Friday, 9 May 2025
POLITICS NEWS

ศรีสุวรรณ ร้อง กลต. สอบหมอบุญ ส่อมีพฤติกรรม ดีลวัคซีนทิพย์

ที่สำนักงาน กลต. ถนนวิภาวดี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) เพื่อให้ตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายกรณีการออกมาให้ข่าวของ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เกี่ยวกับดีลการเจรจาจัดหาวัคซีนทางเลือก 20 ล้านโดส ซึ่งอาจเป็น “วัคซีนทิพย์” เพื่อหวังผลสร้างกระแสความนิยมในหุ้นของบริษัทหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นพ.บุญออกมาให้ข่าวอย่างต่อเนื่อง กำลังดำเนินการลงนามจัดซื้อวัคซีน BioNTech ของเยอรมัน ชนิด mRNA เป็นตัวเดียวกับไฟเซอร์ และ Novavax ของอเมริกา ซึ่งสร้างความดีใจและความหวังให้กับคนไทยเป็นจำนวนมากที่หวังจะได้ใช้วัคซีนชนิด mRNA เพื่อนำมาป้องกันเชื้อโควิด-19 โดย นพ.บุญ ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะลงนามจัดซื้อได้ภายในเย็นวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีคำตอบใดๆให้กับสังคม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในทางกลับกัน สื่อมวลชนหลายแขนงได้รายงานข่าวว่าบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน BioNTech ของเยอรมนี จำนวน 20 ล้านโดส ทำให้ช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ค.64 ราคาหุ้นของธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ป จากราคา 29.75 บาทพุ่งขึ้นถึง 33.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 12.61 % เลยทีเดียว และสื่อต่างประเทศได้รายงานว่าการออกมาให้ข่าวดีลการซื้อวัคซีนดังกล่าวช่วยให้ราคาหุ้นของเครือธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ปดีดตัวขึ้น และมีมูลค่าด้านการตลาดเพิ่มขึ้นราว 1,500 ล้านบาทเลยทีเดียว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่อีเมลอย่างเป็นทางการจากบริษัท Pfizer Deutschland GmbH เรื่องสิทธิ์การจัดจำหน่ายวัคซีน โดยระบุว่า “เรายังคงร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการจัดหาวัคซีน Pfizer-BioNTech COVID-19 ให้ใช้ได้ทั่วประเทศไทย และเรากำลังอยู่ในช่วงปรึกษาหารือกับกรมควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น” ส่วนผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ยืนยันเช่นกันว่า ทางบริษัทมีการเจรจาเรื่องการส่งออกวัคซีนชนิด mRNA กับรัฐบาลไทยเท่านั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า บทสรุปของการดีลเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกของ นพ.บุญ ยังไม่มีใครทราบว่าจะออกมาทางใด แต่ที่แน่ๆ การออกมาให้ข่าวอย่างต่อเนื่องดังกล่าว เป็นพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่าเป็นการสร้างกระแสความนิยมในหุ้นของบริษัทในเครือของตนหรือไม่ ทั้งที่กฎหมายห้ามมิให้บุคคลใดบอกกล่าวเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งมีโทษหนักทั้งทางอาญาและหรือทางแพ่ง คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 1 ล้านถึง 5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ม.240 ม.242 ม.243 ประกอบ ม.296 วรรคสอง แห่งพรบ.ตลาดหลักทรัพย์ 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนต่อ กลต.เพื่อขอให้ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังหากพบว่ามีการละเมิดกฎหมายของ กลต.เพื่อหวังผลการเพิ่มมูลค่าหุ้นของตนในตลาดหลักทรัพย์ บนความคาดหวังลมๆแล้งๆของคนไทยหรือไม่

