Tuesday, 7 May 2024
POLITICS NEWS

ร่วมด้วยช่วยกัน!! ‘บิ๊กป้อม’ ร่วมประชุม คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ดึง ‘เยาวชน-เอกชน-ภาคีเครือข่าย’ ร่วมพัฒนาประเทศไทย

พล.อ.ประวิตร มองการณ์ไกล ประชุม กพย. ให้ความสำคัญ พลัง ‘เยาวชน-เอกชน-ภาคีเครือข่าย’ ควบคู่หลัก ศก.พอเพียง ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน รองรับความท้าทายใหม่  ตั้งเป้าบรรลุ กรอบ UN ปี 2030

(8 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์  ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ สรุปผลการดำเนินงานตามแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับประเทศไทย (Thailand's  SDG  Roadmap)  โดยมีผลการดำเนินการใน 6 ด้านหลักได้แก่ 1) การสร้างการตระหนักรู้ 2) ความเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนกับแผน 3 ระดับของประเทศ 3) กลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน 4) การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5) ภาคีการพัฒนา และ 6) การติดตาม/ประเมินผล

ประธานฝ่ายกฎหมาย 'เพื่อไทย' ออกโรงเตือน 'สนธิญา' แจ้งเท็จ 'ยุบพรรค' ส่อคุก 5 ปี เชื่อมีบางพรรคอยู่เบื้องหลัง

(7 มี.ค.66) ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและประชาชนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่านายสนธิญาได้ยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างสาระของข้อร้องเรียนว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวปราศรัยว่านายวีระศักดิ์ฯ อดีต รมช.คมนาคม และทีม อบจ.และพรรคเพื่อไทยเป็นปรากฎการณ์ใหม่ เป็นกลุ่มเดียวกันเพื่อนำไปสู่แลนด์สไลด์ถือเป็นการกระทำที่ขัดมาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 72 และมาตรา 92 (3) ของ พรป.พรรคการเมือง และกรณีการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียง เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) เนื่องจากนายณัฐวุฒิ ฯ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรม

การปราศรัยของหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมาที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเพียงพูดว่านายวีรศักดิ์ฯ และทีม อบจ. และพรรคเพื่อไทยเป็นกลุ่มเดียวกัน มีความหมายเพียงว่า บุคคลตามที่กล่าวมาเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพื่อนำไปสู่การแลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่ได้มีการกระทำใดที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาควบคุม ครอบงำหรือชี้นำการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในลักษณะที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใดซึ่งการที่บุคคลใดจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดนั้น ยอมเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นที่จะพึงกระทำได้ อันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการเมือง และพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้มีการกระทำใดที่จะถือเป็นการยินยอมให้บุคคลเหล่านั้นกระทำการในลักษณะเช่นนั้นแต่อย่างใดเช่นกัน

ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ นั้น พรรคเพื่อไทย ได้แต่งตั้งให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค และยื่นเอกสารดังกล่าวต่อเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งไปก่อนหน้านั้นแล้ว แม้นายณัฐวุฒิฯ จะมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส. หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเป็นสมาชิกพรรคก็ตาม แต่นายณัฐวุฒิ ฯ ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคและผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยได้ ตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของผู้ช่วยหาเสียงไว้ว่า เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น กรณีเช่นนี้พรรคได้ดำเนินการทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าการเลือกตั้งระดับชาติและการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น และ กกต.ก็ประกาศรับรองการเลือกตั้งที่ผ่านมา การที่นายสนธิญากล่าวอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่บทบัญญัติที่ห้ามบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นสาระ
 

'ชัยวุฒิ' ถกประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า ยัน!! ผลักดันรับรองให้ถูกต้อง  ซัด!! กฎหมายต้องไม่ล้าหลัง ควรสอดคล้องวิถีชีวิต-หลักสากล

