Sunday, 5 May 2024
POLITICS NEWS

ค้ามนุษย์หมดไป!! ‘บิ๊กป้อม’ สั่งยกระดับกวาดล้าง ‘ค้ามนุษย์’ ทุกรูปแบบ ขยายครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าดันไทยขึ้นเทียร์ 1

( 9 มี.ค. 66 ) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปคม.) และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปกค.) 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ ร่างรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย (Progress Report) และกรอบเวลาการจัดทำรายงานฯ เพื่อจัดส่งให้สหรัฐฯเพิ่มเติม เพื่อใช้ประเมินและจัดอันดับในทิปรีพอร์ต ในปีถัดไป และเห็นชอบการติดตาม ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงาน NRM ในจังหวัดนำร่อง ซึ่งคณะทำงานฯ ได้กำหนดไว้ 10 จังหวัด ได้แก่กาญจนบุรี,สระแก้ว,ตราด,สงขลา,สตูล,เชียงราย,ระนอง,ขอนแก่น,หนองคาย และอุบลราชธานี โดยมีการติดตามการดำเนินงาน ในช่วงเดือนพ.ย.65 - มี.ค.66 โดยพล.อ.ประวิตร มอบให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณางบประมาณของจังหวัดดำเนินการฯ และให้สำนักงบฯ จัดสรรงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนฯ ให้เป็นรูปธรรม และยั่งยืน โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากการค้ามนุษย์โดยเร็วที่สุด และมีโอกาสยกระดับขึ้นเป็นเทียร์ 1 ได้ ในปีถัดไป

ทั้งนี้ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย(ดอนเมือง) เพื่อเตรียมรองรับการดำเนินงานตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM)ของทุกหน่วยงานต่อไป และรับทราบรายงานการพัฒนาระบบฐานข้อมูลของประเทศไทย ด้านการดำเนินคดี และการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (E-AHT) รวมทั้ง รับทราบการจัดทำแผนขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็ก(Child Safe Friendly Tourism Project) และการจัดทำแผนปฏิบัติการ ด้านการป้องกันและแก้ไขการค้ามนุษย์ ปี 66-70 ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจาก พม.แล้ว ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการกลั่นกรองของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป

เชื่อมความสัมพันธ์ รมว.ชัยวุฒิ หารือ ทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย  เดินหน้าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล

(9 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้การต้อนรับ นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (H.E. Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ทั้งด้านสังคม และเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน

ตอกกลับเจ็บแสบ!! ‘นิติพล’ โต้ ‘วราวุธ’ หลังโดนแขวะนโยบายฝุ่นจับต้องไม่ได้ สวน!! อยู่ในตำแหน่งมา 4 ปี ปัญหา PM 2.5 ก็ยังเหมือนเดิม

(9 มี.ค. 66) นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาตอบโต้ความเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหา PM 2.5 ว่า แนวทางของตนเป็นแค่นโยบายฝุ่นจับต้องไม่ได้ เพราะต้องแบ่งการแก้ปัญหาระยะออกเป็นระยะสั้น กลาง ยาว และดำเนินการอยู่นั้น ตนคงต้องบอกว่า แม้แต่นโยบายระยะสั้น ท่านอยู่ในตำแหน่งมา 4 ปีแล้วก็ยังไม่เห็น เห็นมีแต่นโยบายระยะเกรงใจนายทุนมาตลอด หากเทียบกับเด็กเพิ่งเกิดตอนท่านเข้ามารับตำแหน่ง ตอนนี้เขาอายุ 4 ขวบ ท่านควรไปขอโทษเด็กดีกว่า ที่ต้องเกิดมาสูดควันพิษแบบนี้ทุกปี

