Tuesday, 1 July 2025
POLITICS NEWS

กทพ. ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 2 สายทางเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา - ชลบุรี) และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 เวลา 00.01 น. ถึงวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 เวลา 24.00 น. รวม 8 วัน เช่นเดียวกับกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางพิเศษโปรดปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธรณสุขอย่างเคร่งครัด รวมถึงขอเชิญชวนให้ดาวน์โหลด Application “หมอชนะ” เพื่อเป็นเครื่องมือในการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทางสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง สภาพการจราจร และขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 และผู้ใช้ทางพิเศษสามารถดาวน์โหลด Application "EXAT Portal" เพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือและการใช้บัตร Easy Pass รับข่าวสารโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ และสามารถเรียกใช้งาน Application อื่น ๆ ของ กทพ. อาทิ EXAT Traffic อีกทั้งยังสามารถขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS) ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

"ทิพานัน" วอน "หมอชลน่าน" ใช้สติ เลิกอคติ ไล่รัฐบาล ย้ำรัฐบาลไม่เคยผูกขาดวัคซีน

เมื่อวันที่ 9 เมษายน นาวสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย วิจารณ์รัฐบาลไม่สนับสนุนภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน และให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยว ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด 19 ว่า ขอให้ น.พ.ชลน่าน เลิกใช้อคติ จนออกมาไล่รัฐบาลไล่อย่างไร้สติ เพราะรัฐบาล ทีมแพทย์ พยาบาล อสม.ตั้งใจควบคุมการแพร่ระบาด ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยืนหยัดเป็นหนึ่งในการได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกและนานาประเทศ น.พ. ชลน่าน ไม่ควรตัดตอนคำพูดของนายกรัฐมนตรี แค่คำว่าอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด และตีความว่าหมดปัญญาในการจัดการ 

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า น.พ.ชลน่าน กล่าวหาว่า รัฐบาลจัดหาโดยมุ่งวัคซีนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งและวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะรัฐมนตรีที่ฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้นั้น เป็นข้อมูลที่กล่าวหาบิดเบือน ให้ข้อมูลไม่สมกับที่เป็นแพทย์ เพราะรัฐบาล ศบค. และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องได้ให้ความรู้จนประชาชนทั่วไปเข้าใจดีว่า วัคซีนโควิดทุกยี่ห้อไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนคือ ลดอัตราการเกิดโรค และลดความรุนแรง - อัตราการเสียชีวิตจากโรค ผู้ที่ได้รับวัคซีนทุกยี่ห้อยังสามารถติดเชื้อได้แต่จะมีภูมิคุ้มกันโรคที่จะช่วยลดอาการความรุนแรงของโรค 

ทั้งนี้การจัดหาวัคซีนของประเทศไทยยังไม่ประสบปัญหาดังกล่าว แผนการจัดหาวัคซีนและการฉีดวัคซีนจัดได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่เคยผูกขาดการจัดซื้อวัคซีนเพียงบางบริษัท ไม่เคยปิดกั้น และไม่ขัดข้องหากเอกชนสามารถจัดหานำเข้าวัคซีนมาฉีด เพียงแต่ภาคเอกชนจะต้องขอรับใบอนุญาตนำเข้าและขออนุญาตขึ้นทะเบียนวัคซีนก่อนการใช้และรับผิดชอบการจำหน่ายวัคซีนในประเทศอย่างถูกต้องเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามมาตรฐานสากลและป้องกันการนำเข้าวัคซีนปลอม วัคซีนด้อยคุณภาพ

ปลัดสำนักนายกฯ แจ้ง หน่วยงาน ให้ เวิร์กฟอร์มโฮม - ทำให้ได้ 80%

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ปนร. ) ได้เวียนหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง การปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ถึงผู้บริหารและบุคลากร และเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทุกส่วนงาน เพื่อให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
    
โดยระบุว่า ปัจจุบันได้พบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว จึงขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 8 - วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 (จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ) โดยให้พิจารณาดำเนินการดังนี้

1.) ให้ผู้อำนวยการ สำนัก กอง ศูนย์ วางแผนการปฎิบัติงาน ตรวจสอบ ติดตามและสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในที่พักอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้ง รายงานผลการปฏิบัติงานให้กองการเจ้าหน้าที่ (กจท.) ทราบทุกวัน เพื่อประมวลผลรายงาน ปนร. ทราบตามแนวทางที่ได้ปฏิบัติมา 

2.) งานการให้บริการประชาชนและการประชุมคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานตามกฎหมาย ขอให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการตามความเหมาะสมและอย่าให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

3.) ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และข่าวสารที่เกี่ยวข้องจาก ศบค. ทุกวัน รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับคนในครอบครัวและญาติมิตร อย่างต่อเนื่อง

