Sunday, 5 May 2024
POLITICS NEWS

'แรมโบ้' ซัด 'เต้น-บก.ลายจุด' ไร้จิตใต้สำนึก ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ตัวเอง ฝากเชิญชวนประชาชน ช่วยกันประณามคนที่ทำผิดกฎหมายและทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเดือดร้อนอย่าให้มีที่ยืนในสังคม

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมนปช. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด หลังแถลงข่าวเตรียมจัดม็อบ 29 สิงหา เส้นทางนนทบุรี-ปทุมธานี ระยะทาง 50 กม. โดยตนเองยังยืนยันว่าหากแกนนำทั้ง 2 คน เคลื่อนไหวอยู่ ก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพราะไม่ว่าจะชุมนุมที่ใดก็ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และกลุ่มผู้ชุมนุมยังอาจสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นด้วย

นายเสกสกล ย้ำว่าขณะนี้บ้านเมืองกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมมือกันในการที่จะให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลง แต่คนอย่างนายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ กลับไม่รู้สึกอะไรเลยว่าการออกมาเคลื่อนไหวจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับประเทศ

“ตนเองมองว่าที่นายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ว่าประชาชนจะเดือดร้อนยังไง ประเทศจะเสียหายหรือไม่ ก็เพราะว่าการออกมาเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง เพราะผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่สนใจประเทศชาติ และประชาชนอยู่แล้ว และหากคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองก็คงไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวใด ๆ อีก ดังนั้นเมื่อนายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ ไม่มีจิตสำนึก ตนเองก็คงจะต้องเข้าแจ้งความเพิ่มอีกหลายกระทงเพื่อดำเนินคดี ให้ติดคุกติดตารางไปเลย จะได้ไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวอีก 

"คนประเภทนี้ ไม่ได้คิดหวังดีต่อบ้านเมือง ทำผิดกฎหมายครั้งแล้วครั้งเล่า และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ตนจึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันต่อต้านและประณามสาปแช่งคนกลุ่มนี้ เพราะการเคลื่อนไหวเป้าหมายเพียงจ้องล้มรัฐบาล ให้เครือข่ายตนเองกลับมามีอำนาจรัฐ เพื่อหาช่องทางช่วยนายใหญ่ให้พ้นคดี เป็นมุขตื้น ๆ ที่คนไทยส่วนใหญ่อ่านทางออก การออกมาสร้างความวุ่นวายป่วนเมืองบ่อย ๆ เช่นนี้ ทำผิดกฎหมายชัดเจนและทำให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อน สุดท้ายจะต้องชดใช้กรรมเข้าไปอยู่ในคุก ต้องถูกจับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แผ่นดินจะได้สูงขึ้น ประเทศชาติประชาชนจะได้กลับมาพบความสงบสุขเสียที"


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ เผย ไม่มีตั้งองครักษ์พิทักษ์ เฉลิมชัย ความสุจริตจะเป็นเกราะป้องกันดีที่สุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในส่วนของพรรคซึ่งมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วยนั้นว่า

ในส่วนของพรรคไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีแต่อย่างใด เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะอภิปราย ข้อมูลที่อภิปรายต้องขอย้ำว่าต้องเป็นความจริง หากมีการบิดเบือน

ใส่ร้าย ก็จะเกิดความเสียหายกับฝ่านค้านเองได้ และหากมีการอภิปรายโดยไม่ยึดข้อบังคับการประชุม นอกเหนือญัตติ ส.ส.ของพรรคก็ต้องท้วงติงให้อยู่ในกรอบก็เป็นเรื่องปกติ นายเฉลิมชัย พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น 

ส่วนคณะทำงานที่จะมารองรับการอภิปราย หลักการในส่วนนี้มีคณะทำงานกฎหมายสนับสนุนข้อมูลให้เป็นเรื่องปกติและตนได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าทีมในการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ส่วนในสภาก็จะมี ส.ส.ในส่วนของพรรคอยู่แล้วที่จะช่วยกันติดตามการอภิปรายของฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิด

นายราเมศกล่าวต่อว่า ไม่ได้มีความกังวลใจต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกคนในพรรควางใจนายเฉลิมชัย ตั้งแต่ให้เป็นเลขาธิการพรรคแล้ว เมื่อเป็นรัฐมนตรีทุกคนทราบดีว่าคนชื่อเฉลิมชัยไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ที่สำคัญไม่มีเรื่องทุจริต ทุกคนในพรรคยกมือไว้วางใจทุกคน เมื่อเป็นเช่นนั้น ที่ถามว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อตำแหน่งเลขาธิการพรรคและตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่มีผลใดๆ แต่มีผลดีอย่างแน่นอนที่นายเฉลิมชัยจะได้ชี้แจงให้เห็นถึงผลงานและการทำงานที่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย 

