Saturday, 26 April 2025
NEWS

สมุทรปราการ-ครอบครัวพาณิชย์พิศาล ร่วมกับ ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา จัดกิจกรรมงานวันเด็กแจกของรางวัล เงินสด แก่เด็กทุกคนที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดมหาวงษ์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กันอย่างคึกคัก มีน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีการจับฉลากลุ้นของรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก

โดยนายอัครนันท์ พร้อมด้วย นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ผู้ใหญ่ใจดีและเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ ให้เกียรติเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นางสาว ปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา นำคณะเจ้าหน้าที่โฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธามาร่วมจัดกิจกรรมมอบความสุขให้แก่น้องๆ หนูๆ 

ซึ่งกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ทางครอบครัวพาณิชย์พิศาล โดยนายอัครนันท์ และ นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ได้มอบเงินสดจำนวน 100 บาท ให้แก่เด็กทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมงานวันเด็ก นอกจากนี้ยังมีซุ้มอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ไอศครีม ไก่ทอด นำมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานได้กินอิ่มกันอย่างเต็มที่อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในกิจกรรมได้มีการจับฉลากเพื่อลุ้นรับของรางวัลเป็นจำนวนมาก มีคณะเจ้าหน้าที่จากชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา ที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่น้องๆ หนูๆ ทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน   

สมุทรปราการ-กำนันขวัญเรือน นาคทิม จัดเต็ม!! มอบความสุขรับวันเด็กแห่งชาติ

(13 ม.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในลานกิจกรรมโรงเรียนคลองมหาวงก์ ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กันอย่างคึกคัก มีน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีจับฉลากลุ้นของรางวัลเป็นจำนวนมาก

โดย นางสาวขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง พร้อมด้วย คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวมถึงผู้ใหญ่ใจดีได้ร่วมกันจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายในลานกิจกรรมของโรงเรียนคลองมหาวงก์ ภายในงานได้รับเกียรติจากนาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ให้เกียรติเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมีคณะครูอาจารย์โรงเรียนคลองมหาวงก์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาร่วมสร้างสีสันให้กับงานด้วยการแต่งกายในชุดนักเรียนสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับผู้ที่มาร่วมงานกันอย่างมาก ภายในกิจกรรมทางผู้ใหญ่ใจดี ได้ร่วมสนับสนุนของรางวัลมากมาย มีซุ้มอาหารต่างๆ ทั้งขนม ไอศครีม น้ำดื่ม นำมาแจกจ่ายให้ผู้ปกครองและน้องๆ หนูๆ ได้กินอิ่มกันอย่างเต็มที่ 

ซึ่งงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ยังได้มีการมอบทุนการศึกษา รวมถึงการจับฉลากลุ้นของรางวัลจำนวนหลายรายการ อาทิเช่น รถจักรยาน พัดลม ตุ๊กตาตัวใหญ่ สมุด ดินสอ เงินสนับสนุนการศึกษา รวมถึงของรางวัลอื่นๆ อีกหลายรายการ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงโชว์จากคณะครูและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสร้างสีสันและรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับเด็กและผู้ปกครองทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมในปีนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

INTERLINK EXPO 2025 ดีลครบ ลดคุ้ม จัดมหกรรมครั้งใหญ่ เปิดศักราช ลดอลังการให้คู่ค้าที่ภาคกลาง ตอบแทนคืนกำไรให้ในราคาลดหนักประหยัดจริง ตอบโจทย์ทุกงานระบบ ครบทุก Solution

(12 ม.ค. 68) คุ้มค่าเกินคาด!! บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จัดมหกรรมลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ ‘INTERLINK EXPO 2025 ดีลครบ ลดคุ้ม’ เพื่อตอบแทนทุนให้คู่ค้า และพันธมิตรในภูมิภาคกลาง ส่งตรงถึงมือ ด้วยส่วนลดสุดพิเศษสูงสุดถึง 70% นำทัพสินค้าคุณภาพดี ราคาโดนใจ จัดให้ในราคาสบายกระเป๋า รวมถึงยกชุดทุกโซลูชันของ สินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE จัดโปรกระหน่ำกว่า 1,000 รายการ คืนกำไรเต็มให้คู่ค้าอย่างแท้จริง กล้ารับประกันถูกกว่านี้ไม่มีที่ไหนแน่นอน ภายในงานประกอบด้วยสินค้า และโซลูชันครบวงจร ทั้งสาย LAN/สาย FIBER OPTIC/Solar Solution/ตู้ LINK RACK และสินค้า 19” GERMANY EXPORT RACK และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มากมาย จัดดีลพิเศษ Cash Back และกิจกรรมลุ้นรางวัลใหญ่อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการประกาศข่าวดี เปิดศักราชด้วยนวัตกรรมใหม่ ‘NEW INNOVATION’ พร้อมตอกย้ำแบรนด์ LINK AMERICAN CABLING ที่จะมาตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ที่ครอบคลุมทุกความต้องการกันที่งานนี้เป็นที่แรก ความคุ้มค่านี้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นำพาธุรกิจเติบโตร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน แบบมีคุณภาพต่อไปในอนาคต

 

รัฐบาล เชิญชวน!! ประชาชน ร่วมงานพระราชพิธีสมมงคล เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 14 ม.ค. นี้

