Wednesday, 1 May 2024
NEWS

"อนุทิน ชาญวีรกูล" เผยไม่มีปัญหาหาที่นั่งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะ "เป็นเรื่องของแต่ละพรรค" ยัน "พรรคภูมิใจไทย" ยังยึดหลัก "สามัคคี - ปรองดอง - ปกป้องสถาบัน"

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ในส่วนของรัฐบาล โดยได้กล่าวว่า

"พรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหา เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมือง สำหรับพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อ สรอรรถ กลิ่นประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย เป็นตัวแทนไปเข้าร่วม สำหรับตัวแทนของรัฐบาลนั้นยังไม่ได้มีการหารือ ส่วนจะเป็นใครนั้นเราไม่มีปัญหา เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค ขณะที่รายละเอียดเป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีคนทำงานในส่วนของสภาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ รายชื่อที่ออกมา ส่วนใหญ่ตนเห็นด้วย เพราะเป็นคนกันเองทั้งนั้น กรณีที่มีข่าวว่า ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่พอใจกับกระแสข่าวที่มีชื่อของ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเลย จึงยังไม่ทราบ"

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้การทำงานของคณะกรรมการสมานฉันท์สะดุดจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ในส่วนของผมไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะผมต้องการสมานฉันท์อยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยเน้นการสมานฉันท์ เน้นความสามัคคีปรองดอง ปกป้องสถาบัน นี่คือแนวทางของพวกผม"

กระทรวงพาณิชย์ มอบของขวัญส่งท้ายปี ด้วยการเปิดเข้าศูนย์บริการ-ให้คำปรึกษา อัญมณีฟรี!! เอาใจคนรักเครื่องประดับตัวจริง!!

วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มอบสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT โดยเปิดให้บริการให้ ‘คำปรึกษา’ และ ‘ตรวจสอบ’ อัญมณี-เครื่องประดับเบื้องต้น (Verbal) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

พร้อมทั้งเอาใจผู้รักอัญมณีด้วยการเปิดให้เข้าใช้บริการศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเองของสถาบันฟรี ทั้ง ห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งแต่วันนี้ - 15 มกราคม 2564 ณ อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถาม 02 - 634 - 4999 ต่อ 635 - 642

ศาลอาญาในกรุงโตเกียวได้ตัดสินพิพากษาประหารชีวิตนาย ทาคาฮิโระ ชิราอิชิ หนุ่มวัย 30 ปี ชาวเมืองซามะ ชานกรุงโตเกียว ในข้อหาฆาตกรรมเหยื่อถึง 9 คนภายในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน

ศาลอาญาในกรุงโตเกียวได้ตัดสินพิพากษาประหารชีวิตนาย ทาคาฮิโระ ชิราอิชิ หนุ่มวัย 30 ปี ชาวเมืองซามะ ชานกรุงโตเกียว ในข้อหาฆาตกรรมเหยื่อถึง 9 คนภายในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ตั้งแต่สิงหาคม – ตุลาคม 2017 โดยการวางยา ชิงทรัพย์ ข่มขืน แล้วจัดการสังหารเหยื่อด้วยการรัดคอ และหั่นศพเก็บเอาไว้ภายในห้องพักของเขาเอง

คดีนี้ได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่นอย่างมาก บางส่วนพร้อมใจเดินทางมาเพื่อร่วมฟังคำพิพากษาเป็นจำนวนมากกว่า 400 คนในขณะที่ห้องรับฟังคำพิพากษามีเพียง 16 ที่นั่งเท่านั้น และคดีนี้นับเป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่สยองขวัญที่สุดครั้งหนึ่งของญี่ปุ่น

ต้นเรื่องของคดีฆาตกรรมนี้ ก็มีเบื้องหลังที่เขย่าศีลธรรมสังคมญี่ปุ่นไม่น้อย เนื่องจากนายชิราอิชิ ฆาตกร มีวิธีหาเหยื่อง่ายๆ โดยการใช้ทวิตเตอร์ที่พูดคุยเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย โดยเขาจะเลือกเหยื่อที่หมายตาเป็นหญิงสาว ในช่วงอายุตั้งแต่ 15 – 26 ปี ที่มีปัญหาคับข้องใจ และเลือกที่จะหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย

หลังจากที่คุยกันผ่านทวิตเตอร์ได้สักพัก เขาก็จะล่อหลอกให้เหยื่อมาพบที่บ้าน โดยอ้างว่าเขาจะช่วยให้เหยื่อสามารถหลุดพ้นจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุข และบางครั้งยังหลอกว่า ตัวเขายินดีจะฆ่าตัวตายตามไปด้วยกันในภายหลังอีกด้วย

และในช่วงเวลา 3 เดือนที่นายชิราอิชิเปิดทวิตเตอร์คุยเรื่องฆ่าตัวตาย เขาได้ลวงหญิงสาวมาสังหารถึง 8 คน ที่ล้วนแต่เป็นเด็กสาววัยรุ่น วัยมหาวิทยาลัยแทบทั้งสิ้น มีเพียงรายที่ 9 เท่านั้นที่เป็นชายหนุ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของเหยื่อ 1 รายของนายชิราอิชิ ที่ได้ตามรอยน้องสาวที่หายตัวไปจากข้อความในทวิตเตอร์ จนมาถึงบ้านของชิราอิชิ เลยถูกสังหารเพื่อปิดปาก

แต่แล้วตำรวจก็ได้ตามรอยทวิตเตอร์มาจนเจอบ้านของนายชิราอิชิ เช่นเดียวกัน และได้ขอตรวจค้นบ้านของชิราอิชิที่เป็นเพียงอพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ พื้นที่เพียง 13.5 ตารางเมตร และก็พบหลักฐานอันน่าตกใจ เป็นศีรษะมนุษย์ในตู้แช่ 9 หัว และโครงกระดูกกว่า 240 ชิ้นในกล่องแช่เย็น ทั้ง ๆที่เจ้าตัวก็ยังนอนอยู่ในห้องพักตามปกติ

เมื่อหลักฐานถูกเปิดเผย สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และได้เรียกชื่อสถานที่เกิดเหตุเป็น "บ้านพักสยองขวัญแห่งเมืองซามะ"

หลังจากที่มีการไต่สวน นายชิราอิชิ รับสารภาพในทุกคดีที่เขาก่อไว้ และเล่าว่าแรงจูงใจทั้งหมดเริ่มต้นจากความต้องการเงิน เหยื่อรายแรกเป็นสาววัย 23 ปี ที่เขาเพียงต้องการมอมยา ข่มขืน และรีดไถ่เงินก้อนโตจากเหยื่อ แต่ต่อมาหญิงสาวกลับมาทวงเงินเขาพร้อมขู่ที่จะแจ้งตำรวจข้อหากรรโชกทรัพย์ ทำให้เขาตัดสินใจฆ่าเธอทิ้ง และหั่นศพในห้องน้ำ โดยการแยกชิ้นส่วน เนื้อหนัง เครื่องใน แล้วทิ้งลงในถุงขยะให้เทศบาลมาเก็บไป ส่วนศีรษะ และโครงกระดูกเขาจำเป็นต้องเก็บเอาไปเพื่ออำพรางคดีไม่ให้ถูกจับได้ และเขาก็ใช้วิธีเดียวกันนี้กับเหยื่อทั้งหมด จนกระทั่งถูกจับตัวได้ในที่สุด

หลังจากที่รวบรวมหลักฐาน และพิจารณาคดีมานานกว่า 3 ปี ศาลอาญาเมืองโตเกียวได้ตัดสินประหารชีวิตนายทาคาฮิโระ ชิราอิชิ ด้วยการแขวนคอ ซึ่งนายชิราอิชิก็เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเอง และยอมรับโทษทัณฑ์สูงสุดโดยไม่ขอสู้คดีต่อ

และจากคดีของนายชิราอิชิ ทำให้สังคมญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักว่า ควรที่จะปล่อยให้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายกันอย่างเปิดเผยในโลกโซเชียล หรือเว็บบอร์ดสาธารณะอีกหรือไม่

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูง เมื่อหลายปีก่อน กลุ่มคนที่ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นมักเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ และการเงิน ไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน

แต่ปัจจุบัน อัตราการฆ่าตัวตายในวัยหนุ่มสาวกลับเพิ่มสูงขึ้น ด้วยสภาพสังคมที่มีความกดดันสูง เศรษฐกิจตกต่ำ และความโดดเดี่ยวที่เป็นเหตุผลที่หนุ่ม สาวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเลือกที่จะจบชีวิตก่อนเวลาอันควร ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงวัยสำคัญ ที่จะเป็นกำลังของชาติ

