Saturday, 10 May 2025
NEWS

เพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป ได้โพสต์เรื่องราวดี ๆ หลังจากถนนในกรุงทาลลินน์เมืองหลวงของเอสโตเนียได้ถูกปิดเพื่อให้กบและคางคกหลายพันตัวเดินทางข้ามฟากได้อย่างปลอดภัยจากรถยนต์

เพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป ได้โพสต์เรื่องราวดี ๆ ของประเทศเอสโตเนีย หลังจากถนนในกรุงทาลลินน์เมืองหลวงของเอสโตเนีย ได้ถูกปิดในยามค่ำคืนช่วงเดือนเมษายน เพื่อให้กบและคางคกหลายพันตัวได้เดินทางข้ามฟากได้อย่างปลอดภัยจากรถยนต์

ทั้งนี้กบและคางคกเหล่านั้น ต้องเดินทางเพื่อไปผสมพันธุ์ในแหล่งน้ำที่เป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ของพวกมันที่อยู่อีกฟากถนน และต้องเดินทางกลับมาอีกฟากเพื่อหลบหนาว ซึ่งต้องทำซ้ำ ๆ เป็นวัฏจักรชีวิต แต่ก็มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

แม้เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ จะมีบรรดาอาสาสมัครมาพาพวกมันข้ามถนน เนื่องจากพื้นผิวถนนที่อบอุ่นทำให้สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอย่างพวกมันเชื่องช้าขึ้น โดยช่วยไว้ได้ถึง 97,000 ตัวในปีก่อนหน้า และปีที่แล้วอีก 2,000 ตัวบนถนนทาลลินน์

แต่ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ในปีนี้ การปิดถนนจึงเป็นเพียงวิธีเดียวสำหรับช่วยสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างพวกมัน

ทั้งนี้ ทาลลินน์กำลังพิจารณาสร้างอุโมงค์ใต้ถนนเพื่อให้กบและคางคกข้าม หรือไม่ก็จัดหาสระน้ำในด้านที่พวกมันอยู่เพื่อหลบในฤดูหนาวต่อไปอีกด้วย


ที่มา:

https://www.facebook.com/208675086547938/posts/953080775440695/

https://www.reuters.com/business/environment/estonian-capital-closes-road-so-breeding-frogs-toads-can-cross-2021-04-15/

“ผบ.ทสส.” เผย เข้าพบ นายกฯ ถามความพร้อม รพ.สนาม ห่วงชายแดนไทย-มาเลเซีย หลังคนไทยแห่กลับ เกรงรองรับไม่เพียงพอ ชี้! กองทัพนำงบช่วยโควิดไปเยอะ งบปี65 โดนตัด 11 % ยัน!กองทัพไม่มีไปเบิกงบกลางมาแก้โควิด หลังฝั่งการเมืองเสนอหั่นงบกลาโหม นำไปอุดหนุนจัดหาวัคซีนแท

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)  ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) เปิดเผยถึงการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้า (19เม.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามผลการปฏิบัติของ ศปม. และ รพ.สนาม ในภาพรวม ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ 

โดยขณะนี้ยังไม่มีปัญหาใด ๆ เช่น การจัดจุดตรวจเพิ่มเติม เป็นต้น ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้มอบหมายให้ ศบค.ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในการควบคุมการปฏิบัติและการเพิ่มมาตรการต่างๆ โดยที่ประชุม ศบค. ได้เน้นการขอความร่วมมือประชาชน โดยยังไม่อยากให้มีข้อบังคับใดๆขึ้นมา เพราะเกรงว่าจะเกิดกระแสต่อต้านจากลุ่มต่าง ๆ ขึ้น

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพราะมีคนไทยเดินทางกลับมาเยอะในช่องทางต่างๆ จึงห่วงจำนวนคนที่กลับเข้ามา จะไม่เพียงพอในการรองรับ” พล.อ.เฉลิมพล กล่าว

เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองมีข้อเสนอให้หั่นงบกองทัพ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อมาหนุนการจัดหาวัคซีนโควิด พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติ ยังไม่มีอะไร เพราะงบประมาณปี 2564 ทางกองทัพได้นำงบมาช่วยเหลือโควิดไปเยอะ พร้อมย้ำว่ากองทัพไม่มีการไปเบิกใช้งบกลางในการแก้ปัญหาโควิด ในส่วนงบประมาณกองบัญชาการกองทัพไทย ปี 2565 ถูกตัดไป 11 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเยอะพอสมควร แต่กองทัพก็อยู่ได้ ในส่วนเหล่าทัพยังไม่มีการตัดยอดเงินในโครงการที่ไม่ได้เป็นงบผูกพัน ซึ่งตนเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

กสทช. กำชับค่ายมือถือดูแลสัญญาณรับ WFH

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กสทช. ได้กำชับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกราย ดูแลคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ต ให้พร้อมรองรับการใช้งาน ของประชาชนจำนวนมากพร้อม ๆ กัน หลังจากรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน (work from home) ในช่วงโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ 

ทั้งนี้ กสทช. ยังขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย จัดส่งรถขยายสัญญาณเข้าในพื้นที่ โรงพยาบาลสนาม หน่วยงานสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องในการรักษา และควบคุมโรคโควิด-19 ให้พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง เพื่อทีมบุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้งาน โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อติดต่อสื่อสารในภาวะวิกฤต

สำหรับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ ทั้ง เอสไอเอส  ดีแทค และกลุ่มทรู ล่าสุดได้ทำการเพิ่มสัญญาณเครือข่าย มาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ และสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ด้วยการส่งรถโมบายล์เคลื่อนที่ เข้าไปยังโรงพยายาลสนามต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวก

เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน (จ.สุราษฎร์ธานี) เปิดใช้ศาลาวัด ตั้ง 'รพ.สนาม'

จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งหลาย ๆ โรงพยาบาลตอนนี้ กำลังประสบกับปัญหาเตียงเต็ม

นั่นจึงทำให้เกิดการดัดแปลงสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามมากขึ้น

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้เผยภาพ โรงพยาบาลสนาม ซึ่งใช้พื้นที่ศาลาวัดมาตั้งเตียงผู้ป่วย โดยสถานที่ดังกล่าว อยู่บนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยระบุข้อความไว้ว่า...

"ขอขอบพระคุณ ท่านเจ้าอาวาสวัด อัมพวัน ที่เอื้อเฟื้อ สถานที่ ให้จัด โรงพยาบาลสนาม"

ทั้งนี้หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่บอกว่า สาธุ, บุญรักษา พระคุ้มครอง


ที่มา: https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/145798

ภาพ : มีรูนะ ซัง : https://www.facebook.com/sangclinic

วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมามีเอกสารภายในแจ้งไปยังเขตศุลกากรเมียวดีว่า ระงับการนำเข้าสินค้าไทย 5 กลุ่ม

วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมามีเอกสารภายในแจ้งไปยังเขตศุลกากรเมียวดีว่า ระงับการนำเข้าสินค้าไทย 5 กลุ่มได้แก่ น้ำอัดลม ชาและกาแฟปรุงสำเร็จ กาแฟสำเร็จรูป นมจืดและนมข้น ผ่านชายแดนแม่สอด-เมียวดีชั่วคราว

โดยให้นำเข้าผ่านทางทะเลแทน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป


ที่มา: AYA IRRAWADEE

อีกความภาคภูมิใจของประเทศไทย หลังเพจ JU - JITSU THAI ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับ 'เพชรดา เคซี ตัน' สาวสัญชาติไทยที่คว้าเหรียญทองในการแข่งขัน Abu Dhabi World Professional Jiu-Jitsu 2021

กลายเป็นอีกความภาคภูมิใจของประเทศไทย หลังเพจ JU - JITSU THAI ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับ 'เพชรดา เคซี ตัน' สาวสัญชาติไทยที่คว้าเหรียญทองในการแข่งขัน Abu Dhabi World Professional Jiu-Jitsu 2021 ระดับสายม่วงรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ในวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา และยังคว้าเหรียญทองในรายการ Abu dhabi Grandslam 2021 ระดับสายม่วงรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม

โดยทั้งสองรายการทำการแข่งขัน ณ เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นรายการยิวยิตสูระดับโลก

