Thursday, 22 May 2025
NEWS

ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในการเสวนาวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี “เสด็จเตี่ย”

ตอนที่ 3 “บทเรียนจากอดีต กับการปรับตัวรับสถานการณ์โลกปัจจุบัน”

วันที่ 4 เม.ย.66 พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการเสวนาวิชาการในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในหัวข้อ “สืบสานพระราชปณิธาน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ตอนที่ 3 “บทเรียนจากอดีต กับการปรับตัวรับสถานการณ์โลกปัจจุบัน” โดยมี พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ/ประธานกรรมการจัดงาน พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงานฯ ให้การต้อนรับ ทั้งนี้การเสวนาฯ ได้รับเกียรติจาก ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาลัยการทัพเรือ , พล.ร.อ.คำรณ พิสณฑ์ยุทธการ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ทหารเรือ เป็นวิทยากร และ คุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการ ในการนี้ได้มีหน่วยงานภาครัฐ , ภาคเอกชน , ประชาชน และนักศึกษาที่ให้ความสนใจ เช่น สมาคมศิษย์เก่าพณิชยการพระนคร , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พณิชยการพระนคร , สภาวัฒนธรรมเขตบางกอกน้อย , สภาวัฒนธรรมเขตบางกอกใหญ่ , มูลนิธิรัตนาภาในพระราชูปถัมภ์ ร่วมฟังการเสวนา ณ ห้องวุฒิไชยเฉลิมลาภ อาคารราชนาวิกสภา

สงกรานต์หยุดยาว แต่คนร้ายไม่หยุด รีบกลับไปเตือนญาติด่วน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ร่วมกันนำเสนอสถิติการรับแจ้งความออนไลน์รอบสัปดาห์และภัยที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีภูมิป้องกันภัยออนไลน์ ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (26 มี.ค.-1 เม.ย.2566)  รวมทั้งสัปดาห์มีผู้แจ้งความ 4,045 เคส/619,718,786.50 บาท  สถิติการรับแจ้งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 207 เคส/308,896,024.03 บาท โดยสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1)  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ  1,761  เคส/29,322,434.61 บาท 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 565 เคส/86,215,154.63 บาท 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 412 เคส/25,532,331.28  บาท 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center)  354 เคส/60,282,753.69 บาท   และ 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 249 เคส/16,973,048.71 บาท

ภัยออนไลน์ที่น่าสนใจและเกิดขึ้นมากในรอบสัปดาห์ มีจำนวน 3 เรื่อง ดังนี้ เรื่องที่ 1. “เงินหมดบัญชี แถมเป็นหนี้บัตรเครดิต” คดีนี้แก๊ง Call Center โทรศัพท์หาเหยื่อ  อ้างว่ามีชื่อค้างอยู่ในระบบเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้ชำระภาษีประจำปี และต้องเสียภาษีไม่เช่นนั้นจะต้องเสียภาษีย้อนหลัง จากนั้นคนร้ายได้ให้เหยื่อแอดไลน์  และให้กดลิงก์เข้าเว็บไซต์กรมที่ดินปลอม  ต่อมาให้กดดาวน์โหลดที่ข้อความโฆษณา(Banner) ตรากรมที่ดิน เพื่อติดตั้งแอปควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อ หน้าจอเหยื่อปรากฏการทำงานเป็นเปอร์เซ็นต์ และให้รอจนครบ 100%  ถ้าครบแล้วระบบจะให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันข้อมูลบุคคลและอัพเดทข้อมูลในกรมที่ดิน ช่วงนี้คนร้ายให้โอนเงินค่าธรรมเนียมไปบริจาคยังมูลนิธิเด็ก เพื่อหลอกดูรหัส แล้วล็อคหน้าจอของเหยื่อ และห้ามเหยื่อปิดเครื่อง อ้างว่าถ้าไม่เสร็จกระบวนการ จะถูกเรียกภาษีย้อนหลัง 2-3 หมื่นบาท ช่วงนี้คนร้ายเห็นว่าเงินในบัญชีของเหยื่อมีน้อย จึงไปทำรายการถอนเงินสดจากบัตรเครดิตมาใส่ในบัญชีธนาคาร(คนร้ายรู้รหัส PIN) เนื่องจากเหยื่อผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปของธนาคาร แล้วถอนเงินออกไปจนหมด จึงขอแจ้งเตือนว่า 1)อย่าโหลดแอปต่างๆ นอก google play store หรือ app store และสังเกตุคำเตือนจากโทรศัพท์ของเราขณะโหลดแอป 2) อย่าโหลดแอปที่ข้อความขึ้นว่า “.APK” เพราะเป็นแอปที่เป็นอันตราย 3) อย่าผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปของธนาคาร   และอย่าดาวน์โหลดแอปที่ไม่ผ่านการยืนยันโดยแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ

เรื่องที่ 2 “อยากมีรายได้ แต่ได้รายจ่าย” คดีนี้คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ Shopee โฆษณารับสมัครงานใน Facebook หรือโทรหาเหยื่อ เมื่อเหยื่อสอบถามรายละเอียด คนร้ายจึงให้แอดไลน์แล้วดึงเข้ากลุ่มไลน์ทำงานที่มีสมาชิกในกลุ่มจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยในกลุ่มมีหน้าม้าพูดคุยว่าทำภารกิจโปรโมทสินค้าเสร็จสิ้นและได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นจริง เหยื่อหลงเชื่อจึงทำภารกิจโปรโมทสินค้าที่มีมูลค่าหลักร้อยเป็นภารกิจแรก โดยคนร้ายส่งลิงก์ Shopee ของจริงให้เหยื่อกดสั่งสินค้าใส่ตะกร้า   จากนั้นคนร้ายให้บันทึกหน้าจอส่งให้ดูพร้อมโอนเงินตามมูลค่าสินค้านั้นๆเข้าบัญชีคนร้าย     คนร้ายโอนเงินคืนพร้อมให้ค่าคอมมิชชั่นกลับมาเพื่อหลอกให้เหยื่อรู้สึกว่าได้คอมมิชชั่นจากการทำงานจริง จากนั้นคนร้ายให้เหยื่อทำภารกิจต่อไปโดยค่าสินค้าและค่าคอมมิชชั่นมากขึ้น เมื่อสินค้ามีมูลค่าหลักหมื่น หรือหลักแสน คนร้ายอ้างว่าเหยื่อทำผิดพลาดต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไข สุดท้ายจะไม่โอนเงินคืน  จึงขอแจ้งเตือนว่า  ถ้าอยากมีรายได้จากการทำงานออนไลน์  ต้องไม่เป็นงานที่เราต้องโอนเงินไปก่อน  จึงได้ทำงาน หากมีลักษณะเช่นนี้หลอกลวงแน่นอน

ด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT)



 

‘ทวดชุบ 5 แผ่นดิน’ อายุครบ 107 ปี สุขภาพยังแข็งแรง พร้อมบอกเคล็ดลับการใช้ชีวิตให้อายุยืน เผย แค่ไม่เครียด

(4 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวอ.ทุ่งใหญ่ ลงพื้นที่สัมภาษณ์ คุณทวด 5 แผ่นดิน ซึ่งมีอายุ 107 ปี มากที่สุดในอ.ทุ่งใหญ่ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 5 บ้านสระนางมโนราห์ ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พบคุณทวด 5 แผ่นดินขวัญใจชาวบ้าน ทราบชื่อนางชุบ สุวรรณมณี อายุ 107 ปี เกิดเมื่อปีพ.ศ.2460 หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม ทวดชุบ 5 แผ่นดิน ซึ่งอยู่มาตั้งแต่รัชกาลที่ 6 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน อายุมากที่สุดที่ใน อ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งทวดชุบมีลูกทั้งหมด 7 คน โดยคนสุดท้องอายุ 67 ปี ส่วนใหญ่ลูกหลานมักจะมาขอพรจากทวดชุบเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเริ่มทำกิจการงานต่างๆ อีกทั้งทวดชุบยังคงมีสุขภาพที่ดี ยังคงลุกนั่งและเข้าห้องน้ำเองได้ อีกทั้งยังสามารถพูดคุยตอบโต้กับลูกหลานได้ปกติ จึงถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับคนอายุ 107 ปี ที่หูยังคงได้ยินชัด และยังคงมีความจำที่ดีเยี่ยม

สอบถามทวดชุบเกี่ยวกับเคล็ดลับการใช้ชีวิตให้อายุขนาดนี้ ทวดชุบ ระบุว่า ไม่มีอะไรพิเศษ กินข้าวปกติ กินได้ทุกอย่าง แต่ไม่เครียด ซึ่งคุณทวดชุบสูญเสียดวงตาข้างซ้ายมาตั้งแต่เด็กจากอุบัติเหตุ แต่ตาข้างขวายังคงใช้งานได้ปกติ และยังคงมองเห็นได้ดี พอลูกหลานขอให้อยู่ต่อจนถึงอายุ 120 ปี ทวดชุบก็ส่ายหัวบอกว่า ไม่รู้ ไม่รับปาก