อีกทั้งสังคมโซเชียลที่เปิดกว้าง ในการพูดคุยกันในเรื่องการฆ่าตัวตายที่ทำให้อาชญากรสบช่องทางในการก่อคดีกับผู้ที่สิ้นหวังในชีวิตอย่างเช่นคดีนี้ ที่ทำให้สังคมญี่ปุ่นต้องกลับมาคิดทบทวนวิธีการที่จะแก้ปัญหาเยียวยาคนในครอบครัวอย่างไร เพื่อที่จะไม่เกิดเหตุเศร้าเช่นนี้


แหล่งข่าว

https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/japan-serial-killer-who-baited-suicidal-people-using-twitter-sentenced-to-death

https://www.bbc.com/news/world-asia-55313161

https://english.kyodonews.net/news/2020/12/f319bac1961f-urgent-japans-twitter-killer-sentenced-to-death-over-2017-serial-murders.html

ประเทศที่เลือกที่จะไม่ปิดล็อคดาวน์ประเทศอย่างเข้มงวด อย่างประเทศสวีเดน มีข้อมูลว่าอยู่ในมีการปล่อยให้ผู้ติดเชื้อสูงอายุเสียชีวิตโดยไม่มีการเข้ารับการรักษาเลย

คุณจูเลียน่า ได้แสดงภาพถ่ายคุณอาของเธอที่ถ่ายก่อนที่จะเสียชีวิตไปด้วยโรคโควิด "ถ้าคุณอาได้รับการรักษาที่ถูกต้อง น่าจะยังโอกาสที่่จะมีชีวิตอยู่ต่อ" คุณจูเลียน่าให้สัมภาษณ์กับนักข่าว TBS

หลังจากที่ตรวจพบการติดเชื้อ คุณอาของคุณจูเลียน่า "คุณโมเสส" อายุ 72 ปี ได้ถูกส่งตัวไปสถานที่พักคนชรา ในเดือนเมษายนปีนี้ และได้เสียชีวิตหลังจากนับจากตรวจพบการติดเชื้อโควิดเพียง 4 วัน

"คุณหมอบอกว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทางโรงพยาบาลจะไม่ทำการรักษา" เป็นคำตอบจากคุณหมอที่ให้เธอ หลังจากคุณอาของเธอเสียชีวิต เธอถึงกับเสียใจร้องไห้จนนอนไม่หลับในวันนั้น และคิดขึ้นได้ว่า "นี่ไม่ใช่เพราะโควิด" ที่ทำให้คุณอาของเธอต้องจากไป

"นี่คือวิธีรับมือที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ที่มีโอกาสเป็นต่อไปเรื่อย ๆ" คนของรัฐบาลสวีเดนแถลงการ โดยการรับมือแบบนี้ ได้รับการสนับสนุนจากประชากรถึง 70%

"รัฐบาลอื่นในยุโรปใช้วิธีไม่ถูกต้อง วิธีของสวีเดนแน่นอนว่ามีความเสี่ยง แต่การล็อคดาวน์นั้น ทำให้เศรษฐกิจโลกมีปัญหาไม่ใช่หรือ" ประชาชนในเมืองสต็อกโฮมกล่าว

แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 7,300 คนนั้น มีเกือบถึง 90% เป็นผู้สูงอายุ และสถานที่พักคนชราก็ไม่มีมาตรการรับมือต่อการติดโรคอย่างถูกวิธี ซึ่งดร.เทคเนลผู้ที่เป็นคนดูแลนโยบายการรับมือต่อโรคโควิทก็ยอมรับกับความจริงนี้

คุณจูเลียน่ายังให้ข้อมูลอีกว่า ก่อนที่คุณอาของเธอจะเสียชีวิต เธอได้ใช้โทรศัพท์แบบเห็นหน้าเพื่อดูสภาพของคุณอาของเธอ พบว่ามาตรการรับมือของสถานที่พักคนชรานั้นหละหลวมมาก

"เจ้าหน้าที่ไม่มีการใช้หน้ากากหรือถุงมือใด ๆ สัมผัสกับผู้ป่วยเลย"

นอกจากนี้แล้ว ทางด้านสถานที่พักคนชรายังเปลี่ยนการรักษา เป็นการบรรเทาอาการด้วยมอร์ฟีนโดยไม่มีการปรึกษาครอบครัวของเธอด้วย