ค่าป่วยการ อสม.เดือนละ 2,000 ได้ผล กลบกระแส กัญชาเสรี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายนัจมุดดิน อูมา ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ และผู้รับผิดชอบพื้นที่การเลือกตั้ง จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า หลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบเรื่องค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการของ อสม.ทั่วประเทศ จากเดือนละ 1,000  เป็น 2,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ คะแนนนิยม ของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ถึงกับ กลบกระแส การโจมตีของพรรคคู่แข่ง ที่บิดเบือนนำเอาเรื่อง 'กัญชาเสรี' มา โจมตีผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ โดย พูดความจริง เรื่องของ กัญชาเสรี เพียงครึ่งเดียว การเสนอให้ ครม.เห็นชอบในเรื่องเพิ่มค่าป่วยการของ อสม. พรรคภูมิใจไทยได้มีการพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเห็นความสำคัญของ อสม. ที่เสียสละในการทำหน้าที่ ติดตาม ดูแล เยี่ยม ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยเรื้อรัง และเรื่อง สุขภาพ ของคนในหมู่บ้าน ตำบล ซึ่งค่าตอบแทนเดือนละ 1,000 ที่ได้รับเป็นเงินเพียงน้อยนิด การที่สันติภาพชายแดนใต้ ครม.ได้อนุมัติการขึ้นค่าตอบแทนของ อสม. ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า 'พรรคภูมิใจไทย' พูดแล้วทำ และทำได้จริงทุก นโยบาย ที่ภูมิใจไทยนำเสนอ

นอกจากนี้ภูมิใจไทย ยังมีนโยบายในการต้องการเห็นการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ กินเวลายาวนานถึง 20 ปี ด้วยการนำเสนอนโยบายด้วยการ”สนับสนุนกระบวนการ ทั้งการลดความรุนแรงในพื้นที่ การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการพูดคุยสันติสุข ระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดน กับตัวแทนของรัฐบาล ที่มีผู้แทนของรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก

เจอกันสักตั้ง 'ปานเทพ' ท้า 'ชูวิทย์' ดีเบตเรื่องกัญชา ชี้!! พูดอยู่ฝ่ายเดียว ทำข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน

เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.66) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์’ ท้าชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ดีเบตเรื่องกัญชา โดยระบุว่า ‘ปานเทพ’ เชิญ ‘ชูวิทย์’ ดีเบตเรื่อง ‘กัญชา’ เพื่อประโยชน์สาธารณะ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เรื่องกัญชาเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันทั่วโลก แต่แนวโน้มในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ฯลฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการในเรื่องกัญชาตั้งแต่ทางการแพทย์และนันทนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ

คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คัดค้านกัญชาเสรี จึงจะรณรงค์ให้ไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย โดยที่อ้างว่าห่วงเด็กเยาวชน แต่คุณชูวิทย์กลับมีร้านขาย ‘ช่อดอกกัญชา’ เพื่อนันทนาการอยู่ในโรงแรมของตัวเอง ทั้งของลูกชาย และเปิดให้เช่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

ส่วนผม ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่มีร้านกัญชา ไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชาของตัวเอง และไม่ได้ปลูกกัญชาแม้แต่ต้นเดียว มีแต่การวิจัย และรณรงค์ให้ประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงกัญชาทางการแพทย์ (เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชา) สามารถมีกัญชาเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ แต่ให้มีกฎหมายควบคุมในระดับเหล้าและบุหรี่ (รวมถึงการควบคุมเรื่องเด็กและเยาวชน) และไม่ต้องกลับไปเป็นยาเสพติดอีก

ผมเดินต่อสู้เรื่องกัญชา ตั้งแต่ปี 2561 ในเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาต่างชาติที่มาจดทะเบียนในประเทศไทย แต่คนไทยกลับห้ามใช้เพราะอ้างว่าเป็นยาเสพติด จนกฎหมายเริ่มคลายล็อกเรื่องกัญชามาเป็นลำดับ

ผมได้มีส่วนเรียกร้องในเรื่องน้ำมันกัญชาให้กับแพทย์พื้นบ้าน ทวงคืนตำรับยาไทยที่เข้ากัญชาซึ่งห้ามใช้มาหลายสิบปี จนกระทั่งได้ต่อสู้ด้วยหลักฐานงานวิจัยในเวทีต่างๆ และมีส่วนที่ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ซึ่งมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) มีมติให้ต้นกัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีก ยกเว้นสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก

ผมได้ถูกเชิญไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ได้มีโอกาสแลกทัศนะความเห็นแตกต่าง จนคณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก (จากแทบทุกพรรคการเมือง) มีทิศทางในการควบคุมช่อดอกกัญชาในระดับที่เข้มกว่าเหล้าและบุหรี่แต่ไม่ถึงขั้นเป็นยาเสพติด 

