Sunday, 5 May 2024
POLITICS NEWS

‘พิชิต’ ซัด ‘โทนี่’ หลังอวย ‘ได้กลับไทย’ = พรปีใหม่ หากคิดกลับจริงหนีบน้องมาด้วย พร้อมไล่รวดเดียว 

ไม่นานมานี้ นายพิชิต ชัยมงคล อดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า... 

โทนี่แม้วอวยพรปีใหม่ แต่ใจยังคับแคบคิดถึงแต่เรื่องตัวเอง…

1.) อยากกลับมาเลี้ยงหลาน 
2.) อยากมาช่วยรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นใคร 
3.) อยากมาบรรยาย ใครเชิญก็จะไป เอาแค่โอเลี้ยงแก้วเดียว 
และ 4.) จะเชิญเศรษฐีเมืองไทยมาลงหุ้น สตาร์ทอัพคนรุ่นใหม่

นี่มันเป็นคำอวยพรปีใหม่ตรงไหน ผมจำได้ว่าปีใหม่ ทักษิณ เคยประกาศให้ 31 ธ.ค. เป็นวันทำงาน เพื่อคุณหญิงพจมานจะได้ซื้อที่ดินรัชดาได้โดยไม่เสียภาษีเยอะ เพราะถ้าข้ามปีภาษีจะเป็นอีกแบบ

สภาฯ เปิดผลสอบ ‘นายกฯ’ แจกเงิน ส.ส. แจงไม่พบหลักฐาน ตามที่ ‘ส.ส.วิสาร’ ปูด

5 ม.ค. 65 - ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จ่ายเงินจำนวน 5 ล้านบาท ที่บริเวณชั้น 3 ภายในอาคารรัฐสภาให้กับส.ส. เพื่อให้ลงคะแนนไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64 ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งสภาผู้แทนราษฎร เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเรื่องดังกล่าว จำนวน 5 ราย โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ต่อมาคณะกรรมการฯ ขอขยายระยะเวลาออกไปอีกครั้งละ 30 วัน จำนวน 2 ครั้ง

นพ.สุกิจ กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 64 คณะกรรมการส่งรายงานผลการตรวจสอบต่อประธานสภาฯ ผู้แทนราษฎร โดยมีเนื้อหาระบุถึงแนวทางการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ (1.) ได้เชิญนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะบุคคลซึ่งได้อภิปรายมาให้ข้อมูล ซึ่งได้มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 64 (2.) ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาภายในอาคารรัฐสภา การเข้าปฏิบัติภารกิจภายในห้องรับรองนายกฯ ที่ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ของนายกฯ และผู้ติดตามนายกฯ (3.) ตรวจสอบการเข้าพบนายกฯ ของส.ส. ที่ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ในช่วงเวลาที่มีการกล่าวอ้างจากการอภิปรายของส.ส. ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64

‘ก้าวไกล’ รุกหนักช่วย ‘เพชร กรุณพล’ ลงพื้นที่หาเสียง - ด้านเจ้าตัวรอลุ้นชู 3 นิ้ว

ทีม ‘ก้าวไกล’ เดินตลาดบางเขน ‘เพชร-กรุณพล’ ขอเป็นตัวแทน ‘การเมืองแห่งความหวัง’ ชวนลุ้นหลังสมัคร ส.ส. กทม. เขต 9 พรุ่งนี้ หากจับได้หมายเลข 3 ชู 3 นิ้ว แน่นอน ไม่หวั่นโดน ‘สิระ’ ขู่ฟ้อง 50 ล้าน

วันที่ 5 ม.ค. 65 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ เพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส. เขต 28 บางแค กรุงเทพฯ เดินทางไปแนะนำตัวและพบปะพูดคุยกับประชาชนย่านตลาดบางเขน

“หาเสียงมาระยะหนึ่งรู้สึกสนุก ยอมรับตอนแรกกังวลว่าประชาชนที่เคยชื่นชอบผลงานละครจะไม่เห็นด้วยกับการมาทำงานการเมืองหรือเปล่า แต่พอได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก ยิ่งรู้สึกดีใจเมื่อเขาบอกว่าอยากให้เราเป็นปากเสียงให้เขาด้วย มีหลายคนกล้าที่จะเดินมาบอกสะท้อนถึงปัญหาที่ต้องการแก้ไขกับเรา ผมตั้งความหวังในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่าจะชนะเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพและคนในเขตเลือกตั้ง ไม่ว่าเขตบางเขน จตุจักร หรือหลักสี่ ต้องการเห็นการเมืองในรูปแบบที่แตกต่างออกไป หลายปีที่ผ่านมา ประชาธิปไตยไม่ได้เบ่งบานเต็มที่ ประชาชนได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกันไปก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกันคือความฝืดเคืองรายได้ลด ภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น แต่การเมืองที่แตกต่างจากเดิมได้ทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความหวังมากขึ้น และในครั้งนี้ผมจึงขอโอกาสเป็นตัวเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของความหวังนั้น”  