'กรณ์' เบรกกู้เพิ่ม 1 ลล. ใช้ 5 แสนล. ให้ดีก่อน แนะ ทำระบบราชการ ให้ทันรับมือวิกฤตดีกว่า

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวในรายการถามอีกกับอิก ถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจว่า ที่ผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดถึงการกู้เพิ่มครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่คาดไม่ถึง ซึ่งอีกทางหนึ่งก็สบายใจได้ว่า สถานะทางการคลังของประเทศ สามารถแบกรับหนี้สาธารณะได้อีกหนึ่งล้านล้านบาท โดยไม่ต้องมีความกังวลในแง่ของเสถียรภาพ แต่ก็ต้องตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

“การที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ บอกว่า 1 ล้านล้านกู้ได้ เป็นสัญญาณให้รัฐบาลว่า ถ้าจำเป็นต้องกู้ก็เป็นความเสี่ยงที่รับได้ เหลืออยู่ที่ว่าจะกู้ตอนไหน กู้แล้วไปทำอะไร เพราะเท่าที่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน ความจำเป็นยังไม่มี เพราะ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน มีการเบิกจ่ายใช้ไปประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 แสนล้าน เหลืออีก 4 แสนล้าน ก็ควรมีแผนงาน และประเมินผลการใช้เงินส่วนนี้ต่อดัชนีเศรษฐกิจ แล้วพิจารณาว่าต้องกู้หรือไม่ เพราะในตัวงบประมาณปี 65 เอง ก็ต้องกู้ 4 แสนล้านอยู่แล้ว ในอีก 1 ปีข้างหน้า

โดยที่เราก็หวังว่าการฉีดวัคซีน การบริหารจัดการโควิด จะส่งผลทำให้เราเปิดเศรษฐกิจเปิดประเทศได้ เริ่มจะมีรายได้เข้ามาใส่กระเป๋าประชาชน ถ้าเราทำได้เร็ว ทำได้ดี อาจจะไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่มเติม และการพิจารณาว่าจะกู้หรือไม่ในสถานการณ์วิกฤตขนาดนี้ แบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ต้องทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างที่เป็นอยู่” อดีต รมว.คลัง กล่าว  

นายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงที่รัฐบาลกู้ 1 ล้านล้านบาทครั้งแรก มีนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านรวมทั้งตนเอง กังวลว่าอาจจะไม่พอ และยังกังวลว่าถ้าเบิกจ่าย พ.ร.ก.ที่สองคือ 5 แสนล้านบาทครบถ้วนแล้ว จะดันหนี้สาธารณะเทียบกับจีดีพีขึ้นไปเกือบ ๆ จะชนเพดาน อยู่ที่ระดับร้อยละ 58 ถ้าเทียบกับการกู้ยืมเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 65 ที่สภาฯ เพิ่งอนุมัติไป ทำให้หนี้สาธารณะทะลุเพดานร้อยละ 60 แน่นอน

ซึ่งมีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีอาจต้องปรับ เงื่อนไขตามกฎหมายวินัยทางการคลัง ให้เพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปอีกที่ร้อยละ 70 เพราะมีแนวโน้มว่ายังขาดดุลประมาณ 4-5 แสนล้านบาท ไปอีกระยะหนึ่ง ยังไม่เห็นสัญญาณที่จะจัดงบสมดุลได้อีกหลายปี

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงการคาดการณ์รายรับปี 2565 ว่า การตั้งสมมุติฐานรายได้ของรัฐบาลอาจจะสูงเกินไป อย่างปี 2564 จะเห็นว่ารายรับของรัฐบาลต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหวังว่า ปี 65 จะไม่ต่ำกว่านี้ จนเป็นเหตุที่ต้องให้กู้เพิ่มอีก ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องมาพิจารณากันอย่างละเอียดว่าการออก พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจากความเห็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ที่บอกว่าถ้าจะกู้ก็กู้ได้ เงินมี และข้อดีอีกอย่างของประเทศไทย มีหนี้สาธารณะจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจ ประเทศอื่น ๆ

หลายประเทศหนี้สาธารณะเท่ากับร้อยละ 100 ของจีดีพีเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ของเราอยู่ที่ร้อยละ 50 กว่า ข้อดีอีกอย่างคือหนี้สาธารณะกว่าร้อยละ 98 เป็นการกู้เงินบาทภายในประเทศ ลดความเสี่ยงลงไปมาก ผิดกับอินโดนีเซียที่กู้เงินเป็นเงินดอลลาร์ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน ทำให้ความเชื่อมั่นในเงินรูเปียห์ ของอินโดนีเซียลดลง

