Saturday, 18 May 2024
POLITICS

‘ณัฐชา’ ซัด!! กองสลากฯ ออกกฎขายสลากเอื้อนายทุน หลังประกาศผู้รับโควตาที่อายุ 70 ปี+ ต้องมีใบรับรองสุขภาพ

‘ณัฐชา’ ซัดเดือด กองสลากฯ ประกาศกฏผู้สูงอายุ 70 ปี+ ต้องตรวจสุขภาพไม่มีโรคส่วนตัวถึงขายได้ ชี้หยุดประเคนผลประโยชน์ให้ทุนใหญ่

(14 พ.ย. 65) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อย ว่าพวกเขาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากหลังจากที่มีประกาศจะให้คนที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปที่มีโควตาขายสลากต้องมีใบรับรองสุขภาพว่าสุขภาพดี

ณัฐชาระบุว่า ในความเป็นจริงผู้ที่มีอายุ 70ปี ขึ้นไปจะไม่มีโรคประจำตัวเลยคงยาก แค่ที่พบเห็นทุกคนที่ไม่ว่าจะเดินหรือนั่งขายสลากพวกเขาแข็งแรงในระดับที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ประกาศที่ออกมาตนมองว่าเป็นการบีบและตอกย้ำว่าประเทศไทยต้องมีรัฐสวัสดิการ ไม่เช่นนั้นผู้สูงอายุ พวกเขาจะถูกคัดออกจากระบบและกดดันให้ไม่สามารถมีพื้นที่ในการทำมาหากินอะไรได้เลย เบี้ยคนชราวันละ 20 บาทไม่สามารถรองรับชีวิตใครได้ 

“ผมว่าประเทศไทยต้องเลิกดูถูกผู้สูงอายุได้แล้ว พวกเขาต้องได้รับการดูแลให้มีศักดิ์ศรีในสังคม” ณัฐชา กล่าว

‘เผ่าภูมิ’ จวก!! รัฐชู ‘โมเดล BCG’ ผิดเวลา ซัด!! ทำโอกาสทองของคนไทยหลุดมือในเวทีเอเปก

วันนี้ (14 พ.ย. 65) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทยกล่าวกรณีไทยชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระหลักในการประชุม APEC ว่า โมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว: Bio-Circular-Green Economy) ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถูกผลักดันให้เป็นวาระหลักของการประชุม APEC ซึ่งในเวทีการประชุมสำคัญระดับนี้ เป็น โอกาสทอง ที่เจ้าภาพสามารถผลักดันวาระการหารือเพื่อประโยชน์ต่อสมาชิกและต่อชาติของตน คำถาม คือการใช้โอกาสทองในการผลักดันโมเดล BCG นี้ โดยไทยได้ประโยชน์ ได้เปรียบและมีแต้มต่อหรือไม่ 

1.) พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยโมเดลการพัฒนาคู่ขนานนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสมดุล แต่รายละเอียดรวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในโมเดล BCG ของรัฐบาลนั้นล้มเหลว ขาดความพร้อมในการเป็นวาระหลักในการประชุมระดับ APEC

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 2.) โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังกลวง ล่องลอย ย้อนแย้งและมีช่องโหว่สูง ข้อกล่าวหาเรื่องการเพิกเฉยต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล สนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะ รวมถึงการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ และการฟอกเขียวของโมเดล BCG ยังถูกตั้งคำถามอย่างหนักในสังคม แต่รัฐบาลยังไร้ซึ่งคำตอบ

รวมของดีทุกภาค ขึ้นโต๊ะอาหารค่ำ ‘APEC 2022’ ทุกเมนูเป็นตามแนวคิด ‘Open. - Connect. -Balance.’

โฆษกรัฐบาลเผยเมนูในงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (Gala Dinner) นำเสนอสุดยอดอาหารไทยของดีทุกภูมิภาค

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเมนูอาหารที่จะนำเสนอต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจในงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (Gala Dinner) วันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ณ หอประชุมกองทัพเรือ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมนูอาหารทุกจานเป็นไปตามแนวคิดหลักของการประชุม Open. Connect. Balance. ดังนี้ 

Open. เปิดประสบการณ์สู่อาหารไทยอาหารทุกจานเป็นอาหารเมนูฟิวชั่นที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันผ่านความหลากหลายของ สี กลิ่น และสัมผัส ซึ่งมั่นใจว่า อาหารที่นําเสนออย่างประณีตเหล่านี้จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้นําเอเปคคู่สมรส และผู้เข้าร่วม