(12 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ (สลค.) แจ้งการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 2 จากเดิมในวันอังคารที่ 14 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ในเวลา 10.00 น. เนื่องด้วยในวันที่ 14 มกราคม รัฐบาลได้จัดงาน ‘พระราชพิธีสมมงคล’ (สะ-มะ-มง-คล) โดยนายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ‘พระราชพิธีสมมงคล’ ซึ่งรัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568

นายจิรายุ กล่าวว่า ในส่วนของกิจกรรม ประกอบด้วย 7 กิจกรรม ดังนี้ 1.พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-20 มกราคม 2568 2.การบูรณปฏิสังขรณ์ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี 3.การจัดแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพมหานคร ในวันที่อังคารที่ 14 มกราคม 2568

4.การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ 5.การจัดพิธีทางศาสนาและกิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ ศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 6.การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตตภาวนา ถวายพระราชกุศล และ 7.การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรุงเทพมหานคร

“วันที่ 14 มกราคมนี้ นับเป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน เป็นวันสมมงคล (สะ–มะ-มง-คล) เท่ากับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญในครั้งนี้” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

‘มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)’ ส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เตือนภัยน้ำท่วม ให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

(12 ม.ค. 68) มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ทำหน้าที่แทนประธานมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธีส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ ภายใต้โครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติเพื่อสนับสนุนการเตือนภัยน้ำหลากในลำน้ำสาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีพันโทตั้น หล่าย วิน (Lt.col. Thant Laing Win) รักษาราชการ ผู้บังคับการ กองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นผู้แทนรับมอบ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือเพื่อติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ สนับสนุนการเตือนภัยในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คณะกรรมการมูลนิธิฯ ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่าย และผู้สนับสนุนโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ จาก Central Group ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับโครงการดังกล่าว มูลนิธิฯ ได้ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ จำนวน 4 สถานี ซึ่งอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก จำนวน 3 สถานี ประกอบด้วย บริเวณบ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง บ้านสบสาย และอยู่ที่สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 1 สถานี

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ได้ส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติทั้ง 3 สถานี พร้อมด้วยโมเดลจำลองให้กับพันโทตั้น หล่าย วิน ผู้แทนฝ่ายเมียนมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือ

ทั้งนี้ ดร. รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้นำเสนอการทำงานของสถานีโทรมาตรและระบบแสดงผลข้อมูลระดับน้ำ และปริมาณน้ำฝนอัตโนมัติ ผ่านจอ LED ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ซึ่งประชาชนทั่วไปที่สัญจรผ่านไปมาสามารถดูข้อมูลดังกล่าว เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังก่อนเกิดอุทกภัยล่วงหน้าได้ประมาณ 8-9 ชั่วโมง ก่อนที่มวลน้ำจากต้นน้ำแม่สายที่อยู่ฝั่งเมียนมาจะมาถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

จากนั้น รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ พร้อมคณะ เดินทางต่อไปยังลานจัดกิจกรรม โครงการฟื้นฟูชุมชน บรรเทาทุกข์ บำรุงสุขให้ยั่งยืน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ณ บ้านผาจม ต.เวียพางคำ อ. แม่สาย จ.เชียงราย เข้าสักการะพระพุทธวิชัย เขมิโย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชมผาจม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเคยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2567

จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ พร้อมด้วยทีมเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติและเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ได้ลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 จนถึงปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ช่วยอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย มอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 500 ถุง และอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ประกอบอาหารปรุงสุก จำนวน 21,800 กล่อง สำหรับผู้ประสบอุทกภัย ทั้งนี้มูลนิธิฯ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการร่วมกันบูรณาการในการจัดกิจกรรม ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เศียรพระพุทธวิชัย เขมิโย หัก ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของชุมชนผาจม ทางชาวบ้านและมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา) จึงได้เร่งบูรณะ ให้กลับมาเป็นศูนย์ที่ยึดเหนี่ยวของชาวบ้านอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ชาวบ้านมีการแสดงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดจนในวันนี้ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ทางมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำอุปกรณ์การกีฬา เครื่องอุปโภคบริโภค ชุดนักเรียน ชุดเครื่องนอน ตลอดเงินบริจาคผู้สนับสนุนต่างๆ นำมาแจกจ่ายให้เด็กในชุมชนอีกด้วย

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่

(12 ม.ค. 68) ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอเเม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรี ชายแดน  กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปกป.ภาค 3 ให้การต้อนรับ พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วย นายสมบูรณ์  หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายฉลอง  ทองนะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ว่าที่พันตรี กรพด  รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายไชยยงค์  มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ นางสาวนวลนิจ  หงษ์วิวัฒน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ นายนิฟาริด  ระเด่นอาหมัด ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ และนาวาตรี วุฒิพงศ์  พงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ โดยได้ร่วมประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ แผนงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมไปถึงเป้าหมายในปี 2568 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ตลอดจนรับทราบปัญหาและอุปสรรคที่ต้องการให้คณะกรรมาธิการได้ผลักดันช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้ให้แนวคิดและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

“พิชัย” หารือทูตญี่ปุ่น ดึงนักลงทุนเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมอนาคต ยานยนต์-ดิจิทัล เร่งปิดดีล FTA ขยายตลาดส่งออก