“บิ๊กตู่”เริ่มมาตร​การWFH 100% วันแรก ถกครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์​จากบ้านพัก เตรียมพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาลูกจ้างจังหวัดล็อกดาวน์​เพิ่ม พร้อมติดตามการจัดหาวัคซีน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากบ้านพัก ภายในกรมทราบราบ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) ซึ่งเป็นวันแรกของการยกระดับมาตรการ​ควบคุม​การแพร่ระบาด​ของเชื้อไวรัส​โค​วิด​-19 ที่เข้มข้นขึ้น โดยเป็นการ Work from home 100% เช่นเดียวกับ​รัฐมนตรี​คนอื่นๆ รวมไปถึงข้าราชการ และ​เจ้าหน้าที่ ของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าเวรมาปฏิบัติหน้าที่ในภาคบริการบางส่วนด้วย  ทั้งนี้ ในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ นั้นจะ เข้าปฎิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อาทิ ภารกิจเกี่ยสกับการพบบุคคลสำคัญ เช่น เอกอัครราชทูต นายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติภารกิจตามปกติ แต่หากเป็นการประชุมก็จะเป็นในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากบ้านพัก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระการประชุม  ครม.ที่น่าสนใจ ในวันนี้ ยังคงเป็นการติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาโควิด 19 ภายหลังรัฐบาลยกระดับมาตรการให้เข้มมากยิ่งขึ้น ข้อกำหนดที่ 28 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผลบังคับใช้วันนี้ ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ขณะเดียวกันได้เตรียมพิจารณาผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ รวมถึงการเร่งรัดจัดหาวัคซีน ทั้งนี้กระทรวงแรงงาน จะมีการนำรายละเอียดการเยียวยานายจ้างและลูกจ้าง ในระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด รวมทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่เพิ่งถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่สูงสุดและเข้มงวดเพิ่มเติมเข้าที่ประชุม ครม. 

ขณะที่กระทรวง​ศึกษา​ธิการ  มีการรายงานมาตรการลดภาระผู้ปกครองและนักเรียนในส่วนของค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าเทอมในเบื้องต้น​ให้นายกรัฐมนตรี​รับทราบ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้วางแผนจัดโครงการแพคเกจที่เหมาะสมไว้แล้ว

“แรมโบ้”สวน"เสรีพิศุทธ์" เคยอกตัญญูผู้ใหญ่ที่สนับสนุนให้ได้ดีหรือไม่ ย้อนถามจะให้เป็นสมุนโจรตลอดชีวิตหรือ 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่พูดอดีตของตนว่าไม่กตัญญูรู้คุณคน  ว่า "คนอย่างแรมโบ้ มีมันสมองมีสติ มีจิตวิญญาณเป็นมนุษย์ ที่อยากคิดดีทำดี เห็นหัวหน้าเรากำลังเป็นโจรปล้นบ้านปล้นเมือง ปล้นชาวไร่ชาวนา กำลังไล่ล่าปล้นชาวบ้านไม่รู้หยุด ไม่รู้พอ จนเห็นไม่ไหว ต้องยอมเป็นเครื่องมือทำตามทุกอย่างตามที่หัวหน้าโจรสั่งการใช่ไหม ต้องยอมเป็นสมุนร่วมปล้นกับหัวหน้าโจรคนนั้นด้วยใช่หรือไม่ ยอมให้เขาปล้นเอาทรัพย์แล้วสังหารชาวบ้านต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นใช่ไหม แต่ตนคงยอมทนต่อไปไม่ได้เพราะโจรคนที่ปล้นจบแล้วคิดว่าจะพอ กลับให้โจรผู้น้องมาปล้นชาวบ้านต่อ เป็นโจรกันทั้งบ้าน จะให้ยอมปล่อยให้โจรทั้งครอบครัวมาปล้นชาวบ้านต่อไปได้อย่างไร และอยากถามพล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ที่กล่าวหาว่าตนเป็นคนไม่กตัญญูรู้คุณว่า ตกลงจะให้เป็นสมุนโจร ให้ตนยอมร่วมมือกับโจรปล้นชาวบ้านตลอดชีวิตเลยใช่หรือไม่

นายเสกสกล กล่าวว่า พล.ต.อ.ต้องย้อนดูตัวเองด้วยว่ามีคนคุยกันว่า เคยมีผู้ใหญ่สนับสนุนให้ได้ดิบได้ดี จนมีตำแหน่งใหญ่โตในวงการตำรวจ ได้มีความกตัญญูต่อผู้ใหญ่คนนั้นหรือไม่ หรือพอได้ดีก็กลายเป็นคนอกตัญญูไป  ไม่เคยเห็นบุญคุณของผู้ใหญ่ท่านนั้นเลยใช่ไหม จริงหรือไม่จริง ตนไม่ทราบ ท่านรู้แก่ใจ ให้กลับไปพิจารณาย้อนหลังทบทวนเอาเอง" นายเสกสกล กล่าว