Connect. เชื่อมต่อท้องถิ่นไทยกับทั่วโลก การทําอาหารนี้สร้างขึ้นโดยการจัดหาสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนผสมที่มีคุณภาพ จากภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกฉียงเหนือ และไปจนถึงภาคใต้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีอาหารมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ความอุดมสมบูรณ์และเอกลักษณ์ของผลิตผลและวัตถุดิบไทย ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นําทางเศรษฐกิจการส่งออกอาหาร และเป็นที่รู้จักในนามครัวของโลก

Balance. สร้างสมดุลระหว่างโลกและผู้คน ผ่านการนำวัตถุดิบมาจาก โครงการหลวง วิสาหกิจชุมชน และฟาร์มในท้องถิ่นส่งเสริมให้ผู้คนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ เป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทยและครอบครัว พร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 

โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเมนู ดังนี้ 

- Amuse-Bouche (ของว่าง) กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียนโครงการหลวงดอยอินทนนท์

นิพนธ์ มั่นใจ ประชาธิปัตย์ 4 จ.ชายแดนใต้ ได้ส.ส.เพิ่มแน่นอน หลังกระแสตอบรับดี ชี้อย่าตกใจคนเดินออกให้ดูอดีตที่มีคนเดินออกจากพรรคไม่มีใครได้กลับมาแม้แต่คนเดียว

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และผอ.เลือกตั้งพรรคฯ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (13 พ.ย. 65) ตนได้ประชุมกับผู้สมัคร ส.ส. 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ทั้งหมดมี 14 เขตเลือกตั้ง วันนี้ถือว่าทั้ง14 เขต พรรคฯมีสมัครครบทั้งหมดแล้ว และในวันที่ 20 พ.ย.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ จะไปเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ทั้ง 14 เขตที่จ.ยะลา อย่างไรก็ตามผู้สมัครทุกคนที่มาร่วมประชุม มีความมั่นใจเต็มที่ เพราะจากที่เดินในพื้นที่มา 3-4 เดือน พบว่ากระแสตอบรับดีตามลำดับจึงมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งผู้สมัครส่วนหนึ่งเป็นเลือดเก่า ที่กลับมาช่วยพรรค เช่นนายเจะอามิง โตะตาหยง และมีคนรุ่นใหม่ เช่นนายเมธี อรุณ หรือเมธีลาบานูน บางคนจบดอกเตอร์ก็มี หรือที่จ.สตูล มีผู้สมัครเป็นปลัดอำเภอ แต่มีความมุ่งมั่นอยากลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนรายชื่อทั้งหมดขอให้หัวหน้าพรรคฯเป็นคนเปิดในวันที่ 20 พ.ย. จึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาที่นั่งกลับมาและเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน

นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงข่าวสมาชิกบางส่วนลาออกนั้น อาจทำให้ภายในพรรคฯว่า ได้พยายามชี้แจงไปหลายครั้งแล้วถึงการมีคนเดินออกไปจากปชป. ที่จริงกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) และผู้ใหญ่ในพรรคฯรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ถ้าพูดไปก็เหมือนขับไสไล่ส่งก็พูดไม่ได้ ต้องรอให้แต่ละคนแสดงตัวและตัดสินใจอนาคตของตัวเอง เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในอดีตก็มีคนออกจากปชป.โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเราไม่เคยเห็นใครได้กลับมาในสภาได้เลยสักคน ดังนั้นบทเรียนเหล่านี้หวังว่าจะได้ไตร่ตรองกัน

‘ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย’ ลงพื้นที่ ‘บางรัก’ รับฟังปัญหาพี่น้องผู้ประกอบการ พบปัญหารายได้ไม่พบรายจ่ายเป็นปัญหาหลัก พูดคุยกับ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธ์’ ผู้ว่าฯ กทม.เรื่องแนวทางการพัฒนาเมืองใหญ่และเศรษฐกิจซบเซาในเมืองใหญ่ โดยเล็งกระตุ้นเศรษฐกิจย่านบางรักให้กลับมาฟื้

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าวันนี้ได้ลงพื้นที่เขตบางรัก พร้อมด้วย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย เพื่อรับฟังปัญหาและขอความเห็นของประชาชนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยพบว่าผู้ประกอบการจำนวนมากประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นเวลานาน การค้าขายฝืดเคือง รายได้ไม่พอรายจ่าย ยิ่งระยะหลังข้าวของแพง ค่าครองชีพพุ่ง ยิ่งทำให้การดำรงชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะมีผู้บริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เหมือนในอดีตที่เคยบริหารประเทศจนประสบความสำเร็จ ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจหมุนเวียนดี เข้ามาบริหารแทนผู้บริหารในปัจจุบัน