"สถานที่พักคนชราใช้วิธีรักษาแบบบรรเทาอาการอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ฉันมั่นใจว่าคุณอาเป็นเพียงเครื่องสังเวยเท่านั้น" คุณจูเลียน่ากล่าว

ไม่ใช่แค่กรณีของคุณโมเสสเท่านั้น "สถานที่พักคนชราไม่มีการตรวจสภาพของผู้ป่วยอย่างถี่ถ้วน และให้การรักษาแบบบรรเทาอาการโดยไม่แจ้งทางครอบครัวให้รับทราบ มีให้เห็นหลายเคส" ศจ.ยินเวย์ กุฟสตาฟซอน หมอผู้เชี่ยวชาญด้านคนชรากล่าว

การที่คุณจูเลียน่าออกมาสัมภาษณ์เช่นนี้ต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ว่าผู้สูงอายุของสวีเดนกำลังถูกทอดทิ้ง

"สิ่งที่ทำให้รู้สึกโกรธที่สุดคือทางรัฐบาลรับทราบเรื่องนี้อยู่เต็มอก แต่ยังคงให้ผู้สูงอายุเป็นเหยื่อสังเวยอยู่" ไม่ใช่แค่คุณอาของฉันเท่านั้น ยังมีผู้สูงอายุคนอื่นๆ ที่ประสบเหตุเหมือนกันอีกมากมาย" คุณจูเลียน่าทิ้งท้าย


บทความข่าว : https://news.tbs.co.jp/newseye/tbs_newseye4150148.htm?1608044107001

นายกฯ เผย คนละครึ่งเฟส 3 มีลุ้น | News มีนิสส One minute

นายกฯ เผยคนละครึ่งเฟส 3 มีลุ้น วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2563

.

ศาสตรา โตอ่อน นักวิชาการกลุ่มสถาบันทิศทางไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ Sattra Janto Toaon ระบุถึงโครงการ “คนละครึ่ง” ที่มีความชาญฉลาดถึง 9 ข้อ

1.) ต้องเข้าใจก่อนว่า เงินที่หมุนเวียนในระบบหลักจริง ๆ คือเงินเอกชน พอเศรษฐกิจหดตัว เงินเอกชนจะไม่ถูกใช้จ่าย ทำให้กระแสหมุนเวียนลดลง เศรษฐกิจจะยิ่งหดลงไปอีก

2.) ปกติเมื่อเกิด Recession เศรษฐกิจหดตัว รัฐจะใช้วิธีนำเงินภาครัฐจ่ายตรงลงไปหมุน ตามวิธีแบบเคนเซี่ยน สร้างการลงทุนภาครัฐแบบเขื่อนฮูเว่อร์หรือ เอาเงินใส่มือไปให้ใช้จับจ่ายเลย ซึ่งใช้งบประมาณมาก ได้ผลกระทบน้อย

3.) คนละครึ่งคือรัฐใช้เงินครึ่งเดียวประหยัดงบ

4.) เงินครึ่งเดียวที่รัฐออกมากลับไปดึงเงินส่วนใหญ่ในมือเอกชนมาหมุนเวียนในระบบ เกิดผลกระทบมหาศาลในการจับจ่ายในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

5.) โครงการนี้ไม่ใช้ในร้านสะดวกซื้อเกิดการกระจายได้เพราะยอดขายใน 7-11ลดลง

6.) ผมชอบมากกับกลยุทธ์เงินล่อเงิน ทำให้เกิดกระแสหมุนเวียนแบบนี้เป็นนวัตกรรมใหม่

7.) เรากำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัลมันนี่ คนละครึ่งบังคับคนที่อยากได้ต้องทำในระบบดิจิทัล ฝึกทักษะด้วยแรงจูงใจ

8.) การผ่าเหล่าแบบนี้สร้างสรรค์มาก ไม่ใช่ full เคนเซี่ยน full liberal เป็น Hybrid ลูกผสม ถ้าจะท้าทายความคิดต้องแบบนี้ครับ เกิดNew Theory

9.) ขอคารวะสมองคนคิด ผมชอบคนเก่งกว่า เพราะผมคิดไม่ได้ respect ลูกหลานไทยที่อยากเป็นนักการเมืองจดใส่กระเป๋าเลย ภูมิปัญญาไทย

“สำหรับผมนโยบายนี้ ได้โนเบล เศรษฐศาสตร์ เลย มันเจ๋งงงง มันมี Thesis AntiThesis Synthesis ในตัว”