เผย “ชวน” งดประชุมสภาฯต่ออีก 1 สัปดาห์ ขานรับประกาศ ศบค.ฉบับล่าสุด

นายศุภชัย โพธิ์สุข รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เตรียม แจ้งส.ส. ถึงการงดประชุมสภาผู้แทนราษฎ ออกไปอีก 1 สัปดาห์ จากเดิมที่มีคำสั่งงดประชุมสภาฯ ถึงวันที่ 25 ก.ค.นี้ โดยเหตุผลที่งดการประชุมเพิ่มเติมอีก 1 สัปดาห์ เพราะเป็นไปตามคำสั่งของ ศบค. ฉบับล่าสุด

เมื่อถามว่าการเพิ่มวันงดประชุมสภาฯ ฝ่ายค้านอาจไม่เห็นด้วย นายศุภชัย กล่าวว่า ต้องพิจารณาเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันพบการระบาดไปทั่วบ้านทั่วเมือง หากสภาฯ ยังนัดประชุมอาจเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการรวมตัวของประชาชนหรือการชุมนุมได้ เพราะสภาฯ ถือเป็นสถานที่ปฏิบัติงานที่รวมประชาชนจากทุกจังหวัด และการสั่งงดประชุมเพิ่มเติมนั้น ถือเป็นดุลยพินิจของนายชวน หากติดตามให้ดี นายชวน ไม่มีความต้องการอยากพักหรืองดประชุม เพราะท่านต้องการให้สภาฯ ได้ทำงาน แต่เมื่อสถานการณ์ระบาดของโควิด เพิ่มมากขึ้นและยอดการติดเชื้อไม่ลดลง ดังนั้นต้องคำนึงถึงการให้ความร่วมมือลดอัตราการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ  ซึ่งขณะนี้ มีส.ส. ที่ติดเชื้อโควิดแล้ว

จับตาครม.จ่อเยียวยาเพิ่มเติมหลังล็อกดาวน์เพิ่ม 13 จังหวัด

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference วันที่ 20 ก.ค. 2564 ที่ประชุมเตรียมพิจารณาเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุมครั้งที่ล่าสุดให้กับที่ประชุมพิจารณา ซึ่งมีการประเมินกันว่า ผลการประชุมครั้งนี้อาจจะมีแนวทางของการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมออกมาด้วย หลังจากที่รัฐบาลยกระดับการควบคุมสถานการณ์ในประเทศเพิ่มขึ้นมาเป็น 13 จังหวัด 

ขณะเดียวกันคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ยังเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 พ.ศ. .... 

เช่นเดียวกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สำหรับการปฏิบัติ ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถนการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 1 ต.ค.2563 - 31 ม.ค.2564 รวม 123 วัน

ส่วนวาระอื่น ๆ กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ด้าน กระทรวงพลังงาน เสนอการจัดตั้งบริษัทนวัตกรรมของกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะที่กระทรวงการคลัง เสนอการปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล 

นอกจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 เรื่องขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ผู้ประกอบการประมง และกระทรวงสาธารณสุข เสนอแผนระดับที่ 3 ของกระทรวงสาธารณสุข (ร่าง) แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 – 2565

เลขาฯรมต.ประจำสำนักฯ ชี้ ม็อบไม่ได้ชุมนุมอย่างสันติ เสี่ยงโควิด-19 เพิ่มภาระแพทย์ เหน็บ รองหน.พท. ใจอำมหิต

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ว่า อยากขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะการชุมนุมดังกล่าวไม่ได้เป็นการชุมนุมอย่างสันติ แต่มีการใช้ความรุนแรง แกนนำพกอาวุธ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฏิบัติตามหลักสากล ไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทันที ตนเห็นดารานักแสดงบางคนออกมาตำหนิรัฐบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารัฐบาลทำร้ายประชาชน ตำรวจทำร้ายประชาชน ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง จึงไม่อยากให้มีการบิดเบือนข้อมูล เพราะทุกฝ่ายทำตามหน้าที่ และมีหลักฐานการกระทำผิดทุกอย่าง ที่สำคัญคือ ไม่มีใครคิดทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง จึงอยากให้ดารานักแสดงกลุ่มดังกล่าวได้เข้าใจด้วย อย่าพยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม อย่าพยายามแบ่งแยกประชาชน การกระทำของม็อบผิดกฏหมายชัดเจน มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ และบางคนยังพยายามจะเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งสร้างความปวดใจให้กับพี่น้องคนไทยเป็นอย่างมาก