ชู ”วิสัยทัศน์ต้านโกงจุรินทร์” โยงเงื่อนไขร่วมรัฐบาล

“อลงกรณ์” ประกาศ 10 นโยบายปราบคอร์รัปชั่นของพรรคประชาธิปัตย์” 
ยกระดับเป็น”วาระแห่งชาติเร่งด่วน”(National Urgent Agenda) เพิ่มโทษอาญา-ยึดทรัพย์ เร่งปฏิรูปราชการและการเมืองลดฉ้อฉลตัดเงื่อนไขรัฐประหาร พร้อมผนึกความร่วมมือภาคประชาชนส่งเสริมแพลตฟอร์มไอที.ขจัดทุจริต

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้(5 เม.ย.)ว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นเสมือนมะเร็งร้ายของประเทศที่อยู่ในขั้นวิกฤตจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเร่งด่วนโดยพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ยกระดับเป็น”วาระแห่งชาติเร่งด่วน”(National Urgent Agenda) ซึ่งผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2565 ปรากฎว่า ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 101 จาก180 ประเทศและอยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจากการประเมินล่าสุดโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI)

พรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลต่อปัญหานี้และให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นจึงได้จัด”เวที ‘ฟัง-คิด-ทำ’ ต้านโกง”เพื่อรับฟังความคิดเห็นประกอบกับข้อสังเกตขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาตินำไปสู่การจัดทำเป็นนโยบายต่อต้านการทุจริตให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป 

โดยยึดปฐมอุดมการณ์ของพรรคที่บัญญัติไว้ว่า”พรรคจะดำเนินการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน”และแนวทางประชาธิปไตยสุจริตโดยมีแนวทางนโยบายดังนี้
1. ยกระดับการต่อต้านคอร์รัปชั่น
เป็น”วาระแห่งชาติเร่งด่วน”(National Urgent Agenda) 
2. ส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล หลักการประชาธิปไตยสุจริตและหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์(Conflict of Interest)
3. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและสื่อมวลชนในการตรวจสอบการดำเนินงานของภาครัฐและภาคเอกชน
4. ส่งเสริมการเรียนการสอนและการปลูกฝังจิตสำนึก”โตไปไม่โกง”รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ของสังคมถึงภัยร้ายของการคอร์รัปชั่น
5. สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อขจัดการคอรัปชั่นและส่งเสริมแพลตฟอร์มของภาคเอกชนและภาคประชาชนในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและแก้ปัญหาการทุจริต
6. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการโดยเฉพาะการจัดซื้อและการประมูลภาครัฐทั้งราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
7. ปฏิรูประบบราชการ การเมืองและกระบวนการยุติธรรมเพื่อความโปร่งใส การพัฒนาระบบการอนุมัติ อนุญาตให้มีความโปร่งใส การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน 
8. การยกเลิกกฎหมายกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทุจริต
9. การเพิ่มโทษอาญาและการยึดทรัพย์คดีฉ้อราษฎร์บังหลวง การลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับสินบนอย่างจริงจัง 
10. การร่วมมือกับนานาชาติในการปราบปรามการทุจริตข้ามชาติทุกรูปแบบภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชั่น

นายอลงกรณ์ซึ่งเป็นอดีตประธานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านและได้รับการคัดเลือกจากสื่อมวลชนประจำรัฐสภาให้เป็น”ดาวเด่นแห่งปีของรัฐสภา”จากบทบาทการปราบปรามการทุจริตกล่าวต่อไปว่า

 

‘น้องเทนนิส’ เปิดใจเตรียมอำลาทีมชาติ หลังจบโอลิมปิก 2024 เผย มีอาการเจ็บสะสม ขอสู้สถานีสุดท้าย ถือเป็นกำไรชีวิตให้ตัวเอง

(5 เม.ย.66) ‘น้องเทนนิส’ เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “THE LOCKER ROOM ห้องไม่ลับ คลับซุปตาร์ by BDMS” เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา เกี่ยวกับอนาคตของเธอ ก่อนจะได้รับคำตอบว่า เทนนิสมีอาการบาดเจ็บต่างๆสะสมอยู่มากมายแล้ว ก็เตรียมที่จะอำลาการแข่งขันในฐานะนักกีฬาทีมชาติ หลังจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมปี 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศสสิ้นสุดลง เพื่อเป็นการเติมฝันให้กับตัวเองและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการกีฬาไทย

“เรื่องนี้ได้ปรึกษากับทุกฝ่ายมาพักใหญ่แล้วเนื่องจากอายุที่มากขึ้น และมีอาการบาดเจ็บติดตัวมามากมายทำให้เลือกที่จะวางเป้าหมายในการต่อสู้สถานีสำคัญสถานีสุดท้ายนั่นคือโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ถ้าหากทำเหรียญได้สำเร็จก็จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศชาติ ทำให้ตอนนี้จิตใจมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ เพราะที่ผ่านมานั้นการได้เหรียญทองที่ประเทศญี่ปุ่น คือการทำตามความฝันของพ่อ, ทำเหรียญนี้ให้กับกองเชียร์ และทำให้กับประเทศชาติ แต่ครั้งนี้ขอต่อสู้โดยเป้าหมายหลักนั่นคือเป็นกำไรชีวิตให้กับตัวเอง”

ก่อนหน้านี้มีนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญโอลิมปิก 2 เหรียญเพียงแค่สองคนเท่านั้น คนแรกก็คือมนัส บุญจำนงค์ได้เหรียญทองมวย ปี 2004 กับเหรียญเงิน 2008 และน้องเทนนิส ได้เหรียญทองแดงปี 2016 และได้เหรียญทองปี 2021 ดังนั้นหากน้องเทนนิสคว้าเหรียญรางวัลใด เหรียญรางวัลหนึ่งมาครอง ก็จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของนักกีฬาจากประเทศไทยที่ได้เหรียญรางวัลมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติถึง 3 สมัยติดต่อกัน

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย มิจฉาชีพหลอกให้กู้เงินผ่านเว็บไซต์ปลอม ปลอมไลน์ธนาคารแห่งประเทศไทย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอเรียนประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน กรณีมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนให้กู้เงินผ่านเว็บไซต์ปลอม และใช้ไลน์ธนาคารแห่งประเทศไทยปลอม ข่มขู่ว่ากระทำผิดกฎหมายให้เหยื่อโอนเงิน ดังนี้

ได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ว่าที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้กู้เงินผ่านเว็บไซต์ของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Country Group Holdings) ซึ่งถูกปลอมขึ้นมาให้คล้ายกับเว็บไซต์จริง โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าเว็บไซต์ค้นหาแหล่งกู้เงินออนไลน์ ทำให้เจอเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว มีการแอบอ้างว่าเป็นผู้ให้บริการด้านการเงินแบบครบวงจร สมัครง่าย ให้วงเงินไม่อั้น อนุมัติเร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร ใช้เอกสารน้อย ปลอดภัย และมีกฎหมาย PDPA คุ้มครอง เป็นต้น จากนั้นเมื่อผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์เพื่อติดต่อไปขอรายละเอียด เจ้าหน้าที่ปลอมจะขอข้อมูลส่วนตัว ภาพบัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร แล้วทำสัญญากู้เงินปลอม เสร็จแล้วจะให้ผู้เสียหายโอนเงินอ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียม ค่าเบี้ยประกัน หรือค่าอื่นๆ กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว มิจฉาชีพก็อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพิ่มอีก เช่น โอนเงินผิดบัญชี โอนเงินเกินเวลาที่กำหนด หรือทำธุรกรรมผิดพลาด จะต้องติดต่อไปยังไลน์ของธนาคารแห่งประเทศไทยปลอม เมื่อผู้เสียหายติดต่อเข้าไปก็จะถูกข่มขู่ว่ากระทำผิดกฎหมาย ให้ทำการโอนเงินมาเพิ่มอีก ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง 

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หรือผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือโทรศัพท์ไปยังประชาชน โฆษณาชวนเชื่อในลักษณะ กู้ง่าย อนุมัติเร็ว วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องมีหลักประกัน ใช้เอกสารน้อย เป็นต้น เพราะฉะนั้นประชาชนต้องพึงระวังการกู้เงินในลักษณะดังกล่าว ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องหรือไม่ หากจำเป็นต้องกู้เงินควรเลือกกู้เงินจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ และศึกษารายละเอียดของผู้ให้กู้ให้ดี รวมถึงมีสัญญาการกู้ที่ชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ หากพบเห็นความผิดปกติ หรือขอเสนอที่ดีเกินไปควรหลีกเลี่ยง อย่าหลงเชื่อว่าตัวเองโชคดี