‘โรม’ เยือนอีสาน เปิดเวทีพบปะประชาชน ชี้ ประเทศไทยเหมือนคนป่วยหนัก ไม่แตะทุนผูกขาด-ปฏิรูปกองทัพ-แก้รัฐธรรมนูญ ก็เหมือนป้อนพาราเลี้ยงไข้ จะแก้ปัญหาได้ผ่าตัดใหญ่ทะลุทุกโครงสร้าง 

วานนี้(12/11/65) รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเดินสายเปิดเวทีพบปะประชาชนและผู้สนับสนุนในพื้นที่อีสานตอนบน ในจังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคาย พูดคุยและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พร้อมแนะนำวิสัยทัศน์นโยบายของพรรค

ช่วงหนึ่งระหว่างการแลกเปลี่ยน รังสิมันต์ ระบุว่า พรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างแท้จริง และการจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ มีแต่ต้องดำเนินนโยบายที่แก้ปัญหาให้ถึงระดับโครงสร้างเท่านั้น เปรียบเหมือนประเทศไทยเป็นคนป่วยเรื้อรัง แต่ที่ผ่านมาได้รับแต่ยาพาราเซตามอล ทั้งที่ต้องการการผ่าตัดใหญ่ให้หายขาด

สำหรับพรรคก้าวไกลนั้น หากได้เป็นรัฐบาลสิ่งที่เรามุ่งมั่นจะเข้าไปทำแน่ ๆ คือการทลายทุนผูกขาด แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปกองทัพยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทลายระบบส่วยเส้นสาย สร้างระบบสวัสดิการถ้วนหน้า และการนิรโทษกรรมคดีการเมืองรวมทั้ง 112 เพื่อนำไปสู่การผ่าตัดประเทศไทยครั้งใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามีคนพยายามบอกว่าอยากให้เรามุ่งเรื่องปากท้องก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งไปแตะการเมือง แต่สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือปัญหาเศรษฐกิจกับปัญหาการเมืองล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แยกออกจากกันไม่ได้

‘จุรินทร์-นิพนธ์’ ควงแขนลุยนครศรีธรรมราช เปิดตัว 8 ว่าที่ผู้สมัครส.ส. สู้ศึกเลือกตั้ง

‘จุรินทร์’ ควง ‘นิพนธ์’ ลุยนครศรีฯ เปิดตัว 8 ผู้สมัครส.ส.ฯ เปรียบ 76 ปี ประชาธิปัตย์มีแก่น มีรากแก้วอุดมการณ์ จิตวิญญาณรับใช้ประชาชนเป็นที่ตั้ง ด้าน ‘นิพนธ์’ เย้ย พวกกระโดดน้ำหนี ไปไม่ถึงฝั่งสักราย วอน ชาวประชาธิปัตย์อย่าหวั่นไหว ยัน ปรากฏการณ์อดีตรุนแรงกว่าปัจจุบันมาก แต่ปชป.ก็ยังอยู่มาได้

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก่อนเข้าร่วมประชุมกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่หอประชุมเมืองนครศรีธรรมราช ทุ่งท่าลาด ถึงการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า วันนี้จะได้เปิดตัวผู้สมัครใน 8 เขตก่อน แม้ความจริงตั้งใจจะเปิดตัวทั้ง 9 เขต แต่เกิดอุบัติเหตุอย่างที่ทราบกัน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังจะเปิดตัวไปก่อน 8 เขต ส่วนอีกเขตนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ขณะนี้มีผู้เสนอตัวพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตที่แกว่งไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร พรรคก็พร้อมจะส่งครบทุกเขตในนครศรีธรรมราช ไม่ได้มีความกังวลอะไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้สมัคร ส.ส. ที่จะมาลงแทนนั้น มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขอยังไม่พูดถึงในตอนนี้ และให้เป็นหน้าที่ของรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ซึ่งจะเป็นผู้ไปดำเนินการมา แต่ตามที่ได้รับแจ้ง ก็มีผู้เสนอตัวมาแล้วหลายคน ขอให้เป็นเรื่องภายใน เมื่อถึงเวลาพรรคจะได้พิจารณาตัดสินใจ ไม่มีอะไรยาก และจะเป็นคนที่พรรคจะต้องพิจารณาในเรื่องอุดมการณ์

“ผมก็มั่นใจสำหรับคนใหม่ที่จะมีอุดมการณ์ประชาธิปัตย์เต็มร้อย เหมือนท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ เหมือนผม ที่เป็นผู้แทนมา 11 สมัย ไม่เคยเปลี่ยนพรรค ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นผมมั่นใจว่าคนใหม่ที่จะเข้ามา สามารถที่จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชได้อีกคนหนึ่ง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

