Sunday, 19 May 2024
POLITICS NEWS

‘ปารีณา’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ สั่ง จนท.หยุดปิดปาก-ลากตัวชาวบ้าน ลั่น!! โปรดเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ปารีณา รับไม่ได้! เรียกร้อง บิ๊กตู่ สั่งเจ้าหน้าที่หยุดพฤติกรรม ฉุดกระชาก ลากดึงประชาชนเยี่ยงหมา ลั่นทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มันเกินไป

(4 มี.ค. 66) น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ปารีณา ไกรคุปต์’ ถึงกรณีหญิงสูงวัยรายหนึ่งยืนดักขบวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างลงตรวจราชการที่อำเภอบ้างโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อแสดงออก พร้อมตะโกนด่าและตำหนิการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่กระชาก ลากตัว และปิดปาก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยข้อความระบุว่า…

“#เยี่ยงหมา

'ศุภชัย' ถาม 'ชูวิทย์' หลากพรรคถ่วง 'กัญชาเสรี' ดันไม่ร้อง แต่ข้อง ภท. ทั้งที่ไม่เคยปล่อยพี้เสรี-ให้มีไว้ใช้ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโต้กลับ กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ออกมาพูดว่ากัญชาเสรี คือการปล่อยให้เยาวชนนำกัญชามาพี้ โดย นายศุภชัย ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า 'ไม่ใช่'

นายศุภชัย ได้เปิดเผยว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากรายชื่อบัญชียาเสพติด โดยคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และหลังจากนั้น ก็ได้มีการเสนอ พ.ร.บ. กัญชา เข้าสภาฯ ในวันที่ 26 มกราคม 2565 และมีการปลดล็อกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ซึ่งได้ร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว วาระ 1 และเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้เห็นชอบกับร่างกฎหมายตัวนี้ ซึ่งพอได้มีการส่งกลับมาวาระ 2 ก็มีพรรคการเมืองที่ดึงเรื่องไม่ให้กฎหมายผ่าน เช่น พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคก้าวไกล, พรรคประชาชาติ

"พรรค ‘ภูมิใจไทย’ ไม่เคยทำกัญชาให้พี้กันได้อย่างเสรี แต่กัญชาที่เสรีคือ ให้เกษตรกรปลูกไว้ใช้ทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้ก็มีกฎหมายรองรับเพื่อควบคุมเอาไว้ แต่ดันถูกสภา พรรคการเมืองถ่วงไว้” นายศุภชัย ได้ย้อนถามกลับ นายชูวิทย์ ว่าเช่นนี้ทำไมถึงไม่ไปโจมตี

พร้อมยังยืนยันอีกด้วยว่า “กฎหมายที่ได้เสนอร่างเข้าไป ถือว่าเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งในกฎหมายมีกำหนดไว้ว่า เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 หากสูบ จะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 2 แสนบาท และห้ามสูบในสถานที่สาธารณะ ห้ามค้าขายกัญชาทางออนไลน์ ซึ่งกฎหมายมีบังคับไว้หมด แต่ดันถูกพรรคการเมืองเตะถ่วง”

ใจถึงพึ่งได้ ‘บิ๊กป้อม’ ลุย ‘ชุมพร-ระนอง’ แก้ปัญหาน้ำท้วม-แล้ง ชาวบ้านแห่ต้อนรับ เชียร์นั่งนายกฯ คนที่ 30

(13 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่ภาคใต้ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.สุราษฎร์ธานี) โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง 

โดยเมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางถึงโครงการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนฯ บ้านวังช้าง ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร มีนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผวจ. ให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ จ.ชุมพร ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขา เมื่อมีฝนตกหนักปริมาณน้ำมากเกินความจุลำคลอง ทำให้เกิดน้ำหลากในหลายอำเภอ 

สำหรับภัยแล้ง ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ลดลง ความต้องการใช้น้ำมากขึ้นโดยเฉพาะฤดูแล้งและยังไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ อย่างเพียงพอ จึงได้มีโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำ ของชุมชนที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยสร้างความรู้ ความเข้าใจการวางแผนการใช้น้ำ ที่มีอยู่ รวมทั้งการพัฒนา/เพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำชุมชน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายแก่ จังหวัด, สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากทุกปัญหา และพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ทอดทิ้งใครอย่างเด็ดขาด รวมถึงจะพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้ครอบคลุมทุกมิติ 

