Thursday, 10 July 2025
NEWS

‘เจือ ราชสีห์’ ชวนท่องเที่ยว หาดสมิหลา ร่วมสัมผัสน้ำทะเลที่คุณภาพดีที่สุดของไทย

(13 ม.ค. 68) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวสงขลา วันนี้ชายหาดของเรา “หาดสมิหลา” คว้าอันดับ 1 น้ำทะเลที่มีคุณภาพดีที่สุด จาก 210 แห่งทั่วประเทศไทย ของกรมควบคุมมลพิษ

“ผมขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ได้มาลองสัมผัสกับน้ำทะเลที่คุณภาพดีที่สุดของไทย ที่หาดสมิหลาจังหวัดสงขลา ครับ”

อย่าพลาด! EA ใช้สิทธิเพิ่มทุน 17-23 ม.ค.นี้ สัดส่วน 1:1 หุ้นละ 2 บาทพร้อมวอร์แรนต์ฟรี!

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจพลังงานอย่างเต็มที่ 
หลังปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน จำนวน 4,951,121,866 หุ้น พร้อมแบ่งจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 3,713,341,400 หุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาจองซื้อหุ้นละ 2 บาท พร้อมรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) EA-W1 ฟรี!!! ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์  โดยกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญที่ 4 บาทต่อหุ้น ระยะเวลาใช้สิทธิ 3 ปี เพื่อตอบแทนความไว้วางใจและเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ขณะนี้ EA พร้อมสุดๆ สำหรับการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน 

อย่าพลาดโอกาสดีๆ!!! วันที่ 17 - 23 ม.ค. 2568 เป็นวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน…ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.energyabsolute.co.th

กรมอุตุฯ เผย ไทยเผชิญอากาศหนาวจัดอีกระลอก ย้อนอดีตปี 2498 กทม. เคยหนาวสุดขั้วอุณหภูมิต่ำสุด 9.9 องศา

(13 ม.ค. 68) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน ฉบับ 11 อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย อันดามัน “ลมเย็นอีกระลอก” จากจีนแผ่ปกคลุม ทำให้มีอากาศหนาวจัดมีลมแรง สุดทึ่ง!! ในอดีตกรุงเทพมหานคร เคยหนาวสุดขั้วอุณหภูมิต่ำสุด 9.9 องศา เมื่อปี 2498

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 11 (11/2568)
เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยรวมทั้งทะเลอันดามัน มีผลกระทบจนถึงวันที่ 13 มกราคม 2568

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวและหนาวจัดในบางพื้นที่กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร 

ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 13 ม.ค. 68

สำหรับในปีนี้ พื้นที่กรุงเทพมหานคร นับว่ามีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องยาวนาน โดยอุณหภูมิต่ำสุดจะอยูที่ประมาณ 16 องศาเซลเซียส แต่ทว่า เมื่อย้อนไปดูบันทึกสภาพอากาศในอดีต พบว่า เมื่อปี 2498 กรุงเทพมหานคร เคยหนาวสุดขั้ว โดยมีอุณภูมิต่ำสุดถึง 9.9 องศาเซลเซียส

ขอนแก่น-นักวิ่งปอดเหล็ก ไทย-เทศ เรือนหมื่น แห่! ร่วมการแข่งขัน “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 20”

(13 ม.ค. 68) มหาวิทยาลัยขอนแก่นเดินหน้าจัดงานวิ่งระดับนานาชาติ “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 20” (Khon Kaen International Marathon 2025) อย่างยิ่งใหญ่ กับการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ KIDS RUN 2.8 กิโลเมตร, FUN RUN 5.4 กิโลเมตร และ ELITE FUN RUN ระยะ 5.4 กิโลเมตรอิ่มอร่อยกับ Food Festival ให้สมกับธีม Foodก็FunRunก็ม่วน แล้วไปกันต่อที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ “LEARN TOPIA”  ใน วันเด็กแห่งชาติ2568 ด้วย