(12 ม.ค. 68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (นายโอตากะ มาซาโตะ) เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ โดยตนรู้สึกดีใจที่นักลงทุนญี่ปุ่นจำนวนมากกลับเข้าสู่ไทย และญี่ปุ่นมีการลงทุนเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลดการลงทุนในไทย ภายหลังการรัฐประหารปี 2557 ไปร่วมทศวรรษ การได้พบกับท่านทูตมาซาโตะ เป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมถึงได้ฝากให้ช่วยดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นให้ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ ยานยนต์ยุคใหม่ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งได้สานต่อการเจรจาหลังตนได้เยือนญี่ปุ่นดึงนักลงทุนและหารือกับผู้นำระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้คำมั่นที่จะขยายตลาดการส่งออกผ่าน FTA ในกลุ่มประเทศที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกต่อไป

นายพิชัย กล่าวว่า ไทยมุ่งหวังเป็นศูนย์กลางสำหรับการค้าและการลงทุน เป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ และการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในวันนี้ตนจึงได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งยานยนต์สันดาปและยานยนต์ยุคใหม่ รวมทั้งอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ โดยที่ผ่านมา ญี่ปุ่นยังเป็นนักลงทุนต่างชาติกลุ่มแรกที่เข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ในไทยและมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานอุตสาหกรรมของไทย 

และวันนี้ตนยังได้มีโอกาสหารือกับ นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และนายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และคณะ เพื่อความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐกับเอกชนให้ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ของอาเซียน โดยภาคเอกชนฝากการบ้านให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยขยายตลาดการส่งออกผ่าน FTA ในกลุ่มประเทศที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก เช่น กลุ่มประเทศอาหรับ รวมทั้งการเจรจา FTA ไทย-อียู ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เร่งเจรจา เพื่อปิดจบ FTA ฉบับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง 

“เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ได้หารือกับ H.E. Mr. HAYASHI Yoshimasa เลขา ครม. ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงในรัฐบาลญี่ปุ่น และ Mr.Taro KONO สส .จังหวัดคานางาวะ อดีตรัฐมนตรีดิจิทัลของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในญี่ปุ่น ประเด็นความร่วมมือในอุตสาหกรรมใหม่ ที่ญี่ปุ่นกำลังสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านล้านเยน (2.2 ล้านล้านบาท) เพื่อให้ไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของญี่ปุ่น และได้มีโอกาสพบหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่นหลายราย เช่น บริษัท NTT Corporation บริษัท TOYOTA TSUSHO บริษัท GS Yuasa International บริษัท Hitachi และบริษัท Mitsubishi Electric Corporation เพื่อเชิญชวนขยายการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยตนพร้อมสนับสนุนการลงทุนของญี่ปุ่นและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนใหม่ในไทยอีกกว่า 2–3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ไทยอยู่ระหว่างการเจรจา FTA กับอีกหลายประเทศ ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทย” พิชัยกล่าว

นายพิชัย เสริมว่า ไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยล่าสุด สับปะรดห้วยมุ่นของไทยได้รับขึ้นทะเบียนสินค้า GI ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสินค้ารายการที่ 3 ต่อจากกาแฟดอยช้างและกาแฟดอยตุง ภายใต้ความร่วมมือแลกเปลี่ยนการขึ้นทะเบียน GI 3 + 3 นอกจากนี้ ตนยังได้แสดงความพร้อมที่กระทรวงพาณิชย์จะมีส่วนร่วมในงาน EXPO 2025 Osaka Kansai ที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 โดยจะมีการจัดThailand Pavilion นำเสนอศักยภาพของไทยผสมผสานระหว่างการแพทย์สมัยใหม่และการแพทย์แผนไทย การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ รวมถึงสินค้าสมุนไพร เครื่องสำอาง และสปา ซึ่งเป็นการส่งเสริม soft power ไทยสู่สากล

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2567 (มกราคม – พฤศจิกายน) มีมูลค่าการค้ารวม 48,093.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไปยังญี่ปุ่นมูลค่า 21,545.26ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ และการนำเข้าของไทยจากญี่ปุ่นมูลค่า 26,547.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า

สมุทรปราการ-คึกคัก!! พระครูแจ้ มอบความสุขรับวันเด็ก แจกเงินร่วม 1 ล้าน ให้เด็กกว่า 2,000 คน 

วัดบางพลีใหญ่กลาง หรือวัดพระนอน ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 พร้อมทั้งแจกขนม นม สิ่งของต่างๆ และเงินให้กับเด็กๆ จำนวนกว่า 2,000 คน สร้างความคึกคักและรอยยิ้มให้แก่เด็กทุกคนที่มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

วันที่ (11 ม.ค. 68) ที่ผ่านมา เวลา 08.30 น. ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานจัดกิจกรรมวัดเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่มีของรางวัลมากมาย อาทิเช่น จักรยาน ชุดนักเรียน รองเท้า สมุด ดินสอ ขนม นม และอุปกรณ์ยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงสิ่งของต่างๆ อีกมากมายที่นำมาแจกจ่ายให้กับเด็กทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ รวมถึงซุ้มอาหาร และไอศครีมจากผู้ใหญ่ใจดี

โดยในช่วงเช้าทางผู้ปกครองได้นำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้นับว่ามีเด็กๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก กว่า 2,000 คน ที่ต่างเดินทางมานั่งรอของรางวัลจากท่านพระครูแจ้ โดยวันเด็กแห่งชาติปีนี้ท่านพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้แจกเงินให้เด็กแรกเกิด ไปจนถึง 1 ขวบ คนละ 500 บาท เด็กเล็ก คนละ 200 บาท และเด็กโต คนละ 100 บาท

