองต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 อดีตทหารอเมริกันท่านนี้ ได้ทวีตข้อความที่มีสาระสำคัญว่า...

“องค์กร National Endowment for Democracy (NED) ของสหรัฐฯ ได้สร้างองค์กรจำนวนมาก ที่คอยทำปฏิบัติการ IO (Influence Operations) ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในประเทศไทยด้วย แต่เมื่อรัฐบาลไทยพยายามหยุดยั้งการกระทำเช่นนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กลับโวยวายเรื่อง 'เสรีภาพในการพูด' (Free Speech)”

ทวีตดังกล่าวของนายไบรอัน เป็นข้อความที่รีทวีตต่อมาจากทวีตข้อความของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่อ้างว่าทางการสหรัฐฯ ได้จับกุมตัวและดำเนินคดีประชาชนชาวอเมริกันและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองรัสเซีย ที่แอบสมรู้ร่วมคิดในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายรัสเซีย และสมรู้ร่วมคิดในการแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

‘เสธ.นิด’ จับโป๊ะ!! ‘พิธา’ แต่งเรื่องไม่มีเงินทำศพพ่อ ชี้!! สร้างกระแสดรามา เรียกคะแนนให้คนสงสาร

(26 เม.ย.66) พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ เสธ.นิด อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ‘Vachara Riddhagni’ ระบุว่า…

ข้อพิจารณาเพิ่มเติมการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักการเมือง ในคำให้สัมภาษณ์กับนายสรยุทธ 2 เรื่องที่เขากุขึ้นมา

1. ถูกควบคุมตัวที่กองทัพอากาศ ดอนเมือง จนมางานศพไม่ทัน แท้จริงแล้ว เขาถูกกักตัวที่ กองทัพอากาศเพราะวันนั้น คมช. ยึดอำนาจแล้ว และตัวเขาเองก็ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก 2552 ว่า “ถูกกักตัวเพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้นเพราะว่าเหตุการณ์กำลังตึงเครียด (ระวังกองทัพอากาศอาจจะฟ้องหมิ่นประมาทให้ร้ายกองทัพอากาศได้นะ)”

แต่มาให้สัมภาษณ์ปีนี้ว่า “ถูกกักตัวจนมางานศพพ่อไม่ทัน” งานสวดศพคุณพงษ์ศักดิ์นั้น คืนแรกผมก็ไปและได้เจอนายพิธาด้วย

คุณพ่อเขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานด้วยกันที่ อตก. และ พูดคุยกันบ่อย พี่ชายหรือลุงนายพิธารู้ดีเพราะเป็นเพื่อนรุ่นที่สนิทกันพอควร

แม้ก่อนเสียชีวิตนั้นผมแนะนำว่าคุณพงษ์ศักดิ์ว่า ควรจะไปโรงพยาบาลศิริราช เพราะเกิดอาการไอต่อเนื่องไม่ทราบสาเหตุ

ผมแนะนำเพราะคิดว่าต้องมีการวินิจฉัยอย่างละเอียดด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ประจำห้องแลป ยังคุยกันอยู่ก่อนตายครับ

‘อดีตทูตนริศโรจน์’ ถาม ‘พิธา’ ปมนั่งเครื่องบินกลับไทย ชี้!! หากเป็นลูกหลานชาวบ้านธรรมดา คงลำบากกว่านี้

อดีตทูตนริศโรจน์ถามตรงๆ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ได้นั่งเครื่องบินกลับไทยตอนปฏิวัติ 2549 เพราะมีนามสกุลเดียวกับมือขวาทักษิณใช่หรือไม่ บอกสุดโชคดีที่ไม่ใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาจริงๆ

(26 เม.ย.66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า…คุณพิธาครับ ผมมีคำถามที่อยากทราบ ขอถามกันตรงๆ เลยนะครับว่า

การที่คุณได้นั่งเครื่องบินร่วมกับ ขรก.อีก 20-30 คน จาก นิวยอร์กกลับ กทม. โดยเครื่องพิเศษนี้ลงที่สนามบิน บก.ทอ. ในกองทัพอากาศ เพราะเป็นเครื่องเที่ยวบินพิเศษที่รัฐบาลตอนนั้นเช่าเหมาลำจาก TG (เครื่อง A340-500) พาคุณทักษิณไปนิวยอร์ก แต่พอคุณทักษิณถูกปฏิวัติปี 49 เครื่องบินเลยต้องบินตีกลับ กทม.พร้อม ขรก.ที่เหลือซึ่งต้องเดินทางกลับไทยพร้อมเครื่องตามที่คุณเล่าในรายการคุณสรยุทธ และคุณแหม่ม สุริวิภา นั้น เป็นเพราะคุณอาของคุณ ที่ชื่อ ผดุง (นามสกุลเดียวกับคุณ) ที่ทำงานเป็นมือขวาคนสนิทของคุณทักษิณ ฝากให้คุณได้นั่งมากับเครื่องลำนั้นใช่มั้ยครับ ?

