Tuesday, 6 May 2025
POLITICS NEWS

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ชาวเมียนมา 2,000 - 3,000 คน พยายามอพยพเข้ามาในประเทศไทย

มีแนวโน้มอาจสูงถึงหมื่นคนในเร็ว ๆ นี้ โดยรัฐควรจัดให้มีขั้นตอนการรับบุคคลที่จำเป็นต้องอพยพลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทย ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล และเร่งเพิ่มสถานที่กักตัวของรัฐ (State Quarantine) ตามจังหวัดแนวชายแดนไทย - เมียนมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำรอยเหมือนปัญหาแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าประเทศ จนเกิดการระบาดรอบสอง

"ปัญหาการลี้ภัยทางการเมืองของชาวเมียนมา ไม่ควรฝืนธรรมชาติ เพราะคนหนีร้อนมาพึ่งเย็น เพียงแต่รัฐบาลไทยต้องเตรียมความพร้อม จัดให้มีขั้นตอนที่ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีสถานที่กักตัวดูอาการป้องกันโควิด-19 และควรประสานงานกับค่ายผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด" เลขาธิการพรรคกล้ากล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทหารเมียนมากระทำต่อประชาชน แม้เป็นเรื่องภายใน แต่ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย มีการสังหารประชาชนอย่างทารุณ จึงฝากถึงรัฐบาลไทยให้วางตัวอย่างระมัดระวัง อย่าให้คนเข้าใจว่าสนับสนุนการกระทำของรัฐบาลเมียนมา


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รมว.แรงงาน แจงยอดปล่อยกู้กลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน ปีงบ 64 คงเหลือพร้อมให้กู้ 3.7 ล้าน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หลังปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% นาน 12 งวด ย้ำยังมีวงเงินให้กู้ สำหรับผู้เข้าเงื่อนไขที่กรมการจัดหางานกำหนด

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สภาพคล่องในการใช้จ่ายรวมทั้งการดำเนินการของผู้รับงานไปทำที่บ้าน กระทรวงแรงงานจึงพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน อยู่ในอัตราร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 -12  ภายใต้กรอบวงเงิน 7,000,000 บาท 

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานนอกระบบผู้กู้ยืมเงินกองทุนฯ ตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เน้นย้ำเสมอในเรื่องการดูแลแรงงานนอกระบบให้สามารถอยู่ได้ มีโอกาสเข้าถึงสิทธิพื้นฐานในการประกอบอาชีพ สามารถขึ้นทะเบียน มีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นองค์กร ได้รับการส่งเสริมคุ้มครอง และพัฒนาสู่คุณภาพชีวิตที่ดี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

“สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 29 มีนาคม 2564) ปล่อยกู้แล้วทั้งสิ้น จำนวน 20 กลุ่ม เป็นเงิน 3,210,000 บาท โดยยังมีวงเงินคงเหลือสำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ต้องการกู้ยืมเงินกองทุนฯ อีก 3,790,000 บาท ซึ่งผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ต้องการเงินทุน และเข้าเกณฑ์เงื่อนไขของกรมการจัดหางาน สามารถยื่นคำขอกู้เงินได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัด ในท้องที่ที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านได้จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า สำหรับการกู้ยืมเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ที่คิดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1- 12 โดยไม่ปลอดเงินต้น และในงวดที่ 13 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ภายในกรอบวงเงิน 7,000,000 บาทนั้น มีเป้าหมายเพื่อให้แรงงานนอกระบบที่เป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเริ่มให้ยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา จนถึง 31 สิงหาคม 2564 โดยต้องทำสัญญากู้ยืมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 

“คุณสมบัติผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้าน หรือมีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน ซึ่งมีทั้งประเภทบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยประเภทบุคคลต้องมีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ส่วนประเภทกลุ่มบุคคลจะต้องมีผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน  มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท รายบุคคลกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 2 ปี และรายกลุ่มบุคคลไม่เกิน 300,000 บาท 

ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปี โดยตั้งแต่ปี 2548 – ปัจจุบัน  มีผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางาน จำนวน 1,034 ราย/กลุ่ม สมาชิกจำนวน 5,993 คน และมีผู้กู้เงินจากกองทุนฯแล้ว จำนวน 509 ราย/กลุ่ม (29 ราย/480 กลุ่ม) เป็นเงิน 52,016,000 บาท” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

"แรมโบ้" ซัด "จตุพร" นัดเคลื่อนไหว ระวัง!ถูกผสมโรง

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ พีส ทอล์ค ชวนประชาชนร่วมระดมความเห็นจัดขบวนความคิด ในวันที่ 4 เมษายน ไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายจตุพร ต้องทบทวนการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย เป็นการซ้ำเติมประเทศในขณะที่กำลังประสบปัญหากับการระบาดโควิด-19 

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนประเด็นทางการเมืองการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าไปตามกระบวนการขั้นตอนของรัฐสภาอยู่แล้ว นายจตุพรคงจะเป็นจะตายถ้ารัฐธรรมนูญไม่ได้ดั่งใจ คงเดือดร้อนกว่าการแพร่เชื้อไวรัสโควิดหรืออย่างไร คนตายทั้งประเทศเพราะพิษโควิดไม่เป็นไร ขอให้รัฐธรรมนูญสมดังใจนายจตุพรเอาเช่นนั้นหรือ คิดแค่นี้ก็เห็นแก่ตัวไม่สงสารชีวิตพี่น้องประชาชน 

นายเสกสกล กล่าวว่า ที่ผ่านมานายกฯได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนกับประเทศชาติไปบ้างแล้ว มีการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศอย่างไร ไม่ใช่แต่กลัวว่านายกฯ จะสืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ ยืนยันว่านายกฯ ให้การสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดมา ปล่อยให้สมาชิกรัฐสภาว่ากันเองแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ปล่อยให้เป็นอิสระ นายจตุพรอย่ากินไม่ได้ถ่ายไม่ออก ไม่ได้อะไรสมดังใจก็ใส่ความแต่นายกฯ 

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอเตือนนายจตุพรอีกครั้ง อาจจะมีกลุ่มที่เคลื่อนไหวล้มสถาบันอยู่ในขณะนี้นำเรื่องสถาบันมาผสมโรงกับการเคลื่อนไหวนายจตุพรด้วย และอาจถูกหลอก ถูกใช้เป็นเครื่องมือแบบไม่รู้ตัว  เหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่นายจตุพร พาคนเสื้อแดงมาตายไปกี่คน ยังไม่สงสารดวงวิญญาณคนเหล่านั้นหรือ ควรหยุดเคลื่อนไหวได้แล้ว หัดรู้จักเอาบทเรียนมาปรับทัศนคติ ให้รู้จักรับผิดชอบชั่วดี ให้กับชีวิตตนเองบ้างเถิด

"ธนาธร" รุดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาไลฟ์เฟซบุ๊กวิจารณ์การจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยัน ไม่กังวลถูกหมายเรียก ม.112

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.อธิป ดอนนันชัย รองผกก. สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 ที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อ”วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” ซึ่งมีเนื้อหาวิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลที่มีความล่าช้า และตั้งข้อสังเกตถึงการถ่ายโอนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ามายังบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์

โดยนายธนาธร กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจากการวิจารณ์กลยุทธ์การบริหารจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 แต่ตนไม่มีความกังวล และยังยืนยันว่า หากกลับไปฟังการอภิปรายจะไม่มีข้อความใดที่ละเมิดข้อหานี้เลย ส่วนกรณีกระทรวงเศรษฐกิจเพื่อดิจิทัลและสังคม (ดีอีเอส) ได้ขออนุญาตศาลให้ถอดเฟซบุ๊กไลฟ์นั้น ศาลชั้นต้นตัดสินให้คงคลิปไว้ได้ ส่วนการแจ้งข้อหาวันนี้ ก็อยู่ที่ตำรวจว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะตนมีเจตนาดีต่อสังคม ซึ่งสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 2 เดือนก่อนเป็นจริงแล้วในตอนนี้ หากพึ่งบริษัทใดบริษัทหนึ่งมากเกินไป ก็อาจเป็นความเสี่ยงต่อสังคม