เนื่องด้วยกัญชาเสพติดยากกว่าและมีประโยชน์กว่าเหล้าและบุหรี่อย่างมหาศาล และข้อสำคัญที่สุดประชาชนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงกัญชาทางการแพทย์ด้วยเพราะอคติ ข้อบ่งใช้ที่คับแคบ ความยุ่งยากในการจ่ายยา และผลประโยชน์ทับซ้อนของแพทย์ ฯลฯ

ผมได้ทำความเข้าใจและชี้แจงถกเถียงเรื่องกัญชาตามวาระอันสมควรในสภาผู้แทนราษฎร จนสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากเห็นด้วยกับร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการฯ ​เสียงข้างมากทุกมาตรามาเป็นลำดับ แต่ที่น่าเสียดายคือการพิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ไม่แล้วเสร็จในสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้

ผมได้เห็นนักการเมืองที่พยายามผลักดันให้มีกฎหมายกัญชา กัญชง ในการใช้ประโยชน์และควบคุมอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเห็นด้วย แก้ไข หรือไม่เห็นด้วย พวกผมที่อยู่ในคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากก็จะยอมรับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นกลไกตามครรลองของฝ่ายนิติบัญญัติ 

ดังนั้นผมขอขอบคุณพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญในการเป็นองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคพลังท้องถิ่นไทย, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน

เพราะถ้าเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยก็ต้องลงมติให้แก้ไข เพื่อให้มีกฎหมายออกมาเพื่อใช้ประโยชน์และควบคุมอย่างเป็นระบบ แต่นักการเมืองจำนวนไม่น้อยของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่ผมไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น กลับใช้วิธีเตะถ่วงกฎหมาย และไม่เข้าเป็นองค์ประชุมทำให้สภาล่มครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อไม่ให้มีกฎหมายใช้ประโยชน์และควบคุมกัญชาอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตามในขณะที่กฎหมายล่าช้าถูกเตะถ่วง จนสภาผู้แทนราษฎรกำลังจะหมดวาระลงในอีกไม่นานนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ประกาศให้ช่อดอกกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม 

ซึ่งผู้ที่จะขาย ให้ หรือแปรรูป ช่อดอกกัญชา จะต้องได้รับใบอนุญาตทุกราย และได้นำการควบคุมที่อยู่ในร่างกฎหมายกัญชา กัญชงของคณะกรรมาธิการฯ มาประยุกต์ทั้งหมดในเงื่อนไขของผู้ได้รับอนุญาต ซึ่งรวมถึง การห้ามขายและให้เด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร, ห้ามขายในศาสนสถาน ห้ามขายออนไลน์ ห้ามขายผ่านเครื่องขาย ห้ามโฆษณา ห้ามสูบในสถานที่ได้รับใบอนุญาตยกเว้นโดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (ในสถานพยาบาลตามกฎหมาย) ฯลฯ

ลีลาไม่ธรรมดา!! ‘ลุงป้อม’ ควงตะหลิวผัดไส้กะหรี่ปั๊บของดีสระบุรี ปลื้มเอฟซีวาดรูปเหมือนให้ พร้อมเชียร์นั่งนายกฯ

‘ลุงป้อม’ จับตะหลิว โชว์ผัดไส้กะหรี่ปั๊บของดีสระบุรี ปลื้ม เอฟซีรุ่นหลานวาดรูปเหมือนให้ เชียร์ นายกฯคนที่ 30 ด้าน ‘วิรัช’ อ้อนชาวสระบุรี เลือก พปชร.ยกจังหวัด 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 8 มี.ค. ที่ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสระบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำของ จ.สระบุรี โดยมีน.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี และว่าที่ผู้สมัครส.ส.สระบุรี นายองอาจ วงษ์ประยูร และ นายอรรถพล วงษ์ประยูร น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ว่าที่ผู้สมัคร ทีมโฆษกพรรค พปชร.ต้อนรับ 