4.) ปฏิบัติตามประกาศ สปน. ลงวันที่ 8 มกราคม 2564 

ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือเป็นกลุ่มเสี่ยง โดยมีประวัติเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด มีประวัติเคยติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ที่มีอาการน่าสงสัย ให้เข้ารับการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลในพื้นที่ทันทีและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

รมว.แรงงาน ขานรับนโยบายรัฐบาล จัดทำโครงการขยายโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ เตรียมพร้อมรองรับสังคมสูงวัย ปีงบ 64 ตั้งเป้าขยายโอกาสฯผู้สูงอายุ 17,615 คน คืบหน้าแล้ว 10,514 คน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานโดยการกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงประชากรไทย สู่สังคมสูงวัย ได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ ซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการทำงานและการหารายได้ ส่งเสริมการฝึกอาชีพและจัดหางานให้เหมาะสมกับวัยและความสามารถ 

“ปัจจุบันมีกรมการจัดหางานรับผิดชอบภารกิจดังกล่าว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตั้งแต่เดือน(ตุลาคม 2563 ถึง เดือนมีนาคม 2564) มีผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพและส่งเสริมการจ้างงานแล้ว 10,514 คน จากเป้าหมาย 17,615 คน คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2564 จะสามารถดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จแน่นอน และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จะมีการเพิ่มเป้าหมายการให้บริการผู้สูงอายุมากกว่า 18,000 คน พร้อมเพิ่มกิจกรรมพัฒนาต่อยอดสู่ตลาดออนไลน์ด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงโครงการขยายโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุว่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีเป้าหมายรวม 17,615 คน ประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ ส่งเสริมการประกอบอาชีพให้ผู้สูงอายุ เป้าหมาย 2,580 คน และส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุในอาชีพที่เหมาะสมกับวัย และประสบการณ์ เป้าหมาย 15,035 คน โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระให้แก่ผู้สูงอายุที่ไม่มีทักษะด้านอาชีพอิสระ ได้ฝึกปฏิบัติในอาชีพที่สอดคล้องกับศักยภาพ จนสามารถประกอบอาชีพหรือรวมกลุ่มได้ กิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุสู่การเป็นวิทยากรถ่ายทอดภูมิปัญญา โดยการพัฒนาความสามารถด้านการถ่ายทอดภูมิปัญญาให้แก่ผู้สูงอายุ เพื่อทำหน้าที่เป็นวิทยากรอุทิศภูมิปัญญาสืบทอดไว้ให้ชุมชุน กิจกรรมสานพลังประชารัฐ จัดหางานให้ผู้สูงอายุ 

โดยการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุที่ต้องการประกอบอาชีพ รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้นายจ้าง สถานประกอบการ เรื่องการจ้างงานผู้สูงอายุ และการบริการลงทะเบียนผู้สูงอายุที่ต้องการสมัครงานและบรรจุงาน กิจกรรม 1 อำเภอ 1 ภูมิปัญญา โดยการจ้างผู้สูงอายุเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ จำนวน 115 คน (1 คน : 1 อำเภอ) และกิจกรรมสร้างโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบรรจุงาน โดยการจ้างงานจากหน่วยงานภาครัฐ

“สำหรับผลการดำเนินงานตามโครงการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงเดือนมีนาคม 2564 มีผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพและส่งเสริมการจ้างงานแล้ว 10,514 คน แบ่งเป็นผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพ 1,113 คน สร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ 185,850 บาท ผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการจ้างงาน 9,401 คน ผู้สูงอายุใช้บริการจัดหางาน 888 คน และได้รับการบรรจุงาน 739 คน โดยเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตำแหน่งที่ผู้สูงอายุได้รับการบรรจุงานมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. แรงงานด้านการผลิตต่าง ๆ , แรงงานทั่วไป 2. พนักงานดูแลความปลอดภัย 3. พนักงานบริการลูกค้า 4. แม่บ้าน 5. ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการสอนในด้านอื่นๆ “ นายไพโรจน์ฯ กล่าว

สำหรับผู้สูงอายุที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10  ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job center) อาคาร 3 ชั้น ด้านหน้ากระทรวงแรงงาน หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

"แรมโบ้" ป้อง “บิ๊กตู่” ทำหน้าที่แก้โควิดได้ดีไม่ต้องเปลี่ยนตัว อย่างที่หมอชลน่านแนะย้ำการบริหารจัดการโควิด ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อัดกลับเลิกตีกินทางการเมืองในช่วงที่ประเทศเกิดปัญหา 

