Tuesday, 30 April 2024
NEWS

ฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังหนัก! นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นำทีมทุกหน่วยงานในสังกัด ปฏิบัติการ Big Cleaning day ล้างถนนสายหลักพร้อมกัน 50 เขตทั่วกทม.

เมื่อคืนวันที่ 17 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. นำเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กองอาสารักษาดินแดน (อส.) สังกัดกระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่เทศกิจและสำนักรักษาความสะอาด กทม. ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจร่วมทำกิจกรรมทำความสะอาด (Big Cleaning day) ล้างฝุ่นและมลพิษทางอากาศที่บริเวณถนนสายหลักกลางเมือง เพื่อบรรเทามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ พีเอ็ม 2.5 (PM2.5) โดยเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

"เนื่องด้วยทางรัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็ได้มีการหารือถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่ามีรุนแรงและต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย(มท.)และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) บูรณาการร่วมกันจัดการแก้ปัญหา โดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทยนั้น จึงได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา

สำหรับกรุงเทพมหานครช่วงเวลานี้ เมื่ออากาศไม่เอื้ออำนวย ไม่มีลมพัดผ่าน ทำให้ฝุ่นละออง PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงได้จัดการแก้ไขสาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองเพิ่มเติม เช่น การลดความหนาแน่นของการคมนาคมสัญจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล กว่า 45% ก่อให้มลพิษทางอากาศ การควบคุมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นในพื้นที่ก่อสร้าง โดยจะให้มีการชะลอการก่อสร้างในช่วงเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังจังหวัดข้างเคียง ปริมณฑลในการเผาขยะและจุดไฟเพื่อการเกษตร อีกด้วย โดยในวันนี้เป็นการเริ่มต้นในกรุงเทพ รวมกันพร้อมกันทั้ง 50 เขต และจะดำเนินการต่อเนื่องพร้อมติดตามประเมินทุกระยะ" นายนิพนธ์กล่าว

วิจารณ์หนักหลังกองทัพอากาศหั่นงบร่วม 54.43 ล้านบาท ปรับปรุงห้องน้ำเครื่องบิน ‘วีวีไอพี’ A340-500 รหัส HS-TYV จำนวน 1 ห้อง โดยอ้างราคาสมเหตุสมผล เนื่องจากห้องน้ำนี้มีความซับซ้อนในด้านวิศวกรรมและต้องใช้เทคนิคขั้นสูง

สำหรับเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องบินมือสองที่ซื้อต่อมาจากบริษัทการบินไทย จำกัด และได้มีการปรับปรุงครั้งแรกไปแล้ว 1 ครั้งด้วยการเปลี่ยนเก้าอี้ที่นั่ง เพราะของเดิมผ่านการใช้งานมานาน และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในการปรับปรุงห้องน้ำ

ทว่าทันทีที่เอกสารโครงการปรับปรุงห้องน้ำเครื่องบินดังกล่าว ได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ประชาชนกำลังเผชิญกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนรัฐบาลเองก็ยังต้องกู้เงินมาใช้จ่าย

จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ทำให้ทางกองทัพอากาศ ต้องออกมาชี้แจงถึงสาเหตุในการปรับปรุงห้องน้ำบนเครื่องบินลำนี้ว่าไม่ใช่ห้องน้ำทั่วไป หากแต่เป็นห้องน้ำบนเครื่องบิน ที่มีความซับซ้อนในด้านวิศวกรรมและต้องใช้เทคนิคขั้นสูง

นอกจากนี้มีการเปิดเผยข้อมูลในเว็บไซต์กรมช่างอากาศที่ประกาศตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งราคา 54.43 ล้านบาทนั้น ไม่ได้แพงเกินความจำเป็นจากราคาท้องตลาด สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ดัดแปลงอากาศยานที่มีการเปรียบเทียบราคาไว้อย่างสมเหตุสมผล