สมาคมสื่อ MEDIA ASSOCIATION FOR SOCIETY OFFICE ร่วมกับคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา เปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการบุหรี่ไฟฟ้ากับอนาคตของประเทศ พร้อมจัดอบรมในวันนี้ (7 มี.ค.66) ณ ห้องประชุมกานเฉ่า ชั้น ๒ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยมี อาจารย์อับดุลฮาลีม อาแด อาจารย์ประจำสาขาการสอนอิสลามศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นผู้นำบรรยาย และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ร่วมวิดีโอคอล งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการบุหรี่ไฟฟ้ากับอนาคตของประเทศไทย ทั้งนี้มีเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 60 คนเข้าร่วมกิจกรรม 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ผมในนามกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีได้เข้าร่วมพูดคุย โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการบุหรี่ไฟฟ้ากับอนาคตของประเทศไทย ซึ่งผมก็ได้ติดตามมามาพอสมควรช่วงที่ตนเองเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีดิจิทัลฯ ในช่วงแรกได้มีการดำเนินคดีกับสิ่งผิดกฎหมายบนออนไลน์ ซึ่งหนึ่งในนั้นมี “บุหรี่ไฟฟ้า” ที่ผิดกฎหมาย พบว่าการจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ ตามสื่อ Social เป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อตนเองได้ศึกษาประเด็นดังกล่าวและได้มีประชาชนกลุ่มต่าง ๆ เข้าพบเพื่อถกประเด็นดังกล่าวกับตนเองจึงพบว่ามี “ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า” ในประเทศไทยน่าจะทำให้ถูกกฎหมาย เนื่องจากมีผู้ใช้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีคนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่จริง และจากการพิสูจน์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา เป็นต้น มีการอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกฎหมายได้ แต่ในประเทศไทยยังผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่ขัดกับวิถีชีวิตและหลักสากล ทำให้ควบคุมได้ยากมาก คนหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เชื่อว่าบุหรี่มวนอันตรายและไม่อยากสูบบุหรี่จริง และที่สำคัญมีการลักลอบขายกันจนมาก จนคิดว่าเป็นเรื่องที่ ดัดจริต ที่ว่าสูบไม่ได้ แต่ก็เห็นสูบกันกันทั่วไป 

ดังนั้นตนเองจึงอยากเห็นงานเสวนาในครั้งนี้หารือแนวทางผลักดันบุหรี่ไฟฟ้าให้เข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยดูว่ามีประเด็นติดขัดเรื่องอะไรบ้าง เพื่อรวบรวมความเห็นจากหลากหลายกลุ่ม ในการพัฒนาเป็นกฎหมายที่คุ้มครองวิถีชีวิตคนไทยต่อไป สุดท้ายนายชัยวุฒิได้เน้นย้ำว่า บุหรี่ไฟฟ้า เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่คิดว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่จริงก็ให้พวกเขาได้ใช้ ซึ่งมีจำกัดทางกฎหมาย ทำให้เราไม่สามารถแก้ปัญหาเปลี่ยนส่วยเป็นภาษีได้ ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย แต่เราสูบอย่างอื่นได้มีหลายอย่างที่อันตรายกว่า ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า กลับไม่ให้บริโภค ทางรัฐบาลและผมเองก็เห็นว่าหลายสิ่งหลายอย่างในประเทศไทยมีข้อจำกัด เรื่องกฎหมายที่ล้าสมัย นำมาปฏิบัติจริงไม่ได้ ขัดกับวิถีชีวิตของประชาชน  การสัมมนานี้จะช่วยให้เกิดประเด็นในสังคมที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 
 

อยากไปก็ไป!! ‘บิ๊กป้อม’ ฉุน!! โดนจี้ถามปม ‘สมศักดิ์’ ย้ายซบ พท. เผย ยังไม่ได้คุยกันส่วนตัว แต่ถ้าจะไปก็ไป

(7 มี.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค พปชร.และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และกรรมการบริหารพรรค พปชร. มีข่าวจะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ว่า “ไปถามเขาดู”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีข่าวว่าจะไปพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ถ้าจะไปก็ไป”

เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายสมศักดิ์ เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มี ๆ ไม่ตกลง”

เมื่อถามว่า หากนายสมศักดิ์ไม่อยู่ จะกระทบต่อ พปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ไม่รู้ ไม่ได้เจอกับตน มาถามอะไร ตอบไปตั้งหลายทีแล้ว” 