พร้อมกับตอบคำถามสื่อมวลชน ที่ถามว่าการที่ผู้สมัครย้ายพรรคในช่วงนี้ จะส่งผลกระทบต่อจำนวน ส.ส.เป้าหมายของพรรคหรือไม่นั้นว่า อาจจะมีนิดหน่อย แต่ไม่กระทบในภาพรวม เพราะมีคนใหม่ที่เดินเข้ามาเป็นจำนวนมาก และมีโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งด้วย เพราะฉะนั้นภาพรวมเที่ยวหน้า พรรคก็ยังมั่นใจ ทั้งตนและเลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ทุกคนคิดตรงกันว่าเราต้องได้มากกว่าเดิมแน่นอน ส่วนเกิดประเด็นปัญหาในเขตไหนอย่างไรนั้น ก็ต้องแก้ปัญหากันไป และการย้ายพรรค มันก็มีทุกพรรค เหมือนที่ตนเคยทายไว้ว่า พอใกล้เลือกตั้งไม่มีพรรคไหนหรอกที่ไม่มีคนเข้าคนออก ประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน 

“สิ่งหนึ่งที่มีคนถามผมเหมือนกันว่า ประชาธิปัตย์ อยู่มาได้ 76 ปี ในอดีตมีทั้งคนเข้าก็เยอะ คนเดินออกก็มี แต่ทำไมถึงอยู่ยั้งยืนยงมาได้ ผมก็เคยตอบไปว่าที่ประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมาได้ 76 ปี และจะก้าวต่อไปนั้น ก็เพราะว่าประชาธิปัตย์ยังมีแก่น ที่หลุดร่วงไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ อาจจะเป็นเปลือก เป็นใบ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีหลุดร่วงออกไปบ้าง แต่ว่าต้น รากแก้วของความเป็นประชาธิปัตย์ ของอุดมการณ์ และจิตวิญญาณของการรับใช้ประชาชนที่ตั้งใจเดินหน้าให้ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองยังอยู่ เพราะฉะนั้น ต้นไม้ประชาธิปัตย์จึงยังสามารถแผ่กิ่งก้านสาขา ผลิดอกออกใบมาได้ตลอดระยะเวลา 76 ปี เพื่อรับใช้ประชาชน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

และเพิ่มเติมอีกด้วยว่า นี่คือประสบการณ์ที่เราได้ประสบมา แล้วก็ไม่ได้หวั่นไหว ทุกคนจึงพร้อมกันเดินหน้าต่อไป ทุกคนยังเหนียวแน่นอยู่กับพรรค ตัวเลขสมาชิกพรรควันนี้ ประชาธิปัตย์ยังมีสมาชิกมากที่สุดที่เป็นทางการเป็นลำดับ 1 ของประเทศ 1 แสน 1 หมื่นคน และช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ก็มีสมาชิกใหม่เข้ามาถึง 4 หมื่นกว่าคน ในช่วง 3 ปี เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มีปัญหาอะไร เราก็ผนึกกำลังคนที่ยังเป็นแก่น เป็นต้น เป็นรากแก้วของประชาธิปัตย์ขับเคลื่อนต่อไป ผมยังมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจเรา แล้วก็พร้อมที่จะเดินเคียงข้างไปกับเรา 

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคจำเป็นต้องกลับไปทบทวนหาสาเหตุของปัญหาก่อนหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า อย่างน้อยต้องไปถามคนเป็นเบื้องต้นก่อน คนจะต้องเป็นคนตอบคำถามว่า เพราะอะไร ทำไม หลายคนพรรคก็ให้ทุกอย่างเท่าที่พรรคจะให้ได้ อย่างน้อยก็โอกาส สถานภาพในการทำหน้าที่ การให้จิตวิญญาณให้อนาคตในการรับใช้ประชาชน เราก็ให้เต็มที่ทุกคน และประชาธิปัตย์ก็ให้ความสำคัญกับทุกคน แต่ว่าแต่ละคนอาจจะต่างจิตต่างใจ ก็ต้องให้คนเป็นคนตอบเสียก่อนว่า เพราะเหตุอะไรอย่างไร หรือถ้าจะไม่ตอบ ก็คือไม่ตอบ แต่พรรคก็เข้าใจดี ในสถานการณ์อย่างนี้ พอจะเลือกตั้งมันมีทั้งคนเข้า คนออกเสมอ ทุกพรรคการเมือง บางครั้งบางพื้นที่เราส่งผู้สมัครได้คนเดียวในนามพรรค แต่มี 2-3 คนที่พรรคตัดสินใจว่าไม่สามารถส่งเขาได้ ถ้าเขาจะเป็นผู้แทน หรือเขาจะลงสมัคร ก็ต้องย้ายพรรค เราก็เข้าใจได้ หรือว่าเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ขอ 1-2-3-4-5 แล้วเราไม่สามารถสนองตอบให้ได้ เพราะประชาธิปัตย์ก็ต้องคำนึงถึงภาพรวมของพรรค บางทีมันก็อาจจะทำให้ต้องเปลี่ยนพรรคไป ตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พรรคก็ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างหนักแน่น มั่นคง 