นายธนกร กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่บ้านเมือง ในขณะที่ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาวิกฤติโควิด-19 ประชาชนให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ประเทศไทยกลับมีประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาชุมนุมประท้วง ทั้งๆ ที่ควรจะเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์บ้างที่จะต้องทำงานอย่างหนักในการรักษาดูแลผู้ที่ติดเชื้อ รัฐบาลไม่อยากเห็นความขัดแย้ง จึงพยายามทำทุกอย่างในการแก้ปัญหาโควิด-19 เวลานี้ควรเป็นเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤติโควิด-19 ตนอยากเห็นความรักความสามัคคีของคนไทยที่จะเอาชนะโควิด-19 ไปด้วยกัน 

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยืนเคียงข้างม็อบนั้น อยากบอกนายอนุสรณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รักษากฏหมาย ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ม็อบทำผิดกฏหมายและใช้ความรุนแรง แล้วจะให้ไปอยู่ข้างได้ม็อบอย่างไร บ้านเมืองมีขื่อมีแปทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ หรือต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายสูญเสียนายอนุสรณ์ถึงจะพอใจ แบบนั้นนายอนุสรณ์จะไม่จิตใจอำมหิตไปหน่อยหรือ  ตนไม่อยากจะคิดว่า นายอนุสรณ์สนับสนุนม็อบเพราะกำลังดำเนินการแผนเดินสองขาในการล้มรัฐบาลตามที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่
 

กมธ.การสื่อสารมวลชนฯ จี้ประยุทธ์-ผบ.ตร รับผิดชอบกรณี ใช้กระสุนยางต่อ 'ผู้ชุมนุม-สื่อมวลชน' ซัดเเรง!! ทำเพื่อรับใช้นายใช่หรือไม่? ชี้ชัด!! ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล

ณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก ประกาศชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. เวลา 14.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยการชุมนุมดังกล่าว ชุมนุม เพื่อยืนยัน 3 เรียกร้อง ได้แก่

1.) พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข

2.) ปรับลดงบสถาบัน-กองทัพ สู้โควิด

3.) เปลี่ยนวัคซีนหลัก เป็นชนิด mRNA

โดยในขณะที่ผู้ชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังเคลื่อนขบวนเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ระหว่างเส้นทางเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้าควบคุมฝูงชน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) จำนวนมากยืนขวาง โดยมีรถจีโน่ 2 คันตรึงกำลังอยู่ มีการวางแนวรั้วเหล็กและลวดหนามหีบเพลง ซึ่งกลุ่มการ์ดผ้าพันคอสีเขียวพยายามเจรจาเพื่อขอผ่านไปเส้นถนนราชดำเนิน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ประกาศเตือนผู้ชุมนุม และเริ่มมีการฉีดน้ำ เพื่อต้องการให้ผู้ชุมนุมหรือทีมการ์ดถอยห่างออกจากสิ่งกีดขวาง ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าต้องการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินราชการ โดยแกนนำได้ประกาศให้ประชาชนปรบมือให้กำลังใจการ์ดวีโว่ที่อยู่ด้านหน้า เเละได้มีการเเจ้งว่า มีผู้บาดเจ็บจากการโดนยิง โดยใช้กระสุนยาง ซึ่งทราบภายหลังว่าคือ สื่อมวลชนที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการชุมนุม

จากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ผมเองต้องขอสะท้อนว่า การบริหารราชการของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มันล้มเหลว มันถึงจุดจบเเล้ว เเละที่สำคัญ มันสะท้อนให้เห็นว่า ท่านนำพาประเทศชาติมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราต้องสูญเสียบุคลากรทางการเเพทย์ ที่เปรียบเสมือนนักรบด่านหน้า ในการเผชิญต่อโรคระบาด ที่พวกเขาทำหน้าที่ด้วยจิตสาธารณะอย่างเต็มที่ เเต่กลับกัน นักรบตัวจริง กลับใช้อาวุธทำร้ายพี่น้องประชาชน เพียงเพราะเขาเห็นต่างกับสิ่งที่ท่านคิด ที่ท่านพยายามยัดเยียดให้ประชาชน เเต่ผลมันออกมาเเล้วว่า รัฐบาลของท่านไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข เเละคุณภาพชีวิตของประชาชน