เมื่อถามถึงกรณีมีภาพพูดคุยกับ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ตามนั้นแหละ”

‘ก้าวไกล’ โวย อดีต ผบ.ทอ. นำ F-16 บินไว้อาลัยพ่อ ลั่น!! ผิดหวังคำชี้แจงของ ‘ทอ.’ เหตุอ้างความกตัญญู

(7 มี.ค. 66) ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล กล่าวถึงคำชี้แจงจากกองทัพอากาศ กรณีอดีตผู้บัญชาการกองทัพอากาศ (ผบ.ทอ.) นำเครื่องบินขับไล่ F-16 บินร่วมไว้อาลัยในพิธีลอยอังคารบิดาตนเองที่เสียชีวิต ซึ่งได้ยื่นเอกสารคำชี้แจงมาเพิ่มเติมในชั้น กรรมาธิการ (กมธ.) การทหารของสภาผู้แทนราษฎรมาเมื่อไม่นานมานี้

จากเอกสารที่มีการเปิดเผยนั้น มีสาระสำคัญอยู่ที่กองทัพอากาศ ยืนยันว่าการปฏิบัติดังกล่าว เป็นภารกิจฝึกบินของกองทัพ ที่ปฏิบัติการร่วมกับเรือหลวงบางปะกง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่สำคัญคือ เป็นการบินเพื่อแสดงความรักความกตัญญู แก่ผู้มีคุณูปการต่อกองทัพ มีคุณค่าทางจิตใจที่ไม่อาจจับต้องได้

ร.ท.ธนเดช ระบุว่า การชี้แจงของกองทัพอากาศเช่นนี้ ยิ่งทำให้ตนรู้สึกผิดหวังกับข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล คล้ายกำลังจะบอกว่า พิธีลอยอังคารเป็นส่วนหนึ่งของการฝึก เป็นการสอดแทรกเข้ามาอย่างนั้นหรือไม่ ยิ่งบอกว่าเป็นการฝึกร่วมกับเรือหลวงบางปะกงแล้ว เห็นทีคงจะต้องให้ฝั่งกองทัพเรือได้ออกมาชี้แจงด้วยเช่นกัน

‘ครม.’ ไฟเขียวเพิ่มค่าตอบแทน อสม.-อสส. จาก 1,000 เป็น 2,000 ต่อเดือน

ครม.ไฟเขียว เพิ่มค่าป่วยการ อสม.-อสส. จากเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท เตรียมตั้งคำของบประมาณตั้งแต่ปี 67 คาดใช้งบปีละ 1.3 หมื่นล้าน โวลั่น ภท.พูดแล้วทำ

จากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอเรื่องเข้าบรรจุวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องขอเพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จาก 1,000 บาท เพิ่มเป็น 2,000 บาท ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 นั้น

(7 มี.ค. 66) รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดิมเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาทต่อคน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไป  ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณในแต่ละปีงบประมาณ จำนวน 13,081 ล้านบาท

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้กล่าวขอบคุณ ครม. ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. และได้อนุมัติการเพิ่มเงินค่าป่วยการในครั้งนี้ให้สอดคล้องกับภารกิจของ อสม. และอสส. ที่เพิ่มขึ้นมีทั้งภารกิจ 9 งานหลัก และภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายเพิ่มเติมใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

1.) การคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ 9 ด้าน 
2.) สร้างความรอบรู้และให้บริการดูแลสุขภาพตามสภาพปัญหาในแต่ละด้าน 
3.) ประสานภาคีเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ปฏิบัติงานในระยะ Post-Pandemic ของโรคโควิด19 
และ 4.) ติดตามผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดในระบบสมัครใจบำบัด

นายอนุทิน กล่าวว่า อสม.และอสส. ได้รับค่าป่วยการในอัตราปัจจุบันที่ 1,000 บาทต่อเดือนมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 โดยผู้จะได้รับค่าป่วยการจะต้องเป็น อสม.และ อสส. ที่มีรายชื่อในฐานข้อมูลประวัติของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีระยะเวลาปฏิบัติงานที่แน่นอน มีการรายงานผลปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมี อสม. อยู่ 1,075,163 คน และ อสส. 15,000 คน รวม 1,090,163 คน ก่อนจะเสนอ ต่อ ครม. ในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาเปรียบเทียมอัตราค่าป่วยการ กับค่าใช้จ่ายของ อสม. ในการปฏิบัติงานแล้วพบว่า ค่าป่วยการที่ได้นั้นต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่ อสม. ได้มาโดยตลอด