'เพชรดา เคซี ตัน' ชื่อเดิม 'เพชรดา กกฝ้าย' เกิดที่เมืองไทย จบการศึกษา ระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรังสิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

สำหรับเส้นทางชีวิตของเธอก่อนจะคว้าแชมป์ยิวยิตสูระดับโลกได้นั้น ดูน่าสนใจอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เธอทำงานเป็นสถาปนิกในบริษัทชั้นนำในประเทศไทย (Origin Properly)

แต่เธอได้ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อไล่ตามความฝันนี้ โดยในปี 2019 เธอเดินทางไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา และบราซิล เพื่อฝึกฝนอย่างหนัก หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถคว้าเหรียญทองให้กับประเทศไทยกับกีฬาประเภทนี้

และวันนี้เธอทำได้แล้ว!!

ติดตามผลงานของเธอได้ใน

Instagram : kacieingi


ที่มา: https://www.facebook.com/262984937235819/posts/1694994830701482/

เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง จ.หนองบัวลำภู สร้างกิโยตินตัดคอตัวเองเสียชีวิต เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เพราะเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ได้เป็นพระปักเจกพระพุทธเจ้าในโลกหน้า

ทางผู้สื่อข่าวได้ทำการเดินทางเข้าพบ 'พระราชธรรมนิเทศ' หรือ 'พระพยอม กัลยาโน' เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เพื่อทำความเข้าใจถึงกรณีดังกล่าว...

โดยพระพยอม ได้เปิดเผยว่า ไม่มีคำว่าตัดหัวถวายเป็นบารมี ถ้าตัดกิเลสตัดทุกข์ ตัดความเห็นผิด ก็ไม่ใช่ทางที่พระพุทธเจ้าตรัส เเละเรื่องการค่าตัวตายไม่ใช่มีในยุคนี้ ยุคก่อน ๆ ก็มี

พุทธเจ้าสอนให้ละสังขาร ละความยึดมั่นในสังขาร แต่ 'ตัดคอ' ตัดกิเลสตัดทุกข์ คือ คนละเรื่องกัน อย่าเอามาปนกัน ถ้าปนกันแล้วก็เป็นอีกลัทธินึง

ถ้าถามว่า การทำเเบบนี้เป็นพุทธบูชาไหม บูชามี 2 อย่าง 'อมิสบูชา' กับ 'ปฏิบัติบูชา' ถ้าเอาหัวไปบูชาน่าจะเข้าข้อ อมิสบูชา แต่ถ้าปฏิบัติบูชาอย่างหลวงปู่มั่นเอาชีวิตเข้าแรก ปฏิบัติให้ตายแล้วได้เป็นพระอรหันต์ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการปฏิบัติบูชา

อย่างนี้เป็นการดูถูกพระพุทธเจ้าหรือไม่ที่นำหัวคนมาถวาย เพราะพระพุทธเจ้าไม่มีทางรับหัวคน ถ้ามีใครตัดคอลูกตัดคอเมียมาถวายพระพยอม ก็รับไม่ได้ เเละไม่รับเด็ดขาด เพราะเป็นหัวคน ชีวิตคนทั้งคน

พระพุทธเจ้าไม่ใช่ไสยเวทไสยศาสตร์ ที่จะนำหัวคนมาปลุกเสก พระพุทธเจ้ารับปัจจัย 4 อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, เสื้อผ้า, กุฏิที่อยู่อาศัย, ยารักษาโรค ไม่เห็นมีว่าเอาหัวคนเป็นปัจจัยที่ 5-6

อยากจะฝากสาวกคนที่เลื่อมใสศรัทธา-ความเชื่อ การเชื่อครูบาอาจารย์ เราจะเชื่อได้ แต่ไม่ใช่การเชื่อทางสอนที่จูงไปในทางผิด ถ้าจะบำเพ็ญบารมี ควรทำบารมี 10 ทรรศ แต่ตัดหัวนี่ไม่ใช่แน่นอน