นายธนาธร กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีนตอนนี้แบ่งเป็นเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจัดหา และเรื่องการฉีด ตอนนี้เรามีวัคซีนค้างสต็อกกว่า 1 ล้านโดสที่ยังไม่ฉีด โดยฉีดไปเพียง 1.5 แสนเข็มตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. ถึงตอนนี้ ตกวันละ 5,000 โดส แสดงว่าไม่มีประสิทธิภาพในการฉีด หากจะหมด 1 ล้านโดส ต้องใช้เวลา 200 วัน จึงจะหมดสต็อก หากไม่ทวงถามไม่ตรวจสอบประชาชนคงไม่ทราบ เหตุใดไม่รีบฉีดในเมื่อมีวัคซีนในมือ แสดงให้เห็นว่ากระบวนการทั้งหมดมีปัญหา

เมื่อถามว่าคาดคิดหรือไม่ว่าจะต้องมารับทราบข้อกล่าวหาในมาตรา 112 นายธนาธร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดึงสถาบันมาปกปิดความผิดของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า การถูกหมายเรียกในวันนี้จึงไม่เหนือความคาดหมาย ไม่มีหลักฐานอะไรต้องนำมาชี้แจง เพราะตนบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีประเด็นอะไรที่ก้าวล่วง

นายธนาธร กล่าวอีกว่า วันนี้มีการใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน กี่ครั้งแล้วที่มีผู้มาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล กรณีการสลายชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ที่มีความสงบสันติและมีข้อเรียกร้องชัดเจน ต้องเรียกร้องรัฐบาลว่าหากต้องการให้สังคมอยู่อย่างสงบสุข ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เสมอภาค

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบ.ช.น. กล่าวว่า กรณีนี้เป็นกรณีที่นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งความร้องทุกข์กับ สน.นางเลิ้ง ว่านายธนาธรกระทำความผิดโดยได้วิพากย์วิจารณ์เรื่องวัคซีนในเฟซบุ๊ก ซึ่งพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานที่เชื่อว่านายธนาธรได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 ซึ่งวันนี้เมื่อรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จก็ไม่ได้ควบคุมตัว และจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เล่าถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี หลัง ‘รุ้ง-ไมค์’ ได้ร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจกับกระบวนการยุติธรรม จนตัวเองต้องอดร้องด้วยไม่ได้ว่า...

นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เล่าถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี หลัง ‘รุ้ง-ไมค์’ ได้ร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจกับกระบวนการยุติธรรม จนตัวเองต้องอดร้องด้วยไม่ได้ว่า...

สมยศ พฤกษาเกษมสุข แถลงว่า การไม่ให้ประกันตัวเป็นอุปสรรคในการต่อสู้คดี และไม่เป็นธรรม เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ระหว่างต่อสู้คดีตนเองก็คงต้องติดคุก

ไปแบบนี้เรื่อย ๆ ขอให้ศาลมอบโทษประหารชีวิตให้เพื่อยุติปัญหา เขาพร้อมพลีชีพสังเวยความไม่ยุติธรรม

ด้าน ไมค์ ภานุพงศ์ ร้องไห้น้ำตาไหล เพราะมันคับแค้นจุกแน่นอยู่ในอก ถึงความไม่ยุติธรรม

ไมค์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ชนิดที่แม่ของเขาเองก็ยังแปลกใจ

“มันไม่เป็นธรรมกับเราเลยนะพี่ ไมค์ไม่ได้กลัว จะติดก็ติดไป แต่อยากได้เพียงความยุติธรรมแค่สิทธิในการประกันตัวเรายังไม่ได้ เราจะได้ความยุติธรรมจริง ๆ หรอพี่”