‘อนุทิน’ ขอบคุณนายกฯ แม้ป่วย ยังห่วง ‘ศักดิ์สยาม’

(7 มี.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงอาการป่วยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ว่า ทราบข่าวจากสื่อก็เป็นห่วง และได้เขียนข้อความไปเยี่ยมแล้ว เข้าใจดีว่าเคยป่วยต้องนอนพักเยอะ ๆ หากรับแขกเยอะจะไม่ค่อยหาย

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ติดตามการพัฒนาระบบคลาวด์กลางของ สธ. เชื่อมโยงข้อมูลแบบดิจิทัลให้เข้าถึงได้สะดวก-ปลอดภัย

(7 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนทุกคนทั่วประเทศ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามใกล้ชิด ย้ำการทำงานของรัฐบาลต้องพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย (National Health Information Platform) เชื่อมโยงข้อมูล เพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกชีวิต และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึง

นายอนุชา กล่าวว่า ตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย วงเงิน 1,514 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบบริการและระบบบริหารจัดการสุขภาพ เชื่อมโยงระบบการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่ออนาคต (Digitally connected health care system of the future) เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไร้รอยต่อและได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย ตลอดจนประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเอง

'ยิ่งลักษณ์' เสียดาย รปห. กระทบ ‘กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี’ หวัง รบ.ใหม่ ปัดฝุ่น-ต่อยอด ดันศักยภาพสตรีไทยสู่เวทีโลก

(7 มี.ค. 66) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2566 มีแนวคิดหลักคือ #EmbraceEquity หรือการโอบรับความเสมอภาคที่ต้องอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมที่ในปัจจุบันแค่การมอบโอกาสที่เท่าเทียมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ยังต้องรวมไปถึงการยอมรับในการเป็นหุ้นส่วนที่เสมอภาคกัน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุต่อว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนสมัยรัฐบาลตน ซึ่งสามารถจัดตั้งกองทุนได้ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่แถลงไว้ต่อรัฐสภา เนื่องจากความเหลื่อมล้ำทางเพศในประเทศไทยที่สูง ผู้หญิงขาดแคลนโอกาส ตนจึงเห็นความจำเป็นที่ต้องตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านคือ ให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ร่วมส่งเสริมศักยภาพสตรี, ให้ความรู้ฝึกทักษะแก่ผู้หญิง และเพื่อปกป้องสิทธิสตรี คนพิการ รวมไปถึงผู้ด้อยโอกาสในสังคม

‘ตรีชฎา’ ตอก ‘ศุภชัย’ หยุดเพ้อพักหนี้เกษตรกร 3 ปีเป็นของ ภท. โว!! ตั้งไข่ตั้งแต่ ‘ไทยรักไทย’ สมัย ภท. ยังไม่เป็นวุ้น

(7 มี.ค. 66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิไทยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่ามีพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง เอานโยบายเรื่องการพักหนี้ 3 ปีไม่เกิน 1 ล้านบาท หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย ใช้หาเสียง เคลมนโยบายไปใช้แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั้น หากนายศุภชัยหมายถึงพรรค พท. ต้องชี้แจงว่า คนไทยทั้งประเทศรวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิกพรรคในขณะนั้นและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบัน ย่อมรู้ดีว่านโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ต้นตำรับผู้ดำเนินนโยบายนี้คือ พรรคไทยรักไทยในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาตั้งแต่ปี 2544 และประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้สิน

จากนั้นมาเมื่อพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เมื่อปี 2554 ก็ต่อยอดนโยบายพักหนี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น และการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปี 2562 พรรค พท.ก็ประกาศนโยบายพักหนี้ แต่พรรค พท.ไม่ได้เป็นรัฐบาล นโยบายจึงไม่มีโอกาสได้นำมาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top