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าแบงก์ชาติบอกว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย จะทำให้เกิดหลุมดำขนาดของรายได้จะหายไปราว 2.6 ล้านล้านบาท อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า หลุมดำมันมีอยู่แล้วจากการล็อกดาวน์ และการห้ามรับนักท่องเที่ยว และอื่น ๆ เราไม่มีรายได้มาเป็นปีแล้ว ผู้หาเช้ากินค่ำไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ เจ้าของร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ท่านจึงมองว่าต้องอัดฉีดงบประมาณเข้ามา หนึ่งในประเด็นปัญหาที่ผ่านมา คือการขับเคลื่อนนโยบายของแบงก์ชาติเองด้วย

ผู้ว่าฯ บอกจะกู้ 1 ล้านล้านอัดฉีดเข้าไป แต่หากเราย้อนไปดู การออก พ.ร.บ.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จริง ๆ มันมีการออกกฎหมายอีกสองฉบับ เป็น พ.ร.ก. เช่นเดียวกัน คือ พ.ร.ก. เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเวลาผ่านไปนานหลายเดือน มีเสียงสะท้อนชัดเจนว่าเขาเข้าไม่ถึงเงินส่วนนี้ เพราะโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อจากแบงก์ชาติผ่านธนาคารพาณิชย์ มันจึงเป็นปัญหาคอขวด ทั้งความเสี่ยง และความพร้อมในการรับความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์

ทำให้ไม่พิจารณาอนุมัติให้กับผู้เดือดร้อนจริง จึงไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย แม้ต่อมามีการปรับเงื่อนไขให้มันง่ายขึ้นแต่ก็ยังยากอยู่ดี ถามผู้ประกอบการเอสเอ็มอีวันนี้ว่า อะไรคือปัญหาหลักของเขา คำตอบคือขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาลและของแบงก์ชาติได้

ส่วนถ้ากู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทแล้วจะจบหรือไม่ อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า มันก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการใช้เงิน ยกตัวอย่าง เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทแรก กว่าจะเบิกจ่ายใช้เงินก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ในส่วนของ 5 แสนล้านที่กู้เพิ่ม ตอนนี้ใช้ไปแค่ 1 แสนล้านเหลืออีก 4 แสนล้าน ก็มีคำถามว่าเงินจำนวนนี้จะเบิกจ่ายให้เข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจเมื่อไหร่ และหลังจากใช้เงินนั้นไปแล้ว เป็นจังหวะที่เศรษฐกิจของเราจะกลับเข้ามาเป็นปกติแล้วหรือยัง ตรงนี้จะเป็นคำตอบว่าเราจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทหรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อดูประสิทธิภาพในการใช้เงินกู้ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า เมื่อเป็นลักษณะการผันเงินตรงให้กับประชาชนส่วนนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่พอโครงการที่ต้องพึ่งระบบราชการ เราจะเห็นว่าประสิทธิภาพลดลงไปมาก รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขันน็อตเพื่อปรับระบบการทำงานในภาวะวิกฤต

ส่วนกรณีว่ามีความจำเป็นต้องเยียวยารายได้ประชาชน อีกนานแค่ไหน อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่า ให้รัฐบาลคิดเผื่อไว้เลยอย่างน้อย 3 เดือนหรือจนถึงสิ้นปี เพื่อสร้างความมั่นใจประชาชนว่ารัฐบาลดูแล โดยอาจจะเป็นยอดเงิน 5,000 บาทต่อเดือน ในกลุ่มอยู่ในเขตล็อกดาวน์ เชื่อว่าเงินประมาณสามแสนล้าน ทำให้ดูแลประชาชนมีอยู่มีกินไปต่อไปได้ แต่ถ้าจะกู้มาเพื่อมาจัดสรรให้กับโครงการต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง ไม่เห็นด้วย จัดสรรไป ก็ใช้ไม่ทันอยู่ดี และเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจก็ไม่ทันเช่นเดียวกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'สุทธวรรณ' แนะ 3 มาตรการคู่ขนานคลายล็อก ห่วงสถานการณ์ยังวิกฤตสูง รัฐต้องขยับด้วยความระมัดระวัง 