ขณะที่ เพนกวิน เข้ามาในห้องพิจารณา ร่างกายซูบผอมลงไปเยอะ อิดโดยเต็มที ใบหน้าซีดขาว แขนข้างซ้ายของเขามีสายระโรงระรางเต็มไปหมด ใช่ มันคือสายน้ำเกลือ แขนของเขาถูกเจาะเพื่อใส่น้ำเกลือลงไป เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดจาสื่อสาร เพราะอดอาหารประท้วงทวงคืนสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกันตัวมาแล้วกว่า 14 วัน

รุ้ง ปนัสยา กล่าวแถลงด้วยน้ำตา สรุปความได้ว่า หนูเป็นเพียงแค่นักศึกษา อายุแค่ 22 ปี

หนูฝันถึงสังคมและอนาคตที่ดีกว่า การที่หนูออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหนูผิดอะไร หนูกับเพื่อนอีกหลายคนไม่ได้ประกันตัว พวกเราถูกบังคับไม่ให้มีโอกาสนั้น

หนูกลัวค่ะ หนูกลัวว่าเพื่อนหนูจะเป็นอะไรไป หนูบอกเพนกวินว่า หนูกลัวมันตาย แต่เพนกวินตอบว่า ถ้าจะตายก็ให้ตายไป หนูคิดมาตลอดว่า “เราสู้เพื่ออยู่ ไม่ได้สู้เพื่อตาย แต่ถ้าจะมีใครตาย ก็ขอให้ตายเพื่อคนที่ยังอยู่”

และวันนี้หากไม่ได้รับสิทธิประกันตัวอีก จะขอประกาศอดอาหารด้วย โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่น้ำ นม และสารอาหาร

“ขอให้การตายของเราเป็นสายธารนำความหวังสู่สังคม”

ผมนั่งเงียบฟังเสียงรุ้งแถลง...

ก้มหน้าก้มตาไม่ได้หันมองใคร...

น้ำตามันไหลออกมาแบบกลั้นไม่อยู่...

นับเป็นครั้งที่สองที่ผมมีน้ำตาในห้องพิจารณา…

ที่มา: https://www.nationtv.tv/main/content/378819670


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) แจ้งความเอาผิด ม.112 ‘มายด์ ภัสราวลี’ ปราศรัยม็อบแยกราชประสงค์ ด้านรอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เรียกรับทราบข้อกล่าวหา 8 เม.ย.นี้

นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) แจ้งความกับ ร.ต.ท.เมธาธาร สุขม่วง รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี ให้เอาผิด น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย จากการปราศรัยจาบจ้วงสถาบันที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 โดยนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ คำถอดเทปการปราศรัยมามอบให้กับพนักงานสอบสวน

นายจักรพงศ์ กล่าวว่า ผู้ที่ปราศรัยในวันดังกล่าว มีนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ และ น.ส.เบนจา อะปัญ แต่ในวันนี้จะเน้นเอาผิด น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากมีการพูดปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันที่ทำร้ายจิตใจคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันทั้งประเทศ จึงเป็นตัวแทนผู้ที่รักสถาบัน ทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานภาพและคลิปวิดีโอมาถอดถ้อยคำปราศรัยในวันดังกล่าวมาประกอบการแจ้งความในวันนี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า การกระทำดังกล่าวนั้นสมควรแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบหลักฐานของตำรวจว่าจะมีผู้ใดกระทำผิดเข้าข่ายข้อหานี้อีกหรือไม่

ด้าน พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ลุมพินี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีประชาชนมาแจ้งความให้ดำเนินคดีในความผิดตาม ม.112 ไว้แล้ว ซึ่งที่ประชุมชุดสืบสวนสอบสวน ได้พิจารณาประกอบกับข้อหาอื่นๆ ที่เตรียมแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค ไว้ก่อนหน้านี้ จึงรวมสำนวนและออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมกับแนวร่วมมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 8 เม.ย.นี้


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“อนุทิน" รับกังวลเทศกาลสาดสีเชียงใหม่ หวั่นแพร่ระบาดโควิด-19 ลั่น!ใครอนุญาตต้องรับผิดชอบ

วันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเทศกาลสี HOLE Festival เฉลิมฉลองแบบอินเดียที่ไนท์บาซาร์ จ.เชียงใหม่ว่า ตนก็เป็นกังวล ต้องรีบหารืออธิบดีกรมควบคุมโรค และปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า เป็นการอนุญาตจัดงานแบบนี้อยู่บนพื้นฐานอะไร เพราะการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้อยู่ที่ว่าไม่ได้สาดน้ำแต่มาสาดสีจะไม่ติดเชื้อ แต่ที่ติดเพราะเป็นการรวมตัวของผู้คน มีการกระจายละอองฝอยลมหายใจกัน ซึ่งต้องเช็คดูก่อน เพราะตนเพิ่งทราบเมื่อเช้านี้ ส่วนที่บางคนบอกว่าสาดสี ไม่ได้สาดน้ำ ความจริงแล้วมันก็เหมือนกัน มันไม่ได้เกี่ยวว่าสาดอะไร มันเกี่ยวกับการเข้ามารวมกลุ่มกันมากกว่า ซึ่งตนก็ถามไปว่าใส่หน้ากากอนามัยกันหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้ใส่ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็มีโอกาสยุ่ง

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้เป็นบรรทัดฐานขยายไปทั่วประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเช็คดูก่อนว่าเขามีมาตรการป้องกันอย่างไร แต่เรื่องการอนุมัติ อนุญาตอะไรต่าง ๆ ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในแต่ละจังหวัดก็เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้อนุมัติโดยรัฐบาล ดังนั้น ผู้ว่าฯต้องประเมินสถานการณ์ และว่ากันเป็นกรณี ๆ ไป แต่ที่จ.เชียงใหม่ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ร้านวอร์ม อัพ คาเฟ่ ฉะนั้นก็ต้องระวัง เพราะเชื้อมันยังอยู่ เมื่อถามว่า แบบนี้ต้องกำชับผู้ว่าฯเรื่องการจัดงานหรือไม่ คงไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ไปกำชับผู้ว่าฯ ตนมีอำนาจในการกำชับปลัดกระทรวงสาธาณณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค และสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อ โดยมีผู้ว่าฯเป็นประธาน ซึ่งขั้นตอนตนก็จะไปตามขั้นตอนของตนก่อน เรื่องนี้เป็นอำนาจอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ใครอนุญาตไปก็ต้องรับผิดชอบ

รมว.วัฒนธรรม ยอมรับ ไม่สบายใจ กรณีเทศกาลสาดสีเชียงใหม่ ไม่สวมแมส ไม่เว้นระยะ หวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ฝากทุกจังหวัดเข้มมาตรการ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงเทศกาลสาดสี HOLI Festival เฉลิมฉลองแบบอินเดียที่ไนท์บาซาร์ จ.เชียงใหม่ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเว้นระยะห่าง จนมีความกังวลว่าจะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ว่า เป็นเทศกาลของอินเดีย เป็นการเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูร้อน และในทุกปีชาวอินเดียทั่วโลกจะมีการจัดเทศกาลนี้ ตามความเชื่อถือเป็นการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องสุขภาพ

ซึ่งก่อนหน้าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็มีการขออนุญาตจัดกิจกรรมในชุมชนชาวอินเดียหลายจังหวัด เช่น พัทยา จ.ชลบุรี หรือที่จ.เชียงใหม่ที่เกิดกรณี โดยในเทศกาลจะมีการสาดแป้งฝุ่นสีสันต่างๆ แต่จากภาพที่ออกมาทำให้ทุกคนมีความกังวลใจ เพราะไม่ได้มีการใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่มีการเว้นระยะห่าง

ในส่วนนี้ศบค.เอง เห็นถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เป็นกรณีตัวอย่างก่อนที่จะถึงเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ส่วนความเป็นห่วงว่าจะมีผู้ติดเชื้อหรือเกิดคัตเตอร์ใหม่นั้น ก็ต้องติดตาม แต่ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ กรณีเทศกาลสาดสีที่เกิดขึ้นเป็นการจัดโดยภาคเอกชน แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตมาถึงกระทรวงวัฒนธรรม และตนได้มาเห็นตอนเมื่อปรากฏภาพแล้ว และเมื่อเห็นตนไม่สบายใจกับภาพที่เกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา แต่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป

จึงฝากทุกจังหวัดในช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป จะมีกิจกรรมก่อนสงกรานต์ค่อนข้างมาก จึงขอฝากทุกชุมชน ทุกๆพิธีการที่จะมีการจัดกิจกรรมในช่วงหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญหรือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลากหลายรูปแบบ ขอให้เน้นมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเข้าไปดูแลด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นนี้จะนำมาหารือในที่ประชุมศบค.หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ศบค. ได้เคยมอบหมายคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาเป็นกรณี ฉะนั้นกิจกรรมที่คล้ายกับเทศกาลสาดสี แต่ละจังหวัดต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ส่วนข้อปฏิบัติต่าง ๆ กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกเป็นภาพการ์ตูน รวมถึงได้ออกประกาศของกระทรวงวัฒนธรรม เป็นข้อปฏิบัติเกี่ยวกับสงกรานต์ เน้นย้ำว่าสงกรานต์ปีนี้ไม่สาดน้ำ ไม่ประแป้ง แต่ยังจัดได้ตามประเพณี รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ

เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นยังไม่ถือว่ามีความผิดใช่หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า กรณีนี้เป็นความเสี่ยง แต่ต้องไปดูในประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดของแต่ละจังหวัด ว่ามีการกำหนดเหมือนกับกทม.หรือไม่ ว่าหากจัดตั้งแต่ 300 คนขึ้นไปต้องขออนุญาต จึงต้องไปดู


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“อนุทิน” ลั่น! แล้วแต่สำนึกรับผิดชอบ กรณีดราม่า “มาดามเดียร์” เล่นสเก็ตไม่สวมหน้ากาก ส่วนปมงดออกเสียง “ศักดิ์สยาม” ให้สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ลั่น! พร้อมตลอดเวลา หากมีสัญญาณเลือกตั้ง โอ่ ภท.เปิดกว้างทุกคน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสดราม่า นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เล่นสเก็ตในกิจกรรมรัตนโกเซิร์ฟ โดยไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย ว่า ขนาดตนใส่หน้ากากไว้หลุดขึ้นมายังโดนทัวร์ลงเลย แต่ถ้าโดนสเก็ตลงคงเจ็บกว่า แต่แล้วแต่ความสำนึกรับผิดชอบ 

เมื่อถามถึงกรณี 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ งดออกเสียงให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรค ภท. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนี้มีการขอโทษมายัง ภท. แล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นมีการติดต่อเข้ามา ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับติดใจหรือไม่ติดใจ กัมมุนา วัตตติ โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันมีหลายกลุ่มตั้งพรรคการเมืองใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อะไรที่เป็นทางเลือกย่อมเป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าไปปิดกั้นทางเลือก มันจะได้แข่งขัน ถ้าไม่มีพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเลย ภท.อาจคิดว่าสบาย ไม่ต้องทำอะไรเขาก็เลือก แต่พอมีพรรคการเมืองใหม่เยอะ ๆ ดีแล้ว ทุกคนจะได้คิดว่าทำอย่างไรดี ใครจะไป ใครจะร่วม คนของเราจะย้ายหรือไม่ เราจะต้องขยัน ต้องทำผลงาน คิดนโยบายใหม่ ๆ ตนชอบเช่นนี้ ชอบโลกของการแข่งขัน

เมื่อถามว่า มันเป็นสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งเร็ว ๆ นี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองพร้อมเลือกตั้งอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนร่วมรัฐบาลด้วย ไม่เคยประมาท ต้องมีความพร้อมตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องทำอะไร เช้ามาทำงาน เย็นกลับบ้าน ไม่ต้องห่วงพื้นที่ ใกล้เลือกตั้งค่อยลงพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่ เราลงพื้นที่มาสองปีแล้ว ไม่เคยว่างเว้น แต่ถ้าจะให้ประเมิน ตนไม่ประเมินอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่บอกตัวเองมีอะไรต้องพร้อม ไม่ตกใจ ทำสิ่งที่เรามั่นใจว่าเป็นนโยบายที่ดีกับประชาชน เพราะถ้าบอกพร้อมจะกลายเป็นท้าทาย บอกไม่พร้อมจะกลายเป็นขี้เกียจ 