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่ารัฐบาลล้มเหลวในการจัดการโควิด และหากนายกฯแก้ไม่ได้ ก็ควรลาออกให้คนอื่นมาทำ โดยกล่าวยืนยัน ว่า ขณะนี้ไม่มีใครเหมาะสมที่จะทำงานแก้ปัญหาเพื่อบ้านเมืองได้เท่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯแล้ว เพราะที่ผ่านมาทำงานแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด 19 เป็นที่ยอมรับทั้งคนในประเทศและต่างประเทศว่าสามารถทำได้เป็นอย่างดี การแก้ไขปัญหาโควิดนั้นต่อให้รัฐบาลทำได้ดีแค่ไหน หากไม่ได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน รวมทั้ง ส.ส. ฝ่ายค้านด้วยซึ่งหมอชลน่านเป็นหมอน่าจะรู้เรื่องนี้ดี 

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนเรื่องวัคซีนนั้นนายกฯ ได้พยายามที่จะให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนให้โดยเร็วที่สุด และรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นภาคเอกชนจัดหาวัคซีนเองได้ ซึ่งเรื่องนี้ อย.ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าสามารถนำเข้าได้ เพื่อบริการฉีดให้กับประชาชน แต่ต้องอยู่ภายใต้การใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉะนั้นจะต้องมีการควบคุม มีการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียงต่าง ๆ และขณะนี้ก็มีมาขอขึ้นทะเบียนแล้ว 14 บริษัท

"หมอชลน่านอย่ามัวแต่จะตีกินทางการเมือง จนไม่สนใจข้อเท็จจริงอะไรเลย ขอให้เปิดใจดูบ้างว่านายกฯและรัฐบาลทำงานในการแก้ไขโควิดได้ดีมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งที่มีการระบาดและไม่นานจำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดลงนั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯ รัฐบาลทำได้ ประชาชนให้ความร่วมมือ”นายเสกสกล กล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจจะเดินหน้าได้ช้าบ้าง นายกฯ ก็พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้ประชาชนได้บรรเทาความเดือดร้อนไปได้ ในภาวะวิกฤตโควิดแพร่ระบาดเศรษฐกิจทรุดลงตกต่ำไปทุกประเทศไม่ใช่ล่าช้าเฉพาะประเทศไทย ถ้าเปรียบเทียบกับหลาย ๆ ประเทศอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในบ้านเรายังดีกว่าประเทศอื่น ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและยังได้จัดหาวัคซีนให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนกันครบทุกคนและเร็วที่สุดแต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่มีอยู่ ไม่มีนายกฯหรือรัฐบาลใดอยากให้ประชาชนในประเทศติดโควิด และได้รับความเดือดร้อนจากโควิด อย่างแน่นอน ดังนั้นตนเองก็ขอให้หมอชลน่าน หยุดพูดเรื่องการเมืองไว้ก่อน และหันหน้ามาช่วยกันไม่ต้องช่วยนายกฯ ก็ได้แต่ขอให้ช่วยประชาชนเป็นหลัก

"ในภาวะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อเพิ่มขึ้นอาจส่งผลติดต่อไปยังประชาชนมากขึ้น หมอชลน่านและคนในพรรคเพื่อไทยควรออกมาช่วยกันห้ามปรามหรือชี้แนะประชาชนให้ช่วยกันให้ความร่วมมือตามที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและศบค. แนะนำ ไม่ใช่อะไรก็จะโทษแต่นายกฯ ตีกินการเมืองรายวัน ถามว่าการใช้น้ำลายในปากพ่นรายวัน ได้ประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรบ้างควรเอาประเทศชาติประชาชนเป็นหลัก รู้จักปล่อยวางการเมืองลงสักนิด จะได้เป็นนักการเมืองที่ดีในสายตาประชาชน" นายเสกสกล กล่าว

ทบ.bยกระดับมาตรการป้องโควิดช่วงสงกรานต์ สนับสนุนรบ. ดูแลปชช. 

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในห้วงเดือนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อแพร่กระจายไปทั่วเป็นจำนวนมากจากกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงกับหลายกลุ่มคนและสถานที่หลายแห่ง รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ปรับมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งต้องมีการเดินทางสัญจรของผู้คนเป็นจำนวนมาก พร้อมกับมีการเฉลิมฉลองสังสรรค์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวอีกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก จึงได้ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยได้กำหนด “มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกำลังพลหน่วยทหารและค่ายทหาร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเน้นย้ำกำลังพลและหน่วยทหารให้ปฏิบัติตามวินัยทหารต้านโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ การบันทึกไทม์ไลน์สถานที่เดินทาง, หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่แออัด, การแสกนแอปพลิเคชันไทยชนะ / หมอชนะ ในทุกสถานที่ ที่ได้เดินทางไปตลอดห้วงเทศกาลหรือช่วงลาพักกลับภูมิลำเนา จนกระทั่งกลับเข้าทำงานตามปกติ กรณีเป็นผู้ที่พักอาศัยบ้านพักของทางราชการ จะต้องแจ้งข้อมูลการเดินทางให้หัวหน้าที่พักอาศัยทราบ รวมถึงเมื่อกลับจากการเดินทางแล้ว จะต้องตรวจคัดกรองโรคก่อนกลับเข้าพักอาศัย นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่างทางสังคม, สวมหน้ากากอนามัย, หมั่นล้างมือ และใช้เจลแอลกอฮอล์ 