ยิ่งไปกว่านั้น การปรับปรุงห้องน้ำบนเครื่องบินไม่ได้ปรับปรุงง่ายเหมือนกับห้องน้ำบ้าน เพราะจะต้องมีการวางระบบท่อและออกแบบใหม่ ถือเป็นวิศวกรรมราคาสูง ใช้เทคนิคของประเทศเยอรมัน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือกับ Shopee จัดแคมเปญ "พาณิชย์ลดกระหน่ำ New Year Grand Sale 2021" จำหน่ายสินค้าของดีชุมชนบนแพลตฟอร์ม Shopee ในราคาพิเศษ

เพียงใช้ Code ‘MOC20’ เริ่ม 24 ธันวาคม 2563 - 1 มกราคม 2564 หวัง ! งานนี้ช่วยเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นพร้อมลดรายจ่ายผู้บริโภค

วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จับมือกับ Shopee ตลาดกลางออนไลน์ขนาดใหญ่ระดับโลก เปิดตัวแคมเปญ "พาณิชย์ลดกระหน่ำ New Year Grand Sale 2021" ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2563- 1 มกราคม 2564 สามารถเข้าเลือกซื้อสินค้าได้ที่ www.shopee.co.th/dbdonline หรือเลือกที่หัวข้อ All Campaigns ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Shopee และยังสามารถกรอกรหัส "MOC20" เพื่อใช้เป็น Code ส่วนลดได้ถึง 20%"

วีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า "ตลอดปี 2563 ได้ดำเนินกิจกรรมในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่องนับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยที่ผ่านมาได้ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการชุมชนที่ผ่านการคัดสรรและสินค้าชุมชนคุณภาพดีจากทั่วประเทศ ให้สามารถขยายช่องทางการขายสินค้าได้ จากเดิมที่ขายผ่านหน้าร้านหรือการออกบูทกิจกรรมต่างๆ ก็สามารถขยายเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะกลายเป็นประตูบานใหม่ของผู้ประกอบการชุมชนให้มีโอกาสจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น

ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศแต่อาจจะก้าวไปสู่ต่างประเทศได้ด้วย กิจกรรมพาณิชย์ลดกระหน่ำ New Year Grand Sale 2021 ได้รวบรวมสินค้าชุมชนมากกว่า 1,000 รายการ จาก 176 ร้านค้า ประกอบด้วยสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ ขนมขบเคี้ยว เครื่องใช้ภายในบ้าน ความงาม ของใช้ส่วนตัว เครื่องประดับ และสินค้าแฟชั่น โดยการจัดกิจกรรมที่ผ่านมาพบว่า สินค้าชุมชนที่เป็นสินค้ายอดนิยมจากผู้บริโภคจะเป็นผลไม้แปรรูป เช่น กล้วยทอด ทุเรียนทอด เป็นต้น ซึ่งการจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ได้ช่วยสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการชุมชน ได้อย่างเป็นรูปธรรม”

“ความร่วมมือระหว่างกรมฯ กับ Shopee ในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์ในหลายมิติทั้งด้านการสร้างโอกาสและผลักดันให้ผู้ประกอบการชุมชนสามารถขยายตลาดเข้าสู่ช่องทางการออนไลน์ได้ นำไปสู่พื้นฐานที่เข้มแข็ง ต่อยอดธุรกิจในอนาคต สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ถือเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้หมุนเวียน ในประเทศจะได้จับจ่ายสินค้าชุมชนในราคาที่ถูกลงโดยไม่ต้องเดินทางออกไปยังแหล่งผลิตทั่วประเทศ และยังเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ทุกคนกำลังมองหาของขวัญเพื่อนำไปมอบให้กับคนใกล้ชิดอยู่แล้ว

จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้บริโภค จะได้ซื้อสินค้าชุมชนออนไลน์ที่มีคุณภาพดีแบบพรีเมี่ยมจากผู้ประกอบการโดยตรงและง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ของไทยไปสู่กลุ่มคนที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงสร้างรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น และส่งผลดีไปยังหลายครอบครัวทำให้มีความอยู่ดีกินดีขึ้นตามมา"

"กระทรวงพาณิชย์มุ่งมั่นที่จะสร้างผู้ประกอบการสินค้าชุมชนให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาองค์ความรู้ด้านการพัฒนาสินค้าและการตลาด พร้อมกับมองหาช่องทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อผลักดันผู้ประกอบการเติบโตขึ้นมากไปกว่านั้นจะเร่งขยายความร่วมมือกับภาคเอกชนในส่วนต่าง ๆ มากขึ้น สร้างพลังในการขับเคลื่อนระหว่างผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่และเล็กให้เดินหน้าด้วยเทคโนโลยีไปพร้อมกัน

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะพัฒนาธุรกิจเข้าสู่ตลาดออนไลน์ สามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนนวัตกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สายด่วน 1570 โทรศัพท์หมายเลข 02-547-5961 และ www.dbd.go.th"

กงสุลใหญ่ฯ และทีมประเทศไทย ณ เมืองมุมไบ ร่วมแสดงความยินดีกับ บ. ITD Cementation India กับความสำเร็จในการเจาะ breakthrough อุโมงค์สุดท้าย Mumbai Metro Line 3 Krishna -1

เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย วิศวกรไทย และบริษัทไทย ที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาวมุมไบ ประเทศอินเดีย


Credit : Facebook Page : สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ Royal Thai Consulate-General, Mumbai

หลังจากเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ได้มีการเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ขึ้น ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้ลงทะเบียนเต็มภายในเวลา 2 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง การลงทะเบียนในเฟส 2 นี้ว่า ระบบจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ตรงตามคุณสมบัติจะถูกตัดสิทธิ์ให้ผู้อื่น

นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ในเฟสต่อไป หรือ ‘เฟส 3’ ว่า จะมีต่อหรือไม่ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า อาจจะเป็นไปได้ แต่ต้องพิจารณาอีกครั้งทั้งในด้านงบประมาณ, สถานการณ์โควิด-19 และสถานะการเงินการคลังของรัฐบาลด้วย

ทั้งนี้จากความสำเร็จของโครงการคนละครึ่ง ได้มีประชาชนบางส่วนตั้งคำถามว่าเป็นแนวคิดของใคร โดยนายกรัฐมนตรี ให้คำตอบว่า “โครงการคนละครึ่งเป็นแนวคิดของตน เป็นคนคิดนโยบายและหลักการ จากนั้นก็ให้คณะทำงานนำไปสานต่อ”

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ชี้ “3 เทรนด์การแพทย์สมัยใหม่” ทั้งการแพทย์แม่นยำ เวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ หนุนไทยสู่การเป็น Medical Hub เต็มรูปแบบ

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤติการระบาดของ Covid-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ไทยได้แสดงให้นานาชาติเห็นถึงศักยภาพด้านการแพทย์ ตอกย้ำความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต

ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มการจ้างงานและดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้ว ยังส่งผลบวกเชื่อมโยงไปยังหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้อีกมาก โดยองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการเป็น Medical Hub ของไทย คือ 1.) ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ (Medical Service Hub)

2.) ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub)

3.) ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ (Product Hub)

และ 4.) ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub)

"เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า บริการทางการแพทย์ของไทย มีความพร้อมที่จะช่วยส่งเสริมการเป็น Medical Hub สะท้อนจากความมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการรักษาจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ซึ่งหากผนวกเข้ากับเทรนด์การแพทย์สมัยใหม่ จะยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นด้านคุณภาพการรักษาของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศที่มีวิทยาการด้านการแพทย์ชั้นนำอย่างสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป"

สำหรับเทรนด์การแพทย์สมัยใหม่ที่จะส่งเสริมให้ไทยเข้าใกล้ความฝันการเป็น Medical Hub ประกอบด้วย