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000036770

รมว.สุชาติ รับมอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์นำไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อ จากบริษัท พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล กรุพ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท วิจิตรสมพรพาณิชย์ อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เพื่อนำไปส่งมอบให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานนำไปใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในการป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อสำหรับหน่วยงานจาก นายอภิชาติ พัชรภิญโญพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล กรุพ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นโรงงานผลิตเอทิล แอลกอฮอล์ชนิด 95 % มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 กว่า 29 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้เห็นถึงการขาดแคลนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือของคนไทยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และบริษัท วิจิตรสมพรพาณิชย์ อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ผมได้รับมอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดฆ่าเชื้อสำหรับหน่วยงานจากกรรมการผู้จัดการบริษัท พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล กรุพ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท วิจิตรสมพรพาณิชย์ อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐมเป็นผู้ประสานงานนำมามอบให้กับกระทรวงแรงงานเพื่อนำไปส่งมอบให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานนำไปใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วย 1) แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ 78 % ขนาด 5 ลิตร จำนวน 200 แกลลอน (ปริมาณ 1000 ลิตร) 2) แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ 78 % ขนาด 50 ml จำนวน 300 ขวด (ปริมาณ 15 ลิตร) และ 3) แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ 78 % ขนาด 20 ml จำนวน 200 ตลับ (ปริมาณ 4 ลิตร)

หนุ่มส่งของเดลิเวอรี่เซ็ง ถูกพิตบูลลูกค้ากัดระหว่างไปส่งอาหาร ด้านเจ้าของชดใช้แค่ 100 บาท พร้อมบอกจะติดต่อมาใหม่ แต่สุดท้ายหายเงียบ

เป็นอีกปัญหาซ้ำซากในสังคมไทย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่เป็นพนักงานส่งของได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทำการส่งอาหารที่บ้านหลังหนึ่ง แต่กลับถูกสุนัขพิตบูลของลูกค้ากัดเข้าที่บริเวณข้อเท้าซ้ายเป็นแผล 2 จุด ซึ่งเจ้าของสุนัข ชดใช้ให้เบื้องต้นเพียง 100 บาท และบอกว่าจะติดต่อกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าว เข้าข่ายความผิดฐานผู้ใดควบคุมสัตว์ดุร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นอยู่ลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์

โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา ม.377 และอาจต้องชดใช้ในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของสุนัข ไม่ว่าจะเป็นค่าสินไหมทดแทน ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์จากการทำงาน หรือ ขาดรายได้ ตาม ป.แพ่งและพาณิชย์ ม.443


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000036751

https://www.facebook.com/groups/862974280826865/permalink/1222445311546425/

เพจ Street Hero Project ไขข้อข้องใจ ทำไมอิสราเอลฉีดวัคซีนได้ครอบคลุม 70% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มีการฉีดให้ประชากรสูงที่สุดในโลก โดยระบุว่า...

ทำไมอิสราเอลถึงฉีดวัคซีนได้ถึง 70% เป็นประเทศแรกของโลก เอาข้อมูลมาให้วิเคราะห์กัน

1.) อิสราเอลยอมจ่ายค่าวัคซีนล่วงหน้าให้บริษัทผู้ผลิตในราคาที่แพงกว่าที่สหรัฐฯ และยุโรปซื้อมากกว่า 35%

เฉลี่ย 1 คน ใช้เงิน 47 us แต่ยุโรปใช้เงิน 35 us (วัคซีนของ Pfizer และ Moderna)

2.) พื้นที่ประเทศขนาด 2 หมื่น ตร.กม. (เล็กกว่าโคราชเล็กน้อย) ประชากร 8.66 ล้านคน ทำให้ใช้งบประมาณและจำนวนวัคซีนไม่เยอะ ใช้เวลาฉีดวัคซีนรวมกว่า 100 วัน

3.) ปัจจุบันอิสราเอลมีผู้ติดเชื้อสะสม 8 แสนกว่าคน เสียชีวิต 6 พันกว่าคน และผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ 2 ร้อยกว่าคน

#ข้อมูลเสริม

อันดับ 2-3 ของโลก คือ อังกฤษที่ 48% และสหรัฐฯ ที่ 40% ทั้งสองคือประเทศที่วิจัยและผลิตวัคซีนได้เอง

ในเอเชีย สิงคโปร์เป็นชาติแรกที่ได้วัคซีนโดยจ่ายเงินล่วงหน้าในราคาที่แพงกว่าประเทศในเอเชียด้วยกัน

