Friday, 16 May 2025
POLITICS NEWS

"แรมโบ้"สวนกลับแกนนำราษฎร โกหกโกอินเตอร์หลอกเด็ก “ลั่น”ยูเอ็นละเมิดอธิปไตยไทยไม่ได้ “ขี้”ถ้าแอมเนสตี้ไม่มีแผล ไม่ต้องกลัว “ขู่” ถ้าเจตนาร้าย ชักศึกเข้าบ้าน เคลื่อนไหวปลุกปั่นฝ่าฝืนกฎหมาย สมคบล้มล้างการปกครอง ปลายทางคือคุก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบราษฎรแถลงเคลื่อนไหวยกเลิก ม.112 ต่อเนื่อง อีกทั้งนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เตรียมฟ้องยูเอ็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่เคารพสิทธิมนุษยนชน แต่กลับตนแสดงจุดยืนขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ออกจากประเทศ และดำเนินคดี112 กับประชาชน ว่า การที่ตนประกาศขับไล่แอมเนสตี้ประเทศไทย นั้นยืนยันไม่มีใครมาสั่งให้ทำ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้สั่ง แต่เป็นเพราะองค์กรดังกล่าวสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทยซ้ำซาก ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอันถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร จาบจ้วงสถาบันรุนแรง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอเลิกมาตรา 112 กดดันระบบยุติธรรมให้ยกเว้นดำเนินคดีกับจำเลยคดี 112 ที่เป็นแกนนำม็อบทำผิดซ้ำซาก ไม่ใยดีกับสิทธิและเสียงของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ทนไม่ไหวกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันโดยใช้ข่าวปลอมสารพัดเรื่อง 

“แม้กระทั่งกรณีสนามม้านางเลิ้งที่กำลังดำเนินการเป็นสวนสาธารณะก็เคยถูกศาสดาของคนพวกนี้ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง
ไล่ดูแถลงการณ์ ไล่ดูกิจกรรม ไล่ดูหน้าเว็บของแอมเนสตี้ แทบจะไม่ต่างจากเว็บของกลุ่มม็อบจาบจ้วงสถาบัน ถ้าแอมเนสตี้ประเทศไทยดำเนินการถูกต้อง ไม่มีแผล ไม่มีการซิกแซก ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ได้รับเงินต่างชาติมาทำกิจกรรม ไม่ได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ไม่ว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรง  แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียดว่ารายรับแต่ละปี เงินทุนที่นำมาดำเนินการมาจากไหน เท่าไหร่ มีแต่ปฏิเสธแบบเรื่อยเปื่อย

“คุณหญิงกัลยา” หารือสภาดิจิทัลฯ เตรียมเคลื่อนโครงการแบ่งปัน Smart Device เดินหน้าขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน หลังนายกไฟเขียวให้กระทรวงศึกษาฯ ดำเนินการร่วมกระทรวงดีอี เร่งลดเหลื่อมล้ำ พบสังกัด สพฐ. ขาดแคลนกว่า 1.5 ล้านคน เตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน  

กระทรวงศึกษาธิการ (9 ธันวาคม 2564 )-ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) และประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์โค้ดดิ้งแห่งชาติ, ดร.กวินเกียรติ นนธ์พละ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ด้านการขับเคลื่อนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องประชุมหารือร่วมกับสภาดิจิทัลฯ เตรียมเคลื่อนโครงการจัดหา Smart Device พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน เตรียมดึงสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม กสทช. เข้าร่วม เร่งลดความเลื่อมล้ำ และเตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวโครงการ Next Normal with Smart Devices ภายใต้แคมเปญนำร่อง “พี่ใหญ่ให้ยืม” ซึ่งถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำและบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนสำหรับใช้ในการเรียนออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏกว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาสังคม ที่พร้อมจะให้การสนับสนุน โดยล่าสุดได้มีการหารือกับทางสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ซึ่งยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งทางโครงการฯ ก็จะขยายความร่วมมือไปในทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง อาทิ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นต้น 