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส.เขตจังหวัดนครปฐม กล่าวถึงมติ ศบค.ชุดเล็กเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการร้านค้า ซึ่งล่าสุดผ่านที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มาแล้วนั้น สะท้อนสิ่งที่น่ากังวลที่สุดภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้คือ การออกมาตรการที่แกว่งไปมา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งล็อกหรือคลายล็อกก็ตาม จะเห็นว่าพอระบบสุขภาพเริ่มวิกฤตก็ตื่นตระหนกเร่งออกมาตรการเข้มงวดโดยไม่เตรียมแผนเยียวยารองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจไว้ ต่อมา พอฟากเศรษฐกิจกำลังแบกรับผลกระทบจากมาตรการเข้มงวดและการดูแลช่วยเหลือแบบทิ้งขว้างไม่ชัดเจนไม่ไหวและกดดันไปที่รัฐบาลมากเข้าก็จะคลายล็อกทันที เหมือนกับว่าวิกฤตสาธารณสุขจบลงแล้ว ทั้งที่ขณะนี้ในแต่ละวั กราฟผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตชันขึ้นทุกที เหมือนรถที่กำลังไต่ไปตามไหล่เขาสูงชันและเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ เป็นจังหวะที่ควรควบคุมความเร็วให้เหมาะสม แต่กลับยิ่งแตะคันเร่งเหมือนคนไร้สติไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็ไม่ปาน

อย่างไรก็ตาม สุทธวรรณ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะเสนออะไรให้รัฐบาลนี้นำไปวางแผนเพื่อนำพาประชาชนออกจากวิกฤตได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำได้สูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ในสถานการณ์ตอนนี้ ความจริงทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือ การล็อกดาวน์ให้สนิทภายใต้การเยียวยาอย่างถ้วนหน้า อุดหนุนเม็ดเงินให้ผู้ประกอบการลงไปถึงรายย่อยกระทั่งพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวแกงตามฟุตบาทเพื่อให้เขายังสามารถพยุงธุรกิจได้ ต้องช่วยเหลือค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ทให้ประชาชนทำงานและเรียนหนังสือจากที่บ้านได้จริง

"แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครเชื่อว่า หากล็อกดาวน์สนิทแล้ว พวกเขาจะได้รับการดูแลเยียวยาจากรัฐบาลได้ แม้รัฐบาลจะกู้เงินซ้ำแล้วซ้ำเล่ามามากกว่าหนึ่งล้านล้านมาแล้วก็ตาม พวกเขาต้องอยู่กับความเจ็บช้ำน้ำใจที่พึ่งพารัฐแบบนี้ไม่ได้มาแล้วเกือบ 2 ปี จึงไม่แปลกใจที่จะมีเสียงเรียกร้องจากภาคธุรกิจให้คลายล็อก เพราะถ้าไม่มีรายได้เขาก็ตายเหมือนกัน สู้ไปว่ากันดาบหน้าหาวิธีเอารอดตัวรอดกันเองให้ได้ยังจะมีหวังกว่าการเชื่อใจรัฐบาลแบบนี้"

อย่างไรก็ตาม สุทธวรรณ ชี้ว่า เมื่อรัฐบาลบีบให้สถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องคลายล็อกเพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้ประชาชนได้ทำมาหากิน หากแต่ยังคงต้องระวังและคำนึงถึงสถานการณ์ทางสาธารณสุขเช่นกัน จึงอยากเสนอแนะ 3 มาตรการไปยังรัฐบาลที่ต้องทำควบคู่ไปกับประกาศคลายล็อกของ ศบค. ซึ่งมาตรการเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องสนับสนุนความช่วยเหลือลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ อุปกรณ์ หรือการวางระบบต่างๆให้พร้อม เพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขที่ยังวิกฤตสูงในขณะนี้มากเกินไป 

1. การจัดหาชุดตรวจ ATK ฟรีสำหรับประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้มต้องแจกสัปดาห์ละ 2 ครั้งต่อคน และเร่งหาวิธีให้การเข้าถึงชุดตรวจที่ผ่าน อย.แล้วมีราคาถูกลงและเข้าถึงได้ง่าย เพราะการคลายล็อกมีโอกาสทำให้การติดเชื้อสูงขึ้น แต่การตรวจเจอเชื้อเร็ว รักษาเร็วจะทำให้มีความเสี่ยงต่อชีวิตต่ำและเป็นการตัดวงจรการกระจายเชื้อ เพื่อไม่นำไปสู่การเกิดคลัสเตอร์ใหม่

2. กรณีทานอาหารในร้าน หรือใช้บริการบางประเภทในร้านที่อากาศปิดหรือเป็นห้องแอร์ เช่นร้านทำผม ร้านเสริมสวย นอกจากมาตรการลดความแออัดแล้ว ผู้มาใช้บริการต้องแสดงตนว่าได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หรือ 2 เข็ม จึงเข้ารับบริการได้ โดยนำหลักฐานการได้รับวัคซีนไปแสดงต่อร้านค้าหรือจุดบริการ จะเป็นแอพพลิเคชัน หรือเอกสาร จะต้องชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