โดยมี นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ คณะไวยาวัจกร คณะกรรมการวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะเจ้าหน้าที่ อบต.บางพลีใหญ่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี สภ.บางปู เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน

ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดบางพลีใหญ่กลาง เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ คณะครู ผู้ปกครอง นอกจากนี้ ท่านพระครูแจ้ยังได้เมตตามอบเงินสนับสนุนให้แก่หน่วยงานราชการเพื่อนำเงินไปพัฒนาองค์กรของตนเอง นับว่าวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 นี้ สร้างสีสันและรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ ทุกคนที่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม กว่า 2,000 คน
คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

เชียงใหม่-งานวันเด็กแห่งชาติ กองบิน 41 ประจำปี 2568 

วันเสาร์ที่ (11 ม.ค. 68) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก จตุรงค์ รักสุภาพ รองผู้บังคับการกองบิน 41 ประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ กองบิน 41 ประจำปี 2568 โดยมี เสนาธิการกองบิน 41, หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองบิน 41, ชมรมแม่บ้านทหารอากาศ กองบิน 41, หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน รวมถึงวงดุริยางค์ จากโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ร่วมพิธีในครั้งนี้ ณ บริเวณลานจอดอากาศยาน ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41
     

ทั้งนี้ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กองบิน 41 ได้เห็นความสำคัญของเด็กเป็นอนาคตของชาติจึงจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ นอกจากเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กแล้วยังเป็นการ เสริมสร้างจิตสำนึกในด้านความเสียสละ ความรัก ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย เพื่อเด็กจะได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและพัฒนาชาติต่อไป

สำหรับกิจกรรมภายในงานต่างๆ  อาทิ การแสดงจากโรงเรียนขาลสุวรรณอนุสรณ์, การแสดงเครื่องบินบังคับวิทยุ RC, การแสดงมอเตอร์ไซค์จิ๋ว, การแสดงของท่าอากาศยานเชียงใหม่และวิทยุการบิน การแสดงภาคพื้น ได้แก่ การแสดงความสามารถของสุนัขทหาร และการแสดงยิงปืนฉับพลัน จากกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 การแสดงการยิงต่อสู้อากาศยาน รวมถึงการแสดงภาคอากาศ ได้แก่ การแสดงสมรรถนะของเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) การแสดงสมรรถนะของเครื่องบิน AT-6TH การแสดงสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก (F-16) การแสดงการโจมตีทางอากาศ และการบินค้นหาและช่วยผู้ประสบภัยทางอากาศ อีกทั้งได้จัดให้มีการสัมผัสยุทโธปกรณ์ทางทหารอย่างใกล้ชิด และพบกับนักบินตัวจริง เส้นทางสู่ฝันอาชีพนักบิน ถ่ายรูปกับเครื่องบิน และยุทโธปกรณ์

นอกจากนี้ยังมีบูธต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก อีกทั้งยังมีการเล่นกิจกรรม เล่นเกมส์ ตอบคำถาม ร้องเพลง และแจกของรางวัล ณ เวทีกลางงานวันเด็กจากพี่ๆข้าราชการและวงโยธวาทิตที่4 กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 ให้เด็กๆได้สนุกสนาน ได้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องบินที่ได้นำมาแสดงให้รับชม และที่สำคัญเพื่อสร้างความรู้ให้เด็กๆอีกด้วย

นภาพร/เชียงใหม่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว มุ่งสร้างความเชื่อมั่น พร้อมรองรับสถานการณ์ในทุกมิติ 

จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ประเทศไทย เป็นทางผ่าน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม 

วันนี้ (12 ม.ค. 68) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทท.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในทุกมิติ เพื่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปทท.ตร. (Tourist Safety Operations Center : TSOC) โดยมี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปทท.ตร. ขับเคลื่อนให้ตำรวจทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวได้อย่างเป็นระบบ 

ศปทท.ตร. พร้อมด้วยตำรวจท่องเที่ยว นำโดย พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ร่วมบูรณาการการปฏิบัติกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ด้วยมาตรการที่รัดกุมในการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร โดยมีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Thailand Tourist police เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลด ส่งข้อความ รูปภาพ และพิกัดสถานที่ เพื่อสอบถามข้อมูล แจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เชื่อมโยงกับศูนย์รับแจ้งเหตุ 1155 ซึ่งมีบริการเจ้าหน้าที่ล่ามแปลภาษา 8 ภาษา ตลอด 24 ชั่วโมง ประสานการทำงานกับศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ในการรับแจ้งเหตุและร่วมกันระงับเหตุ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และสนับสนุนตำรวจท้องที่ในการแปลภาษาตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ได้ทันที ช่วยให้การประสานงานระหว่างนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมบูรณาการการปฏิบัติกับสถานทูตที่มีที่ตั้งอยู่ในประเทศ หารือแลกเปลี่ยนยกระดับดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และร่วมกันวางแผนแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญเร่งด่วน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และประสานข้อมูลเหตุข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เพื่อแก้ไขปัญหา และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนของประเทศตนเองได้รับทราบข้อเท็จจริง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต่างทุ่มเทและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ยกระดับความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ด้วยมาตรการที่มีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความปลอดภัย ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมระดับสากล

สมุทรปราการ-สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีม ร่วมกับ MOONEYES SKATE PARK จัดแข่งขันกีฬาสเก็ต บอร์ดที่ยิ่งใหญ่ในสมุทรปราการ นักกีฬาจากทั่วประเทศร่วมแข่งขัน

วันที่ (11 ม.ค. 68) ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. MOONEYES Skatepark และ สมาคมกีฬาเอ็กข์ตรีมจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับ Triple SSS ทริปเปิลเอส และสมาคมกีฬาส่งเสริมกีฬาอาชีพจังหวัดสมุทรปราการ (PSAS) ที่มุ่งมั่นสร้างเวทีสำหรับนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทย พร้อมผลักดันวงการกีฬาเอ็กซ์ตรีมในประเทศไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับโลก 

โดยการจัดการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีมแบบทัวร์นาเมนต์ ที่มีชื่อว่า “SamutPrakan X League  ณ MOONEYES “SamutPrakan X League 2025 (SPX League)” ไฮไลต์สำคัญของ MOONGames 2025 การแข่งขันสเก็ตบอร์ด 8 รายการ ครอบคลุมทุกช่วงอายุ ตั้งแต่ 5-35 ปีขึ้นไป โดยมีนักกีฬาจากทั่วประเทศร่วมชิงเงินรางวัล รวมกว่า 100,000 บาท การแสดงดนตรีสุดมันส์จากวงฮิปฮอปชื่อดัง เช่น YBC, The Foolest และ Chonburi Flow ที่สร้างสีสันตลอดทั้งวัน การพบปะอินฟลูเอนเซอร์ในวงการสเก็ตบอร์ด และแขกพิเศษจาก MOONEYES Japan โซนกิจกรรมและโซนอาหาร-เครื่องดื่ม ที่พร้อมต้อนรับผู้เข้าร่วมงานทุกเพศทุกวัย 

โดยได้รับเกียรติ จากนายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ คุณจรรยารักษ์ สาธิตกิจ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและการกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ ว่าที่ร้อยตรี ชัชวรรธณ์ นุชลำยอง ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสมุทรปราการ Special Guest ผู้ทรงเกียรติ จาก MOONEYES japan นายจักรพันธ์ รุ่งสุขเจริญ นายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมจังหวัดสมุทรปราการ คุณฝ้าย นิตยา สุพัฒน์เดชากุล นายกสมาคมกีฬาส่งเสริมกีฬาอาชีพจังหวัดสมุทรปราการ (PSAS) มาร่วมเป็นในพิธีเปิดงาน

SPX League: การสร้างอนาคตใหม่ของกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทย SPX League ได้สร้างลีกการแข่งขันที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยจะจัดการแข่งขันในปี 2568 ทั้งหมด 3 สนาม เพื่อเก็บคะแนน สะสมและส่งเสริมนักกีฬาให้ก้าวเข้าสู่การเล่นระดับอาชีพ เป้าหมายสำคัญของ SPX League ส่งเสริมเยาวชนไทยให้มีพื้นที่พัฒนาทักษะกีฬาเอ็กซ์ตรีม ยกระดับกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทยให้ได้รับการยอมรับในเวทีสากล ผลักดันจังหวัดสมุทรปราการให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านกีฬาและการท่องเที่ยวโอกาสสู่เวทีระดับชาติและนานาชาติ MOONEYES Skatepark BKK และ SESA ยังได้ร่วมกันคัดเลือกนักกีฬาไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในเวทีระดับชาติ 

เช่นกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 49 “จันท์เกมส์” ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2567 ณ จังหวัดจันทบุรี กีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 40 “ฉลามเยาวชลเกมส์” วันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 2568 ณ จังหวัดชลบุรี งานครั้งนี้พิสูจน์ถึงความสำเร็จในการส่งเสริมกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทย ทั้งในด้านการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน การขยายความนิยมของกีฬาเอ็กซ์ตรีมในวงกว้าง และการพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรเอกชน และสมาคมกีฬา ในจังหวัดสมุทรปราการ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: MOONEYES Skatepark BKK , Triple SSS Skatepark และ SPX League แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทยไปด้วยกัน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘อรรถวิชช์’ เผย!! กฎหมายส่งเสริม การใช้ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ทะลุ!! ทุกขั้นตอน แจ้งที่เดียว วิศวกรเซ็นรับรอง ติดตั้งได้เลย

(11 ม.ค. 68) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะผู้ยกร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า

ร่างกฎหมายฉบับนี้มีที่มาจากการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์เซลล์ค่อนข้างลำบากเนื่องจากต้องขออนุญาตหลายหน่วยงาน ถือถ้าเกิน 1,000 เมกะวัตต์จะต้องขออนุญาตมากถึง 5 หน่วยงาน ซึ่งใช้ระยะเวลาเกือบ 1 ปีถึงจะได้รับอนุญาต

ดังนั้นกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะทะลุขั้นตอนการขออนุญาตหมดเลย เพียงแค่แจ้งที่เดียว และให้วิศวกรเซ็นรับรอง ซึ่งจะทำให้ความล่าช้าทั้งหมดหายไปทันที

ในขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพัฒนาตัว Inverter ขนาด 5 กิโลวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการทดสอบมาตรฐานซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย และเมื่อมีการผลิตมาวางจำหน่ายราคาจะลดลงครึ่งนึงจากสินค้าที่วางจำหน่ายในตลาด 