มณฑลทหารบกที่ 25 จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25

วันที่ 4 เมษายน 2566 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ ดังนี้ พล.ต. สาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พล.ท.) และ พ.อ. ชินวิช เจริญพิบูลย์ เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 (อัตรา พล.ต.) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566  เป็นต้นไป

 

สนามบินเบตงซ้อมแผนเผชิญเหตุเต็มรูปแบบ

เบตง สนามบินเบตงซ้อมแผนฉุกเฉินเต็มรูปแบบ เครื่องบินลื่นไถลออกนอกวางวิ่ง ไฟไหม้ เกิดเหตุกราดยิง เพื่อบูรณาการความร่วมมือ ให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 เม.ย.66 ที่ท่าอากาศยานเบตง ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ได้เป็นประธานการซ้อมแผนฉุกเฉินเต็มรูปแบบ (Full scale emergency exercise) ท่าอากาศยานเบตง โดยมีนางกรณิศ สุขการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง พ.อ.วรจิตร ศาสตร์ศิลป์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทั้ง ตำรวจ ตชด. ทหาร อส. ดับเพลิง แพทย์ พยาบาล กู้ภัยในพื้นที่เข้าร่วม

โดยจำลองเหตุการณ์ เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินภูผาแอร์ เที่ยวบิน KK 622 เดินทางมาจากท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสารรวมลูกเรือ จำนวน 90 คน ซึ่งมีปลายทาง ท่าอากาศยานเบตง ขณะลงจอดได้เกิดเหตุอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง และได้เกิดเพลิงไหม้บริเวณฐานล้อ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยประจำท่าอากาศยานจึงรีบเข้าระงับเหตุเป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งประสานหน่วยงานต่างๆในพื้นที่อำเภอเบตง ทั้ง ตำรวจ ทหาร ดับเพลิง แพทย์ พยาบาล เข้าสนับสนุนช่วยเหลือ ในการดับเพลิงและเคลื่อนย้ายผู้โดยสารทั้งหมด ซึ่งมีมีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก 

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมคัดเลือก 'บุคคลต้นแบบ' โครงการ Money Management and Investment สร้างความสุขทางการเงิน พัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจและครอบครัว

วันอังคารที่ 4 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นประธานการแสดงวิสัยทัศน์และสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกให้เป็น 'บุคคลต้นแบบ' ของโครงการ Money Management and Investment ของจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่จัดอบรมนำร่องในระดับจังหวัดเป็นที่แรก โดยมีคุณณฐิกา ปิตะนีละบุตร กรรมการบริหารสมาคมฯ และที่ปรึกษาโครงการ คุณพรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คุณชยุต ปริญญาธนกุล วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พล.ต.ต. ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว. จันทบุรี  พล.ต.ต.วิทยา สมานุหัตถ์ ผบก.สก. คุณทัชยา รักษาสุข ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมเป็นกรรมการคัดเลือก 

ในครั้งนี้มีข้าราชการตำรวจได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมการแสดงวิสัยทัศน์และรับการสัมภาษณ์ ทั้งหมด 8 นาย จาก 8 โรงพัก ได้แก่ 1. ร.ต.ท.ชัยยศ บุตรชาดี รอง สว. (ป.) สภ.ทุ่งเบญจา 2. จ.ส.ต. ณัฐวุฒิ ไพรศรี ผบ.หมู่ (สส.) สภ.ขลุง 3. พ.ต.ท.ปรีชา สามารถ สว.อก.สภ.นายายอาม 4.ส.ต.ต. พีรวิชญ์ บุญศรีกุล ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ตกพรม 5.ส.ต.ต.ภานุพงศ์ ตักโพธิ์ ผบ.หมู่ (ผช.พงส.) สภ.บ้านแปลง 6.ร.ต.ต.ยศวัจน์ โพธิ์พิทักษ์ รอง สว.(ป.) สภ.แหลมสิงห์ 7.ร.ต.อ.หญิง สุขใจ ดอกไม้ รอง สว.ธร.สภ.ท่าใหม่ และ8.ส.ต.ต. เอกบดินทร์ วิเศษศรี ผบ.หมู่ (ผช.พงส.) สภ.เกาะเปริด ตัดสินคะแนนตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะมีการประกาศผลและพิธีมอบรางวัลในลำดับถัดไป