3. ด้านสาธารณสุข ความสะอาดและความเรียบร้อย ภาครัฐจะต้องมีกระบวนการเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือ เช่น อุปกรณ์เจลแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ชุดตรวจ ATK ที่ปัจจุบันยังหากซื้อยากและราคาแพง ซึ่งการปรับปรุงร้านให้ได้มาตรฐานมีต้นทุนสูง แต่ร้านจำนวนมากขาดรายได้มานาน รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือในการฟื้นฟูกิจการไม่ว่างบประมาณ องค์ความรู้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ด้วย

"ยิ่งรัฐบาลบริหารอย่างปล่อยปละละเลยลอยตัวเหนือปัญหามานาน ปัญหาที่ต้องไล่ตามจัดการก็ยิ่งมาก ใช้งบประมาณก็ยิ่งมาก บุคลากรก็ยิ่งทำงานอย่างเหนื่อยล้าและเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัญหาจะน้อยกว่านี้มากถ้าไม่ใช่รัฐบาลประยุทธ์เป็นผู้บริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเชื่อและฟังพวกเราบ้าง ป่านนี้คงมีวัคซีนหลากหลายให้เลือกและสามารถกระจายลงไปได้มากกว่านี้ เราคงเห็นการเยียวยาที่เหมาะสมถ้วนหน้าเพื่อให้สามารถใช้มาตรการปิดช่วงที่ควรปิด และเปิดช่วงที่ควรเปิดได้ ไม่ใช่การบริหารไปตามเสียงด่าอย่างรัฐบาลนี้ทำ และเราคงจะมี ATK เพื่อรุกตรวจได้มากกว่านี้และคงมีการวางระบบ Home Isolation เพื่อรองรับปัญหาภาระผู้ป่วนล้นเกินโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุข ลดผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง และลดผู้เสียชีวิตลงได้มากกว่านี้ 

ดังนั้น เมื่อมี มติ ศบค.ชุดใหญ่ให้มีการคลายล็อคมากขึ้นแล้ว ก็อยากฝากข้อเสนอ 3 ข้อ ที่ดิฉันเสนอแนะไปด้วย แม้ว่าจะเป็นเพียงมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อประคับประคองสถานการณ์ที่ท่านก่อไว้ก็ตาม แต่แนวทางนี้อย่างน้อยก็จะช่วยชะลอการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ในวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ได้ลดลงจนถึงระดับที่วางใจ แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้า กิจการห้างร้านก็ลำบากกันมากจริงๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผ่อนคลายให้พวกเขาลืมตาอ้างปากได้ แม้จะมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่หากรัฐช่วยเหลือเต็มที่ เชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมเป็นอย่างดี จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ให้รัฐบาลไตร่ตรองอย่างรอบด้านไม่ว่าจะขยับมาตรการอะไรออกมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในประเทศนี้เดินไปพร้อมกับการรักษาเศรษฐกิจได้ "

ป.ป.ช.​ สั่ง จทน.ตรวจสอบทรัพย์สิน ผกก.โจ้ -ส่วนปม กระทำผิดต่อหน้าที่ รอ สตช. ดำเนินคดีแล้วเสร็จ ก่อนส่งมาให้ป.ป.ช.

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ​ (ป.ป.ช.)​ ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.  เปิดเผยว่า​ ที่ประชุมคณะกรรมการ​ ป.ป.ช.เมื่อวันที่​ 26​ ส.ค.ได้รับทราบรายงานการตรวจสอบเรื่องของ พ.ต.อ.ฐิติสรรค์ อุทธนผล  หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสววรรค์  หลังก่อเหตุใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติด โดย ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครสวรรค์ได้รายการการตรวจสอบ ว่าเป็นเรื่องการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามมาตรา  61 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. ประกอบกับขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ทาง ป.ป.ช.จึงได้ชะลอการดำเนินการพิจารณาเรื่องดังกล่าวไว้ เพื่อรอการดำเนินคดีเสร็จสิ้น ทั้งนี้​ ทาง สตช.จะต้องส่งเรื่องนี้มาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการภายใน 30 วัน  เบื้องต้นได้มีการประสานกับทาง สตช. ไว้แล้ว 

เมื่อถามถึงเรื่องทรัพย์สินของ​ พ.ต.อ.ฐิติสรรค์​ ที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายร้อยล้าน   ทั้งบ้าน และรถหรูมากมาย แบบนี้ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า หลังปรากฎเป็นข่าว ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้สำนักตรวจทรัพย์สิน ของสำนักงาน ป.ป.ช.ไปดำเนินการประมวลข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นทันที ดูที่มาของทรัพย์สิน เพื่อดูว่าเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่  โดยป.ป.ช.จะเร่งดำเนินการเนื่องจากมีกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน 