คนกรุงฯ เอือมระอา ม็อบ 3 นิ้วป่วนเมือง หลัง ‘ดำน้ำ-ชูป้าย’ หน้าศูนย์ฯ สิริกิติ์

เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศรับรู้อยู่แล้วว่า ปีนี้ ‘ประเทศไทย’ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2022 ซึ่งการได้รับโอกาสในการเป็นภาพในครั้งนี้ นับว่าเป็นเกียรติต่อประเทศชาติ และสะท้อนถึงความไว้เนื้อเชื่อใจจากชาติสมาชิกอย่างยิ่ง 

ดังนั้นคนไทยทั้งประเทศควรที่จะช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ และช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง

ทว่า ‘คนไทย’ บางกลุ่ม คงไม่อยากร่วมมือกับรัฐบาลในครั้งนี้เท่าไหร่ เพราะล่าสุดก็มีการออกมาจัดกิจกรรมเล็กๆ (แต่ส่งผลต่อภาพลักษณ์อย่างยิ่ง) ที่หน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้มีการลงไปดำน้ำและชูป้ายข้อความระบุว่า To Climale Polluters : PAY UP FOR LOSS & DAMAGE, APEC, STOP GREENWASHING และ เอเปค หยุด! ฟอกเขียว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาวิพากย์วิจารณ์การกระทำของคนกลุ่มนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือช่องยูทูบ ‘มอเตอร์ไซค์ อินดี้’ ที่ก็ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 4.34 ใช้ชื่อคลิปว่า ‘สามนิ้วป่วนดำน้ำประท้วงหน้าศูนย์ศิริกิติ์แล้ว ระวังถ้าแก้ผ้าประท้วงจะอ้วกแตกทั้งโลก’ ซึ่งเนื้อหาในคลิปคือการตำหนิกลุ่มคนที่กำลังพยายามทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในช่วงประชุมเอเปก 2022 ว่า…

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย ก่อนเดินตาม ‘ชัยวุฒิ’ ลงพื้นที่-ประชุมต่างประเทศ

(12 พ.ย. 65) เมื่อวานนี้ (11 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก ‘The Structure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีที่อดีตนักแสดง ‘รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ ซึ่งผันตัวมาเดินเส้นทางสายการเมืองที่ได้ลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย และต่อได้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไว้ว่า…

วันที่ 11 พฤจิกายน 2565 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม นักแสดงและศิลปินชื่อดัง ได้แจ้งต่อ กกต. ขอลาออกจากสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งให้พรรคทราบอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงาน กกต. เพิ่งมีหนังสือแจ้งพรรคไทยสร้างไทย ให้ทราบเมื่อ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา 

'ดร.นิว' ชี้!! เผด็จการเท่านั้นที่คิดป่วนเอเปก อัด!! ชัชชาติไม่รู้กาลเทศะเอาใจม็อบ 3 นิ้ว

(12 พ.ย. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง ‘เผด็จการเท่านั้นที่คิดป่วน #APEC2022’ โดยมีเนื้อหาดังนี้

การประชุม APEC 2022 นับได้ว่าเป็นอีกเหตุการณ์สำคัญที่ควรต้องวางความขัดแย้งทางการเมืองลงเสียชั่วคราว แล้วควรหันมาร่วมใจกันสามัคคีในฐานะของเจ้าภาพที่ดี เพราะการประชุม APEC 2022 ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นเรื่องของประชาชนคนไทยทุกคน อีกทั้งเป็นโอกาสและผลประโยชน์ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

เนื่องด้วยการประชุม APEC 2022 เป็นการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับนานาชาติในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อีกทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการโปรโมตการท่องเที่ยว อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังวิกฤตโควิดได้เป็นอย่างดี การที่ประเทศไทยของเราได้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ จึงเป็นความหวังของประชาชนทุกหมู่เหล่า

แต่คนส่วนน้อยกลุ่มหนึ่งซึ่งมีพรรคการเมืองบางพรรคคอยหนุนหลังมาโดยตลอด นับตั้งแต่ลงมือกระทำผิดกฎหมายตลอดจนช่วยเหลือประกันตัว กลับมีการวางแผนก่อการชุมนุมสร้างความปั่นป่วน จ้องบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของประเทศชาติและผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ไม่ต่างจากเผด็จการ แถมยังเป็นเผด็จการยิ่งกว่าเผด็จการเสียด้วยซ้ำ