จากนั้นได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง จากหลายอำเภอ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและความต้องการต่าง ๆ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมาก แสดงความรู้สึกดีใจที่ได้ใกล้ชิด และได้สัมผัสถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานและความห่วงใยประชาชน อย่างแท้จริง พร้อมชื่นชมว่า ท่านใจดี ใจถึงพึ่งได้จริง มีลักษณะผู้นำที่จะสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่การพัฒนาประเทศได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน เหมาะที่จะเป็นนายกคนที่ 30 มากที่สุด

เงียบสยบข่าว!! ‘โรม’ บุก บช.ปส. ทวงความคืบหน้าคดี ‘ส.ว.ทรงเอ’ หลัง ‘ตำรวจ-ศาล’ เกียร์ว่าง - ไม่มีคำตอบให้สังคม

(13 มี.ค.66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเพื่อติดตามความคืบหน้าการติดตามตัว อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา มาดำเนินคดีกรณีมีข้อครหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุนมินลัต’

รังสิมันต์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ ตนได้ทำทุกอย่างแล้ว ทั้งอภิปรายในสภาฯ แสดงหลักฐานเพิ่มเติมที่อุปกิตอาจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องไปยังคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) อัยการสูงสุด ถึงกรณีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหว และเหตุผลที่มาแถลงข่าวที่นี่ในวันนี้ เนื่องจาก บช.ปส. ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้ดูแลการดำเนินคดีนี้ โดยจากประสบการณ์ทางการเมืองที่ตนมี ความเงียบที่เกิดขึ้นมักจะเกิดจากความจงใจหรืออาจจะเป็นการล้มคดี

"ผมยื่นหนังสือไปยัง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุด ผบ.ตร. มีหนังสือตอบกลับมาบอกว่า ได้ส่งหนังสือที่ผมยื่นและหลักฐานต่าง ๆ ให้ บช.ปส. แล้ว ซึ่งผู้การ ปส.3 ต้องเป็นผู้รับผิดชอบคดี และหากดูในเอกสารชี้แจงของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องตั้งแต่ชั้นตำรวจและศาล ที่อาจนำไปสู่การล้มคดีได้" รังสิมันต์กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่ามีความพยายามวิ่งเต้นเพื่อล้มคดีจริง แม้แต่ในส่วนของศาล ตัวอธิบดีศาลก็พูดในลักษณะหวาดกลัวผู้ใหญ่ต่อการทำคดีนี้ ตนจึงขอตั้งคำถามว่า มีคนที่เหนือกว่าอธิบดีศาลอาญาอีกหรือ เมื่อพิจารณาจากเอกสารของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะเห็นความพยายามวิ่งเต้นเพื่อช่วยเหลือให้ ส.ว.ทรงเอ หลุดพ้นจากคดีนี้ พร้อมแจกคำใบ้ อดีตบิ๊กตำรวจ ส. เสือ ที่ไม่อยู่ในราชการแล้ว และมีตำแหน่งสูงมากมีความเกี่ยวข้อง

ทำเพื่อชาวใต้ ‘ลุงป้อม’ บุกสุราษฎร์ฯ ติดตามแผนบริหารจัดการน้ำ ย้ำ!! ทุกส่วนราชการ เร่งดูแลปัญหาน้ำท่วม-แล้งในทุกมิติ

(13 มี.ค.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และคณะ ลงพื้นที่ภาคใต้ 3 จ. เพื่อติดตามความคืบหน้าบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาพื้นที่และรับฟังความเดือดร้อนประชาชน โดยจุดแรกเดินทางไปศาลาอเนกประสงค์พรุเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้ว่าราชการจังหวัด เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หัวหน้าส่วนราชการต่างต้อนรับ โดยรับฟังสถานการณ์ภาพรวมแผนงานและโครงการน้ำในพื้นที่ ปี 61- 65 คืบหน้า 870 โครงการ วงเงิน 4,469.40 ล้านบาท มีประชาชนได้รับประโยชน์ 45,687 ครัวเรือน และป้องกันความเสียหายได้ 15,975 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ 6 โครงการ คือ อ่างเก็บน้ำคลองสีสุก คลองลิปะใหญ่ ระบบป้องกันน้ำท่วม ตลาดไชยา ชุมชนเชิงมนต์ ชุมชนเฉวงและชุมชนวัดประดู่ 

จากนั้นลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้าง ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนบางรัก และโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมพรุเฉวง

ว่ากันไปตามสถิติ!! เปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์คนจนต่อประชากรยุค 'บิ๊กตู่' เมื่อตัวเลขลดลงเหลือหลักเดียวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

(12 มี.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กคุณ 'LVanicha Liz' ได้นำเสนอข้อมูลเท็จจริงเปรียบเทียบอัตราส่วนของ 'คนจน' ในยุครัฐบาลต่างๆ ภายใต้หัวข้อ '#peopleจนหมดแล้ว จริงแค่ไหน?' ระบุว่า...