1.) การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) หรือการแพทย์เฉพาะเจาะจง เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถนำข้อมูลทางพันธุกรรมมาใช้ในการตรวจวินิจฉัย การรักษา การเลือกใช้ยา การทำนายผลการรักษา เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยคาดว่าจะมีมูลค่าในตลาดโลกสูงถึง 4.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.2568 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.7%

2.) เวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม (Regenerative Medicine) หรือการแพทย์เชิงฟื้นฟู เป็นการแพทย์สมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการทดแทน การซ่อมเสริม การฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อ รวมถึงอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสื่อมถอยจากอายุที่มากขึ้น คาดว่าภายในปี พ.ศ.2564 จะมีมูลค่าในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากปี พ.ศ.2562 แตะระดับ 7.68 หมื่นล้านเหรียญฯ เติบโตเฉลี่ยถึง 19.8% ต่อปี และ

3.) เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ (Reproductive Medicine) เป็นการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ อาทิ IVF, ICSI, IUI ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ.2568 จะมีมูลค่าตลาดโลกกว่า 2.29 หมื่นล้านเหรียญฯ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คือ การทำเด็กหลอดแก้ว โดยไทยมีชื่อเสียงด้านนี้อยู่พอสมควร

ปัจจุบันประเทศไทย ยังมีส่วนแบ่งตลาดในการให้บริการทางการแพทย์ทั้ง 3 ด้านนี้ไม่มากนัก จึงเป็นโอกาสดีที่จะพัฒนาการแพทย์ทั้ง 3 ด้านดังกล่าวให้ทัดเทียมประเทศชั้นนำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพการรักษา และใช้ประโยชน์จากความมีชื่อเสียงและการเป็นประเทศเป้าหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ทั่วโลก ในการดึงดูดเม็ดเงินจากการบริการด้านการแพทย์ให้เข้าสู่ประเทศมากขึ้น

ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์แล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องอีกด้วย และคาดว่าจะช่วยผลักดันให้มูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยแตะระดับ 5 แสนล้านบาทในปี พ.ศ.2568 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 13.7%

กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกประกาศเตือนภัยพายุหิมะที่มีความรุนแรงสูงครอบคลุมถึง 14 รัฐในฝั่งด้านตะวันออกของประเทศ ที่รวมถึงรัฐใหญ่ อย่าง นิวยอร์ค เพนซิลวาเนีย นิวเจอร์ซี ซึ่งจะมีผลกระทบกับประชาชนมากกว่า 60 ล้านคน

ประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยานี้ ระบุว่าพายุหิมะครั้งนี้มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายปี กินพื้นในชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐตั้งแต่รัฐเมน ไปจนถึงรัฐจอร์เจีย ทำให้เกิดหิมะตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบางเมืองในรัฐเพนซิลวาเนีย และนิวยอร์คที่อาจพบหิมะสะสมหนาถึง 2 เมตร และแนะนำให้ประชาชนงดออกจากบ้านหากไม่จำเป็น และอาจเกิดไฟฟ้าดับได้ในบางพื้นที่อีกด้วย

พายุหิมะที่ถล่มหนักต่อเนื่องหลายวัน ก็ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการคมนาคมอย่างมาก และเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายจุด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เที่ยวบินถูกยกเลิก รถไฟระงับการให้บริการแล้วหลายเส้นทางตลอดชายฝั่งตะวันออก โรงเรียนประกาศหยุด ให้เรียนทางออนไลน์แทน

บิล เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์คออกคำสั่งเตือนภัยขั้นสูง งดเที่ยวเรือเฟอร์รี่ และ งดดินเนอร์กลางแจ้งในช่วงค่ำ