แม้แต่คุณชัชชาติเองก็ทำตัวน่าผิดหวังอย่างมาก เพราะไม่รู้จักกาละเทศะ จะปล่อยให้มีการชุมนุมที่ลานคนเมืองในห้วงของการประชุม แสดงให้เห็นว่าคุณชัชชาติไม่ได้เข้าใจหลักการของประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยที่จ้องแต่จะสร้างความปั่นป่วนมากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

‘บิ๊กตู่’ มั่นใจ ประชุมเอเปก 2022 จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศหลายด้าน วอนทุกคนช่วยกันต้อนรับแขกผู้มีเกียรติสู่ประเทศ

วันที่ 12 พ.ย. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Prayut Chan-o-cha ระบุว่า…

เรียน พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน

ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้านี้ จะมีผู้นำและผู้แทนจากทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกและประเทศอื่นๆ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก 2565 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง นับเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศไทยที่ทั่วโลกจะมองมาที่เราในฐานะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีบทบาทนำในการร่วมกำหนดนโยบายและบรรทัดฐานทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก

เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถร่วมภาคภูมิใจได้ว่า ประเทศไทยของเราได้เดินหน้า และได้รับการยอมรับในด้านต่างๆ ในระดับโลก ทั้งเรื่องการเป็นหนึ่งในประเทศที่บริหารจัดการสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุดในโลก และล่าสุด เมื่อวานนี้ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากองค์กรจัดอันดับความน่าเชี่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น (Japan Credit Rating Agency) ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยขึ้นเป็นระดับ A ซึ่งรวมถึงปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้สกุลเงินบาท ขึ้นเป็นระดับ A+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ 

‘เพจดัง’ งัดหลักฐานแฉ ‘แอมเนสตี้’ หนุนม็อบประท้วงป่วนช่วง APEC 2022

(12 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความว่า #เรื่องใหญ่แล้วนะวิ สรุปพวกมรึงจะไม่ให้ประเทศสงบสุขบ้างเลยเลยใช่ไหม? ได้! งั้นเดี๋ยวจัดให้ หลังจากเก็บมือเก็บเท้า เจี๋ยมเจี๊ยมมาพักใหญ่ จนกระแสไล่แอมเนสตี้เริ่มซาลง นั่นล่ะฮะ คุณผู้ชม มันก็มากวนตีนเราอีกครั้ง

ล่าสุดแบบสด ๆ ร้อน ๆ มี เอกสารฉบับหนึ่ง ถูกเผยแพร่ออกมาโดยแอมเนสตี้เอง เอกสารนี้ชื่อว่า “PROTECT THE PROTEST - FLAGSHIP CAMPAIGN ON THE RIGHT TO PROTEST AND PEOPLE’S MOVEMENTS, OPERATIONAL PLAN JUNE 2022-DECEMBER 2023”

เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรน่ะเหรอ ข้อมูลชุดนี้คือ เอกสารที่แอมเนสตี้ได้กำหนดการแทรกแซงในหลายประเทศ โดยมีการกำหนดเป้าประสงค์ กำหนดวิธีการ และตั้งปฏิทินไทม์ไลน์ตั้งแต่กลางปี 2022 ไปจนถึงปลายปี 2023

และไทยก็เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ตกเป็นเป้าหมาย ในการปฏิบัติการเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลไทยในทุกโอกาส โดยใช้ข้ออ้างเรื่อง ‘สิทธิเสรีภาพ’

นั่นหมายความว่า ทุกกลุ่มทุกก๊วนที่ออกมารวมตัวประท้วงช่วง APEC ก็อาจจะมีองค์กรอีแอบ หรือ แอมเนสตี้ ที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว เพราะตัวแอมเนสตี้ ร่างเป้าประสงค์ออกมาเองเลยว่า ต้องเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ทุกกลุ่มในการประท้วง แล้วพวก ‘เครือข่ายราษฎร’ และ ‘Amnesty International Thailand’ ก็ทำตามตำราของมันจริงๆ ด้วย

ฉะนั้น เครือข่ายคนรุ่นใหม่ กลุ่มทะลุแก๊ส ทะลุฟ้า ทะลุแก๊ซ เครือข่ายพีมงพีมู๊ฟ หรือราษฎรหยุด APEC 2022 ไม่ว่ามรึงจะใช้ชื่อบ้าบออะไรก็ตาม มาก่อม็อบป่วนการประชุม APEC ก็เชื่อได้ว่า มาจากการสนับสนุน จากองค์กรต่างชาติเหล่านี้แน่นวลจ้ะพี่จ๋า

‘ม็อบสิงคโปร์’ ประท้วงไม่ขออนุญาต = โดนคดี ‘ม็อบไทย’ ชุมนุมได้เสรี - แหกทุกกฎเกณฑ์