‘ยาดมยี่ห้อดัง’ ขาดตลาดภายใน 1 คืน หลัง ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ ถือในงานวันเกิด

‘สมุนไพรหงส์ไทย’ โพสต์ขอโทษลูกค้า ยาดมแบบหลอดขาดตลาด พร้อมขอบคุณ ‘ลิซ่า’ หลังเจ้าตัวถือในงานวันเกิด ทำยอดขายพุ่งใน 1 คืน สมฉายา ‘เจ้าแม่ Sold out’

(4 เม.ย.66) สืบเนื่องจากวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันคล้ายวันเกิด ศิลปินเกาหลีสมาชิกวงแบล็กพิงก์ เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังระดับโลก ชาวไทยอย่าง ‘ลิซ่า’ ลลิษา มโนบาล ที่ได้แอบเดินทาง บินกลับมาฉลองวันเกิดครบ อายุ 26 ปี แบบไพรเวทกับครอบครัว และคนสนิท

โดยในงานวันเกิดของสาว ‘ลิซ่า’ 1 ในเพื่อนสนิทอีกคนของลิซ่า อย่าง แอ้นท์ ที่เป็นเพื่อนสนิทลิซ่ามาตั้งแต่เด็ก และเป็นคนเดียวกับที่เคยร่วมเต้นประกวดตอนเป็นนักเรียนกับลิซ่า ได้โพสต์ภาพสวมกอดในงานวันเกิดของ ลิซ่า ซึ่งก็มีชาวเน็ตตาดีสังเกตเห็นว่าในมือของลิซ่า ถือยาดมยี่ห้อดังอย่างหงส์ไทย ซึ่งออกรูปแบบใหม่เป็นหลอด โดยต่างเชื่อกันว่ายาดมรุ่นใหม่ที่ลิซ่าถือจะทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดกว่าเดิม

สงกรานต์นี้ วิ่งฟรีมอเตอร์เวย์ 7 วัน สาย 7, 9 ส่วน M6 เปิดวิ่งชั่วคราว ช่วง ‘ปากช่อง - ขามทะเลสอ’

กรมทางหลวงเปิดฟรีมอเตอร์เวย์สาย 7, สาย 9 สงกรานต์นี้ รวม 7 วันช่วง 12-18 เม.ย. 66 ส่วน M6 ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว-ขามทะเลสอ เปิดใช้ชั่วคราวระบายจราจร พร้อมตั้งจุดให้บริการ 393 แห่งอำนวยความสะดวกและปลอดภัย 24 ชั่วโมง

(4 เม.ย. 66) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก กรมทางหลวงจึงได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนสู่ภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้สั่งการสำนักงานทางหลวงและแขวงทางหลวงทั่วประเทศดำเนินการตรวจสอบป้ายจราจร สัญญาณไฟจราจร ไฟฟ้าแสงสว่างให้พร้อมใช้งาน ตรวจสอบและแก้ไขจุดเสี่ยงและจุดอันตราย พร้อมบำรุงรักษาทางหลวงให้อยู่ในสภาพดี และมีรถบริการช่วยเหลือฉุกเฉินเมื่อผู้ใช้ทางเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย

อีกทั้งได้ขอความร่วมมือผู้รับจ้างคืนผิวทางในพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการ ซึ่งหากพบว่ามีปริมาณจราจรหนาแน่นบนเส้นทางหลักจะทำการประสานงานกับตำรวจ ทางหลวง ในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรหรือการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’เปิดประตูสู่ภาคตะวันตก เยือนหัวหินสร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ 'ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย' ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
คุณสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ที่หัวหิน เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของไทย ซึ่งมีความสวยงามของท้องทะเล และยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร มีศูนย์ประชุมและสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับการจัดประชุมสัมมนาได้โดยมีมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย TMVS อีกด้วย ซึ่งหัวหินมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างดีเยี่ยม” คุณสุวัชชัยกล่าว

ภายในงานโรดโชว์ได้รับเกียรติจากท่านพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน ร่วมเปิดงาน และมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” โดย คุณสัมพันธ์ พงษ์พรรณนากูล ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง คุณวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก คุณชณัฎฐ์ พงศ์ธราธิก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ คุณวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ และ ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ ผู้แทนการตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง

โดยมีคุณนิยม อิงคสุรวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโส สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง มาให้ข้อมูลโครงการประชุมเมืองไทยฯ และ คุณนราศักดิ์ ม่วงแก้ว ผู้จัดการส่วนงาน MICE Innovation ร่วมให้ข้อมูลเรื่องแพลตฟอร์ม Thai MICE Connect

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายในหัวข้อ 'จับตาชีพจรไมซ์ปี 2566' โดย คุณภูมินทร์ มีถาวรกุล ผู้ปฏิบัติการอาวุโส ฝ่าย MICE Intelligence และ นวัตกรรม และยังมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวอีกด้วย
สำหรับโครงการ 'ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย' เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณการจัดงานไมซ์ให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายที่มีแผนการจัดการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ โดยต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip)

โดยตั้งเป้าหมายมีองค์กรสมัครเข้าร่วมขอรับการสนับสนุน 1,000 กลุ่ม มีจำนวนนักเดินทางไมซ์กว่า 30,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ 180 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP Contribution) 101 ล้านบาท รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 6 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน 120 อัตรา

‘ร้านขายปลีกดอกไม้’ คึกคัก หลังคอการเมืองแห่ซื้อดาวเรือง เพื่อนำไปให้นักการเมืองที่ชื่นชอบ ส่งผลให้ราคาขยับเล็กน้อย 

(4 เม.ย.66) ที่จังหวัดนครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจตลาดร้านขายดอกไม้ค้าส่ง-ค้าปลีก ในพื้นที่ตลาดสด ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ หลังทราบว่า ขณะนี้ดอกดาวเรืองกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

เนื่องจากเมื่อวานได้มีการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จึงทำให้บรรดาแฟนคลับกองเชียร์ แม่ยก รวมถึงบรรดาหัวคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.แต่ละราย เริ่มมีการสั่งซื้อดอกดาวเรือง เพื่อนำไปทำพวงมาลัยคล้องคอให้กับนักการเมืองที่ตนเองชื่นชอบกันเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลทำให้ช่วงนี้มียอดการขายดอกดาวเรืองสูงเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบไม่พอขายเลยทีเดียว

และจากการตรวจสอบราคาดอกดาวเรืองในวันนี้ พบว่าราคาส่ง มีการขยับขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอยู่ที่ราคา 0.20-1.00 บาท/ดอก ส่วนพวงมาลัยดอกดาวเรืองสำเร็จรูป จากเดิมจะขายพวงละ 100 บาท แต่ตอนนี้มีการปรับราคาขึ้นมาเป็นพวงละ 120-140 บาทแล้ว

‘Major-ITC’ เปิดโปรเจกต์ ‘i-Tail PET CINEMA’  โรงหนังสำหรับคนรักสุนัข-แมว สามารถดูหนังร่วมกับน้องได้

หลายปีที่ผ่านมาเทรนด์ Pet Humanization ครอบครัวที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกคนสำคัญในครอบครัวเติบโตอย่างมาก จนกลายเป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลก ซึ่งมาจากสังคมยุคใหม่มีขนาดเล็กลง เป็นโสดมากขึ้น มีลูกน้อยลงหรือบางครอบครัวเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก

สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงครองอันดับต้นๆ มาตลอด ต้องยกให้ “น้องหมา” และ “น้องแมว”  ที่บรรดาเจ้าของ พร้อมเปย์ทั้งเงินและเวลา ดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกิน สุขภาพ หาของเล่น เสื้อผ้า พาไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยทุกที่

ทำให้สินค้าและบริการต่างๆ ต้องออกโปรดักท์มาเอาใจทาสหมา ทาสแมว ล่าสุด คุณวิศรุต พูลวรลักษณ์ รองประธานกรรมการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ คุณพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในเครือไทยยูเนี่ยน เตรียมเปิด “i-Tail PET CINEMA” โรงภาพยนตร์สำหรับคนรักสุนัขและแมวแห่งแรกในประเทศไทย

K2 Medical บุกตลาด 'สกินแคร์' เปิดตัว NHH ท็อปแบรนด์ไต้หวันขยายฐานลูกค้าในไทย

บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ส่ง เคทู เอสธีติค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามชั้นนำเปิดตัว “NHH” แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไต้หวัน รุกตลาดความงามประเทศไทย พร้อมอัดงบหลักประมาณ 200-300 ล้านบาท วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากสารสกัดพืชไทยสู่ตลาดโลก เสริมความแกร่งช่องทางจัดจำหน่ายเข้มข้นทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ พร้อมสยายปีกขยายฐานลูกค้าอาเซียน