“พวกเขาออกมาร้องขอ ให้รัฐบาลนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ให้กับประชาชนเเละบุคลากรทางการเเพทย์ เเละอาสาสมัครสาธารณสุข ท่านไม่ให้เขา หาให้เขาไม่ได้ไม่เป็นไร เเต่ท่านกลับใช้กระสุนยิงใส่ประชาชน ที่สำคัญเป็นสื่อมวลชน ผู้เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน การกระทำเช่นนี้ ท่านจะให้คำตอบว่าอย่างไร ท่านต้องการปิดปากประชาชน ท่านกำลังเป็นฆาตกรอย่างเลือดเย็น ที่มองการตายของประชาชนเป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่"

ทั้งนี้ ณัฐชา กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนยางยิงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม โดยไม่ได้มีการประกาศบอกกล่าวก่อนเหมือนทุกครั้ง กรณีเช่นนี้ ผมขอตั้งคำถามไปยังพลตำรวจเอกสุวัจน์ เเจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ว่าท่านปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านกระทำการป่าเถื่อนเช่นนี้ได้อย่างไร การกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล กรณีนี้ลูกน้องท่าน ทำเพื่อเอาใจผู้บังคับบัญชาใช่หรือไม่ ท่านต้องให้คำตอบต่อพี่น้องประชาชน ว่าสิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่ นี่หรือ คือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตามคติของตำรวจไทย กรณีที่เกิดขึ้นหากสถานการณ์การเเพร่ระบาดโควิดดีขึ้น เเละรัฐสภาสามารปฏิบัติงานได้ปกติ ผมขอเชิญท่านเเละผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการ เพื่อตอบข้อเท็จจริงต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกทร.แจง ทร.ชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ลำที่ 2-3 

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 โดยไม่ขอรับการจัดสรรงบประมาณของโครงการฯ ซึ่งปรากฏรายการอยู่ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ว่า ตามที่พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ได้ทราบข่าวการขอชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2   และ 3 โดยไม่ขอรับการจัดสรรงบประมาณของโครงการฯ ซึ่งปรากฏรายการอยู่ในร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ซึ่ง พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้แถลงต่อ คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565/สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ไปแล้วนั้น ตนขอชี้แจงเป็นประเด็นดังต่อไปนี้ 
 
กองทัพเรือได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ และเป็นหน้าที่ที่กองทัพเรือจะต้องเตรียมกำลังรบที่มีความจำเป็น สำหรับการปกป้องอธิปไตยทางทะเล การดำรงเส้นทางคมนาคมทางทะเลให้ได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลกว่า 22.89 ล้านล้านบาทนั้น ทั้งนี้การเตรียมกำลังรบในยามปกติ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเตรียมความพร้อมทั้งองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ให้มีความพร้อมสูงสุดอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้กองทัพเรือยังมีภารกิจสำคัญอื่นๆ อีกมากมายในการสนับสนุนรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศ ซึ่งกองทัพเรือมีความตระหนักและให้ความสำคัญในทุกภารกิจหน้าที่ที่กองทัพเรือรับผิดชอบ และต้องเตรียมการให้มีความพร้อมสูงสุดที่จะเผชิญภัยคุกคามในทุกรูปแบบ โดยไม่ย่อท้อ และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติทางทะเลตราบชีวิตจะหาไม่ ซึ่งกองทัพเรือได้พิจารณาไตร่ตรองโดยถี่ถ้วนแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นต้องจัดหาเรือดำน้ำไว้ประจำการจำนวน 3 ลำ จะสามารถปฏิบัติการได้ครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งทะเล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับต่อภารกิจและหน้าที่ที่กองทัพเรือรับผิดชอบ และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพทางทะเลของกองทัพเรือไทยให้มีมากยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นการจัดหาเรือดำน้ำ จึงเป็นหนทางที่มีความเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าสูงสุดกับการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน 
      
พล.ร.อ.เชษฐา กล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์วิกฤตของการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญในการระดมสรรพกำลังทุกรูปแบบเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถเท่าที่จะกระทำได้ อาทิเช่น การจัดตั้งสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้แห่งแรก  การจัดตั้ง รพ.สนาม การจัดกำลังพลสนับสนุน ศปค.ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดฯ  การดูแลและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น  