ดูเหมือน น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่เคยศึกษาตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในระดับโลก

ยกตัวอย่างในการเน้นปัญหาของไทย เธออ้างว่าไทยมีความเหลื่อมล้ำ ติดอันดับ Top 5 ของโลก ทั้งๆ ที่อันดับความเหลื่อมล้ำของไทยได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับค่อนข้างดี (ในปี ๒๕๖๓ เป็นอันดับที่ ๙๘ ของโลก) ตามที่ผู้เขียนโพสต์เมื่อวันที่ ๑๒ ก.พ. ๒๕๖๖

ช่วงใกล้เลือกตั้งไม่ควรสุ่มสี่สุ่มห้าพูดในลักษณะที่อาจทำให้ผู้รับเลือกตั้งรายอื่นเสียหาย เพราะอาจผิดกฎหมาย

อีกประเด็นก็คือการระบุว่า #peopleจนหมดแล้ว ในการให้สัมภาษณ์ครั้งเดียวกันนั้น

เธอกล่าวถึงนโยบายถ้าตนเองเป็นนายก รมต. (นาที ๑๙.๔๗) ว่า ๖ เดือนแรกจะลดค่าน้ำค่าไฟ เพราะ #peopleจนหมดแล้ว (นาที ๒๐.๐๓) เธอเน้นว่าต้องทำเดี๋ยวนี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=XrIw_2oKEoU

อันที่จริงคนจนไม่ได้ใช้น้ำใช้ไฟสักเท่าไร ...

ใครมาจากประเทศตะวันตกบางประเทศจะพบว่า น้ำประปาเมืองไทยจัดว่าราคาต่ำ ส่วนค่าไฟ คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นพวกมีเงินซื้อและใช้แอร์

สุ้มเสียงของเธอคล้ายจะตำหนิว่า รัฐบาลปัจจุบันเป็นตัวทำให้คนไทยยากจน

อันที่จริงเมื่อเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาล เมื่อสิ้นสุดรัฐบาลนายทักษิณ นายอภิสิทธิ์, น.ส.ยิ่งลักษณ์ อัตราคนจนต่อประชากร คิดเป็น ๒๑.๙๔, ๑๓.๒๒, ๑๐.๕๒ ตามลำดับ

 

งานนี้เกือบเจ็บ!! ‘ประเสริฐ’ วืดตกเวทีปราศรัย ต่อหน้าประชาชน 3,000 คน ทีมงานเข้าช่วยเหลือ โชคดีไร้บาดเจ็บ

จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทีม ครอบครัวเพื่อไทย ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และผู้เกี่ยวข้องเดินทางไปปราศัยที่จังหวัดพิษณุโลกนั้น

ระหว่างที่มีการแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 5 เขต คือ น.ส.ณัฐทรัชต์ ชามพูนท ว่าที่เขต 1, นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.เพื่อไทยพิษณุโลก, นาย จเด็ศ จันทรา ว่าที่เขต 3 , น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุกกิจเจริญ ว่าที่เขต 4และ นาย ธนวิน โรจน์สุนทรกิตติ ว่าที่เขต 5 ขึ้นโชว์ตัวบนเวที พร้อมกับคณะโดยมีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล เป็นพิธีกร ซึ่งการกล่าวแนะนำตัวขึ้นเวทีนั้นเกิดการผิดพลาด เมื่อแนะนำตัว นายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขึ้นไปหน้าเวที กลับก้าวขาเดินหน้า เหยียบผ้าสีแดง ซึ่งปิดบังไว้ แต่บังเอิญปลิวขึ้นมาเสมือนผืนเวที ทำให้เลขาฯ ก้าวพลาดท่า พลัดตกลงเวทีต่อหน้าประชาชนทั้ง 3,000 คน แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆมากนัก สามารถกลับขึ้นเวทีได้