ปัจจุบันสิงคโปร์ฉีดวัคซีนได้ที่ 20% เกาหลีใต้ 3% ญี่ปุ่น 0.9% ไทย 0.7% เวียดนาม 0.1%

พอจะได้คำตอบไหมครับ

https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/israel-said-to-be-a-leader-in-number-of-covid-related-fines/


ที่มา : https://www.facebook.com/838203756283643/posts/3525020537601938/

เป็นเรื่องราวที่แพร่หลายในสังคมของชาวเมียนมา สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึงคราวที่ประชาชนชาวเมียนมาได้รับวัคซีนบ้าง

เป็นเรื่องราวที่แพร่หลายในสังคมของชาวเมียนมา มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีนโยบายมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนรัฐประหารว่า หากเหล่าผู้นำทางการเมืองและกองทัพ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับวัคซีนหมดแล้ว ก็จะถึงคราวที่ประชาชนชาวเมียนมาได้รับวัคซีนบ้าง

ความจริงการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวเมียนมา เป็นนโยบายต่อเนื่องเพื่อควบคุมโรคโควิดที่สานต่อเป็นวาระแห่งชาติ แต่เมื่อเกิดการยึดอำนาจขึ้น ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ถึงจะมีเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่ถูกอ้างมา เช่น กลัวความไม่ปลอดภัยของวัคซีน หรือไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศไม่จำเป็นต้องฉีดก็ดี หรือหลายคนบอกว่าก็เคยเป็นแล้วมีภูมิแล้วไม่อยากฉีด

แต่ก็มีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เชื่อและเอย่าคิดว่านี่คือสาเหตุหลักของคนไม่ฉีดวัคซีนคือการที่ยอมรับการฉีดวัคซีนเท่ากับการเห็นดีเห็นงามกับกองทัพ

การฉีดวัคซีน COVISHIELD เริ่มฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในเมียนมาก่อนตั้งแต่มกราคม 2021 ที่ผ่านมา

การฉีดวัคซีนในเมียนมาผู้เข้ารับการฉีดจะต้องทำการแสดงตนด้วยบัตรประชาชนพร้อมประวัติบิดา มารดา รวมถึงต้องเข้ารับการตรวจร่างกายก่อนที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนว่าไม่มีความเสี่ยงในการฉีดวัคซีน ซึ่งเมื่อฉีดครบ 2 เข็มแล้วทางหน่วยงานที่ฉีดวัคซีนจะมีเอกสารออกให้เป็นภาษาเมียนมาว่าได้รับวัคซีนแล้ว

เอกสารที่ได้จากกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาที่แจ้งว่าได้รับวัคซีนแล้ว

สำหรับคนเมียนมาที่มีโอกาสในครั้งนี้ แต่เลือกที่จะละทิ้ง เพราะคิดว่ากองทัพจะนำชื่อเหล่านี้ของพวกเขาไปอยู่ในลิสต์ของผู้สนับสนุนทหารตามที่กลุ่มประชาธิปไตยได้เรียกร้องนั้น พวกเขาหารู้ไม่ว่า กำลังเสียโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ หากเขาจะเดินทางไปประเทศอื่น

เพราะแค่นำเอกสารฉบับนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วให้กระทรวงการต่างประเทศเมียนมารับรอง ก็สามารถเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ได้ และการที่เอกสารนี้ติดตัวไปสามารถการันตีได้ระดับหนึ่งดังที่ไทยได้มีประกาศออกมาแล้วว่าหากใครมีการฉีดวัคซีนจากต่างประเทศมาแล้วจะลดการกักตัวลงเหลือเพียง 7 วันเท่านั้น

สุดท้ายขึ้นกับคนเมียนมาเหล่านั้นจะคำนึงถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้แล้วละเลยโอกาสที่จะได้แก่ตนหรือจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนก่อนแล้วหาโอกาสกลับมาทำในสิ่งที่ตนต้องการทีหลัง