ที่มา : FB Sattra Janto Toaon https://www.facebook.com/100006631478310/posts/2869315239966164/

วัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะใช้ต่อกรกับไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ประเทศจีนประกาศคำมั่นสัญญาจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

วัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะใช้ต่อกรกับไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ประเทศจีนประกาศคำมั่นสัญญาจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

วังเหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงว่า ปัจจุบันจีนกำลังดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปฏิบัติตามพันธสัญญาในการทำให้ประเทศกำลังพัฒนา สามารถเข้าถึงและจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทวัคซีนจีน ทุ่มเทความพยายามสุดกำลังในการยกระดับการวิจัยและพัฒนาวัคซีน โดยวัคซีนหลายตัวเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 แล้ว ซึ่งจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน

รัฐบาลจีนสนับสนุนความร่วมมือระหว่างบริษัทจีนและนานาประเทศ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนอย่างแข็งขัน โดยจีนได้ปรึกษาหารือและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (GAVI)

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ระว่า รัฐบาลจีนจะดำเนินงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศต่อไป เพื่อรับประกันว่าทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียม อีกทั้งสนับสนุนประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศในการเข้าถึง และจัดซื้อวัคซีนผ่านมาตรการที่หลากหลาย

"บริษัทวัคซีนจีนทำการวิจัยและพัฒนาโดยสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด อีกทั้งร่วมมือกับนานาชาติในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ตลอดจนกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง" พร้อมระบุว่า บางประเทศได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนฝีมือจีนแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนจีนได้เป็นอย่างดี

"เราพร้อมทำงานร่วมกับนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน รวมถึงมีส่วนสนับสนุนการเข้าถึงและการจัดซื้อวัคซีนโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้โลกของเราสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในเร็ววัน" โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/161009_20201216

เป็นธรรมเนียมทุกปี สำหรับการประกาศรางวัลสำหรับคนรักอาหารกับ มิชลินไกด์ 2021 กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพังงา ในปีนี้มีร้านติดดาวมิชลินรวม 28 ร้าน

ร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน 1 ดาว หรือร้านอาหารที่อาหารได้มาตรฐานสูงอย่างต่อเนื่อง และเป็นร้านอาหารที่ควรแวะไปชิม (A good place to stop on the journey)

1.) 80/20

2.) Bo. Lan

3.) Canvas

4.) Chim by Siam Wisdom

5.) Elements at The Okura Prestige

6.) Ginza by Sushi Ichi

7.) J’aime by Jean-michel Lorain

8.) เจ๊ไฝ

9.) Khao (สาขาเอกมัย)

10.) Le Du

11.) เมธาวลัย ศรแดง

12.) Nahm

13.) Paste

14.) Pru (ภูเก็ต)

15.) Saawaan

16.) เสน่ห์จันทน์

17.) Savelberg

18.) Sra Bua by Kiin Kiin

19.) สวนทิพย์

New Entry หรือร้านที่ได้รับรางวัล 1 ดาวเป็นครั้งแรก ได้แก่

1.) Sushi Masato

2.) Blue by Alain Ducasse

3.) Cadence by Dan Bark

ร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน 2 ดาว ได้แก่

1.) Le Normandie

2.) Mezzaluna

3.) R.Haan

4.) Sorn

5.) Sühring

New Entry หรือร้านที่ได้รับรางวัล 2 ดาว เป็นครั้งแรก ได้แก่

1.) Chef’s Table

สำหรับปีนี้มีร้านอาหารทั้งหมด 22 ร้านที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน 1 ดาว ในนี้เป็นร้านอาหารใหม่ทั้งหมด 3 ร้าน และมีเพียงร้านเดียวเท่านั้นที่อยู่นอกกรุงเทพฯ ในขณะที่ 6 ร้านได้รับรางวัลดาวมิชลิน 2 ดาว และมี 1 ร้านเป็นร้านใหม่นั่นคือ Chef’s Table สามารถตามไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่


อ่านรายชื่อร้านเต็ม ๆ ได้ที่นี่ : http://bit.ly/MICHELINGUIDETH21-TH

เซ็น กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ปิ้งย่าง ‘AKA’ ขยายไลน์ธุรกิจเปิดตัว “อากะ ชาบู” (AKA SHABU) ชิงเค้กตลาดบุฟเฟ่ต์ชาบู 15,000 ล้านบาท ประเดิมเซ็นทรัล บางนา สาขาแรก

บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ เซ็น กรุ๊ป ( ZEN) ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) และเจ้าของแบรนด์ AKA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ ‘อากะ’ ซึ่งเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดบริการมาแล้วกว่า 13 ปี ปัจจุบันมีร้านเปิดบริการรวม 24 สาขา

สู่การให้บริการรูปแบบใหม่กับ “อากะ ชาบู” (AKA SHABU) บุฟเฟ่ต์ชาบูที่ให้ลูกค้าอิ่มได้ไม่อั้น หลังประเมินภาพรวมอาหารประเภทชาบูในปี 2564 มีมูลค่าตลาดของธุรกิจชาบูสูงถึงกว่า 15,000 ล้านบาท และมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่อากะเป็นแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในด้านของบุฟเฟ่ต์อยู่แล้ว

สำหรับ  “อากะ ชาบู” เปิดบริการแห่งแรกแล้วภายในร้านอากะ สาขาเซ็นทรัล บางนา ชั้น 2 โดยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารชาบูสไตล์ญี่ปุ่น ในปีหน้าจึงวางแผนรุกหนักมากขึ้น คาดว่าจะเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง และจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าและผลักดันการเติบโตมากยิ่งขึ้น

‘เพนกวิน พริษฐ์’ ออกมาโพสต์ปฏิเสธ ‘ผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก’ ย้ำยังสู้เพื่อประชาธิปไตย ไร้เงาเผด็จการ-ศักดินาแทรกแทรง

หลังกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้ออกมาเสนอแนวคิดระบอบคอมมิวนิสต์ ดูจะทำให้แนวร่วมหลายฝ่ายเริ่มถอย รวมถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าง ‘เพนกวิน’

โดย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ ‘เพนกวิน’ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ข้อความดังนี้

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน

ผมขอชี้แจงกับทุกท่านว่าผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และจุดยืนที่ปรากฏในเพจเยาวชนปลดแอกนั้น เป็นแนวทางของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเอง ไม่ใช่แนวทางของผม ไม่ใช่ของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และที่สำคัญ ไม่ใช่มติของราษฎร ผมยังคงยึดมั่นในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่มีเผด็จการหรือศักดินาแทรกแซงครอบงำ เพื่อประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม และเพื่อประชาธิปไตยที่มีรัฐสวัสดิการโอบอุ้มชีวิตของทุกคน

การเสนออุดมการณ์ไม่ว่าจะแนวคิดใดมิใช่เรื่องผิดบาป ถือเป็นเสรีภาพของผู้เสนอ แต่ในเชิงการเคลื่อนไหวต่อสู้นั้น จะต้องประเมินให้ดีว่าแนวคิดที่จะเสนอนั้นสอดคล้องกับเจตจำนงของมวลชนหรือไม่ ในขณะที่เราตัดสินใจจะพังเพดานในเวทีธรรมศาสตร์ในวันที่ 10 สิงหาคมนั้น เราได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าปัญหาของสถาบันฯ คือสิ่งที่อยู่ในใจของพี่น้องที่ร่วมต่อสู้ ดังจะเห็นว่านับแต่การชุมนุมครั้งแรก เราเห็นป้ายกล่าวถึงปัญหาของสถาบันฯ ปรากฎอยู่ทุกแห่งหนในการชุมนุม เราจึงลุกขึ้นพูดเพื่อประกาศเจตจำนงของมวลชน เพราะถึงที่สุด การต่อสู้จะสำเร็จได้มิใช่ด้วยเจตจำนงของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะสำเร็จด้วยเจตจำนงร่วมของพี่น้องทุกท่าน

ในประเด็นเรื่องสามข้อหรือข้อเดียวนั้น เรายังยึดมั่นในข้อเสนอสามข้อซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูป แต่ตามธรรมชาติแล้ว การปฏิรูปจะเกิดขึ้นก็เมื่อชนชั้นนำยอมปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หากชนชั้นนำไม่ยอมปรับตัวก็จะไม่เกิดการปฏิรูป และเมื่อไม่เกิดการปฏิรูปก็จะเกิดการปฏิวัติ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทั่วโลก ดังนั้น ขณะนี้ ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นรถยนต์ก็เหมือนอยู่ที่สามแยก ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิรูป ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิวัติ ประชาราษฎรได้ขับรถมาถึงหน้าสามแยกแล้ว แต่จะเลี้ยวไปทางไหนนั้น สถาบันฯ และองคาพยพจะเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าเลือกปรับปรุงตัวรถก็เลี้ยวเข้าถนนปฏิรูปสามข้อ แต่ถ้ายังดื้อด้าน รถก็เลี้ยวเข้าทางปฏิวัติข้อเดียวก็เท่านั้น