“ถ้าเราทำได้เร็ว เด็กก็มีโอกาสเร็วขึ้น อยากให้เริ่มต้นจากเครือข่ายที่เรามี ต้องขอขอบคุณสภาดิจิทัลฯ ที่ยินดีสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งเชื่อว่าทุกหน่วยงานพร้อมให้การสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนอยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีการขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงาน หรือองค์กรอื่น ๆ ต่อไป เช่น สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม กสทช. รวมถึงระชาชนทั่วไป เป็นต้น รวมไปถึงขณะนี้ก็ให้ทางโรงเรียนแจ้งไปยังสมาคมศิษย์เก่า สมาคมผู้ปกครองให้รับทราบถึงโครงการฯ เพื่อที่จะมาช่วยกันให้ได้มากที่สุด เป้าหมายคือเด็กทุกคนที่ขาดแคลนต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใช้ในการเรียน” ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว

'ศรีสุวรรณ' ติง 'บิ๊กตู่' ปมแก้จะนะ เป็นผู้นำประเทศใจต้องกว้าง-มีความรับผิดชอบ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความเป็นห่วงพี่น้องชาวจะนะในเฟซบุ๊กว่าไม่สามารถสานงานต่อเรื่องปัญหาของพี่น้องประชาชนในหลายๆเรื่อง รวมถึงปัญหาของพี่น้องชาวจะนะ ซึ่งคงไม่มีใครรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ยกเว้นผู้ที่มีส่วนได้เสียกับโครงการนี้ พร้อมกับแจ้งว่าได้รับการประสานจากเพื่อนๆ สส. หลายท่าน ให้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นไม่สามารถไปก้าวล่วงกับคณะทำงานชุดใหม่ของรัฐบาลได้อีก แต่จะใช้ระบบสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะต่อไปนั้น
           
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลมาจากการเข้าจับกุมแกนนำชาวจะนะเมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังปักหลักชุมนุมทวงถามข้อสัญญาที่เคยให้ไว้กับชาวบ้านเมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สัญญาที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้คำมั่นว่าจะชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อนนั้น เรื่องนี้ก็ยังไม่มีการพิจารณา หรือมีมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด และยังกล่าวตำหนิร้อยเอกธรรมนัสอีกว่า เคยเตือนไปหลายครั้งแล้ว ว่าในการลงพื้นที่เป็นเพียงไปรับฟัง และนำข้อสังเกตรวบรวมเสนอสู่การพิจารณาแก้ไขปัญหา โดยต้องผ่านความเห็นชอบเป็นมติคณะรัฐมนตรี ก่อนจะไปตกลงกับชาวบ้าน
            
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งว่า กรณีที่ร.อ. ธรรมนัส ไปเจรจาลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับชาวจะนะเพื่อขอให้ยุติการชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.63 ข้างทำเนียบรัฐบาลนั้น เอกสารการลงนามดังกล่าว ครม.ได้มีมติรับทราบรายงานผลการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาฯเสนอ ครม.เมื่อ 15 ธ.ค.63 แต่ทำไมนายกฯกลับออกมาพูดปัดความรับผิดชอบไปว่า เรื่องนี้ก็ยังไม่มีการพิจารณา หรือมีมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อ 17 ม.ค.64 นายกฯยังได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 20/2564 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นเรียกร้องแล้วด้วย

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'ปชช.' ร้องทุกข์เดือนต.ค.-ธ.ค.64 ถึง 58,344 ร้องด้านรักษาพยาบาลสูงสุด แก้ยุติแล้วกว่า 97.05 เปอร์เซ็นต์ รอพิจารณากว่า1,000เรื่อง ด้าน “บิ๊กตู่”ขอบคุณส่งกำลังใจให้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายงานสถิติการแจ้งเบาะแสเรื่องร้องทุกข์และข้อเสนอแนะผ่านช่องทางของรัฐบาล  1111  ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 6 ธ.ค. 2564 พบว่า มีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ ข้อเสนอแนะ และสอบถามข้อมูลทั้งหมด 58,344 เรื่อง แบ่งเป็นการร้องทุกข์ แจ้งเหตุ แจ้งเบาะแสเรื่องทั่วไป 10,682 เรื่อง สอบถามข้อมูลและร้องทุกข์เกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 47,662 เรื่อง แยกออกเป็น เรื่องร้องทุกข์โควิด-19 จำนวน 2,603 เรื่อง และสอบถามข้อมูลโควิด-19 จำนวน 45,059 เรื่อง สามารถยุติเรื่องได้แล้ว 56,623 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 97.05 และรอผลการพิจารณาอีก 1,721 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 2.95