ทันทีที่มาถึง พล.อ.ประวิตร ได้โชว์ผัดไส้ขนมกะหรี่ปั๊บ ของดีขึ้นชื่อจ.สระบุรี และชิมขนม โดยเล่นมุขหยิบขนมกะหรี่ปั๊บดิบที่ยังไม่ได้ทอด พร้อมกับถามว่า อันนี้กินได้หรือไม่ ทำให้ประชาชนที่มาออกร้าน หยิบขนมชิ้นที่ทอดสุกแล้วให้แทน และกล่าวว่า ชิ้นนี้ดีกว่า เพราะทอดแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพล.อ.ประวิตร หลังผัดไส้ขนมกะหรี่ปั๊บว่าชิมแล้วอร่อยหรือไม่ โดยพล.อ.ประวิตร ระบุว่า เขาทำไว้อร่อยอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ชอบทำอาหารใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ชอบ เมื่อถามว่า ได้ยินว่าทำผัดซีอิ๊วอร่อยทำให้พล.อ.ประวิตร ย้อนถามกลับว่า แล้วทานหรือยังล่ะ ผู้สื่อข่าวตอบว่ายัง พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวว่า ต้องไปลอง

นอกจากนั้นยังมีนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม จำนวน 2 คน มอบภาพวาดเหมือนรูปพล.อ.ประวิตร ที่วาดด้วยตัวเองให้กับพล.อ.ประวิตร พร้อมกับอวยพรขอให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พร้อมระบุว่า เป็นเอฟซี ติดตามผลงานของท่าน จึงวาดภาพมาให้ โดยระบุว่าใช้เวลาในการวาดไม่นาน ขณะที่พล.อ.ประวิตร ชมว่า “วาดดี สวยเหมือนเปี๊ยบเลย”

ทั้งนี้เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่ามีคนถูกหวย เลข 52 จากท่าป้อม 700 ที่ชูมือ 5 นิ้ว กับ 2 นิ้ว พล.อ.ประวิตร  ไม่ตอบถามดังกล่าวแล้วบอกสื่อมวลชนว่าพอแล้ว
 

นิพิฏฐ์’ เปรียบ ‘ลุงป้อม’ เหมือน ขงเบ้ง เชื่อ!! ใช้คนเป็น พาประเทศเดินหน้า

(8 มี.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ มีเนื้อหาดังนี้...

เราจะแยกคนกันต่อไป หรือ เราจะสลายความขัดแย้ง

ผมรู้ว่าคนส่วนหนึ่งก็ไม่ชอบ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สักเท่าไหร่ อาจคิดไปว่าอายุมากบ้าง สุขภาพไม่สมบูรณ์บ้าง ผมมีข้อมูลมาเล่า 2 เรื่อง

1.เรื่องอายุมาก อันนี้ปฏิเสธไม่ได้หรอก แต่หากมองผู้นำโลก เช่น อเมริกา , รัสเซีย , จีน หรือแถวบ้านเรา กัมพูชา , พม่า , มาเลเซีย ผมว่า พลเอกประวิตร หนุ่มขึ้นมาทันทีนะ ผู้นำเหล่านั้นอายุมากกว่า พลเอกประวิตร เสียอีก นี่คือความจริง เอาล่ะ ผมจะข้ามเรื่องนี้ไป

2.เรื่องสติปัญญา ความเฉียบแหลม ความทันคน

ผมว่าในระดับผู้นำในประเทศไทย ไม่มีใครสู้ท่านได้นะ จะเห็นว่าทหาร ตำรวจ พลเรือน ทุกคนไว้ใจท่าน ครั้งหนึ่ง พลเอกประวิตร เคยเล่าให้ผมฟังว่า คุณนิพิฏฐ์ เชื่อไหม สมัยผมเป็น ผบ.ทบ. นายทหารระดับพันเอกพิเศษ ที่จะขึ้นเป็นนายพลผมรู้จักชื่อหมด แล้วรู้ด้วยว่าอยู่กองพันไหน อยู่กองพลไหน นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ไม่ต้องมีใครมาหลอกผมหรอก เรื่องนี้กระมังที่ พลเอกประวิตร เป็นที่รักของนายทหารทั้งกองทัพ

เรื่องนี้ต้องประกบ ‘ชลน่าน’ ประกบ ‘อิ๊งค์’ อธิบายเรื่องงบประมาณ บรรยากาศเหมือนยุคยิ่งลักษณ์ตอบปมจีทูจี