ทั้งนี้กลาโหมและกองทัพเรือไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ประกอบกับกองทัพเรือได้ประเมินสถานการณ์ในภาพรวมร่วมกับทรวงกลาโหมแล้ว เห็นว่ารัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยากเช่นนี้ เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาและทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีความวิกฤต กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด  อีกทั้งในส่วนของการดำเนินการด้านงบประมาณนั้น กองทัพเรือได้ส่งคืนงบประมาณในปี 2563 จำนวน 3,375 ล้านบาท ปี 2564 จำนวน 3,925 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาล สามารถบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ตามความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป โดยการดำเนินการเสนอของบประมาณจัดหาเรือดำน้ำเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ลำ ในปี 2565 กองทัพเรือได้พิจารณาถึงความเหมาะสมด้านงบประมาณที่ไม่เป็นการใช้งบประมาณแต่ละปีมากจนเกินไป โดยได้มีการเจรจากับทางฝ่ายจีนให้สามารถแบ่งจ่ายเงินสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำอีก 2 ลำที่เหลือ เป็นเวลาถึง 6 ปี ซึ่งสามารถจ่ายเงินงวดแรกในปีงบประมาณ 65 ที่กำลังพิจารณานี้ เพียง 900 ล้าน จาก ยอดรวม จำนวน 22,500 ล้านบาท ของมูลค่าเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำ ทั้งนี้เงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณปกติของกองทัพเรืออยู่แล้ว มิได้เป็นงบประมาณที่ขอใหม่แต่อย่างใด 

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์วิกฤตดังกล่าวที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นตามลำดับและส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก จึงทำให้กองทัพเรือได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อหาหนทางปฏิบัติที่มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤตในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงขอชะลอโครงการจัดหา ด. ลำที่ 2 และ 3 ไปก่อน โดยไม่ขอรับการจัดสรรงบประมาณของโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 ซึ่งปรากฏรายการอยู่ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565  ทั้งนี้การชะลอการจัดหาเรือดำน้ำออกไปในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจัดหาในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล  ที่รัฐบาลจีนให้ความช่วยเหลือทางทหารหลายรายการ จึงอาจส่งผลกระทบบางประการที่กองทัพเรือจะต้องไปดำเนินการเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่อสร้างความเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นของการชะลอโครงการดังกล่าว และไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังคงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารกับกองทัพเรือต่อไป
 
“กองทัพเรือหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพิจารณาของกองทัพเรือในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยในสถานการณ์ที่เหมาะสม ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ไขปัญหาของชาติอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน ตลอดจนลดความขัดแย้งทางความคิด อันจะนำไปสู่การมีความสมัครสมาน สามัคคี ที่จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้รอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อ” พล.ร.อ.เชรษฐา กล่าว 

อ.กิตติธัช โพสต์เฟซบุ๊ก สะท้อนสังคมไทยที่กำลังหิวข้อมูลเท็จแบบไม่ลืมหูลืมตา

กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์เฟซบุ๊ก 'Kittitouch Chaiprasith' สะท้อนสังคมไทยที่กำลังหิวข้อมูลเท็จแบบไม่ลืมหูลืมตาว่า...

วันนี้ผมเห็นโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ทำในสิ่งเดียวกับที่ผมทำมาโดยตลอด คือ การเอาข้อเท็จจริงมาให้สังคมดู โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นใครฝ่ายไหน ใครจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง

-----------------

เพราะบรรดาสื่อและ Influencer ที่เชียร์ม็อบและอยากล้มรัฐบาล-สถาบันกษัตริย์นั้น เอาเรื่องกรณีที่บริษัท Food Panda ไล่พนักงานที่ไปเผารูปในหลวงกับเผาสิ่งของในม็อบ ไปเล่าให้มวลชนฟังว่า

"Food Panda ไล่พนักงานออก เพราะไปชุมนุมขับไล่รัฐบาล" ซึ่งทำให้มีกระแสแบน Food Panda

โดยที่สื่อและ Influencer เหล่านี้ไม่บอก เล่า หรือแสดงคลิปการเผารูปในหลวงและสิ่งของข้างทางให้มวลชนและสังคมดู หรือง่าย ๆ คือ เขาพยายามเล่าความจริงครึ่งเดียว/เสี้ยวเดียวแบบที่เขาทำมาตลอดหลายปี

ซึ่งพอโบว์นำความจริงตรงนี้มายืนยัน!! บรรดา 'กลุ่มสามนิ้ว' และคนที่อ้างตัวว่าเป็น 'ฝ่ายประชาธิปไตย' (แต่ทำทุกอย่างตรงข้าม) ก็ไม่พอใจและเข้าไปรุมถล่มเธอ

-------------------

ผมชอบประโยคที่โบว์คอมเมนต์ว่า...