ที่มา: AYA IRRAWADEE

เป็นความเชื่อในคนเมียนมามาเนิ่นนานตาปีแล้วสำหรับวันแรกของปี หรือในภาษาพม่าออกเสียงว่า Hnit San Ta Yat Nay สะกดว่า 'หนิด แซน ตะ ยัด เนะ'​ (နှစ်ဆန်းတစ်ရက်နေ့) หมายถึงวันแรกของปี ซึ่งตรงกับทุกวันที่ 17 เมษายนของทุกปี

ในวันนี้ร้านค้าต่าง ๆ​ ในเมียนมาจะหยุดหมด​ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในตลาดหรือแผงลอย โดยในวันนี้คนเมียนมาจะทำแต่สิ่งดี อาทิเช่น ที่บ้านจะมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ส่วนผู้สูงอายุในบ้าน​ ก็จะมีบรรดาคนในบ้านมาคอยสระผมให้ผู้เฒ่าผู้แก่​ โดยใช้ 'ตะยอว์กินปุน'​ (Tha Yaw Kin Punn) ซึ่งเป็นแชมพูพื้นบ้านที่ทำมาจากเปลือกต้น Ta Yaw หรือ​ 'ต้นมาลัย'​ และ ผล Kin Punn หรือ 'ผลส้มป่อย'​ นั่นเอง ซึ่งเปลือกต้นมาลัยจะมีคุณสมบัติเป็นสารป้องกันการระคายเคือง​ ส่วนผลส้มป่อยจะมีสารกลุ่มซาโปนินหลายชนิด

นอกจากนี้​ คนในบ้านก็จะใช้ ตะยอว์กินปุน สระให้ตัวเองด้วย​ เพราะเชื่อว่าจะช่วยชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีและโชคร้าย​ รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ​ ที่ติดมาจากปีเก่าให้หมดไป

ในวันนี้สำหรับพุทธศาสนิกชนจะนำพระพุทธรูปมาทำความสะอาด และทำกับข้าวไปแจกเพื่อนบ้านรวมถึงไปยังวัดต่าง ๆ​ เพื่อถวายเพลแก่พระภิกษุสงฆ์ ส่วนในตอนค่ำจะมีการนิมนต์พระมาเทศนาธรรมและสวดมนต์ขับไล่สิ่งไม่ดีในปีเก่าให้หมดไป

ยิ่งไปกว่านั้น​ ในวันนี้ยังมีอีกหนึ่งความเชื่อแปลก ๆ​ คือ คนเมียนมาจะไม่ใช้เงินในวันนี้หรือใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพราะเชื่อกันว่าหากวันนี้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย​ จะ​ส่งผลให้ทั้งปีถึงจะมีเงินเข้ามาหาเงินได้ง่าย แต่เงินก็จะไม่อยู่กับเรา​ มีเท่าไร​ ก็จะมีเหตุให้ต้องเสียเงินออกไปง่ายๆตลอดทั้งปีนี้

สำหรับตัวเอย่าเอง​ ในวันนี้​ก็อยากจะขอให้เป็นวันเริ่มต้นที่ดี​ของเมียนมา​ ขอให้ความสงบเรียบร้อยเป็นปกติสุขกลับมา เพื่อให้ปีนี้ทั้งปีจะได้ไม่มีความวุ่นวายอีกต่อไป ขอให้ความสงบสุขกลับสู่เมียนมาโดยเร็ววัน


ที่มา: AYA IRRAWADEE

เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพเมียนมา หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น

เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพเมียนมา หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น โดยมีการประกาศรายชื่อประธานาธิบดีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ออกมา ซึ่งปรากฎชื่อของ U Win Myint และ Aung San Suu Kyi ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีและที่ปรึกษาแห่งรัฐ 

ในประกาศครั้งนี้มีการประกาศกระทรวงใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ดังนี้กระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศ (Ministry of International Cooperation) กระทรวงกิจการสหภาพของรัฐบาลกลาง (Ministry of Federal Union Affairs) กระทรวงกิจการด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (Ministry of Humanitarian Affairs and Disaster Management) และกระทรวงกิจการสตรีเยาวชนและเด็ก (Ministry of Women, Youth and Child Affairs) ซึ่ง 1 ในเจ้าของเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นของ Dr. Sa Sa อดีตทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติซึ่งลี้ภัยอยู่ตอนนี้