พายุหิมะยังทำให้ศูนย์บริการตรวจเชื้อ Covid-19 ต้องหยุดให้บริการในหลายรัฐ และยังส่งผลให้การจัดส่งวัคซีน Covid-19 ต้องล่าช้าออกไปอีกแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี่ ฟิล เมอร์ฟี ประกาศเตือนให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้านตลอดเวลา แม้จะแค่ออกไปโกยหิมะหน้าบ้านก็ตาม

จึงกลายเป็นวิกฤติในวิกฤติ ที่ถล่มสหรัฐอเมริกาตลอดทั้งปี ที่อาจทำให้ชาวมะกันอาจหมดโอกาสฉลองปีใหม่กันที่ย่านไทม์สแควร์อย่างที่แล้วๆมา หรือจนกว่าจะสามารถควบคุม Covid-19 ในประเทศได้


แหล่งข่าว

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-55343207

https://edition.cnn.com/2020/12/16/weather/east-coast-snow-storm-wednesday/index.html

https://www.usatoday.com/story/news/nation/2020/12/16/winter-storm-gail-snow-storm-could-dump-foot-nyc/3910558001/

‘ทัพฟ้า’ ยัน 54 ล้าน รีโนเวท 1 ห้องน้ำเครื่องบิน ไม่แพง!! | News มีนิสส One minute

‘ทัพฟ้า’ ยัน 54 ล้าน รีโนเวท 1 ห้องน้ำเครื่องบิน ไม่แพง!! ฟากชาวเน็ต ติง เหมาะหรือ? หลังโควิดยังไม่จาง รัฐบาลเงินฝืด!! วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563

.

Breaking News ไปทั่วโลก เมื่อ เอมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ประกาศว่าเขาติดเชื้อ Covid-19 เข้าแล้ว นับเป็นข่าวร้ายที่สร้างความหวั่นวิตกไปทั่วยุโรป ที่กำลังผจญกับคลื่นการแพร่ระบาด Covid-19 รอบใหม่อันหนักหน่วงอยู่ในขณะนี้

มาครงแจ้งว่า จะต้องเข้าระเบียบขั้นตอนการกักตัวเป็นเวลา 7 วัน แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ผ่านทางออนไลน์ และยกเลิกกำหนดการประชุมทั้งใน และต่างประเทศทั้งหมด

ส่วนนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌอง คาสเท็กซ์ ผู้ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับตัวประธานาธิบดีมาครงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงโฆษกรัฐบาล ริชาร์ด เฟอร์รอง และ บริเจท มาครง สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งฝรั่งเศส ก็จำเป็นต้องกักตัว 7 วันเพื่อเฝ้าดูอาการเช่นกัน

แต่ช้าก่อน! ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมาครงได้ไปพบปะผู้นำชาติสมาชิกยุโรปอีกหลายคน

เมื่อวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2020 เพิ่งจะพบนายกรัฐมนตรีโปรตุเกส นายอันโตนิโอ คอสต้า ก่อนหน้านั้นก็ไปพบกับนายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซ และประธานสภายุโรป ชาร์ล มิเชล

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าประธานาธิบดีมาครงติดเชื้อ Covid-19 ตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากภารกิจพบผู้นำต่างประเทศ และประชุมสภาที่ผ่านมา ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีมาครงยังไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป และยังเข้าร่วมประชุมทวิภาคีกับอังเกล่า มาร์เคิล ผู้นำเยอรมันอีกด้วย

ดังนั้นข่าวการติดเชื้อ Covid-19 ของประธานาธิบดีเอมานูเอล มาครง ไม่ได้สะเทือนแค่ในฝรั่งเศส แต่หนาวสะท้านไปทั้งภาคพื้นยุโรปทีเดียว


แหล่งข่าว

https://www.theguardian.com/world/2020/dec/17/french-president-emmanuel-macron-tests-positive-for-coronavirus

https://m.dw.com/en/french-president-emmanuel-macron-tests-positive-for-covid/a-55970835

https://www.france24.com/en/europe/20201217-french-president-emmanuel-macron-has-tested-positive-for-covid-19