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 11 มกราคม 2568 ที่บริเวณคุ้มสีฐาน ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดขอนแก่นได้กำหนดจัดโครงการขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2025 ซึ่งปีนี้ครบรอบการจัดการแข่งขันเป็นปีที่ 20 โดยกำหนดจัดการแข่งในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 จำนวน 2 ประเภท คือ เดินวิ่งเพื่อสุขภาพระยะทาง 5.4 กิโลเมตร และการแข่งขัน Kids Run ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร และในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 จำนวน 3 ประเภท คือ ประเภทมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร. ฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.10 กิโลเมตร, มินิมาราธอนระยะทาง 11.55 กิโลเมตรกล่าวแสดงความยินดีโดย  นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งกล่าวเปิดงานโดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาราชการแทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี ทุกภาคส่วน เข้าร่วมพิธีปล่อยตัวนักวิ่งและมอบรางวัล กิจกรรมขอนแก่นมาราธอนนานานาติ 2025 ในกิจกรรมดังกล่าว

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาราชการแทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า การจัดงานในวันที่ 11-12 มกราคม 2025 นี้ นับเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสนามวิ่งมาราธอนแห่งแรกในภาคอีสาน ภายใต้แนวคิด “Food ก็ Fun Run ก็ ม่วน” ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2025 ปีนี้มีความพิเศษมาก เพราะเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสนามวิ่งมาราธอนแห่งแรกในภาคอีสาน โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันแข่งขันหลัก เป็นการจัดการแข่งขัน มาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และ มินิมาราธอน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานถ้วยรางวัลเกียรติยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับผู้ชนะเลิศประเภทมาราธอน ระยะทาง 42.195 กม. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับผู้ชนะเลิศฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21.1 กม. และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สำหรับผู้ชนะเลิศมินิมาราธอน 11.55 กม. 

“การแข่งขันปีนี้เรายังคงมาตรฐานระดับโลกด้วยการรับรองจาก AIMS และมีทีม PACER มืออาชีพนำโดย ดร.คมกริช จันทรเสนา ที่จะช่วยให้นักวิ่งทำเวลาได้ตามเป้าหมาย เราใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่จุดบริการน้ำดื่มและเจลกีฬาตลอดเส้นทาง ระบบรักษาความปลอดภัย การแพทย์ฉุกเฉิน และการจราจรที่เป็นระบบ ที่สำคัญ ปีนี้เราให้ความสำคัญกับนักวิ่งทุกช่วงวัยมากขึ้น โดยเพิ่มรุ่นการแข่งขันสำหรับผู้สูงวัย ทั้งรุ่น 60-64 ปี 65-69 ปี และรุ่น 70 ปีขึ้นไปพร้อมมอบส่วนลดพิเศษ 50% สำหรับนักวิ่งอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ เรายังมี VIP Gift Set สุดพิเศษที่ผลิตโดยมูลนิธิเพื่อเด็กพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยพวงกุญแจ ถุงผ้า ที่ตั้งโทรศัพท์ และกรอบวางเหรียญ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่น”

กระทรวงแรงงานขานรับ Soft Power ผลักดันงานปักผ้าด้นมือภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันที่ (13 ม.ค. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อยกระดับ พัฒนา ความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากทุนทางวัฒนธรรมของแรงงานไทยให้สร้างมูลค่า สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้แรงงานหลุดพ้นจากความยากจน

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีความยินดี มุ่งมั่น ที่จะพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ ในปี 2568 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงาน
พัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ ดำเนินโครงการพัฒนาทักษะแรงงานรองรับนโยบาย Soft Power ประกอบด้วย การส่งเสริมการพัฒนาทักษะรองรับ Soft power (พัฒนาเครือข่าย และ e-learning) และการฝึกอบรมทักษะฝีมือ (หลักสูตรระยะยาว 240 ชั่วโมง และระยะสั้น 30 ชั่วโมง) เพื่อยกระดับทักษะแรงงานด้านต่าง ๆ ด้วยหลากหลายหลักสูตรฝึกอบรม

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี มีความพร้อมในการนำนโยบายของรัฐบาล กระทรวง และกรม สู่การปฏิบัติ จึงได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร การออกแบบผลิตภัณฑ์จากงานปักผ้า ในระหว่างวันที่ 10-14 มกราคม 2568 มีผู้เข้ารับ การฝึกอบรม 20 คน ณ กลุ่มหัตถกรรมผ้าด้นมือ บ้านดอนยายเหม ตำบลกระจัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะฝีมือด้านงานหัตถกรรมสิ่งทอให้แก่ชุมชนท้องถิ่น มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการออกแบบผลิตภัณฑ์จากงานปักผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมายาวนานของชุมชนบ้านดอนยายเหม ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้เทคนิคการออกแบบลวดลาย การเลือกใช้วัสดุ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน

นางสาวสุขศรีไล่กสิกรรม ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า 
สำหรับผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี เลขที่ 13/1 หมู่ 4 ตำบลไผ่ขวาง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0 3596 9917-19 Facebook : สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี

สื่อฯ ฮานอย เผย รมช.ท่องเที่ยวเวียดนาม หนุนข้อริเริ่ม “6 ประเทศ: 1 จุดหมาย” ของไทยบูมการท่องเที่ยวอาเซียน – ที่ปรึกษา รมว.กต.ไทยมั่นใจ ดึงดูด นทท.จากภูมิภาคต่าง ๆ ได้

(13 ม.ค. 68) วี.เอ็น.เอ็กเพรส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นสื่อมวลชนในกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รายงานว่า นายโฮ อัน ฟอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้ประชุมร่วมกับคณะผู้แทนฝ่ายไทย ที่นำโดยนายดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือในข้อริเริ่ม “6 ประเทศ: 1 จุดหมายปลายทาง” หรือ “Six Countries, One Destination” ระหว่างไทยกับเวียดนาม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง 6 ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมุ่งหวังที่จะกำหนดความร่วมมือสนับสนุนการท่องเที่ยวใหม่ในภูมิภาค และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเวียดนามและไทย

นายดุสิต ระบุว่า ข้อริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ที่เข้าร่วมข้อริเริ่มดังกล่าว โดยทำให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองสะดวก และง่ายขึ้น ซึ่งรวมถึงการหารือ และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสร้างระบบของกลุ่มประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าร่วมกัน (common list) ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน และยังมีช่องทางการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งช่องทางตรวจคนเข้าเมืองพิเศษ หรือ fast-track สำหรับผู้เดินทาง

นายดุสิต เชื่อมั่นว่า แนวทางการทำงาน และความร่วมมือกันนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวภายในอาเซียนได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกได้ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียใต้ รวมถึยยังสามารถเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ผ่านการเดินทางที่หลากหลาย และเชื่อมโยงกันผ่านประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายเหล่านี้

ขณะที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สนับสนุนข้อริเริ่มนี้อย่างแข็งขัน โดยมองว่า ถือเป็นข้อริเริ่มที่สอดคล้องกับเป้าหมายในภาพรวมของการส่งเสริมความร่วมมือในอาเซียนในด้านวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว พร้อมยังเน้นถึงความจำเป็น ที่จะต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ ที่ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศ

“พล.ต.อ.ธัชชัยฯ” หารือไทย - จีน ร่วมมือต่อสู้ “การค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ” หลังจีนขอบคุณการช่วยเหลือดารานักแสดงได้สำเร็จ

(12 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้ร่วมประชุมหารือถึงการร่วมมือในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการหลอกลวงนำชาวต่างชาติไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงขอบคุณการช่วยเหลือในกรณีการติดตามนายหวังซิง ดารานักแสดงชาวจีน ที่ถูกหลอกลวงไปยังประเทศเมียนมาและได้รับการช่วยเหลือกลับมาได้สำเร็จ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายไทย ได้แก่ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ , พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายจีน ได้แก่ Mr.Wu Zhiwu อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย , Mrs.Pan Jin ที่ปรึกษาฝ่ายกงสุลและชาวจีนโพ้นทะเล สอท.จีน , Mr.Wen Yonggang ทูตตำรวจประจำ สอท.จีน , Pol.Maj.Zhao Yingning ผู้ช่วยทูตตำรวจ สอท.จีน และ Mr.Li Shaopu เลขานุการตรี ฝ่ายกงสุลและชาวจีนโพ้นทะเล สอท.จีน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศพดส.ตร. ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ในการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างตำรวจไทยและตำรวจจีน ว่า จะมุ่งเน้นการติดตามบุคคลที่หายตัวไป หรือถูกหลอกลวงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย พร้อมกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ รวมถึงเพิ่มมาตรการควบคุมการลักลอบผ่านแดนตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมการลักลอบข้ามแดนตามแนวชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้การหลอกลวงทางออนไลน์ และบังคับให้บุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศกระทำความผิดทางอาญา (Forced Criminality)

การหารือครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ และสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย

สมุทรปราการ-ครอบครัวพาณิชย์พิศาล ร่วมกับ ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา จัดกิจกรรมงานวันเด็กแจกของรางวัล เงินสด แก่เด็กทุกคนที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดมหาวงษ์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กันอย่างคึกคัก มีน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีการจับฉลากลุ้นของรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก

โดยนายอัครนันท์ พร้อมด้วย นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ผู้ใหญ่ใจดีและเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ ให้เกียรติเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นางสาว ปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา นำคณะเจ้าหน้าที่โฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธามาร่วมจัดกิจกรรมมอบความสุขให้แก่น้องๆ หนูๆ 

ซึ่งกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ทางครอบครัวพาณิชย์พิศาล โดยนายอัครนันท์ และ นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ได้มอบเงินสดจำนวน 100 บาท ให้แก่เด็กทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมงานวันเด็ก นอกจากนี้ยังมีซุ้มอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ไอศครีม ไก่ทอด นำมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานได้กินอิ่มกันอย่างเต็มที่อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในกิจกรรมได้มีการจับฉลากเพื่อลุ้นรับของรางวัลเป็นจำนวนมาก มีคณะเจ้าหน้าที่จากชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา ที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่น้องๆ หนูๆ ทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน   

สมุทรปราการ-กำนันขวัญเรือน นาคทิม จัดเต็ม!! มอบความสุขรับวันเด็กแห่งชาติ

(13 ม.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในลานกิจกรรมโรงเรียนคลองมหาวงก์ ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กันอย่างคึกคัก มีน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีจับฉลากลุ้นของรางวัลเป็นจำนวนมาก

โดย นางสาวขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง พร้อมด้วย คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวมถึงผู้ใหญ่ใจดีได้ร่วมกันจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายในลานกิจกรรมของโรงเรียนคลองมหาวงก์ ภายในงานได้รับเกียรติจากนาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ให้เกียรติเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมีคณะครูอาจารย์โรงเรียนคลองมหาวงก์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาร่วมสร้างสีสันให้กับงานด้วยการแต่งกายในชุดนักเรียนสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับผู้ที่มาร่วมงานกันอย่างมาก ภายในกิจกรรมทางผู้ใหญ่ใจดี ได้ร่วมสนับสนุนของรางวัลมากมาย มีซุ้มอาหารต่างๆ ทั้งขนม ไอศครีม น้ำดื่ม นำมาแจกจ่ายให้ผู้ปกครองและน้องๆ หนูๆ ได้กินอิ่มกันอย่างเต็มที่ 

ซึ่งงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ยังได้มีการมอบทุนการศึกษา รวมถึงการจับฉลากลุ้นของรางวัลจำนวนหลายรายการ อาทิเช่น รถจักรยาน พัดลม ตุ๊กตาตัวใหญ่ สมุด ดินสอ เงินสนับสนุนการศึกษา รวมถึงของรางวัลอื่นๆ อีกหลายรายการ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงโชว์จากคณะครูและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสร้างสีสันและรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับเด็กและผู้ปกครองทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมในปีนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

INTERLINK EXPO 2025 ดีลครบ ลดคุ้ม จัดมหกรรมครั้งใหญ่ เปิดศักราช ลดอลังการให้คู่ค้าที่ภาคกลาง ตอบแทนคืนกำไรให้ในราคาลดหนักประหยัดจริง ตอบโจทย์ทุกงานระบบ ครบทุก Solution