นายกรุณพล กล่าวต่อไปว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จะรับปัญหาในพื้นที่ไปสู่การผลักดันแก้ไข ไม่ว่าด้วยกลไกสภาหรือด้วยนโยบายของพรรคที่มุ่งเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างประเทศ ซึ่งจะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตของคนทุกคนด้วยเป้าหมายการสร้างสวัสดิการของรัฐที่ถ้วนหน้าเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ เรายังมีเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดการกระจายอำนาจเป็นจริง เพื่อคืนศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ให้ประชาชนสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีความเข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วน ส.ส. และพรรคก้าวไกล จะเป็นส่วนหนึ่งของการหนุนเสริมขับเคลื่อนให้หน่วยงานภาครัฐตื่นตัวและคล่องตัวในการตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนผ่านกลไกรัฐสภาและองคาพยพต่างๆ ที่พรรคมี 

นายกรุณพล ชี้ว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองฝ่ายค้านไม่เป็นการตัดคะแนนกันเอง เนื่องด้วยแต่ละพรรคมีผู้สนับสนุนของตัวเอง หากบอกว่าจะเอาประชาชนที่ชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล ไปเลือกพรรคการเมืองอื่นเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง คงเป็นการไม่เคารพต่อเจตนารมณ์ของประชาชนในฐานะพรรคการเมืองและคงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการส่งเสริมให้ระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็ง แต่จะเป็นการฮั๊วการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่พรรคก้าวไกลต้องการเห็น 

'บิ๊กตู่' สั่ง ยกระดับ ระบบขนส่งสินค้าเกษตร-ผลไม้ไทย กำชับ รักษามาตรฐานคุณภาพสินค้า-คำนึงถึงมาตรการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19 ปลอดภัย  ได้มาตรฐานสากล

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งเดินหน้าเสริมศักยภาพพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าเกษตรและผลไม้ไทย โดยเป็นการขับเคลื่อนการทำงานอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ตั้งแต่สนับสนุน และตรวจสอบการผลิตที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องความต้องการผู้บริโภค มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และมีการจัดการที่สอดคล้องกับมาตรการด้านสาธารณสุข ล่าสุด เป็นที่น่ายินดีที่ว่า จีนได้เปิดด่านรถไฟผิงเสียง (เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง) นำเข้าผลไม้ไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. ถึงวันที่ 17 มกราคม 2565 ทดแทนกรณีด่านตงซิง (เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน) ปิดด่าน ทําให้ทุเรียนและลําไยสดของประเทศไทยติดค้างอยู่ที่ด่านเป็นจำนวนมาก โดยในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน ได้กว่า 2 ล้านตัน เป็นมูลค่ากว่า 148,000 ล้านบาท โดยปริมาณการส่งออกผลไม้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรียน ลำไย และมะพร้าวอ่อน 

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก การส่งออกสินค้าเกษตรมีแนวโน้มลดลง จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสริมศักยภาพ ยกระดับและพัฒนาระบบขนส่งสินค้าเกษตรและผลไม้ไทยให้มีประสิทธิภาพ ดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้อย่างรอบครอบและครอบคลุม รับมือให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อให้สินค้าเกษตรได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งผลไม้ไทยถือเป็นสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญ สร้างรายได้ให้กับประเทศ กำชับให้รักษามาตรฐานคุณภาพผลไม้ส่งออก พร้อมคำนึงถึงมาตรการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19 ที่ปลอดภัย และได้มาตรฐานในระดับสากล สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการที่ให้ความสำคัญในด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า          