'เทพมนตรี' ชี้!! รากเหง้าคนไทยผูกพันสถาบันพระมหากษัตริย์ กร้าว!! อย่าปล่อยให้อ้ายอีตัวใด เข้ามาแบ่งแยก-บ่อนทำลายได้

'เทพมนตรี' ย้อนประวัติศาสตร์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพลเมือง มีรากเหง้าที่มาร่วมกัน สถาบันพระมหากษัตริย์คือความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็นไทย อย่าปล่อยให้ อ้ายอีตัวใด เข้ามาแบ่งแยกทำลาย

(26 เม.ย.66) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า…ความเป็นไทยของเรามาถึงปัจจุบันนี้ประเทศของเรามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันเกิดจากรากเหง้าที่ผสมผสาน บ่มเพาะ คัดสรร ได้อย่างลงตัว เรารับสิ่งที่สูงค่า ตกทอด สืบเนื่อง มาจากบรรพชน อารยธรรมตะวันตก ตะวันออก ถูกทำให้มีความเป็นไทย

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพลเมือง จึงมีรากเหง้าที่มาร่วมกัน หาได้แบ่งแยก พลิกผันไปตามพลวัตรทางประวัติศาสตร์

แม้อุดมการณ์ โคโลเนียล ศิวิไลซ์ หรือการปฏิวัติโดยคณาธิปไตยอย่างคณะราษฎร หรือยุคสมัยที่เราเรียกสงครามเย็น การต่อสู้กันทางการเมืองระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย ก็มิอาจทลายกำแพงความเป็นไทยที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของเราได้

เราจึงมีวิถีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ล้มลุกคลุกคลานมาเกือบ 90 ปี รัฐประหารบ้าง เผด็จการรัฐสภา สภาผัวสภาเมีย ช้ำเลือดช้ำหนองมายาวนาน จวบจนกระทั่งทุนนิยม สร้างทุนนิยมผูกขาด จนกลายเป็นทุนนิยมสามานย์

ลองคิดดูว่า ที่เรายังธำรงอำนาจอธิปไตยของเราเอาไว้ได้ จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะอะไร และด้วยเหตุใด

คนไทย...ไม่ได้โง่!! ประสบการณ์ช่วงรัฐประหารจาก 'พิธา' ต่างกันแค่ช่วงเวลา..แต่เรื่องเดียวกัน

(25 เม.ย.66) โลกโซเชียลจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังถูกขุดบทสัมภาษณ์ กับสองพิธีกร ในสองช่วงเวลาที่ต่างกันกับประเด็นที่เจ้าตัวได้กลับมาเมืองไทยช่วงรัฐประหารปี 49 ซึ่งมีถ้อยความที่ดูจะต่างกันพอสมควร จนเริ่มถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงการดูถูกผู้คนทั้งฝ่ายตนและฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะเพราะบทบาทที่แตกต่างกันด้วยหรือไม่ คงต้องลองไปพิจารณากันดู...

(2566)
Q: สรยุทธ ถาม “คุณยังไม่เคยมีประสบการณ์การถูกจับ” 
A: พิธา โต้กลับ “ผมเคยมี เมื่อปี 49 ผมเรียนหนังสือ ที่บอสตัน คุณทักษิณ ประชุม UN กับคุณปานปรีย์ และดร.สุรเกียรติ ที่ยังเป็นเลขา UN อยู่ในสมัยนั้น ซึ่งพ่อผมเสีย 19 กันยา 2549 ผมบินมาที่นิวยอร์ก CNN รถถังออก ผมบินกลับมากับคุณทักษิณ ส่งที่ลอนดอน กลับมาที่กองทัพอากาศ คืนแรกผมไปไม่ได้ เขารื้อคอมผม เขาทำผมทุกอย่าง” 

Q: สรยุทธ ถามต่อว่า “แต่คุณไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับรัฐบาลคุณทักษิณนะ” 
A: พิธา จึงได้เล่าต่อว่า “ผมทำงานให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะข้าราชการการเมืองในตอนนั้น”