นายธนกร กล่าวว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า 5 อันดับเรื่องราวร้องทุกข์ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนมากที่สุด ได้แก่ 1. ประเด็นด้านการรักษาพยาบาล เช่น เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์โอไมครอน 2. ประเด็นปัญหาการใช้ถนน เช่น ขอให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ขอให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรและป้ายเตือนชะลอรถ 3. ประเด็นเสียงรบกวน เช่น ขอให้แก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนจากการรวมกลุ่มดื่มสุรา 4. ประเด็นไฟฟ้า เช่น ขอให้แก้ไขปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างริมทางดับ ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง และ 5. ประเด็นการเมือง เช่น ขอชมเชย ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ

"โฆษกพรรคกล้า" ชี้ เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม "จะนะรักษ์ถิ่น" แม้อ้างทำตามกฎหมาย แต่ไม่มีหัวใจ ย้ำ เจ้าหน้าที่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างเหมาะสม ถึงเวลาแก้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ คุ้มครองสิทธิผู้ชุมนุม 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) สลายการชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น หน้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาลเมื่อคืนนี้ว่า แม้โฆษกรัฐบาลบอกว่าเจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ ส่วน บช.น. พยายามให้เหตุผลว่าชาวบ้านผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 แทนที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเหมาะสม แต่กลับเลือกที่จะบังคับใช้กฎหมาย ควบคุมตัวประชาชนที่มาชุมนุมเพราะความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ

"ชาวบ้านเขามาชุมนุมไม่มีเรื่องการจาบจ้วง ไม่มีการหวังผลทางการเมือง แต่มาชุมนุมเพราะความเดือดร้อนจริงๆ เพราะชาวบ้านเชื่อว่าโครงการอาจจะเกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เมื่อโครงการทำท่าว่าจะดำเนินการต่อ จึงมาชุมนุมทวงถามความชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี แทนที่จะมีตัวแทนมาพูดคุยรับฟัง หรือเชิญตัวแทนเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือหาทางออก แต่กลับสลายการชุมนุม ควบคุมตัวประชาชน แม้จะเป็นการบังคับใช้กฎหมายก็จริง แต่ไม่มีหัวใจ" นายแสนยากรณ์ กล่าว 

‘3 ป.’ ชื่นมื่น!! 'บิ๊กตู่' หยอก 'บิ๊กป้อม' โอบกอดจับพุง หลังกินข้าวเที่ยงร่วมกัน 

8 ธ.ค. 64 เมื่อช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2564 และร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแถลงผลงานของกอ.รมน. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วมด้วยเสร็จสิ้นแล้ว

‘หมอวรงค์’ เตือน ‘ชลน่าน’ ระวังได้นอนคุก หากยังคิดปลุกผี ‘จำนำข้าว’ ขึ้นมาอีก

วันที่ 7 ธ.ค. 64 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า

‘เตือนคุณหมอชลน่าน

คุณหมอชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดว่าโครงการรับจำนำข้าว เป็นการเข้าไปจัดการกลไกราคาตลาด ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ต้องการปลุกผีจำนำข้าวขึ้นมา

รู้ไหมว่าโครงการนี้ เอาภาษีประชาชนมาผลาญ สองปีเศษใช้ไปร่วม 940,000 ล้านบาท จนป่านนี้ยังชดใช้ไม่หมด โกงกันทุกขั้นตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ

‘พรรคกล้า’ ติง!! รัฐสลายชุมนุม ‘จะนะรักษ์ถิ่น’ แม้อ้างทำตามกฎหมาย แต่ไม่มีหัวใจ

‘โฆษกพรรคกล้า’ ชี้!! เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม ‘จะนะรักษ์ถิ่น’ แม้อ้างทำตามกฎหมาย แต่ไม่มีหัวใจ ย้ำ!! เจ้าหน้าที่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างเหมาะสม ถึงเวลาแก้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ คุ้มครองสิทธิผู้ชุมนุม 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) สลายการชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น หน้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาลเมื่อคืนนี้ว่า แม้โฆษกรัฐบาลบอกว่าเจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ ส่วน บช.น. พยายามให้เหตุผลว่าชาวบ้านผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 แทนที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเหมาะสม แต่กลับเลือกที่จะบังคับใช้กฎหมาย ควบคุมตัวประชาชนที่มาชุมนุมเพราะความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ

'บิ๊กตู่' พร้อมรับฟังข้อเสนอม็อบจะนะ เตือนแล้วอย่าไปรับปากก่อนนำเข้า ครม.