คนที่พลาดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ไม่ทัน ยังมีลุ้น หลังรมว.กระทรวงการคลัง ระบุเตรียมเปิดให้ลงทะเบียนอีก 4 แสนสิทธิ คาดดำเนินการได้ต้นปี 64

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งอีกครั้ง โดยจะนำสิทธิของผู้ไม่ใช้สิทธิในเฟสแรกที่มากกว่า 4 แสนคน มารวมกับคนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิของเฟสที่ 2 มาเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกใหม่โดยเร็วที่สุด หรืออย่างช้าภายในต้นปีหน้า 

ดังนั้นผู้ที่พลาดสิทธิโครงการคนละครึ่ง เพราะลงไม่ทันในวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนที่เจอปัญหาติดขัดขั้นตอนลงทะเบียน ไม่ต้องเสียใจไป เพราะคลังจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมแน่นอน

ส่วนการช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนที่ติดปัญหาไม่ได้รับรหัสผ่าน OTP ทางกระทรวงการคลัง ก็กำลังดูให้อยู่ แต่จะให้สิทธิเป็นการเฉพาะกับผู้ใช้เครือข่ายดีแทค ลงทะเบียนคนละครึ่งได้เป็นกรณีพิเศษหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ ธนาคารกรุงไทย เร่งไปตรวจสอบจำนวนผู้ลงทะเบียนเฟส 2 ที่ไม่ได้รับรหัสโอทีพีว่ามีจำนวนเท่าไร เพื่อนำมาหาทางช่วยอย่างเหมาะสมอีกครั้ง ส่วนการเปิดโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 และ 4 หรือไม่นั้น คงต้องขอเวลาพิจารณาก่อน โดยขอติดตามดูภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกก่อนว่าเป็นอย่างไร เพื่อนำมาประเมินตัดสินใจอีกครั้ง

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขอให้ผู้มีสิทธิเดิมไม่ต้องรีบกดยืนยันสิทธิในตอนนี้ เพราะหากกดรับสิทธิในตอนนี้ เงิน 500 บาท กว่าจะใช้ได้คือ 1 มกราคม พ.ศ.2564 และยืนยันสิทธิยังได้เหมือนเดิม

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน ( 17 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 20 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,281 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 12 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,989 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 232 ราย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 20 ราย เป็นคนไทย 14 ราย สัญชาติอังกฤษ 2 ราย อินเดีย 1 ราย เยอรมัน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย


ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 148 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 362 ราย รักษาหายแล้ว 324 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.36 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.22 แสน เสียชีวิต 19,248 ราย
ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 36 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 87,913 ราย รักษาหายแล้ว 72,733 ราย เสียชีวิต 429 ราย
ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.12 แสน ราย รักษาหายแล้ว 90,453 ราย เสียชีวิต 2,346 ราย
ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.53 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,833 ราย
ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,353 ราย รักษาหายแล้ว 58,238 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,405 ราย รักษาหายแล้ว1,252 ราย เสียชีวิต 35 ราย
 

กลับมาอีกครั้งกับประกันภัยโควิด-19 สุดฮอต แบบ “เจอ จ่าย จบ” ล่าสุดเมืองไทยประกันภัย เปิดขายอีกครั้ง 10 วันเท่านั้น ค่าเบี้ย 1,000 บาท ตรวจพบเชื้อจ่ายทันที 100,000 บาท

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI เปิดเผยการออกประกันภัยโควิด-19 ยืน 1 "เจอ จ่าย จบ" ครั้งนี้ว่า "ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด – 19 ยังไม่มีความแน่นอน ซึ่งเรารับรู้ได้ว่ายังคงมีการระบาดขึ้นอีกครั้งทำให้หลายคนมีความกังวลเพิ่มมากขึ้น ทางเมืองไทยประกันภัย จึงได้เล็งเห็นและตั้งใจออกแบบประกันภัยไวรัสโคโรนาแผนยืน 1 นี้ออกมา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ตรงจุดในเรื่องของ "เจอ จ่าย จบ" "