สำหรับหน่วยทหาร ให้งดจัดกิจกรรมสงกรานต์ เว้นการสรงน้ำพระ และเมื่อเปิดทำการหลังเทศกาล จะต้องตรวจคัดกรองกำลังพลทุกนายก่อนกลับเข้าปฏิบัติงาน โดยกองรักษาการณ์ของทุกหน่วยทหารจะต้องทำหน้าที่เฝ้าระวัง บันทึกข้อมูลการเข้า-ออก พร้อมคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด ในส่วนของการจัดตั้งจุดบริการและอำนวยความสะดวกประชาชนห้วงเทศกาลสงกรานต์ ให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกนายปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวดตลอดการปฏิบัติงาน

“การยกระดับมาตรการช่วงสงกรานต์นี้ เป็นการพิทักษ์กำลังพลและครอบครัวให้ปลอดภัยจากโควิด พร้อมปฏิบัติงานและสนับสนุนรัฐบาลในการอำนวยความสะดวก ดูแลช่วยเหลือ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างเข้มแข็งต่อไป” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว 

ก.แรงงาน มอบรถยนต์ ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแผ่นดินเสมอ

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ พล...นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เยี่ยมชมกิจกรรมในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแผ่นดินเสมอ พร้อมมอบรถยนต์ของสำนักงานประกันสังคม จังหวัดกระบี่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในหน่วยงานของรัฐ ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแผ่นดินเสมอ ตำบลตลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อมเหนือ จังหวัดกระบี่ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

พล...นันทชาติ กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่ได้นำเรื่องที่ได้รับมอบหมายไปดำเนินการ ทั้งนี้ ผมอยากให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้

สามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อสังคมโดยรวมและภาคแรงงาน อันเกิดจากการร่วมมือกันปฏิบัติงานในระบบทีมที่ดี และมีประสิทธิภาพของทุกๆ ท่าน ซึ่งผมพร้อมจะสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ และให้ข้อแนะนำต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาและดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ เตรียมความพร้อม รพ.สนามกว่า 3,000 เตียง รองรับสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ อยู่ระหว่างเร่งจัดเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ตามสั่งการของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบัน ได้จัดเตรียมพื้นที่หน่วยทหารจำนวน 10 แห่ง พร้อมบุคลากรแพทย์ทหาร สนับสนุนจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม จำนวนกว่า 3,000 เตียง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล  ทั้งนี้ ทุกเหล่าทัพอยู่ระหว่างทำการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาหน่วยทหารให้เป็นพื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่อาจรุนแรงและขยายตัวเป็นวงกว้างขึ้นต่อไป

ชี้! รมว.สุชาติฯ มอบ 3 นโยบายเร่งด่วน เดินหน้าภารกิจกรมการจัดหางาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมกรมการจัดหางาน ครั้งที่ 3/2564 มอบ 3 นโยบาย บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวเร่งตรวจโควิด-19 ส่งเสริมการจัดหางานให้คนไทยมีงานทำ และส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ตลอดจนคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขอเน้นย้ำนโยบายในการปฏิบัติราชการครึ่งปีหลังของกรมการจัดหางานที่จะต้องปฎิบัติอย่างเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่

1.) ด้านการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว

2.) ด้านการส่งเสริมการจัดหางานให้คนไทยมีงานทำ

3.) ด้านการส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ แก่รักษาราชการอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการกรมการจัดหางาน โดยเน้นการบริหารจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 ในแรงงงานต่างด้าวโดยการเร่งตรวจคัดกรองโควิด-19 การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการมีงานทำสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ และเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน และการหาแนวทางเพิ่มการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังได้รับฟังการรายงาน และติดตามผลการปฎิบัติงานตามภารกิจด้านต่างๆจากจัดหางานจังหวัดและผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดเร่งสำรวจ ตรวจสอบ ข้อมูลแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เพื่อประสานกับสาธารณสุขจังหวัด เข้าตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 และทำประกันสุขภาพให้แล้วเสร็จภายใน 16 มิถุนายน 64  

ในส่วนการส่งเสริมการมีงานทำให้คนไทย ให้ดำเนินการเชิงรุก สร้างความเข้าใจแก่นายจ้าง / สถานประกอบการ / สถานศึกษา ถึงผลดีและการปรับเปลี่ยน เงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการที่ขณะนี้มีความพร้อมในการรองรองรับผู้เข้าร่วมโครงการ และในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ให้เร่งปรับปรุง กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานไทย เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งอาจมีการเจรจาเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top