เมื่อราคาถูก ประกอบกับการขออนุญาตติดตั้งง่ายขึ้น ประชาชนก็จะมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์มากยิ่งขึ้น เป็นช่วงกลางวันใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วงกลางคืนเชื่อมต่อกับไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

AIS ผนึก ตำรวจไซเบอร์ ปฏิบัติการเชิงรุก ปราบ โจรจีนเทา จับเครื่องส่ง SMS ปลอม เตือน! ประชาชนอย่ากดลิงก์เด็ดขาด

พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ร่วมกับ AIS โดย นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ แถลงผลการปฏิบัติการของตำรวจไซเบอร์ บช.สอท. ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยครั้งนี้ 'มาตรการระเบิดสะพานโจร' คือ การบุกรวบจีนเทาพร้อมเครื่องส่ง SMS ปลอม (False Base Station) ได้คารถ หลังตระเวนขับรถส่ง SMS ที่ปลอม Sender ผู้ส่งเป็นชื่อ AIS โดยเป็นข้อความลวงให้แลกคะแนน AIS Points แนบลิงก์ดูดเงิน ในย่านรามอินทรา สุขุมวิท และฝั่งธนฯ

สืบเนื่องจาก จนท. ตำรวจไซเบอร์ ได้รับการประสานจาก AIS ว่าตรวจพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ขับตระเวนบริเวณชุมชน ห้างสรรพสินค้า ที่มีประชาชนหนาแน่น แล้วใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณความถี่ผิดกฎหมาย ส่งสัญญาณเข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมีโดยปลอมเป็นเครือข่าย AIS ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ

ตำรวจไซเบอร์จึงร่วมมือกับทีมวิศวกร AIS สืบสวนติดตาม จนพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ฮอนด้า CRV สีบรอนด์ ที่ต้องสงสัย จึงได้สะกดรอยตาม พบรถคันดังกล่าวมาจอดที่ลานจอดรถของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในซอยนวลจันทร์ 60

จากการสังเกตพบคนต่างด้าวลักษณะเหมือนคนจีนลงจากรถ เข้าไปพักในที่พักดังกล่าว จึงเฝ้าจุดดูความเคลื่อนไหว จนกระทั่งเช้าของวันที่ 9 มกราคม 2568 หนึ่งในคนต่างด้าวได้มาที่รถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ทีมวิศวกร AIS และ เจ้าหน้าที่ กสทช. จึงได้เข้าแสดงตัวตรวจสอบ พบว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งหลังรถคันดังกล่าวเป็นเครื่อง False Base Station ที่ถูกติดตั้งไว้พร้อมใช้งาน ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาเถื่อน ผิดกฎหมาย โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มและซิมโทรศัพท์มือถือกว่า 30 รายการ จึงได้ทำการจับกุมตัว MR.LI อายุ 49 ปี และ MR. ZHU อายุ 47 ปี สัญชาติจีน และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี การปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการตัดวงจรสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เถื่อน ปิดโอกาสคนร้ายในการติดต่อประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ โดยทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังคงร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นต่อไป

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการระบบสื่อสาร เราให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย จึงเดินหน้าทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยการให้ความร่วมมือกับตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐ ในการติดตามมิจฉาชีพ ตรวจสอบเส้นทาง ปิดกั้นการใช้เครือข่ายเป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน อย่างเรื่องการส่ง SMS ปลอม ผ่านอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False Base Station) เสมือนการปลอมเป็นเครือข่ายเอไอเอส ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาเถื่อน ผิดกฎหมาย เพราะหลังจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อมูลการได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด
 
ซึ่งเอไอเอสร่วมมือกับตำรวจตามจับมิจฉาชีพมาหลายเคสแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคง จนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวของมิจฉาชีพอย่างละเอียด ทำให้เข้าถึงแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้

นายวรุณเทพ ย้ำว่า "AIS ขอแจ้งไปยังประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อและให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์ แอดไลน์ หรือตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทำธุรกรรมใดๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หากเป็นลูกค้า AIS เมื่อรับสายที่เข้าข่ายมิจฉาชีพ เมื่อวางสาย สามารถกด *1185# โทรออก ภายใน 5 นาที ระบบจะส่งเบอร์ล่าสุดที่รับสายไปเพื่อตรวจสอบและบล็อกทันที หรือ หากได้รับ SMS ผิดปกติ ก็สามารถโทร.แจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป"

‘สวนดุสิตโพล’ เผย!! เด็กไทยอยากได้ ‘ทุนการศึกษา’ เป็นของขวัญ จากรัฐบาล ปลื้ม!! ‘ลิซ่า’ เป็นแรงบันดาลใจ พร้อมอยากให้มี ‘การเรียน - โรงเรียน’ที่สนุกขึ้น