จากนี้คงต้องดูนานาชาติแล้วว่า ประเทศใดจะเป็นชาติแรกที่ให้การรับรองรัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมา ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องที่ยังหาบทสรุปกันไม่ได้ง่าย ๆ ภายในวันสองวันนี้แน่นอน


ที่มา: AYA IRRAWADEE

เจ้าหน้าที่นครชิคาโกของสหรัฐฯ เปิดเผยคลิปซึ่งถ่ายจากกล้องบอดี้แคมขณะที่ตำรวจนายหนึ่งชักปืนยิงเด็กชายวัย 13 ปีเสียชีวิต ทั้งๆ ที่เหยื่อชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางดึกเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน

คลิปความยาว 9 นาทีจากกล้องติดตัวของ อีริค สติลล์แมน ตำรวจวัย 34 ปี เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่เขาลงจากรถและวิ่งไล่ตาม อดัม โทเลโด เด็กชายวัย 13 ปีในซอยแห่งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 2.30 น. ของวันที่ 29 มี.ค. โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ย่านลิตเติลวิลเลจทางตะวันตกของชิคาโก ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชาวเม็กซิกันอาศัยอยู่มาก

จากคลิปดังกล่าวพบว่า สติลล์แมน ตะโกนบอกอีกฝ่ายให้ “หยุด” ก่อนจะไล่ตามทันและสั่งให้เด็กชายโชว์มือทั้งสองข้าง แต่ในขณะที่ โทเลโด กำลังยกมือขึ้น ตำรวจนายนี้ก็ลั่นกระสุนใส่ทันที 1 นัดจนเด็กชายทรุดลงไปกองกับพื้น

สติลล์แมน ได้ร้องตะโกนขึ้นว่า “มีการยิง มีการยิง ช่วยตามรถพยาบาลที” จากนั้นก็พูดว่า “อยู่กับผม อยู่กับผม ใครก็ได้ไปเอาชุดปฐมพยาบาลมาเดี๋ยวนี้เลย”

สำนักงานตำรวจชิคาโกได้ออกคำแถลงทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นว่า โทเลโด มีปืนอยู่ในมือ

การเผยแพร่คลิปนี้คาดว่าจะยิ่งกระพือความไม่พอใจต่อพฤติกรรมการทำงานของตำรวจ ตลอดจนกระบวนการยุติธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างเชื้อชาติในสหรัฐฯ ตามหลังกรณีตำรวจหญิงในรัฐมินนิโซตายิงชายผิวดำเสียชีวิตหลังเรียกให้หยุดรถเนื่องจากทำผิดกฎจราจรเมื่อไม่กี่วันก่อน

สำนักงานตรวจสอบการทำงานของตำรวจ (Civilian Office of Police Accountability) ในนครชิคาโกยังได้เผยแพร่ไฟล์ข้อมูลอีก 33 ไฟล์ ซึ่งรวมถึงคลิปวิดีโอจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจคนอื่นๆ, ภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 มี.ค. โดยเอกสารฉบับหนึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า สติลล์แมน คือตำรวจที่ลั่นกระสุนใส่ โทเลโด

ทางด้านสำนักงานตำรวจชิคาโกก็ได้โพสต์คลิปอันเดียวกันลงบนเว็บไซต์เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) และใส่ลูกศรชี้ไปที่วัตถุซึ่งดูคล้ายปืนพกในมือขวาของ โทเลโด ก่อนที่ สติลล์แมน จะลั่นไก

ในนาทีที่ 5.30 สติลล์แมน ได้ฉายไฟไปยังปืนพกซึ่งตกอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่กี่ฟุตจากจุดที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามทำ CPR เพื่อยื้อชีวิตเด็กชาย

อาดีนา ไวส์ ออร์ทิซ ทนายของครอบครัวโทเลโด แถลงต่อสื่อมวลชนหลังมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอว่า ผู้ตายได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ สติลล์แมน ด้วยการทิ้งปืนและหันหน้ามา ก่อนที่ตำรวจนายนี้จะยิงเขา

“ฉันไม่ทราบว่าตำรวจมีเวลามากพอหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือตำรวจย่อมได้รับการฝึกมาว่าห้ามยิงคนที่ไม่มีอาวุธ” ทนายกล่าว

ตำรวจชิคาโกระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดนี้ได้ออกปฏิบัติภารกิจตามจับ โทเลโด และชายวัย 21 ปีอีกคนหนึ่ง หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเสียงปืนดังขึ้น 8 นัด โดยชายอีกคนก็ถูกจับกุมแล้ว

เจ้าหน้าที่ชิคาโกและครอบครัวของโทเลโด ต่างเรียกร้องให้สาธารณชนอยู่ในความสงบ ขณะที่ทางการก็ได้เตรียมพร้อมรับมือเหตุจลาจลที่อาจเกิดขึ้น โดยจะมีการเสริมกำลังตำรวจและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อปกป้องภาคธุรกิจในกรณีที่เกิดเหตุรุนแรง


ที่มา: รอยเตอร์ https://mgronline.com/around/detail/9640000036041

'พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์’ นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ตบเท้าเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว ด้าน ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ ระบุ การฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีด ช่วยรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมย้ำรัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้เร็วและหลากหลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ถึง ส.ส. เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ส.ส.ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่ สถาบันบำราศนราดูร ห้องประชุมอัจฉรา วันที่ 16-30 เม.ย. เวลา 09.00-16.00 น.ในวันเวลาราชการ สำหรับ ส.ส. ท่านใดที่อยู่ในระหว่างการกักตัว สามารถรับบริการได้หลังจากที่ครบกำหนดการกักตัวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ห้องประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ นายวุฒินันท์ บุญชู นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ และนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ที่ไม่อยู่ในช่วงกักตัวเพื่อสังเกตอาการและไม่มีความเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเป็นการรณรงค์และป้องกันการเเพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

โดย น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า วันนี้การฉีดวัคซีนไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันเฉพาะตนเองเท่านั้น แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในการร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและทำมาหากินประกอบอาชีพได้ใกล้เคียงกับสภาพปกติ รวมทั้งการไม่เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขเมื่อเกิดการติดเชื้อด้วย เพราะวัคซีนมีผลทำให้ลดความหนักของอาการจากโรคโควิด

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังคงจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนให้เกิดความสมดุล อย่างเร่งด่วน โดยสำรองวัคซีนทางเลือกต่างๆ ให้มีความหลากหลายกว่าที่เป็นอยู่ เพราะหากเกิดอุบัติการณ์จากการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน และมีความจำเป็นต้องระงับการฉีดวัคซีนยี่ห้อนั้นไว้ก่อนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง เช่น กรณีการเชื่อมโยงกับภาวะการเกิดลิ่มเลือด จนทำให้หลายประเทศในยุโรปกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับอายุของผู้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา หรือประเทศเดนมาร์กที่ยกเลิกการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาทั้งหมด หรือกรณีที่สหภาพยุโรปจะไม่ต่อสัญญากับผู้ผลิตวัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ ได้แก่ แอสตราเซเนกา และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง ประเทศจะได้มีวัคซีนทางเลือกอื่นในการฉีดให้กับประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

“การฉีดวัคซีนในวันนี้มีความจำเป็นอย่างมาก ในเมื่อวัคซีนที่รัฐบาลมีอยู่มีกระจุกอยู่เท่านี้ ประชาชนก็จำเป็นต้องฉีด เพราะในมุมของเราและสังคมโดยรวม การฉีดดีกว่าการไม่ฉีด แต่หากรัฐบาลสามารถกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนที่ดีกว่านี้ มีวัคซีนทางเลือกที่หลากหลายในปริมาณที่สมดุลเพียงพอ ความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนที่ประชาชนต้องแบกรับก็จะลดลง ประชาชนก็จะมีโอกาสได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคที่สูงขึ้น ในขณะที่รัฐบาลก็จะสามารถบริหารการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมั่นใจ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจาก กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเริ่มลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันและไลน์ “หมอพร้อม” ได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อลงคิวเข้ารับการฉีดวัคซีน พรรคก้าวไกลจึงขอเชิญชวนให้ทุกคนไปลงทะเบียนและเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเพื่อพลิกฟื้นประเทศกลับสู่ภาวะปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top