เมื่อถามว่าตามกระแสข่าวระบุว่ามีการฝากเงินไว้กับนอมินีหลัก 200 ล้านบาท ป.ป.ช.จะตรวจสอบลงลึกไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ถ้ามีการยกเป็นเรื่องไต่สวนกรณีร่ำรวยผิดปกติแล้ว ก็จะต้องตรวจสอบทุกเรื่อง ซึ่งจะต้องขอให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปที่สามารถชี้ช่องเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของ พ.ต.อ.ฐิติสรรค์ สามารถส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ได้ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าหาก ป.ป.ช.สามารถส่งเรื่องร้องขอให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ก็จะมีเงินรางวัลให้กับผู้ชี้ช่องเบาะแสด้วย

“บิ๊กตู่”ประชุม .ศบค. เตรียมคลายล็อก ให้นั่งกินอาหารในร้านได้ 50% ของจำนวนที่นั่ง ห้าง-เสริมสวย-นวดฝ่าเท้า-สวนสาธารณะ คงเวลาเคอร์ฟิวส์  ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ยังขอความร่วมมือเท่าที่จำเป็น คงพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)  29 จังหวัดเช

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 13/2564 ผ่านระบบ Video Conference เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตามที่ ศบค.วงเล็ก เสนอ  โดยจะมีการพิจารณามาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ประกอบด้วย 

1.ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือ เปิดแอร์อนุญาตนั่งรับประทานในร้านได้คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่นั่งในร้าน 2.ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือไม่เปิดแอร์ ให้นั่งได้ 75  เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่นั่งในร้าน  ทั้งนี้ การเปิดให้ประชาชนนั่งรับประทานอาหารในร้าน โดยจะต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ที่ประชุมเห็นว่า เนื่องจากยังมีประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จึงต้องนำไปหารือในที่ประชุมใหญ่ศบค.ใหญ่อีกครั้ง

นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน ร้านสะดวกซื้อ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติจนถึงเวลา 20.00 น. โดยผู้ให้บริการจะต้องปฏิบัติได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว และจะต้องมีการตรวจคัดกรองด้วยชุด ATK  เป็นระยะและมีมาตรการเข้มผู้เข้าใช้บริการ

ขณะที่ร้านเสริมสวย หรือตัดผม  ร้านนวด เปิดได้ตามปกติ แต่นวดได้เฉพาะฝ่าเท้า นอกจากนี้สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกาย ที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ยกเว้นฟิตเนส และอาคารในสถานศึกษา เปิดได้ตามปกติ แต่ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณา 

โดย ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบจำนวนจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)  29 จังหวัดเช่นเดิม แต่ใช้มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Univerasal Prevention  และเห็นชอบการรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เดิมกำหนดไม่เกิน 5 คน ขยายเป็น 25 คน

สำหรับ Universal Prevention หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ประกอบด้วย

1. ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น

2. ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จำเป็น (น้อยครั้งและใช้
เวลาสั้นที่สุด)

3. เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่

4. สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งที่อยู่ในและนอกบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน

5. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น

6. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ส้วม ไอจาม หรือสัมผัสวัตถุ/สิ่งของ ที่ใช้ร่วมกัน

7. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ

8. แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น

9. เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุกสุกใหม่ ควรทานอาหารแยกสำรับ หากทานร่วมกันให้ใช้ซ้อนกลางส่วนตัว

10. หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง เช่น สัมผัสผู้ที่อาจติดเชื้อ หรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย ATK เพื่อยืนยันว่ามี
การติดเชื้อหรือไม่ หรือไปรับการตร ม.บ.

นอกจากนี้ จะเปิดบริการรถสาธารณะ โดยต้องจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกินร้อยละ 75 และคนขับรถจะต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม และเปิดให้เดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งผู้โดยสารจะต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หรือผลตรวจโควิด-19 ด้วย

ขณะเดียวกัน ยังผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นเท่านั้น แต่ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดหากไม่มีความจำเป็น  และยังห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นยังคงอยู่ โดยมาตรการผ่อนคลายต่างๆ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

ประมง -เจ้าท่า ไฟเขียวลดขั้นตอนยื่นขอใบอนุญาตใช้เรือ

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมง และกรมเจ้าท่า ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางในการดำเนินการเพื่อลดขั้นตอนการขอรับหนังสือรับรองเพื่อประกอบการยื่นขอออกใบอนุญาตใช้เรือประมง โดยปรับเปลี่ยนขั้นตอนใหม่ให้ชาวประมงสามารถยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตใช้เรือ ณ หน่วยงานกรมเจ้าท่าเพียงจุดเดียว เมื่อกรมเจ้าท่าได้รับคำร้องแล้วจะจัดส่งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของทั้ง 2 หน่วยงานโดยอัตโนมัติ ภายใต้กรอบการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพเช่นเดิม ล่าสุดอยู่ระหว่างการร่วมกันพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถรองรับหลักการตามที่ได้เห็นชอบร่วมกัน คาดว่าจะเปิดใช้ระบบได้ช่วงต้นเดือนต.ค. นี้ 