จึงเรียนมาเพื่อแถลงไขเพนกวิน

หลังจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 กำลังปะทุหนัก โดยบางพื้นที่ค่าฝุ่นทะลุ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ กทม. มีค่าฝุ่นอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก ทำให้ ‘พรรคเพื่อไทย’ ออกมาโจมตีถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาของรัฐ

อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้แผนดังกล่าวนี้ผ่านมติ ครม.ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2562 ออกมาตรการแก้ปัญหาสวยหรู

แต่ไม่ตอบโจทย์แม้แต่น้อย ใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในการจัดการปัญหานี้ มีการออกแผนเฉพาะกิจสวยหรู ทั้งการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายงานฝุ่นละออง หรือการใช้แอพพลิเคชั่นบัญชาการการดับไฟป่า ที่ควรจะเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

“แต่ตอนนี้เห็นเพียงผู้นำประเทศอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาบอกให้ประชาชนดูแลตัวเองทั้งที่เป็นหน้าที่ในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองในประเทศ จึงขอตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่า คนไทยจะมีผู้นำประเทศไว้ทำไม ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์อยู่ ยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำในการมีชีวิตอยู่รอดของประชาชนให้กว้างขึ้น ประชาชนต้องดิ้นรนกันเอง

บางครอบครัวต้องยอมเป็นหนี้สินเพื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีราคาสูง ซื้อหน้ากากอนามัยราคาแพงมาใช้ ในขณะที่หลายครอบครัว ต้องทนรับสภาพชะตากรรมชีวิต ไม่มีสิ่งป้องกันใด ๆ นอกจากหน้ากากอนามัยเก่า หรือบางคนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อหน้ากากไว้ใช้ป้องกันตัวเอง”

อรุณี กล่าวอีกว่า "หมดแล้วเวลาที่รัฐบาลจะโยนบาปให้ประชาชน เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี และผู้ว่าฯ กทม.ที่ คสช.แต่งตั้งมายังอยู่ในหน้าที่ แต่ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถนัดแต่ทำแบบผักชีโรยหน้า เอาละอองน้ำไปฉีดใกล้เครื่องวัดค่าฝุ่นละออง

แม้จะพยายามแก้ปัญหาก็ทำแบบวัวหายล้อมคอก อย่างมาตรการควบคุมจำกัดรถวิ่ง หรือตรวจจับควันดำที่ทำไม่จริงจัง หรือมาตรการควบคุมการก่อสร้าง อาคารและโครงการขนาดใหญ่ ที่ยังปล่อยปละละเลย ไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ จนอดสงสัยไม่ได้ว่างบประมาณที่รัฐบาลถืออยู่มีประชาชนอยู่ในนั้นหรือไม่

หรือรัฐบาลนี้ถนัดแต่ดำเนินคดีการเมืองอย่างเดียวจนไม่สนใจปัญหาคุณภาพชีวิตประชาชน ตอนนี้ประชาชนมีทางเลือกไม่กี่ทางว่าจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร จะตายเพราะเศรษฐกิจแย่ ตายเพราะโควิด-19 ตายเพราะฝุ่น หรือตายเพราะมีผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์กันแน่ พรรคเพื่อไทยจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เราจะทวงถามทั้งในสภาและถึงคณะกรรมาธิการต่าง ๆ จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน"

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (16 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,261 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,977 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 224 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย เป็นคนไทย 11 ราย สัญชาติเ อังกฤษ 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย อินเดีย 1 ราย บราซิล 1 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 362 ราย รักษาหายแล้ว 319 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.29 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.17 แสน เสียชีวิต 19,111 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 34 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 86,618 ราย รักษาหายแล้ว 71,681 ราย เสียชีวิต 422 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.11 แสน ราย รักษาหายแล้ว 89,418 ราย เสียชีวิต 2,319 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.52 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,812 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,341 ราย รักษาหายแล้ว 58,233 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,405 ราย รักษาหายแล้ว1,252 ราย เสียชีวิต 35 ราย