นายไมเคิล เย่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสกินแคร์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีมูลค่าตลาดรวม 8.34 หมื่นล้านบาทเติบโต 7-8% ขณะเดียวกันยังมีการแข่งขันที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจากผู้เล่นทั้งแบรนด์ในประเทศและเคาน์เตอร์แบรนด์จากต่างประเทศ ที่มุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกันคือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละช่วงของอายุ ส่งผลให้ 5 ปีที่ผ่านมาตลาดสกินแคร์ขยายขอบเขตมากขึ้น แต่ผู้นำตลาดยังคงเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศและ Organic Brand

ในปี 2566 นี้ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีบริษัทย่อย เคทู เอสธีติค เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงาม จึงรุกเข้าสู่ตลาดสกินแคร์ในประเทศไทย โดยนำเข้าแบรนด์ NHH จากประเทศไต้หวันซึ่งมีส่วนผสมของสารสกัด LONICA เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ช่วยให้ Sodium Hyaluronate ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวชั้นใน ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจาก บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด เบื้องต้นจะทำตลาดใน 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่ Hyaluronic Acid Treatment Essence ,Hyaluronic Acid Treatment Cream, Hyaluronic Acid Treatment Lotion, Hyaluronic Acid Skin Renewal facial wash, Hyaluronic Acid Energy Toner, Hyaluronic Acid Herbpro Acne เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยรุ่น Y2K    

“การมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมากทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาการดูแลผิวเฉพาะบุคคลและไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็พร้อมเปิดใจรับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการดูแลผิวพรรณของตัวเองให้ดูดีที่สุด บริษัทจึงมองว่าเป็นความท้าทายมากกว่าเป็นอุปสรรค เพราะปัจจุบันสกินแคร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์นำเข้าจากอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและเกาหลี ดังนั้นการเปิดตลาดใหม่ภายใต้ผลิตภัณฑ์จากไต้หวัน จึงถือว่าเป็นโอกาสของบริษัทที่จะสร้างความแตกต่าง รวมถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้ผู้บริโภค” นายไมเคิล เย่ กล่าว 

Ms.Hsieh Hui-Ping ประธานบริษัท  บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด ผู้คิดค้น และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม จากธรรมชาติ อันดับหนึ่งในประเทศไต้หวัน กล่าวว่า “B&M ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2536 ภายใต้ความตั้งใจที่จะนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพที่มาจากธรรมชาติ โดยค้นหาส่วนผสมคุณภาพตามหลักปรัชญาที่ว่า "หากส่วนผสมนั้นเราสามารถกินได้ ก็ย่อมปลอดภัยที่จะใช้กับผิวของเรา" ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500, สถาบันของรัฐบาล และบริษัทสตาร์ทอัพด้านความงาม เพื่อค้นหาและสกัดส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดส่วนผสมจากพืชที่ได้รับสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง และปัจจุบันเราได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในการช่วยลูกค้าของเราผลิตสูตรเฉพาะ และสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามให้กลุ่มลูกค้าทั่วโลก”

สำหรับ แบรนด์ NHH ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ A+ PERDU ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆในประเทศไต้หวัน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ที่ส่วนผสมหลักคือสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ 100% ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก ตลอดจนกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไต้หวันมายาวนาน รวมถึงเป็นตัวแทนของประเทศไต้หวันในการเข้าร่วมประชุม APEC  2022 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย

การขยายตลาดมายังประเทศไทยครั้งนี้ เรามองว่าผลิตภัณฑ์เหมาะกับสภาพผิวและสามารถตอบโจทย์ความต้องการเรื่องการบำรุงผิวผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์จากไต้หวันในตลาดประเทศไทยมากนัก นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับ NHH และ A+ PERDU จะเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดและเป็นทางเลือกที่ดีให้กับผู้บริโภค เราจึงเชื่อมั่นว่า K2 เอสธีติค จะสามารถทำให้แบรนด์ NHH และ A+ PERDU ติดตลาดและเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทยได้ไม่ยาก 

นายพีท เชียช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 79 ยูนิ มายด์ จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ NHH กล่าวเสริมว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างแบรนด์และนำนวัตกรรมที่สกัดโดยพืชธรรมชาติให้ลูกค้าและผู้ที่กำลังมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อการดูแล บำรุงผิวอย่างปลอดภัยมากที่สุด 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top