ทั้งนี้ในการประชุมโครงการอบรมสัมมนาอาสาสมัครป้องกันปราบปรามประมงผิดกฎหมาย แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับซึ่งจัดโดยสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (สบนร.) ชาวประมง ได้เสนอให้กรมประมงลดขั้นตอนในการขอรับหนังสือรับรองเพื่อประกอบการยื่นขอรับใบอนุญาตใช้เรือประมง เนื่องจากมีขั้นตอนในการดำเนินการหลายขั้นตอน และต้องใช้ระยะเวลานานทำให้เกิดความล่าช้า และมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐมีหน่วยงานกลางที่สามารถรับคำร้องและคำขออนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทำการประมงได้ในจุดเดียว และขอให้ลดจำนวนเอกสารที่ซ้ำซ้อนโดยพิจารณาเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาการขอรับหนังสือรับรองเพื่อประกอบการยื่นขอออกใบอนุญาตใช้เรือประมงนั้น เดิมกำหนดให้ชาวประมงต้องมายื่นคำขอกับกรมประมงเมื่อได้หนังสือรับรองแล้วก็นำไปยื่นขอต่อใบอนุญาตใช้เรือกับกรมเจ้าท่าส่งผลให้ ชาวประมงจะต้องติดต่อไปมาระหว่าง 2 หน่วยงานเกิดความยุ่งยาก และสร้างภาระแก่ชาวประมง โดยได้ข้อยุติร่วมกันในการลดภาระของชาวประมง ซึ่งมีเรือจำนวนกว่า 60,000 ลำในปัจจุบัน

“หากเริ่มดำเนินการใช้ระบบฯ จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องชาวประมงเป็นอย่างมาก และกรมประมงยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับลดขั้นตอนในกระบวนงานอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ชาวประมงต่อไป นอกจากนี้ วิธีการที่ปรับเปลี่ยน ยังเป็นวิธีที่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ที่ต้องลดการเคลื่อนที่ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้ออีกด้วย”

“สิระ” ซัด "เพื่อไทย" ถนัดเล่นการเมืองข้างถนน หลังผุดแคมเปญล่าชื่อโหวตไม่ไว้วางใจ "ประยุทธ์" เย้ย ข้อมูลซักฟอกกลวงถึงต้องให้ ปชช. ช่วย ไล่ไปลาออก ถ้าไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภา

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยผุดแคมเปญเชิญชวนประชาชน ร่วมลงชื่อโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาลผ่านเว็บไซต์เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เนื่องจากบริหารประเทศล้มเหลว คู่ขนานกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ว่า ถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภาหรืออย่างไร ทั้งที่ตัวเองเป็น ส.ส. หรือเคยทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ หรือว่าข้อมูลที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีอะไร กลวงหรืออย่างไร ส.ส.ต้องเป็นตัวอย่างกับประชาชนในการเชื่อมั่นระบบรัฐสภา ดังนั้น ขอให้พิจารณาตัวเองแล้วลาออกจากการเป็นส.ส. เพราะหากไม่พอใจอะไรจะได้ไปเข้าชื่อ ถามว่าบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร ตัวเองยังไม่ศรัทธาระบบรัฐสภา แล้วจะไปให้นายกฯลาออกได้อย่างไร หรือถนัดเล่นการเมืองข้างถนน

พท.ซัด “บิ๊กตู่” น่าละอายปล่อยวีไอพีแย่งวัคซีนแพทย์ อัด รัฐกดตัวเลขคนติดเชื้อหวังอ้างความสำเร็จ

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย และในฐานะแพทยสภา เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทย ที่รัฐบาลประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อว่าลดลงนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการตรวจในรูปแบบการตรวจ RT-PCR  ไม่รวมตัวเลขที่ตรวจ โดยใช้ชุดตรวจ RTK สามารถตรวจได้เพียงวันละ 50,000 รายเท่านั้น หากตรวจมากกว่านี้คงพบมากกว่านี้ ในแต่ละวันจะพบผู้ติดเชื้อจำนวน 20,000 ราย ดังนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงสูงกว่านี้อย่างแน่นอน ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลต้องการอ้างว่ามาตรการที่รัฐบาลใช้บังคับประชาชนมีประสิทธิภาพ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ส่อไปในทางไม่สุจริต โดยเฉพาะการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อ แม้ก่อนหน้านี้ชมรมแพทย์ชนบทออกมาทักท้วงเรื่องการจัดซื้อชุดตรวจแอนติเจนหรือ ATK ตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 8.5 ล้านชุด เพราะกังวลในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของชุดตรวจที่รัฐจัดซื้อ เหตุใดองค์การเภสัชกรรมยืนยันจะเดินหน้าขั้นตอนการลงนามสัญญา ถึงเวลานี้มองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน หวั่นว่าจะมีกลุ่มหาผลประโยชน์จากสถานการณ์โควิด 

นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการบริหารจัดการวัคซีนนั้น รัฐบาลปิดบังแผนบริหารวัคซีน การจัดสรรก็ไม่มีความเป็นธรรม หรือรัฐบาลจงใจที่จะเก็บวัคซีนของบุคลากรด่านหน้า เพื่อเตรียมไว้ให้กับกลุ่มวีไอพีที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจในรัฐบาลมากกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มนายทุนขุนทหารที่ใกล้ชิด มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนก่อนบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนัก น่าละอายที่พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

"เสกสกล "เผย เตรียมตั้งวอร์รูมนอกสภาฯ เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน ฟุ้ง “จัดทีมโต้-ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีส.ส.ฝ่ายค้าน” กร้าว “เพื่อไทย”เหมือนหมาบ้า ฟัดนอกกติกา-ไม่ยึดระบบรัฐสภาฯเชื่อ พิษสนองเข้าตัวเอง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของฝ่ายค้าน ว่า จะมีการตั้งวอร์รูมนอกสภาฯ โดยมีคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวง ทุกพรรคการเมืองซีกรัฐบาล จะตั้งวอร์รูมนอกสภา เพื่อรับมือญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน คอยทำหน้าที่ในการหาข้อมูลสนับสนุนและพิทักษ์ปกป้องนายกฯและรัฐมนตรี ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ  โดยมีตนเป็นหัวหน้าทีมตอบโต้ฝ่ายค้าน และมีนักกฎหมายไว้เตรียมการดำเนินคดีกับส.ส.ฝ่ายค้าน ในกรณีที่บิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี ใช้หลักฐานอันเป็นเท็จและโจมตีจาบจ้วงก้าวล่วงดูหมิ่นดูแคลนสถาบันเบื้องสูง ทั้งนี้วอร์รูมนอกสภาฯจะทำงานเชิงรุกตอบโต้ฝ่ายค้าน ซึ่งไม่ใช่การคุกคามหรือข่มขู่ แต่เพื่อป้องปรามและส่งสัญญาณเตือนถึงฝ่ายค้านว่าอย่าได้อภิปรายนอกลู่นอกทางหรือสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ ตลอดจนอย่าก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันอย่างเด็ดขาดอาจจะโดนดำเนินคดีมาตรา 112 ได้ 

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านเขียนญัตติใช้ภาษาที่ทุเรศอัปยศอดสูที่สุด เสมือนดูถูกประชาชน ไม่เคยมีฝ่ายค้านยุคไหนที่ใช้ภาษาดูหมิ่นดูแคลนผู้นำประเทศ และไม่ยอมใช้วิธีเล่นการเมืองยึดกติกาในสภาฯตามระบอบประชาธิปไตย แต่เล่นการเมืองเถื่อนนอกสภาฯโดยใช้แคมเปญลงชื่อไล่ล่านายกฯ วิธีการเล่นการเมืองแบบป่าเถื่อนนอกสภาฯไม่ยึดมั่นในกติกาประชาธิปไตย เป็นพรรคฝ่ายค้านที่เลวร้าย ใจอำมหิตเป็นความคิดที่ชั่วช้าสารเลวของพรรคเพื่อไทยในยุคตกต่ำที่สุด

เพื่อหวังล้มรัฐบาล และกลับมามีอำนาจช่วย นายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาฟอกตัวให้พ้นคดีทุจริตให้ ได้ จึงกล้าทุ่มเท ยอมทุบหม้อข้าว ถล่มโจมตีนายกฯและรัฐบาล ทุกรูปแบบ ไม่ต่างกับหมาบ้าทีไล่งับไล่กัดชาวบ้านไปทั่วสุดท้ายถึงจุดจบเพราะพิษหมาบ้าของตัวเองที่จะโดนประชาชนลงทัณฑ์ จนทำให้นายใหญ่ทั้งสองก็คงต้องระเหเร่ร่อนพเนจรต่อไป เพราะความคิดการเมืองแบบเพี้ยน จิตวิปริต ของคนบางคนในพรรคเพื่อไทย เหมือนกับที่เคยคิดจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ช่วยนายทักษิณ กลับบ้าน ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top