'แรมโบ้' อัด 'ทักษิณ' ให้ไปดูดวงตัวเองก่อน แนะ กลับมาซ้อม ตีกอล์ฟในคุกก่อน ค่อยมาท้าออกรอบกับบิ๊กตู่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประเมินปี 65 เป็นปีที่หนักเพราะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น ค่าครองชีพจะสูงมาก ขอให้คนไทยอดทน ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ ประคองตัวให้พ้นครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น โดยครึ่งปีหลังน่าจะเป็นรัฐบาลใหม่มานั่งบริหาร โดยจุดจบรัฐบาลนี้ คือยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วไม่ได้เลือกกลับมา เป็นจุดจบที่สวยงามที่สุด นายทักษิณยังมั่นใจว่าปี 65 จะได้กลับประเทศไทย ว่า 

นายทักษิณ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่ามีแต่ตัวเองที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีและเก่งอยู่คนเดียว ทำงานแก้ไขปัญหาประเทศได้หมด แต่เป็นคนขี้โกง ทุจริต มีคดีติดตัวจนหนีออกไปอยู่ต่างประเทศ ประชาชนในประเทศก็ไม่เอา แบบนี้ถามกลับว่าน่าภาคภูมิใจตรงไหน และที่บอกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ครึ่งปีหลัง ขออย่าทำตัวเป็นหมอเดา นายกฯประยุทธ์เคยออกมายืนยันหลายครั้งแล้วว่าไม่ยุบสภาหรือลาออก ต้องอยู่ครบเทอมเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน  

นายทักษิณ คงอยากกลับประเทศมาก จนคิดว่านายกฯประยุทธ์จะลาออกหรือยุบสภา แล้วพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแล้วพาตัวเองกลับบ้าน คงฝันหวานอยู่ เห็นพูดมาหลายครั้งแล้ว หากอยากทำประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมือง และอยากออกรอบตีกอล์ฟกับนายกฯประยุทธ์ก็ขอให้กลับมาแล้วไปซ้อมในคุกกรมราชฑัณฑ์ก่อนดีกว่า ขอให้รับโทษที่ก่อเอาไว้ก่อน นายกฯประยุทธ์คงไม่อยากตีกอล์ฟกับนักโทษหนีคดี 

ถ้ากลับมานายทักษิณบอกจะกระซิบลูกสาว น้องอุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทยเป็นคนแรก คงไม่เห็นหัวหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเลยหรืออย่างไร จึงไม่ยอมบอก คงหวังจะให้ลูกสาวเป็นนายกฯเสียเอง แล้วสั่งให้ออกกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอยอีก ล้างคดีและช่วยให้นายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์กลับประเทศ เหมือนที่เคยทำมาแล้ว 

สิ่งที่นายทักษิณกำลังทำตัวเป็นหมอดูอยู่ในขณะนี้ มันสะท้อนชัดเจนว่า นายทักษิณนั้นอยากกลับมาประเทศไทยเสียเต็มที อันที่จริงเรื่องกลับบ้านนั้นตนเองก็บอกหลายครั้งแล้วว่า ไม่มีใครไม่ให้นายทักษิณกลับมา แต่ที่ผ่านมานายทักษิณ เลือกที่จะไม่กลับมาเองใช่หรือไม่ เป็นเพราะกลัวว่ากลับมาแล้วต้องมาติดคุกติดตะราง จึงอยากกลับมาอย่างเท่ ๆ โดยอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งอย่าได้หวังอีกเลย ถ้าจะกลับมาโดยไม่ต้องรับโทษ เพราะคนไทยเขาไม่ยอมเด็ดขาด ยกเว้นเสียว่ากลับมารับโทษ เข้าคุกก็อาจจะยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง 

‘ทิพานัน’ จี้ ‘ทักษิณ’ กลับมาสู้คดีตามกม. ลั่น ไม่มีใครกลัว ‘ทักษิณ’ กลับบ้านอีกแล้ว

‘ทิพานัน ศิริชนะ’ ขุด คดี ‘ทักษิณ’ จี้ รีบกลับมาสู้คดีตามกฎหมายเป็นของขวัญคนไทย ชี้มุกแป้ก ไม่มีใครกลัว ‘ทักษิณ’ กลับบ้านแล้ว แต่ตัว ‘ทักษิณ’ เองต่างหากที่กลัวกลับมาติดคุกเพราะมีคดีอื้อ พร้อมห่วงจะสร้างตราบาปที่ลบไม่ได้ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ รอบสอง