(11 ม.ค. 68) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเด็กไทยทั่วประเทศ เรื่อง ‘เสียงสะท้อนจากเด็กไทย ปี 2568’ ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2568 กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กไทยอายุระหว่าง 6-18 ปี จำนวน 1,030 คน สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า สิ่งที่เด็กไทยชอบหรือประทับใจที่สุดในวัยเรียน คือ การเล่นกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ร้อยละ 66.21 นอกเหนือจากห้องเรียน เด็กไทยชอบเรียนรู้จากการดูคลิปหรือเรียนรู้จากมือถือ/แท็บเล็ตมากที่สุด ร้อยละ 76.99 ทักษะที่สำคัญสำหรับอนาคต คือ ทักษะการรู้จักป้องกันและรับมือกับภัยอันตรายทั้งในชีวิตจริงและออนไลน์ ร้อยละ 74.76 ทั้งนี้ เด็กไทยอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลง คือ โรงเรียนและการเรียนสนุกขึ้น ร้อยละ 61.26 ของขวัญที่อยากได้จากรัฐบาล/นายกรัฐมนตรีในวันเด็กปีนี้ คือ ทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือ ร้อยละ 74.37 นอกจากคุณพ่อคุณแม่ คนที่เด็กไทยชื่นชมและเป็นแรงบันดาลใจ คือ ลิซ่า ลลิษา ร้อยละ 47.09 รองลงมาคือ คุณครู ร้อยละ 41.26

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนเสียงของเด็กไทยอายุ 6-18 ปี ว่า 'ความสนุก' ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของช่วงวัยนี้ ทั้งการเล่นกับเพื่อนในโรงเรียนและคาดหวังให้การเรียนในห้องเรียนสนุกมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้น 'เรียนดี มีความสุข' หากสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ย่อมตอบโจทย์ผู้เรียนอย่างแท้จริง ผลโพลยังชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยตระหนักถึงภัยมิจฉาชีพออนไลน์ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงชื่นชมบุคคลศิลปินระดับโลกอย่าง ‘ลิซ่า ลลิษา’ คุณครู นักกีฬา ไปจนถึงนักการเมืองอย่าง ‘พิธา’ และ ‘แพทองธาร’

‘พี่อิ๊งค์’ ล้อมวงคุย!! ตอบคำถาม ตัวแทนเยาวชน ที่ตึกสันติไมตรี ย้ำ!! ทำงานไม่เหนื่อย ถึงแม้วันหยุดน้อย เพราะมีกำลังใจที่ดี

(11 ม.ค. 68) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งล้อมวงพูดคุยกับตัวแทนเด็กและเยาวชนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จากกรุงเทพมหานคร นครปฐม และสมุทรปราการ จำนวน 40 คน และผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จำนวน 6 คน จากภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ประกอบด้วย โรงเรียนอนุบาลสุราษฎร์ธานี โรงเรียนนารีนุกูลอุบลราชธานี โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทยจังหวัดน่าน และโรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน

นายกฯ กล่าวว่า พี่จบจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เป็นโรงเรียนหญิงล้วน จบแล้วไปต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 1 ถึงปี 4 และเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ เรียนจบสาขาโรงแรมเพราะว่าที่บ้านทำธุรกิจโรงแรมก็เลยอยากทำต่อ สรุปมาทำการเมืองแทน ความจริงอะไรที่เราแพลนไว้ไม่ได้ตามที่เราแพลนทุกอย่าง คำขวัญวันเด็กถึงได้พูดว่าพร้อมปรับตัวสู่อนาคตวันนี้น้อง ๆ มีคำถามอะไรถามได้เลย

โดยนักเรียนจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ถามนายกฯว่าเหนื่อยหรือเปล่ากับการทำงานในตำแหน่งนายกฯ ซึ่งนายกฯ ตอบว่า คิดว่าทุกตำแหน่งเหนื่อยคนละแบบ ความจริงเป็นนายกฯเหนื่อยแต่เหนื่อยปกติ อาจจะมีวันหยุดน้อยหน่อย เพราะเราหยุดอาจจะโดนว่าก็เลยทำให้ไม่ได้หยุด เป็นนายกฯหยุดอาจจะผิดเล็กน้อย แต่ความจริงไม่เหนื่อยเพราะมีกำลังใจที่ดีเวลาผลงานที่ทำออกไปแล้ว เราทำด้วยความตั้งใจเพราะเราตั้งใจทำ บางคนบอกว่าได้รับประโยชน์มันอิ่มใจ ใจมันฟู สิ่งที่พี่กำลังจะทำเรื่องของทุนการศึกษา ถ้ามีใครได้มีโอกาสในการศึกษาเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้หายเหนื่อย เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจทำงานให้นโยบายออกเยอะๆ ประชาชนได้ประโยชน์เยอะ ก็จะหายเหนื่อย

จากนั้นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนหอวัง เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ถามว่าเป็นผู้นำหญิงที่อายุน้อยที่สุดคิดว่ามันยากหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ทุกอายุมีความสามารถ การเป็นนายกฯอายุน้อยที่สุดสร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย ความจริงแล้วคิดว่าเนื้องานของการทำงานไม่ได้ต่างกับผู้ชาย แน่นอนมันก็ยังมีในเรื่องของความบูลลี่นิดนึงในความที่เราเป็นผู้หญิง อันนี้ถ้าสังคมเปิดกว้างขึ้น โลกเปิดกว้าง มีการพัฒนาตรงนี้มากขึ้น และเข้าใจมากขึ้นคิดว่าตรงนี้จะน้อยลง ซึ่งเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่านักการเมืองหญิงทั่วโลกจะถูกบูลลี่ในเรื่องต่างๆ สมมุติว่าเป็นผู้หญิงทำไมใส่ชุดนี้ ชุดนั้น แต่ผู้ชายใส่ชุดสูทชุดเดียวจบ ก็เลยไม่มีใครสนใจ สิ่งที่ยากคือตรงนี้ เพราะเราเป็นผู้หญิงโดนบูลลี่ในเรื่องนี้ ถามว่าทำอย่างไร เราต้องรู้คุณค่าของตัวเราก่อน ต้องรู้ว่าเรามาทำตรงนี้ เพื่ออะไร มีความตั้งใจอย่างไร เรามีดีอะไรบ้าง เราอยากทำเรื่องดี ๆ ให้ใครบ้าง อันนี้คือสิ่งที่เราตั้งใจ และต้องมีสติเยอะ ๆ คำว่าสติสอนกันมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ว่าให้มีสติ เราฟังผ่านๆ แต่เมื่อโตขึ้น เมื่อชีวิตมีเรื่องที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น เราก็จะคิดว่าคำนี้มันสำคัญ พี่ขอบอกไว้ก่อน เผื่อโตขึ้นไปจะรู้สึกว่าคำนี้สำคัญมากคือคำว่าสติ