“บิ๊กตู่” พร้อมรับฟังข้อเสนอผู้ชุมนุมจะนะ ส่ง “ศอ.บต. - สำนักนายกฯ” ลงพื้นที่เก็บข้อมูล ยันรบ.ต้องรอบคอบ เตือนแล้วอย่าไปรับปากก่อนนำข้อสังเกตเข้า ครม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการสลายการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ซึ่งมาปักหลักชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลว่า ก็ต้องไปชี้แจงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องทำ เพราะมีข่าวว่าจะมีคนมามั่วสุมเพิ่มเติม ตรงนี้ต้องช่วยรัฐบาลหน่อย เพราะตามกฎหมายสถานที่ราชการมีระยะห่าง 150 เมตร ที่ผ่านมาเมื่อมากันตรงนี้แล้วก็ไม่ไป แต่เราก็ไปฟังเขา เดี๋ยวอยู่ในขั้นตอนที่จะทำประชาพิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ตนได้ให้หน่วยงานไปฟังว่าอะไรอย่างไร สิ่งใดก็ตามตนเคยบอกแล้วว่า การไปเจรจาอะไรกับเขาอย่าไปรับปากอะไรเขามาทันที ถ้ายังไม่เข้าการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามว่าเอ็มโอยูหรือข้อตกลงที่เคยทำร่วมกันเมื่อปีที่ผ่านมามีความเป็นไปได้แค่ไหน นายกฯ ย้อนถามว่าใครตกลงล่ะ 

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดำเนินการขยายผลเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นผู้ไปเจรจา 

พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า แล้วตนไปตกลงหรือยัง ครม.ตกลงหรือยัง ‘ก็ยัง’ 

เมื่อถามว่าจะต้องตั้งคนมาดูแลแทน ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวตนจะให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดูแลและติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้นและควรจะแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้เราต้องมองสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่ไม่เป็นประโยชน์และเป็นปัญหาก็ไม่ต้องไปทำ ก็แค่นั้น ต้องทำให้ถูกต้องตามกติกา กฎหมายอะไรก็ตาม บางทีการไปพบปะเจรจาของใครก็แล้วแต่ เวลาไปพูดไปตกลงกับเขาอย่าลืมว่าไม่ได้ผ่านครม. ตนเตือนหลายครั้งแล้วเวลาไปให้รับข้อสังเกตมาแล้วนำมาสู่การแก้ไขปัญหาในรัฐบาล นั่นคือวิธีการทำงานของรัฐบาลจะต้องรอบคอบ

ครม.ไฟเขียว! คงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับปีภาษี 65-66

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการคงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราเดิม ตามบทเฉพาะกาล ม.94 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565 และอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายหลังการใช้อัตราภาษีตามร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าวไปแล้ว 2 ปี ในปีภาษี 2567

เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอสืบเนื่องจาก พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กำหนดให้ 2 ปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปีภาษี 2563 – 2564 ให้ใช้อัตราภาษีตามมูลค่าของฐานภาษีที่จะใช้อยู่ในปัจจุบันจะครบกำหนดระยะเวลาในปีภาษี 2564 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 คณะรัฐมนตรึจึงมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... เพื่อเป็นการกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565 เป็นต้นไป โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้

1.การประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.01 – 0.1
2.ที่อยู่อาศัย อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.02 – 0.1
2.1ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.03 – 0.1
2.2สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.02 – 0.1
2.3 ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยกรณีอื่นนอกเหนือจาก 2.1 และ 2.2 อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.02 – 0.1
3. การใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.3 – 0.7
4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.3 – 0.7


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top