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อวยพรปีใหม่คนไทยให้ตนเองได้กลับบ้านมาช่วยงาน โดยยืนยันจะกลับมาอย่างสันติ ว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณเป็นเพียงการกลบกระแสข่าวที่กำลังถูกร้องเรียนเรื่องของการครอบงำพรรคการเมือง การที่ออกมาระบุเช่นนี้จะทำให้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่ความสันติของประเทศ เป็นคำอวยพรประชาชนที่หวังประโยชน์ในทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การนิ่งสงบของนายทักษิณจะช่วยให้ประเทศสันติมากกว่า หรือหากจะมอบของปีใหม่ก็รีบกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เป็นของขวัญให้คนไทย ซึ่งตรงนี้จะทำให้กลับมาไทยได้ไวที่สุด มิใช่หนีเร่ร่อนอยู่เช่นนี้ 

“มุกเดิมที่คุณทักษิณมักใช้คือ ไม่ได้กลับไทยเพราะมีคนกลัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครกลัวคุณทักษิณจะกลับบ้าน แต่คุณทักษิณเองต่างหากที่กลัวเอง หนีไปเอง เพราะหากกลับมาแล้วต้องรับผิดติดคุกจากคดีความต่างๆ ที่นอกจากคดีที่ดินรัชดาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ยังมีคดีอื่นๆ อีก ทั้งคดีทุจริตโครงการหวยบนดินที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาเช่นกัน คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปฯ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการโทรคมนาคม ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี และยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช.อีก ทั้งคดีระบายข้าวจีทูจี และคดีสั่งซื้อเครื่องบินบริษัทการบินไทยไม่คุ้มค่าทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก” น.ส.ทิพานัน กล่าว

'บิ๊กตู่' เตรียมนั่งหัวโต๊ะ ศบค.ใหญ่ 7 มค.นี้ ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ระลอกหลังปีใหม่ - สั่ง จับตา 4 สัปดาห์ ครึ่งแรก ดูจำนวนผู้ติดเชื้อ ครึ่งหลัง ดูผู้ป่วยสีแดง-เสียชีวิต ก่อน ปรับมาตรการ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการ ภาคธุรกิจ เอกชน กลับมาเปิดดำเนินปกติ เพื่อเตรียมแนวทางการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่าง ๆให้ทันสถานการณ์ พร้อมนำเข้าสู่พิจารณาเพื่อปรับมาตรการในที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 7 ม.ค.นี้

นายธนกร กล่าวว่า โดยในวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3,899 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 3,648 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 14 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ ที่ต้องขัง 68 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 169 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 34,877 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,508 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 จำนวน 2,210,612 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 2,155,403 ราย ขณะที่สรุปผลการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ. 2564 - 4 ม.ค. 2565 อยู่ที่ 105,012,701 โดส ใน 77 จังหวัด โดยแบ่งเป็น จำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 51,314,397 ราย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 46,282,489 ราย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 7,152,002 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 สะสม 263,813 ราย

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อระลอกหลังปีใหม่เป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ โดย 2 สัปดาห์แรกจะประเมินสถานการณ์ จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ ส่วน 2 สัปดาห์หลังจะประเมินผู้ป่วยอาการหนักและอัตราการเสียชีวิต ก่อนตัดสินใจปรับมาตรการต่าง ๆ ขอความร่วมมือประชาชน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื่อรัง สตรีมีครรภ์ ติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด หรือหากเคยฉีดแล้วก็ควรติดต่อขอฉีดเข็มกระตุ้น เนื่องจากวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด-19 สามารถลดการป่วยหนักและอัตราการเสียชีวิตได้ 

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยง ตามที่ประกาศไว้ ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการเฝ้าระวังตนเอง กักตัว และควรเข้าตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู้ผู้อื่น และลดอัตราการป่วยหนักของตนเอง 

'พี่ศรี' ซ้ำเพื่อไทย! จ่อ ให้ปากคำกกต.รอบ2 ปม ทักษิณ-พร้อม เตรียมยื่นปมพล.อ.พัลลภ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือเรียกสมาคมฯให้ไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมประกอบคำร้อง กรณีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนไปยัง กกต. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดนายทักษิณ ชินวัตร ครองงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ กรณีได้วิดีโอคอลมาในงานเลี้ยงคล้ายวันเกิดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในหมู่บ้านหรูย่านเหม่งจ๋าย เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในงานเลี้ยงดังกล่าวมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหารพรรคการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ในบริเวณงานเพื่อฟังนายทักษิณวิดีโอคอลเป็นจำนวนมาก ซึ่งมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ร้องขอนายทักษิณ ขออนุญาตให้คุณหญิงพจมาน อดีตภริยามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อนำศึกเลือกตั้ง และมีการคุยโวว่าถ้าเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์แน่นอน ซึ่งการพูดกันในประเด็นการเมืองดังกล่าว อาจเข้าข่ายการครอบงำหรือชี้นำพรรคการเมืองหรือไม่ หรือมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน ม.28 ของพรป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่

กรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา และประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้เคยมีหนังสือเรียกไปให้ถ้อยคำมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 แต่บัดนี้ได้มีหนังสือเรียกสมาคมฯไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมประกอบคำร้องอีกครั้ง เป็นรอบที่ 2 ในวันพฤหัสที่ 6 ม.ค.65 นี้ เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.

โฆษกรัฐบาล ยืนยัน 'บิ๊กตู่' ติดตามความคืบหน้าสนามบินเบตง อยู่ตลอด กรมท่าอากาศยาน ชี้ เปิดใช้แล้ว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวและข้อมูลปรากฏบิดเบือนในสื่อสังคมออนไลน์ ถึงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงที่มีข้อติดขัดไม่สามารถเปิดให้บริการได้นั้น ซึ่งข้อเท็จจริงปัจจุบันท่าอากาศยานเบตงได้มีการให้บริการเที่ยวบินทางราชการ และเที่ยวบินส่วนบุคคลแล้ว และมีการทำการบินมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ได้มีสายการบินขออนุญาตทำการบินไว้ 2 เส้นทาง คือ 1.หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่ และ 2.ดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง โดยกรมท่าอากาศยาน ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ วิเคราะห์ข้อมูลทางกายภาพและทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งข้อสรุปในการก่อสร้างที่วางไว้คือ ทางวิ่ง (Runway) ขนาด 30x 1,800 เมตร สามารถรองรับเครื่องบินขนาด 80 ที่นั่ง (ATR-72/Q-400) ซึ่งตามหลักการดำเนินงานท่าอากาศยานจะมีการติดตามตัวเลขผู้โดยสารและเที่ยวบิน เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานต่างๆ โดยจะต้องมีระยะของการพัฒนาตามขนาดและความต้องการเดินทางของประชาชน สำหรับเส้นทางบินและการขึ้นลงของอากาศยาน จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด

นายธนกร กล่าวว่า การก่อตั้งท่าอากาศยานเบตงสืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายการพัฒนา 14 จังหวัดภาคใต้ และ จังหวัดยะลาอยู่ในกลุ่มภาคใต้ตอนล่างมีอำเภอเบตงเป็นอำเภอ ที่สำคัญมีความเจริญด้านเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากพื้นที่อำเภอเบตง มีสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน ถนนแคบและคดเคี้ยว ไม่สะดวกต่อการเดินทาง ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาด้านการคมนาคม เข้าสู่อำเภอเบตง ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนา เศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้ง สนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว และเชื่อมต่อ ประเทศมาเลเซียที่ด่านเบตงและพื้นที่ใกล้เคียงได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น 

รัฐบาล ปัดยกเลิกรักษาโควิดในรพ.เอกชน ยืนยัน ยังดูแลทุกคนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

โฆษกรัฐบาล ยัน ครม.ไม่ได้มีมติ ยกเลิกรักษาผู้ป่วยโควิดในรพ.เอกชน ย้ำรัฐบาลมีนโยบายดูแลคนไทยทุกคนฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 65 กรณีมีการมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียระบุว่า “ครม.มีมติให้ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนโควิด หากตรวจเจอโควิดจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วแต่ติดเชื้อจะต้องใช้สิทธิ์ตามสถานพยาบาลที่มีสิทธิ์ (ประกันสังคม หรือบัตรทอง) หากจะพักรักษาใน Hospital หรือ รพ.เอกชนจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง หรือใช้ประกันเอกชนที่ตนมี นอกจากนี้ ครม.ยังพิจารณาปรับเกณฑ์ให้ผู้มีอาการน้อย หรือไม่ผ่านเกณฑ์การรักษาในโรงพยาบาล ให้กักตัวรักษาที่บ้าน หรือ Community Isolation ในทุกจังหวัด”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top