(8 มี.ค.66) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการใช้งบประมาณเป็นวงเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท ว่า งบประมาณที่มีผลผูกพัน ทุกงบที่มีอยู่ก็ต้องจัดการ ซึ่งเรามีผู้ที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว เราก็ต้องประชุมร่วมกันทั้งหมด เพื่อใช้ภาษีของประชาชนให้คุ้มค่ามากที่สุด

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า เรื่องงบประมาณต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.) งบประมาณผูกพัน ที่ทำให้ก่อหนี้
2.) เป็นงบประมาณผูกพันตามข้อกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ต้องดำเนินการตามนั้น

สุดจะทน!! 'กรณ์' จวกรัฐบาล หลังฝุ่น PM2.5 คลุมเมือง ชี้!! ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีมาตรการอะไรเลย  

(8 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทย ฝุ่น P.M 2.5 มาสร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร ปริมาณฝุ่นสูงเกินมาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนหนึ่งเพราะสภาวะอากาศเย็น หรืออาจจะเป็นฤดูการเพาะปลูก มีการเผาไร่เกษตร ทำให้ปริมาณฝุ่นสูงมากกว่าปกติ และไม่สามารถจะหนีฝุ่นไปไหนได้ ในฐานะนักการเมืองตระหนักว่าเรื่องนี้ไม่มาช่วยกันคิดช่วยกันทำไม่ได้ ตนร่วมรณรงค์เรื่องนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะอย่างน้อยก็เป็นคนหนึ่งที่มีสตางค์ซื้อเครื่องฟอกอากาศให้ตัวเองและครอบครัวได้ แต่อากาศบริสุทธิ์ควรเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ควรเป็นอีกเรื่องที่เป็นสิทธิเพียงของใครที่มีเงิน 

นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ประกาศเรื่องฝุ่นเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ มาหลายปี แต่ก็ยังไม่เห็นมาตรการที่ส่งผล ตนได้ร่วมรณรงค์และลงชื่อ ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ ของประชาชนมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน แต่กฎหมายนี้ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณาในสภา จนสภาจะหมดวาระแล้วก็เลยยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน สังเกตได้ว่าปัญหาเรื่องฝุ่นจะมีเป็นฤดูกาล ดังนั้นพอสรุปได้ว่าต้นตอปัญหาน่าจะมาจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าสภาพอากาศจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และพลังงานเป็นแหล่งที่มาของฝุ่น แต่มากกว่านั้นคือการเผาที่การเกษตรในช่วงฤดูการนี้ เราทราบกันดีว่าพฤติกรรมการเผามีเหตุผลและเงื่อนไขจากทางเศรษฐกิจ เราจึงต้องแก้ด้วยตรรกะทางเศรษฐกิจ คือสร้างแรงจูงใจไม่ให้เกิดการเผา

ส่งเสริมบทบาทสตรี ‘บิ๊กตู่’ หนุนสร้างศักยภาพสตรี สู่พลังขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ ย้ำ!! รบ. มุ่งยกระดับบทบาท-ส่งเสริมสิทธิสตรี ให้ครอบคลุมทุกมิติ

นายกฯ ปราศรัยวันสตรีสากล ปี 2566 ย้ำรัฐบาลเล็งเห็นศักยภาพสตรีเป็นพลังขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ ยกระดับส่งเสริมบทบาทสตรีให้มีส่วนร่วมเป็นพลังทางสังคม รณรงค์ทุกภาคส่วน ปรับเปลี่ยนเจตคติต่อบทบาทสตรี บนพื้นฐานการเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ 

(8 มี.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปราศรัยเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ประจำปี 2566 ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ประจำปี 2566 ที่บรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งในนามของรัฐบาล ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังสตรีไทย และผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสตรีทุกคน ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็นวันสตรีสากล เพื่อให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกได้ตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญ และการเคารพในศักดิ์ศรี รวมทั้งการพัฒนางานด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความเสมอภาคทางสังคมให้แก่สตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตรีซึ่งถือเป็นประชากรที่มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ โดยรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของสตรีในการเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในหลากหลายมิติ จึงได้ยกระดับการส่งเสริมบทบาทสตรีให้สามารถมีส่วนร่วมในการเป็นพลังทางสังคม พร้อมทั้งการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมปรับเปลี่ยนเจตคติต่อบทบาทสตรี บนพื้นฐานของการเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top