จะว่าไปไทยนี่แหละที่ประท้วงได้อย่างเสรีทุกที่ทุกเวลา ใครอยากประท้วงก็ปลุกระดมออกไปปิดถนน ทั้งที่มีกฎหมายกำหนดและมีขอบเขตข้อบังคับ แต่ดูเหมือนว่าการประท้วงที่ผ่านมาของคนบางกลุ่มจะไม่แยแสใด ๆ ต่อกฎหมายที่มีเลยแม้แต่น้อย

คนไทยบางกลุ่มชอบเปรียบเทียบไทยกับบางประเทศที่พัฒนาแล้วในซีกโลกตะวันตก รวมทั้งบางประเทศในเอเชีย อย่างญี่ปุ่นและสิงคโปร์ งั้นลองมาดูกฎและข้อห้ามในการประท้วงก่อม็อบในสิงคโปร์กันบ้างว่ากำหนดไว้อย่างไร 

หากดูระเบียบการประท้วงในสิงคโปร์แล้ว จะเห็นว่าเข้มงวดกว่าบ้านเรามาก เพราะไม่สามารถแบกป้ายด่าทอลงถนนแบบเรา หากต้องไปจัดในบริเวณที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้เท่านั้น นั่นคือ สปีกเกอร์ คอนเนอร์ ที่ตั้งอยู่ภายในสวน Hong Lim Park

ที่นี่คือสถานที่เดียวที่อนุญาตให้คนสิงคโปร์และผู้ที่ถือบัตรพำนักถาวร ใช้เป็นสถานที่รณรงค์ จัดแสดงนิทรรศกาล รวมถึงการประท้วงได้อย่างถูกกฏหมาย เปิดให้ใช้พื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ปี ค.ศ. 2000 โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาล แต่ต้องลงทะเบียนแจ้งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่สถานีตำรวจ Kreta Ayer Neighbourhood Police Post  ล่วงหน้า  30 วัน 

แต่กระนั้นยังมีกฎระเบียบหยุมหยิมอีกมากมาย เช่น ต้องจัดกิจกรรมระหว่าง 07.00น.-19.00น. ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงทุกชนิด ห้ามคนต่างชาติเข้าร่วม คนที่ประท้วงได้ต้องเป็นพลเมืองสิงคโปร์เท่านั้น ห้ามติดป้ายหรือข้อความที่สื่อถึงความรุนแรง ส่อเสียด และลามกอนาจาร ที่สำคัญอีกข้อคือต้องใช้ภาษาสี่ภาษา นั่นคือ อังกฤษ, มาเลย์, จีน และทมิฬ 

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ขนาดประท้วงคนเดียวยังโดนจับได้ เคยมีกรณีหนึ่งเกิดขึ้น นักเคลื่อนไหวชาวสิงคโปร์คนหนึ่งประท้วงโดยไม่ขออนุญาต ด้วยการยืนอยู่นอกสถานีตำรวจ ถือป้ายที่มีใบหน้ายิ้มคนเดียว ทางการตั้งข้อหาว่ามีส่วนร่วมในการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หากถูกตัดสินว่ามีความผิด จะถูกปรับสูงถึง 5,000 เหรียญสิงคโปร์ ราว 112,880 บาท

หันมาดูบ้านเราบ้าง การประท้วงทุกครั้งไม่เคยอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ลากยาวไปเป็นวันๆ หรือหลายเดือนอย่างที่เห็นอยู่เสมอ ส่วนเรื่องห้ามใช้เครื่องขยายเสียง ก็ดูเหมือนไม่มีใครทำตามในไทย เรื่องห้ามคนต่างชาติเข้าร่วม บางทีเราได้เห็นคนเขมรหรือเมียนมาเนียนมาร่วมบ่อยๆ โดยเฉพาะการประท้วงของกลุ่มสามนิ้ว ข้อห้ามใช้ถ้อยคำลามกหรือส่อเสียด แต่การประท้วงในไทยเกลื่อนไปด้วยถ้อยคำด่าทอหยามหมิ่นสถาบันอันเป็นเสาหลักในประเทศอย่างลามกหยาบคายจนขนลุก เรื่องภาษานั้นก็เห็นแสดงออกทุกภาษา เวลามีการประท้วงก็มีคนโบกธงต่างชาติหรือถือป้ายภาษาต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับจุดประสงค์ในการประท้วงเลย

'บิ๊กตู่' เสนอ 2 แนวทางอาเซียนเดินหน้า ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ

พลังของอาเซียน ดึงฝ่ายต่าง ๆ ให้มาพบปะ
สัปดาห์นี้ มีการประชุมสุดยอดอาเซียน / G20 
ไทยเองก็จะเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค 
เราควรใช้โอกาสนี้เป็นเวที
สร้างปฏิสัมพันธ์ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65

นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ เสนอแนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ พร้อมกระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกให้แน่นแฟ้น เพื่อดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้อง Ballroom III ชั้น Lobby (L) โรงแรมสกคา พนมเปญ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) มีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ (เมียนมาไม่เข้าร่วม) และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์และพัฒนาการที่สำคัญในภูมิภาคและระหว่างประเทศ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวเสนอ 2 แนวทางที่อาเซียนควรดำเนินการไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ ดังนี้

หนึ่ง เสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ โดยดึงศักยภาพของแต่ละกรอบมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการดำเนินการของแต่ละกรอบมีการสอดประสานกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน และสามารถรักษาคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง  
สอง กระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกอื่น ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความไว้วางใจระหว่างกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยอาเซียนดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค 

‘บิ๊กป้อม’ ร่วมงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ฝาก ‘ส.ส. - ว่าที่ผู้สมัครฯ’ จับมือกันสู้ศึกเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ (11 พ.ย. 65) ที่รร.รามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดกิจกรรมสัมมนาส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภายใต้ชื่องาน พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ ‘เพราะมีคุณ จึงมีพรรค’ โดยมีแกนนำ ส.ส. 80 คน และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ร่วมงาน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นางนฤมลภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาล ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแกนนำระดับรัฐมนตรีพรรค ร่วมงานบางตา ขณะที่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมสังเกตการณ์

โดยกิจกรรมช่วงเช้า ได้บรรยายเรื่องการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาบุคลิกภาพ และฝึกพัฒนาบุคลิกภาพ จากวิทยากรด้านการสื่อสารที่มีประสบการณ์ 

จากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้ง หัวข้อ ‘ได้ใจชาวบ้านโดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง’ และ ‘หาเสียงอย่างไรให้ถูกกฎหมาย’ โดยสำนักงานคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทำแบบทดสอบ และกิจกรรมระดมความคิดเห็น และกิจกรรม TikTok ในการสื่อสารประเด็นข่าวในสังคมออนไลน์ จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรโดยไม่ผิดกฎหมาย และปิดท้ายด้วยกิจกรรมสันทนาการจับกลุ่ม สานสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส.ขณะที่วันที่ 12 พ.ย. 65 จะมีการบรรยายการใช้สื่อสังคมออนไลน์และสรุปการสัมมนาปิดท้ายกิจกรรม

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร เดินทางมาพบปะกับส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นโดยพล.อ.ประวิตร กล่าวแนะนำนายสัญญา สถิรบุตร ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ให้สมาชิกพรรครับทราบ โดยระบุว่าเป็นบุคคลสำคัญ ที่จะมาช่วยเหลือพรรค โดยไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร จากนั้นพล.อ.ประวิตร กล่าวกับส.ส.ว่า ก่อนที่จะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พูดขอเวลาพูดกับสมาชิกทุกคนทั้งใหม่และเก่าที่มาเยอะแยะ ที่จะเสวนาเรื่องต่าง ๆ ของพรรค และรับฟังกกต. 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เห็นมาร่วมงานอย่างนี้แล้วดีใจที่พรรคจะเข้มแข็งต่อไปในอนาคต การที่พรรคจะเข้มแข็งเพราะเราทุกคนช่วยกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะนำพาพรรคไปได้คนเดียวเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้ามความขัดแย้งทั้งหมด และขอต้อนรับสมาชิกพรรคที่อยู่กับเราเพื่อจะรับการเลือกตั้งในต้นปีหน้า ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่งคง มั่งคั่ง สร้างประโยชน์ให้ประชาชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคพปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาผ่านวิกฤตและอุปสรรคไปได้ด้วยดี ด้วยความสามารถของรัฐมนตรี และพรรคการเมืองทั้ง 3-4 พรรคที่ช่วยจัดตั้งรัฐบาล ก็ผ่านไปได้ และจะสร้างพรรคพปชร.ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นต่อไป โดยตนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค จากสมาชิก ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่สมัครใจก็ตาม มาถึงช่วงนี้สมาชิกพากันปรบมือชอบใจ ทำให้พล.อ.ประวิตร เอ่ยแซวว่า ปรบมือนี่อาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ตนได้รับเลือกและตระหนักอยู่เสมอว่าเมื่อส.ส.วางใจ ตนก็วางใจส.ส.ว่าจะไปด้วยกันด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของพรรค จึงตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเสริมสร้างความเข้มแข็งให้พรรคเต็มที่เท่าที่ทำได้ ย้ำว่าทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะพรรคไม่ได้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว แต่เราร่วมกันและข้ามความขัดแย้งทั้งหมด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top