(12 ม.ค. 68) คุ้มค่าเกินคาด!! บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จัดมหกรรมลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ ‘INTERLINK EXPO 2025 ดีลครบ ลดคุ้ม’ เพื่อตอบแทนทุนให้คู่ค้า และพันธมิตรในภูมิภาคกลาง ส่งตรงถึงมือ ด้วยส่วนลดสุดพิเศษสูงสุดถึง 70% นำทัพสินค้าคุณภาพดี ราคาโดนใจ จัดให้ในราคาสบายกระเป๋า รวมถึงยกชุดทุกโซลูชันของ สินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE จัดโปรกระหน่ำกว่า 1,000 รายการ คืนกำไรเต็มให้คู่ค้าอย่างแท้จริง กล้ารับประกันถูกกว่านี้ไม่มีที่ไหนแน่นอน ภายในงานประกอบด้วยสินค้า และโซลูชันครบวงจร ทั้งสาย LAN/สาย FIBER OPTIC/Solar Solution/ตู้ LINK RACK และสินค้า 19” GERMANY EXPORT RACK และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มากมาย จัดดีลพิเศษ Cash Back และกิจกรรมลุ้นรางวัลใหญ่อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการประกาศข่าวดี เปิดศักราชด้วยนวัตกรรมใหม่ ‘NEW INNOVATION’ พร้อมตอกย้ำแบรนด์ LINK AMERICAN CABLING ที่จะมาตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ที่ครอบคลุมทุกความต้องการกันที่งานนี้เป็นที่แรก ความคุ้มค่านี้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นำพาธุรกิจเติบโตร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน แบบมีคุณภาพต่อไปในอนาคต

 

รัฐบาล เชิญชวน!! ประชาชน ร่วมงานพระราชพิธีสมมงคล เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 14 ม.ค. นี้

(12 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ (สลค.) แจ้งการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 2 จากเดิมในวันอังคารที่ 14 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ในเวลา 10.00 น. เนื่องด้วยในวันที่ 14 มกราคม รัฐบาลได้จัดงาน ‘พระราชพิธีสมมงคล’ (สะ-มะ-มง-คล) โดยนายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ‘พระราชพิธีสมมงคล’ ซึ่งรัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568

นายจิรายุ กล่าวว่า ในส่วนของกิจกรรม ประกอบด้วย 7 กิจกรรม ดังนี้ 1.พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-20 มกราคม 2568 2.การบูรณปฏิสังขรณ์ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี 3.การจัดแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพมหานคร ในวันที่อังคารที่ 14 มกราคม 2568

4.การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ 5.การจัดพิธีทางศาสนาและกิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ ศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 6.การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตตภาวนา ถวายพระราชกุศล และ 7.การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรุงเทพมหานคร

“วันที่ 14 มกราคมนี้ นับเป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน เป็นวันสมมงคล (สะ–มะ-มง-คล) เท่ากับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญในครั้งนี้” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

‘มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)’ ส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เตือนภัยน้ำท่วม ให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

(12 ม.ค. 68) มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ทำหน้าที่แทนประธานมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธีส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ ภายใต้โครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติเพื่อสนับสนุนการเตือนภัยน้ำหลากในลำน้ำสาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีพันโทตั้น หล่าย วิน (Lt.col. Thant Laing Win) รักษาราชการ ผู้บังคับการ กองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นผู้แทนรับมอบ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือเพื่อติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ สนับสนุนการเตือนภัยในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คณะกรรมการมูลนิธิฯ ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่าย และผู้สนับสนุนโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ จาก Central Group ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับโครงการดังกล่าว มูลนิธิฯ ได้ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ จำนวน 4 สถานี ซึ่งอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก จำนวน 3 สถานี ประกอบด้วย บริเวณบ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง บ้านสบสาย และอยู่ที่สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 1 สถานี

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ได้ส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติทั้ง 3 สถานี พร้อมด้วยโมเดลจำลองให้กับพันโทตั้น หล่าย วิน ผู้แทนฝ่ายเมียนมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือ

ทั้งนี้ ดร. รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้นำเสนอการทำงานของสถานีโทรมาตรและระบบแสดงผลข้อมูลระดับน้ำ และปริมาณน้ำฝนอัตโนมัติ ผ่านจอ LED ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ซึ่งประชาชนทั่วไปที่สัญจรผ่านไปมาสามารถดูข้อมูลดังกล่าว เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังก่อนเกิดอุทกภัยล่วงหน้าได้ประมาณ 8-9 ชั่วโมง ก่อนที่มวลน้ำจากต้นน้ำแม่สายที่อยู่ฝั่งเมียนมาจะมาถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

จากนั้น รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ พร้อมคณะ เดินทางต่อไปยังลานจัดกิจกรรม โครงการฟื้นฟูชุมชน บรรเทาทุกข์ บำรุงสุขให้ยั่งยืน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ณ บ้านผาจม ต.เวียพางคำ อ. แม่สาย จ.เชียงราย เข้าสักการะพระพุทธวิชัย เขมิโย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชมผาจม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเคยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2567

จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ พร้อมด้วยทีมเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติและเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ได้ลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 จนถึงปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ช่วยอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย มอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 500 ถุง และอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ประกอบอาหารปรุงสุก จำนวน 21,800 กล่อง สำหรับผู้ประสบอุทกภัย ทั้งนี้มูลนิธิฯ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการร่วมกันบูรณาการในการจัดกิจกรรม ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เศียรพระพุทธวิชัย เขมิโย หัก ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของชุมชนผาจม ทางชาวบ้านและมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา) จึงได้เร่งบูรณะ ให้กลับมาเป็นศูนย์ที่ยึดเหนี่ยวของชาวบ้านอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ชาวบ้านมีการแสดงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดจนในวันนี้ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ทางมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำอุปกรณ์การกีฬา เครื่องอุปโภคบริโภค ชุดนักเรียน ชุดเครื่องนอน ตลอดเงินบริจาคผู้สนับสนุนต่างๆ นำมาแจกจ่ายให้เด็กในชุมชนอีกด้วย

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่

(12 ม.ค. 68) ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอเเม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรี ชายแดน  กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปกป.ภาค 3 ให้การต้อนรับ พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วย นายสมบูรณ์  หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายฉลอง  ทองนะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ว่าที่พันตรี กรพด  รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายไชยยงค์  มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ นางสาวนวลนิจ  หงษ์วิวัฒน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ นายนิฟาริด  ระเด่นอาหมัด ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ และนาวาตรี วุฒิพงศ์  พงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ โดยได้ร่วมประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ แผนงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมไปถึงเป้าหมายในปี 2568 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ตลอดจนรับทราบปัญหาและอุปสรรคที่ต้องการให้คณะกรรมาธิการได้ผลักดันช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้ให้แนวคิดและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

“พิชัย” หารือทูตญี่ปุ่น ดึงนักลงทุนเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมอนาคต ยานยนต์-ดิจิทัล เร่งปิดดีล FTA ขยายตลาดส่งออก

(12 ม.ค. 68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (นายโอตากะ มาซาโตะ) เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ โดยตนรู้สึกดีใจที่นักลงทุนญี่ปุ่นจำนวนมากกลับเข้าสู่ไทย และญี่ปุ่นมีการลงทุนเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลดการลงทุนในไทย ภายหลังการรัฐประหารปี 2557 ไปร่วมทศวรรษ การได้พบกับท่านทูตมาซาโตะ เป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมถึงได้ฝากให้ช่วยดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นให้ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ ยานยนต์ยุคใหม่ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งได้สานต่อการเจรจาหลังตนได้เยือนญี่ปุ่นดึงนักลงทุนและหารือกับผู้นำระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้คำมั่นที่จะขยายตลาดการส่งออกผ่าน FTA ในกลุ่มประเทศที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกต่อไป

นายพิชัย กล่าวว่า ไทยมุ่งหวังเป็นศูนย์กลางสำหรับการค้าและการลงทุน เป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ และการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในวันนี้ตนจึงได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งยานยนต์สันดาปและยานยนต์ยุคใหม่ รวมทั้งอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ โดยที่ผ่านมา ญี่ปุ่นยังเป็นนักลงทุนต่างชาติกลุ่มแรกที่เข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ในไทยและมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานอุตสาหกรรมของไทย 

และวันนี้ตนยังได้มีโอกาสหารือกับ นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และนายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และคณะ เพื่อความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐกับเอกชนให้ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ของอาเซียน โดยภาคเอกชนฝากการบ้านให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยขยายตลาดการส่งออกผ่าน FTA ในกลุ่มประเทศที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก เช่น กลุ่มประเทศอาหรับ รวมทั้งการเจรจา FTA ไทย-อียู ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เร่งเจรจา เพื่อปิดจบ FTA ฉบับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง 

“เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ได้หารือกับ H.E. Mr. HAYASHI Yoshimasa เลขา ครม. ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงในรัฐบาลญี่ปุ่น และ Mr.Taro KONO สส .จังหวัดคานางาวะ อดีตรัฐมนตรีดิจิทัลของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในญี่ปุ่น ประเด็นความร่วมมือในอุตสาหกรรมใหม่ ที่ญี่ปุ่นกำลังสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านล้านเยน (2.2 ล้านล้านบาท) เพื่อให้ไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของญี่ปุ่น และได้มีโอกาสพบหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่นหลายราย เช่น บริษัท NTT Corporation บริษัท TOYOTA TSUSHO บริษัท GS Yuasa International บริษัท Hitachi และบริษัท Mitsubishi Electric Corporation เพื่อเชิญชวนขยายการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยตนพร้อมสนับสนุนการลงทุนของญี่ปุ่นและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนใหม่ในไทยอีกกว่า 2–3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ไทยอยู่ระหว่างการเจรจา FTA กับอีกหลายประเทศ ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทย” พิชัยกล่าว

นายพิชัย เสริมว่า ไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยล่าสุด สับปะรดห้วยมุ่นของไทยได้รับขึ้นทะเบียนสินค้า GI ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสินค้ารายการที่ 3 ต่อจากกาแฟดอยช้างและกาแฟดอยตุง ภายใต้ความร่วมมือแลกเปลี่ยนการขึ้นทะเบียน GI 3 + 3 นอกจากนี้ ตนยังได้แสดงความพร้อมที่กระทรวงพาณิชย์จะมีส่วนร่วมในงาน EXPO 2025 Osaka Kansai ที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 โดยจะมีการจัดThailand Pavilion นำเสนอศักยภาพของไทยผสมผสานระหว่างการแพทย์สมัยใหม่และการแพทย์แผนไทย การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ รวมถึงสินค้าสมุนไพร เครื่องสำอาง และสปา ซึ่งเป็นการส่งเสริม soft power ไทยสู่สากล

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2567 (มกราคม – พฤศจิกายน) มีมูลค่าการค้ารวม 48,093.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไปยังญี่ปุ่นมูลค่า 21,545.26ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ และการนำเข้าของไทยจากญี่ปุ่นมูลค่า 26,547.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า

สมุทรปราการ-คึกคัก!! พระครูแจ้ มอบความสุขรับวันเด็ก แจกเงินร่วม 1 ล้าน ให้เด็กกว่า 2,000 คน 

วัดบางพลีใหญ่กลาง หรือวัดพระนอน ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 พร้อมทั้งแจกขนม นม สิ่งของต่างๆ และเงินให้กับเด็กๆ จำนวนกว่า 2,000 คน สร้างความคึกคักและรอยยิ้มให้แก่เด็กทุกคนที่มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

วันที่ (11 ม.ค. 68) ที่ผ่านมา เวลา 08.30 น. ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานจัดกิจกรรมวัดเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่มีของรางวัลมากมาย อาทิเช่น จักรยาน ชุดนักเรียน รองเท้า สมุด ดินสอ ขนม นม และอุปกรณ์ยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงสิ่งของต่างๆ อีกมากมายที่นำมาแจกจ่ายให้กับเด็กทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ รวมถึงซุ้มอาหาร และไอศครีมจากผู้ใหญ่ใจดี

โดยในช่วงเช้าทางผู้ปกครองได้นำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้นับว่ามีเด็กๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก กว่า 2,000 คน ที่ต่างเดินทางมานั่งรอของรางวัลจากท่านพระครูแจ้ โดยวันเด็กแห่งชาติปีนี้ท่านพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้แจกเงินให้เด็กแรกเกิด ไปจนถึง 1 ขวบ คนละ 500 บาท เด็กเล็ก คนละ 200 บาท และเด็กโต คนละ 100 บาท

โดยมี นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ คณะไวยาวัจกร คณะกรรมการวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะเจ้าหน้าที่ อบต.บางพลีใหญ่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี สภ.บางปู เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน

ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดบางพลีใหญ่กลาง เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ คณะครู ผู้ปกครอง นอกจากนี้ ท่านพระครูแจ้ยังได้เมตตามอบเงินสนับสนุนให้แก่หน่วยงานราชการเพื่อนำเงินไปพัฒนาองค์กรของตนเอง นับว่าวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 นี้ สร้างสีสันและรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ ทุกคนที่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม กว่า 2,000 คน
คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top