‘ชูศักดิ์’ ยกระเบียบ กกต. โต้นักกฎหมาย หลังชี้ช่องยุบ 'เพื่อไทย' ยัน!! ‘ณัฐวุฒิ’ ช่วยหาเสียงได้

(11 มี.ค. 66) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชนให้ความเห็นถึงกรณีที่พรรค พท.แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่อาจทำได้ และการติดป้ายหาเสียงของพรรค พท.มีแต่รูปน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยไม่มีนโยบายของพรรค พท.จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้น ว่าการให้ความเห็นในทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และต้องเคารพทุกความเห็น แต่ผู้ให้ความเห็นดังกล่าวควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่มีอคติด้วย กรณีการให้ความเห็นนั้นเห็นชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายมาก โดยเฉพาะประเด็นดังนี้

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า 1.) กรณีที่อ้างว่า นายณัฐวุฒิ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกจำกัดสิทธิเลือกตั้งไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบ กกต. กำหนดไว้เพียงว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น สำหรับนายณัฐวุฒิ แม้จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามสมัครสมาชิกพรรคและห้ามสมัคร ส.ส. แต่ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค พท.ได้ และพรรคก็ได้แจ้งรายชื่อนายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไว้แล้ว

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ทำกิจกรรมทางการเมืองในนามของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยก็ถือเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายและกิจกรรมหาเสียงของพรรคอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการกระทำใดของนายณัฐวุฒิ ที่จะถือเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค จนทำให้พรรคและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเลย นอกจากนี้ คนทั่วไปก็รู้ว่านายณัฐวุฒิ เคยเป็นสมาชิกพรรค พท.มาก่อน การที่นายณัฐวุฒิ จะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ในประเด็นนี้เข้าใจว่าผู้ที่ออกมาให้ความเห็นยังไม่เข้าใจถ้อยคำและความหมายของคำว่าถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง กับถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงได้ใช้ถ้อยคำปนเปกันไปหมด ซึ่งแม้นายณัฐวุฒิ เคยถูกจำคุกมาก่อนและยังไม่พ้น 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญจึงถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งรวมถึงห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย แต่เขามิได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแต่อย่างใด จึงไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นศึกษากฎหมายให้ดีเสียก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว

'วันนอร์ – ทวี' มั่นใจได้ ส.ส. 15 เขตทั่วประเทศไทย ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

(11 มี.ค.66) ที่ ห้องประชุมโรงแรมดิอิมพีเรียล นราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธาน เปิดการประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2566  พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ โดยมี คณะผู้บริหารและสมาชิกพรรคประชาชาติร่วมกิจกรรม กว่า 1000 คน  

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ประชาชนบอกว่า การเลือกตั้ง คราวหน้า พรรคประชาชาติจะแลนด์สไลด์ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ พรรคประชาชาติจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณ เลขาธิการพรรค และ ส.ส.พรรคประชาชาติ ได้ทำงานในสภา อย่างหนัก ขอยืนยันว่าหลังจากนี้ไป พรรคประชาชาติ คือพรรคเฉพาะกิจจะหมดสิ้นไป 

พรรคประชาชาติไม่ได้เป็นฝ่ายค้านเพื่อรอเป็นรัฐบาล เราไม่สนับสนุน เผด็จการ การสืบทอด อำนาจ 4 ปี เราพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้ทำงานสำเร็จ ได้บางส่วน การเลือกตั้งบัตรสองใบ เป็นการให้โอกาสกับพรรคประชาธิปไตย และ 4 ปี พิสูจน์ได้ ว่า เราเป็นพรรคเล็กแบบมีคุณภาพ และ เป็นพรรคพร้อมที่จะโตแน่นอน พรรคประชาชาติ รับปากจะแก้ปัญหาให้ประชาชนทันทีที่เข้าสภา อาทิ กฎหมาย กยศ. จะแก้ไข ไม่ให้มีดอกเบี้ย ไม่มีค่าปรับ และจะให้เรียนฟรี   กฎหมายการห้ามซ้อมทรมาน ส.ส.ของเราสู้เต็มที่แต่ มีถูก ฝ่ายเผด็จการชะลอไป อีก 8 เดือน และอีกหลายเรื่องที่จะแก้ปัญหา

นักกฎหมาย ชี้ ‘ณัฐวุฒิ’ ไม่เข้าลักษณะ ‘ผู้ช่วยหาเสียง’ ส่อ!! เข้าข่ายครอบงำพรรค หวั่นเข้าเงื่อนไขยุบพรรค