Q: สรยุทธ ได้ตั้งคำถามต่อไปอีกว่า “คุณกลับมาถึงแล้ว คุณถูกบล็อก แล้วคุณไปไหน” 
A: พิธา ตอบ “อยู่ที่กองทัพอากาศ”  
Q: สรยุทธ ได้ยิงคำถามไปอีกว่า “โดนคุมตัวนานเท่าไหร่” 
A: พิธา ตอบกลับว่า “เหตุการณ์ตั้งแต่ปี 49 นานมาแล้ว แต่ผมยังจำได้ว่า ไปงานศพพ่อไม่ทัน และไม่ใช่แค่ถูกควบคุมตัว แต่ถูกควบคุมเรื่องการเงิน 2-3 เดือนที่ผมหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้” 

หลังจากคลิปที่พิธาได้ให้สัมภาษณ์กับ สรยุทธ จบ ก็ได้มีการตัดคลิปไปที่ การให้สัมภาษณ์ระหว่าง พิธา และหนูแหม่ม โดยมีการพูดคุยกันดังนี้...

(2552)
พิธา เริ่มเล่า “ผมเรียนที่บอสตัน แต่บอสตันไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากบอสตัน มาที่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องแวะที่นิวยอร์ก” 

Q: คุณหนูแหม่ม ถามว่า “พอมาถึงนิวยอร์กแล้ว มีไฟลท์บินทันทีมาถึงที่ไทยไหมคะ” 
A: พิธา ตอบ “ไม่มีครับ ก็ต้องรอ แต่พอกลับมาที่ประเทศไทยเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีรัฐประหารพอดี ก็เลยล่าช้าไปหน่อย พอมาถึงก็เป็นคนไทยที่มาจากนิวยอร์ก เขาเลยกักตัวไว้พักหนึ่ง ก็ทำให้ไปงานศพคุณพ่อช้า”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามเพิ่มเติมว่า “กลับมายังไงคะ ถึงถูกกักตัว” 
A: พิธา ได้ตอบกลับว่า “บินของรัฐบาลไทยตอนนั้น เครื่องบินไทยของรัฐบาลที่มีคนของรัฐบาลไปประชุม UN ซึ่งถ้าผมไม่กลับเที่ยวบินนั้น ก็ต้องรอไปอีก 2-3 วัน ก็เลยตัดสินใจกลับมา”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามเสริมว่า “ถ้าเดาไม่ผิด น้องทิมอยู่ในเครื่องนั้นที่ส่งกลับมาจากนิวยอร์ก เพื่อที่จะกลับมาเมืองไทย คุณอยู่ในเครื่องนั้นกี่คน” 
A: พิธา ตอบว่า “น่าจะประมาณ 20-30 คน ก็คือข้าราชการ” 

Q: หนูแหม่ม ได้ถามไปอีกว่า “ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าราชการ ยกเว้นคุณเป็นเด็กคนหนึ่ง ที่ถูกฝากกลับมาในเครื่องบินนั้น” พร้อมกับถามเพิ่มไปอีกว่า “เครื่องลงที่ไหนคะ สุวรรณภูมิ หรือดอนเมือง” 
A: พิธา ตอบว่า “ที่กองทัพอากาศ”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามย้ำไปว่า “เกิดอะไรขึ้น ถึงถูกกักตัว”
A: พิธา ได้อธิบายไปว่า “พอมันมีเหตุรัฐประหาร ประเทศเขาก็ต้องคัดกรองเป็นธรรมดา เขาก็ถามว่าทำไมเป็นนักเรียน แล้วกลับมากับไฟล์ทนี้ได้ ซึ่งได้อธิบายไปว่า คุณพ่อเสีย ตั้งใจจะกลับมางานศพท่านให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ไม่ว่าอะไร”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามว่า “กักตัวนานไหมคะ” 
A: พิธา ได้บอกไปว่า “4-5 ชั่วโมง สายนิดหน่อยแต่ก็ยังทัน”

หลังคลิปเปรียบเทียบการให้สัมภาษณ์ของพิธาระหว่าง สรยุทธ และหนูแหม่มเสร็จ ก็มีการนำมาเปรียบเทียบได้ว่า “นี่คือมนุษย์คนเดียวกัน แต่ 2 เวอร์ชัน และมีประเด็นที่ถูกจับผิด ดังนี้...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top