เคอรี่ เอ็กซ์เพรส หรือ KEX เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO แล้วที่ 28 บาทต่อหุ้น หลังนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อท่วมท้น มากกว่า 23 เท่า คาดพร้อมเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธันวาคมนี้

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEX ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ประกาศราคาขายหุ้น IPO จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ราคา 28.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น คาดพร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 24 ธันวาคมนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์“ KEX” หลังนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองอย่างท่วมท้นมากกว่า 23 เท่า และประมาณ 10 เท่า จากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ของจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้

ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ไปใช้ขยายธุรกิจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ชำระคืนเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 

นางสาววีณา เลิศนิมิตร กรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม และนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า KEX เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ที่ได้แสดงความต้องการจองซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 28.00 บาท โดยมีความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างท่วมท้นมากกว่า 23 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรแก่นักลงทุนสถาบัน

จึงมีการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่หุ้นละ 28.00 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ KEX ในฐานะผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ด้วยศักยภาพที่โดดเด่น และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง  

ปัจจุบัน เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ให้บริการจัดส่งพัสดุแบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท และมีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ด้วยจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง

ทั้งยังมีศักยภาพในการให้บริการ เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้บริการจัดส่งพัสดุด่วน โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัทฯ 

‘เต้-มงคลกิตติ์’ โพสต์แขวะ ‘เอนก’ หาเงินเข้าประเทศให้พอรายจ่าย ก่อนคิดจะไปดวงจันทร์ ย้ำ ‘อย่าบอกนะว่าจะกู้อีก’

จากกรณี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวเปิดโครงการ ‘วัคซีนเพื่อคนไทย’ และได้มีการเปิดเผยว่า “เร็วๆ นี้ไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 7 ปี และอาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทย ว่าไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว เราเป็นประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง”

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเลยทีเดียวว่า ไทยสามารถสร้างยานอวกาศในเวลาเพียง 7 ปีได้จริงอย่างที่ เอนก กล่าวไว้จริงหรือ

ทันทีที่ข้อความดังกล่าวจาก เอนก ออกสื่อไปนั้น มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ได้ออกมาโพสต์ ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีนี้เช่นกัน โดยระบุว่า...

“ก่อนจะผลิตยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์ หารายรับเข้าประเทศให้พอรายจ่ายก่อน หรือ ทำให้คนจนมีชีวิตขั้นพื้นฐานให้ปกติก่อน...อย่าบอกนะว่าจะกู้อีก”

จากการที่กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 2 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. จำนวน 5 ล้านสิทธินั้น มีผู้ลงทะเบียนครบ 5 ล้านสิทธิ

เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่แต่พบปัญหาการส่งข้อความรหัสยืนยัน OTP ทำให้มีประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ระบบการลงทะเบียนบน www.คนละครึ่ง.com นั้น ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่พบปัญหาการส่งข้อความรหัสยืนยัน OTP ทำให้มีประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนได้ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ที่ใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือดีแทค ส่วนแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ที่มีปัญหาแอพล่มนั้น ขณะนี้มีประชาชนบางส่วนกลับมาใช้ได้ตามปกติแล้ว

ล่าสุด ดีแทคได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระบบบางส่วนของดีแทค ซึ่งรวมถึงระบบ 1678 call center, dtac application, การรับข้อความรหัส OTP การชำระเงิน เติมเงินขัดข้อง ทำให้ลูกค้าของดีแทคไม่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้ ซึ่งขณะนี้ มีบริการจ่ายเงิน เติมเงิน IVR, USSD, OTP ที่สามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติแล้ว ในขณะที่อาจยังมีบางบริการ ซึ่งรวมถึงดีแทคแอพพลิเคชั่นยังคงขัดข้องอยู่ ซึ่งดีแทคกำลังเร่งแก้ไขระบบเพื่อให้กลับมาให้บริการได้ครบทุกบริการโดยเร็วที่สุด

มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ในเวลา 14.30 น.ตัวแทนดีแทคจะเข้าชี้แจงกรณีระบบลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งล่ม ต่อคณะกรรมการ กสทช.ที่สำนักงาน กสทช.

ดีแทคเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและผลกระทบต่อลูกค้า และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ทั้งนี้ ดีแทคพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศมาตรการชดเชยให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top