(10 มี.ค. 66) สืบเนื่องจากกรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยปราศรัยบนเวทีพรรคเพื่อไทย แม้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญและร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ‘ดร.ณัฎฐ์’ นักกฎหมายมหาชน ได้แสดงความเห็นทางกฎหมายว่า…

“โครงสร้างพรรคการเมือง ตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ไม่ได้บัญญัติกำหนดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ตำแหน่งดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับ เป็นเพียงตั้งกลุ่มขึ้นมาทำกิจกรรมทางการเมืองโดยใช้เทคนิคเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ให้ตั้งข้อสังเกตว่า ตามริมถนนสาธารณะทั่วไป แผ่นป้ายนโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นรูปภาพ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่กลับไม่มีภาพการนำเสนอนโยบายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาเสนอต่อประชาชน จึงตั้งข้อสังเกตว่า ค่าใช้จ่ายของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยจะนำมารวมเป็นค่าใช้จ่ายเป็นเกณฑ์ชี้แจงค่าใช้จ่ายต่อ กกต.หรือไม่” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าปัญหาเกี่ยวกับระเบียบ กกต.ว่า ด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 ได้ให้คำนิยามคำว่า ‘ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง’ หมายถึง ‘ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามกฎหมาย’ ซึ่งบุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถูกจำกัดสิทธิ์ ใช้สิทธิ์เลือกตั้งจนกว่าที่จะพ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ถึงจะเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 ดังนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง จึงไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียง ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 ได้

ส่วนรัฐธรรมนูญ หมวด 3 ให้สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 34 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติแห่งกฎหมาย เมื่อพิจารณาถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียง เพราะขาดหลักเกณฑ์ในการเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จึงมีลักษณะเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจการของพรรคในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ตามความในมาตรา 29 แห่ง พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รับจ้างเป็น ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย สามารถกระทำได้หรือไม่ ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าหากเป็นสัญญาจ้างทำของ มุ่งถึงความสำเร็จของงานเป็นหลัก สามารถกระทำได้ แม้ไม่ได้มีสัญญาว่าจ้าง แต่ต้องแจ้ง กกต.ประจำจังหวัดในพื้นที่ในวันที่หาเสียงหรือปราศรัย แต่เงื่อนไขสำคัญหลัก ต้องพิจารณาถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่พรรคเพื่อไทย ชี้แจงต่อ กกต.เป็นการจ้างทำของหรือไม่

นอกจากนี้ จะต้องพิจารณาถึงคำปราศรัยจ้างในการหาเสียง เป็นผู้กำกับ ควบคุมเองหรือไม่อย่างไร เท่าที่ติดตามข่าว เห็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย จ้างหลักร้อย เล่นหลักล้าน ต้องมาถอดคำปราศรัยว่า การปราศรัยหรือหาเสียง ครอบงำพรรคหรือไม่ แม้ไม่ผิดระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2561 โดยอาศัยช่องจ้างทำของ แต่ติดเงื่อนไขห้ามมิให้ผู้ใดมิใช่สมาชิกกระทำการใดควบคุม ครอบงำพรรค

“พูดภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่า ระหว่างคุณเต้น ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สถานะทางกฎหมายพรรคการเมืองไม่ต่างกัน เมื่อเป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่ได้ ออกช่องรับจ้างทำของ แต่ติดกับดัก มาตรา 28 มาตรา 29 แห่งกฎหมายพรรคการเมือง เป็นอันตรายแก่พรรคการเมือง ซึ่งกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 28 ห้ามไว้โดยชัดแจ้งห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคครอบงำพรรค ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ตรงนี้ ผมพูดตามหลักกฎหมาย เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า กระแสวันประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยวานนี้ (9 มี.ค. 66) กระแสปั่น 310 ที่นั่ง จะเป็นพรรคการเมืองตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองเดียว มีความเป็นไปได้หรือไม่อย่างไร ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า กระดานการเมืองของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่อยู่ที่ได้จำนวนเท่าไหร่ แต่จำนวนที่คาดหมายเป็นการปั่นกระแส หากเป็นรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 อาจเป็นไปได้ แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ได้ออกแบบ สว.จำนวน 250 เสียงและลงมติเห็นชอบร่วมตามมาตรา 272 โอกาสจัดตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองเดียว ยืนยันว่าโอกาสน้อย หรือว่า แทบไม่มีโอกาสเลย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top