"เพราะเราเข้าใจว่าทุกคนต่างก็อยู่ท่ามกลางความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกตลอดเวลา ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เราจึงตั้งใจที่จะเป็นผู้ช่วยในการคุ้มครองความเสี่ยงภัยเหล่านี้ เพื่อให้คุณและครอบครัวได้ใช้ชีวิตได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น"

สำหรับรายละเอียดประกันภัยไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ประกันภัยยืน 1 "เจอ จ่าย จบ" ของเมืองไทยประกันภัยนั้น จะเปิดการขายเป็นระยะเวลาเพียง 10 วันเท่านั้น เบี้ยประกันภัย 1,000 บาทต่อปี และรับทันที 100,000 บาท เมื่อตรวจพบเชื้อไวรัส COVID-19 จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนี้ ยังให้ความคุ้มครองหากพบว่าป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาและอยู่ในภาวะโคม่าในวงเงินคุ้มครองถึง 1 ล้านบาท ทั้งนี้ จะมีระยะเวลารอคอย 14 วันหลังจากวันเริ่มคุ้มครอง โดยคุ้มครองผู้เอาประกันภัยตั้งแต่อายุระหว่าง 1 - 80 ปี (ระยะเวลาความคุ้มครอง 1 ปี) และหากผู้ที่ถือกรมธรรม์ไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เดิมอยู่แล้วไม่มีการเคลม จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยมูลค่าสูงสุด 20% ให้เมื่อต่ออายุกรมธรรม์ในปีถัดไป

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดไทย เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ต้องเฝ้าติดตาม เหตุเสียเปรียบดุลการค้าให้ไทยกว่า 6 แสนล้านบาท ด้านธปท. ยันไม่แทรกแซงค่าเงินหนุนการค้า

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (U.S. Treasury) ได้เผยแพร่รายงานการประเมินนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ฉบับล่าสุด

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2563 ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน Monitoring List หรือเป็นรายชื่อประเทศที่ต้องเฝ้าติดตาม จากการที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 6 แสนล้านบาท และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากกว่า 2% ของจีดีพี ซึ่งเป็นเกณฑ์และเงื่อนไขภายใต้กฎหมายภายในของสหรัฐฯ โดยในรอบนี้ มีคู่ค้า 10 ประเทศที่จัดอยู่ในบัญชีนี้ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมนี อิตาลี สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ไทย และอินเดีย

"การที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่รายชื่อครั้งนี้ ไม่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจที่มีการค้าการลงทุนกับสหรัฐฯ ซึ่งภาคธุรกิจไทยและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินธุรกิจกันได้ตามปกติ และการประเมินดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของ ธปท. เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินภายในประเทศ รวมถึงการดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ของธนาคารกลางและความจำเป็นของสถานการณ์"

นางจันทวรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท. ได้สื่อสารและทำความเข้าใจกับทางการสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินของไทย รวมถึงสร้างความมั่นใจกับสหรัฐฯ ว่าไทยดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่นและจะเข้าดูแลค่าเงินบาทเมื่อมีความจำเป็น เพื่อชะลอความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้รุนแรงเกินไป ทั้งในด้านแข็งค่าและอ่อนค่า และไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายหนึ่งในรัฐอะแลสกา สหรัฐฯ ก่ออาการแพ้รุนแรง หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค แต่ตอนนี้อาการทรงตัวแล้ว

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า บุคคลรายดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อวันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2563 และทาง ไฟเซอร์ ยืนยันว่า กำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ในการสืบสวนกรณีดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหราชอาณาจักร 2 คน ก็เกิดอาการแพ้คล้ายๆ กัน เป็นเหตุให้ทางรัฐบาลต้องแจ้งเตือนกับประชาชน ให้หลีกเลี่ยงเข้ารับวัคซีน หากมีประวัติเกี่ยวกับอาการแพ้รุนแรง

คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนตัวดังกล่าวภายใต้คำเตือนว่า ประชาชนคนใดที่รู้ตัวว่ามีอาการแพ้ต่อส่วนผสมที่อยู่ในวัคซีน ไม่ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน

"เรายังไม่มีข้อมูลครบทุกรายละเอียดเกี่ยวกับรายงานข่าวจากอะแลสกา ในเรื่องที่ว่าอาจมีอาการแพ้อย่างรุนแรงในคนไข้ แต่เรากำลังทำงานอย่างขมีขมันร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น เพื่อประเมินกรณีดังกล่าว" โฆษกของไฟเซอร์ระบุ

โฆษกของไฟเซอร์บอกต่อว่า "เราจะจับตาอย่างใกล้ชิดต่อรายงานข่าวทั้งหมดที่บ่งชี้ว่ามีคนเกิดอาการแพ้รุนแรงหลังเข้ารับการฉีดวัคซีน และจะอัพเดทคำเตือนเป็นสลากยาถ้ามีความจำเป็น"

ในส่วนของอาสมัคร 44,000 คน ที่เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกของไฟเซอร์ ใครก็ตามที่มีประวัติแพ้วัคซีนหรือส่วนผสมของวัคซีนโควิด-19 จะถูกกันออกไป

อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกยืนยันว่า โดยรวมแล้วการทดลองไม่พบประเด็นด้านความปลอดภัยร้ายแรงใด ๆ แต่ทางคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบและทางบริษัทจะเดินหน้าเฝ้าสังเกตการณ์ในกรณีที่อาจเกิดผลร้ายใดๆ หลังได้รับวัคซีน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังฉีดวัคซีนให้กับประชาชนราวๆ 3 ล้านคนในสัปดาห์นี้ และหวังว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนแตะระดับ 20 ล้านคน ภายในเดือนนี้ หากว่าวัคซีนอีกตัวที่พัฒนาโดยโมเดอร์นา ผ่านการอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ


ที่มา: เฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ / เอเอฟพี

อนุทิน ชาญวีรกูล ไฟเขียว "อีเว้นท์ปีใหม่" แต่ต้องขออนุญาตและปฏิบัติตามกฏ ขณะเดียวกันได้เผยในส่วนของสถานการณ์โควิด-19 ชายแดน โดยตอนนี้รัฐควบคุมสถานการณ์ได้ดี

จากกรณีคอนเสิร์ตที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า ปีใหม่นี้จะยังสามารถจัดกิจกรรมปีใหม่ได้อยู่ไหม งานนี้ "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า

"ยังสามารถจัดได้ ซึ่งภาครัฐ มีมาตรการอยู่แล้ว ส่วนผู้จัดต้องมาขออนุญาต นำเสนอแผน เมื่อได้รับการอนุญาต เวลาจัดงาน ต้องทำตามแผน แต่ถ้าผิดจากนั้น ก็ต้องรับผิดชอบ หากภาครัฐสั่งยุติกิจกรรม ก็ต้องหยุด เพราะถ้ายังจัดต่อ แล้วเจ้าหน้าที่เพิกเฉย เจ้าหน้าที่จะมีความผิด"

"สำหรับประชาชน มั่นใจว่าทุกคนเรียนรู้มามาก รู้ว่าจะจัดการตัวเองอย่างไร เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างตามสมควร ก็ต้องปฏิบัติต่อไป"

"ส่วนสถานการณ์ตามชายแดน ตอนนี้ ดีขึ้นมาก กลุ่มที่มาจากท่าขี้เหล็ก ภาครัฐควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ผู้ติดเชื้อ ผู้มีความเสี่ยง ได้รับการรักษา ได้รับการกักตัว เข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคแล้ว ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง ก็เข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top