"เข้ามาด่ากันสารพัดเพราะไม่พอใจที่เราเอาข้อเท็จจริงเรื่องการเผาข้าวของ และการระรานแบนคนเค้าไปทั่วโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงมาวางให้ดู...เราก็รู้สึกเหมือนถูกหลอกนะ ไม่คิดว่าคำว่า ”ฝ่ายประชาธิปไตย” จะหน้าตาเป็นแบบนี้"

ขนาดเผากองข้าวของริมถนนข้างรถที่ยังติดอยู่แบบนี้ แล้วขึ้นรถถอดป้ายทะเบียนหนียังเห็นดีเห็นงามกัน แล้วมาบอกว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมแบบนี้แปลว่าต้องเข้าข้างรัฐบาล

ควรรู้ตัวได้แล้วว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับทั้งรัฐบาลและพฤติกรรมแบบนี้ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก และเขาเอือมกับพฤติกรรม #อันธพาลออนไลน์ จนปิดปากกันไปหมด

ไม่รู้ตัววันนี้วันหน้าก็จะได้รู้เองว่าพากันถอยหลังไปไกลแค่ไหน ถ้าเราไม่พูดก็ไม่มีใครพูดหรอก แต่ผลของมันจะแย่แน่ ๆ"

-------------------

ซึ่งถูกต้องครับ...ที่ผ่านมาม็อบสามนิ้วทำแต่ละสิ่ง ห่างไกลจากคำว่าประชาธิปไตยไปแบบคนละทิศละทาง

ทั้งการข่มขู่ คุกคาม ตั้งแต่ประชาชนทั่วไปจนถึงสถาบันกษัตริย์ การใช้ Fake News การเล่าความจริงครึ่งเดียว แล้วปั่นกระแส การ Bully คนอื่น และอื่น ๆ อีกมาก

และตามที่โบว์บอก คือ มีคนตรงกลางอีกมากที่ไม่เอาด้วยกับทั้งขวาจัดและซ้ายจัดที่อยากให้มีความรุนแรง เพื่อนำไปสู่การปะทะหรือต่อสู้กัน

เขาอาจไม่ชอบ ไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาล แต่ไม่ได้แปลว่าเขาเอาด้วยกับกลุ่มสามนิ้วเช่นกัน

----------------

>> โพสท์ของโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา

https://www.facebook.com/bow.nuttaa/posts/10158524155920819


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4310585882338871&id=100001625041497


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“โฆษกพปชร.” แนะ “ศุภชัย”  อย่าติดกับคนผู้ไม่หวังดี ชี้ ภาวะวิกฤตต้องมีสติ-หนักแน่น จับมือแก้ปัญหา

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม.ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ตัดพ้อถึงการทำงานของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ว่า การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกกระทรวง ทุ่มเทแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 เต็มที่ การบริหารจัดการสถานการณ์ปัจจุบันในภาวะวิกฤต ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก มีทั้งข้อจำกัดและแรงกดดันมากเป็นทวีคูณ การตัดสินใจดำเนินการสิ่งใด ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อเกิดประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนอย่างสูงสุด แต่สิ่งที่ยากก็คือข้อจำกัดที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น การกลายพันธุ์ของโควิด-19 ทำให้อาจจะไม่สามารถทำอย่างที่เราต้องการได้ทั้งหมด

น.ส.พัชรินทร์ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดีและบิดเบือนความจริงจำนวนมาก ยิ่งต้องรับแรงกดดันด้วยสติ และแก้ปัญหาต่อไปโดยไม่กล่าวโทษไปมา เพราะทุกการตัดสินใจผ่านคณะที่ปรึกษา และคณะรัฐมนตรี ร่วมตัดสินใจด้วย จึงอยากให้มีความหนักแน่น เพื่อพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตนี้โดยเร็วที่สุด และนำความปกติสุขคืนสู่ประชาชน ไม่หวั่นไหวไปกับการกระพือข่าวสร้างความแตกแยกของผู้ไม่หวังดีต่อชาติ แต่หากเสียงสะท้อนนั้นสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ก็นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top