เมื่อถามว่า เมื่อมีคนใหญ่ ๆ มาตั้งพรรคในช่วงนี้ ทำให้ต้องคิดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่สามารถไปบังคับใครให้ทำอะไรได้ ถ้าทุกคนคิดทำอะไรเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง รุ่นใหญ่อาจไม่อยากเป็นลูกน้องคนแล้ว เขาอาจตั้งพรรคของเขาก็เป็นสิ่งที่ดี จะได้ช่วยกันทำงาน แต่ก็ถือว่ายาก เพราะพรรคตนยังทำไพรมารีโหวตไม่ครบเลย ส่วนที่มีกระแสข่าว ภท.เตรียมรับ ส.ส.จากหลายพรรคเข้ามานั้น ตนยังไม่ได้คิด แต่ ภท.เปิดกว้างสำหรับทุกคนถ้าเข้ามาแล้วตั้งใจทำงานให้บ้านเมือง 

อย่างไรก็ตาม เราต้องมั่นใจคนที่เรามีอยู่ หรือเกือบได้เป็น ส.ส.ครั้งที่แล้ว เขาจะต้องปรับปรุงตัวเองขึ้นมา เชื่อว่าผลงานและนโยบายที่เรารักษาสัญญากับประชาชนน่าจะทำให้ประชาชนเห็นใจและอาจมาให้โอกาสกับเรา เราต้องเอาคนในบ้านก่อน เมื่อถามว่า ต้องใช้พลังดูดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ้ย ไม่ไหว ดูดแล้ว โอ้โห ใช้พลังเยอะ” เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามี ส.ส. อยากมาอยู่กับ ภท. นายอนุทิน กล่าวว่า “เดี๋ยวดูซิ ต้องแจกบัตรคิวหรือเปล่า แต่ยังไงก็ขออย่าขาดทุนแล้วกัน”

“วราวุธ” เผย สร้างอ่างเก็บน้ำป่าดงพญาเย็นฯแค่แผนศึกษา แจง! ยูเนสโกถามเพราะห่วงความสมบูรณ์ของป่า ไม่ส่งผลหลุดมรดกโลก

วันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ อาจทำให้หลุดจากการเป็นพื้นที่มรดกโลก ว่า องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ไม่ได้สอบถามถึงเรื่องของเขื่อนใดเขื่อนหนึ่ง เพราะพื้นที่ที่เป็นมรดกโลกตรงนั้นมีแผนการศึกษาเขื่อนขนาดใหญ่หลายเขื่อน ซึ่งเป็นไปตามปกติที่ยูเนสโกได้สอบถามมา เพราะไม่ว่าจะทำโครงการใดก็ตาม ถ้ามีผลกระทบกับความสมบูรณ์โดยรวมของพื้นที่มรดกโลกตรงนั้น ทางยูเนสโกก็จะแสดงความเป็นห่วงกังวล 

ทั้งนี้ทางยูเนสโกได้สอบถามเรื่องดังกล่าวต่อทางประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งทางกระทรวง ทส. ได้ตอบกลับไปแล้วว่า แผนที่ให้ดูนั้นเป็นเพียงแผนการศึกษาระบบน้ำของทั้งประเทศ ไม่ได้แปลว่าเราจะก่อสร้างหรือเราได้ดำเนินการก่อสร้าง  แต่ยืนยันว่าเป็นเพียงแผนการศึกษาก่อสร้าง ว่าถ้าจะแก้ไขระบบน้ำในแต่ละภาคของประเทศจะต้องทำอย่างไรบ้าง ส่วนแผนที่เกิดขึ้นมานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ ยังไม่มีการอนุมัติงบประมาณ และยังไม่มีการก่อสร้างใด ๆ หลังจากที่กระทรวง ทส. ได้ชี้แจงกับยูเนสโกแล้วก็เข้าใจกันดี 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top