ต่อมาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนราชวินิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ อยากถามนายกฯว่าอะไรคือแรงบันดาลใจของนายกฯ โดยนายกฯ ตอบว่า แรงบันดาลใจมีหลายอย่าง แรงบันดาลใจที่หนึ่ง คือ คุณพ่อพี่เคยเป็นนายกฯเคยทำนโยบายไว้ให้ประเทศชาติ จนถึงทุกวันนี้คือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนฝั่ง นโยบายนี้ยังอยู่ ยังได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่อยากทำนโยบายนี้ ไม่ว่าตัวพี่ไปอยู่ที่ไหน แต่ประโยชน์นี้ยังอยู่ที่ประชาชนอยู่ ถ้าทำได้พี่จะรู้สึกมีความภูมิใจ และรู้สึกว่าเรื่องดีๆยังตกอยู่ที่ประชาชนไม่ว่ามันจะเปลี่ยนไปกี่ยุค กี่สมัยก็ตาม อันนี้คือแรงบันดาลใจแรก ส่วนแรงบันดาลใจที่สอง พี่คิดว่าจากที่เห็นประเทศชาติวุ่นวายแล้วเรามีโอกาสมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ทำเรื่องต่าง ๆ ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ และแรงบันดาลใจที่สาม คือลูก ๆ อย่างน้อย ๆ ในเทอมที่เป็นนายกฯ พี่ได้สร้างสิ่งดี ๆ ไว้ให้กับประเทศ นั่นก็เป็นการเตรียมพร้อมอนาคตส่วนหนึ่งให้กับลูก ๆ ด้วย

จากนั้นเด็กจากโรงเรียนสมาคมพยาบาลไทยจังหวัดน่าน ถามนายกฯว่าได้เห็นพี่อิ๊งค์ทำกับข้าวให้ลูก ๆ กิน คิดว่าพี่อิ๊งค์เป็นแม่ที่ใจดี และมีเมนูอาหารที่จะมาแนะนำพวกหนูหรือไม่ โดยนายกฯ ยิ้มเขินก่อนตอบว่า พี่ตอบเสร็จแล้วไม่ต้องเชิญพี่ไปออกรายการทำอาหารที่ไหน สมัยตอนที่พี่มีลูกคนแรกลูกสาว 4 ขวบตอนนั้นเป็นช่วงโควิด-19 ทำอาหารให้ลูกทานได้ 3 มื้อ เพราะว่าเราอยู่บ้านไปซูเปอร์มาร์เกตเอง ซื้ออาหารทำเอง แต่ว่าลูกยังพูดไม่ได้ก็เลยไม่มีคอมเมนต์ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ แต่พอทานได้อยู่ และเมนูโปรดที่ทำกับลูกคือทำอะไรที่เด็ก ๆ ชอบทาน ที่บ้านปลูกผักปลอดสารพิษให้น้องๆไปเก็บผักและนำมาทอดกรอบ เราเรียกกันง่าย ๆ ในบ้านว่า “บุ้งกรอบ” มันทำง่าย ๆ ก็แค่ผสมแป้งสำเร็จรูปและชุปให้เด็ก ๆ ทอด ซึ่งคนถามว่าไม่กลัวร้อนหรอ ซึ่งเด็กประมาณ 3-4 ขวบ เราบอกเขาได้ อย่าไปห้าม ไปตัดโอกาสเขาทุกอย่าง เขาบอกว่าเด็กอย่าไปตัด แต่ให้เติม ทั้งนี้ ที่ทำเมนูบุ้งกรอบเพราะเด็ก ๆ ชอบทานผักบุ้งทอดกรอบ เมื่อเขาทำเองจะได้มีความภูมิใจในการทอดทีละอัน และอีกเมนูหนึ่งที่ทำง่าย ๆ คือให้ฝึกทอดไข่เจียว ให้เลือกรสชาติที่ชอบ แต่แม่คอยย้ำว่าอย่าเค็มเกินไป แต่จะให้ตนทำเมนูที่ยากมากกว่านี้คงต้องไปเรียน อย่างแกงพะแนง และแกงเขียวหวานแม่ทำไม่เป็น

ต่อจากนั้นนายกฯถ่ายภาพกับนักเรียน Thailand Zero Dropout นักเรียนนอกระบบการศึกษาที่ได้รับการนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง และกลุ่มเยาวชนที่ชนะการแข่งขันกีฬาประเภทจักรยานทรงตัวในรายการแข่ง RSR Runbike Championship in Songkhla ทั้งนี้ตัวแทนนักเรียนได้มอบตุ๊กตาทำมือให้กับนายกฯด้วย

ขณะที่บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีเด็ก ๆ ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นนายกฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top