Monday, 28 April 2025
NEWS FEED

เชียงใหม่-เปิดกิจกรรม “ADVOCATE 2025”และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 14 ตำบลต้นแบบ

วันที่ (16 ก.พ. 68) เวลา 16.00 น. วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรม “ADVOCATE 2025” โดยได้รับเกียรติจากนายกู้เกียรติ นิ่มเนียม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 14 ตำบลต้นแบบ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน และคุณศิรินทร์พร เดียวตระกูล ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรการวิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยเเห่งชาติ ร่วมกล่าวแสดงความยินดีต่อผลสำเร็จการดำเนินงาน  ณ ลานประตูท่าแพ

กิจกรรม “ADVOCATE 2025”  มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการการยกระดับศักยภาพผู้นำชุมชนต้นแบบ ADVOCATE และนวัตกรรมการเรียนรู้มีดี เพื่อสร้างกลไกการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยในชุมชนแบบมีส่วนร่วม โดยสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 14 แห่งในภาคเหนือตอนบน สู่การพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills และ Management Skills แก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นำร่อง พร้อมฝึกปฏิบัติเสริมทักษะการทำงานและบริหารโครงการของบุคลากรผู้เข้าร่วมโครงการ ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้สูงวัยในชุมชน และระบบหนุนเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดของสินค้าชุมชน

นายกู้เกียรติ นิ่มเนียม  หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมระดับฐานราก โดยบุคลากรท้องถิ่นเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักร่วมกับภาคีเครือข่าย ความสำเร็จของโครงการจะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้ท้องถิ่นไทย พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนทุกวัย เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตในยุคใหม่ ต่อสู้กับความยากจน และขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มุ่งมั่นผลักดันวิสัยทัศน์การเป็น "มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม" โดยวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิตเป็นหน่วยงานสำคัญในการริเริ่มและเปิดโอกาสทางการศึกษา "โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เน้นการส่งมอบองค์ความรู้และพัฒนาทักษะให้แก่คนทุกช่วงวัย ผ่านความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม" 

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.นัทธี สุรีย์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญยิ่งในการพัฒนาและดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น โดยเฉพาะการสนับสนุนและส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุ ทางวิทยาลัยจึงสร้างความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ในการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills และ Management Skills แก่บุคลากรและผู้นำชุมชนของ อปท. จำนวน 140 คน ใน 14 พื้นที่นำร่อง จาก 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน ด้วยกระบวนการฝึกปฏิบัติเสริมทักษะการทำงาน และการบริหารโครงการที่ส่งเสริมธุรกิจและผลิตภัณฑ์จากผู้สูงวัยในชุมชน เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน
    
การทำงานร่วมกันนี้ ก่อให้เกิดการหนุนเสริมกันและกันระหว่างบุคลากร อปท. กับผู้สูงวัยในการทำกิจกรรมร่วมกันผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน  อาทิ ในจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลป่าป้องพัฒนาข้าวแต๋นและข้าวเกรียบ เทศบาลตำบลเชิงดอยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรชาสามสหาย ขิงผง และหัวปลีผง ส่วนเทศบาลตำบลท่าวังตาลเน้นผลิตภัณฑ์กล้วยหนึบและโคมล้านนา
ในจังหวัดเชียงราย เทศบาลตำบลแม่คำพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งถุงหอม ลูกประคบ และยาดมสมุนไพร เทศบาลตำบลโยนกพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม และเทศบาลตำบลเวียงเน้นการพัฒนากระเป๋าและผลิตภัณฑ์จากผ้าที่หลากหลาย จังหวัดลำพูนโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมดินจากเทศบาลตำบลป่าไผ่ และผลิตภัณฑ์ถ่านรักษ์โลกจากเทศบาลตำบลวังดิน เทศบาลตำบลวังผางพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งถุงหอม ลูกประคบ และยาดมสมุนไพร 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอื่น ๆ ได้แก่ ผ้าปักลายอัตลักษณ์จากเทศบาลนครลำปาง ผลิตภัณฑ์จักสานและน้ำพริกจากเทศบาลตำบลป่าแมต จังหวัดแพร่ ผลิตภัณฑ์จากทางมะพร้าวจากเทศบาลตำบลบ้านใหม่ จังหวัดพะเยา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เทศบาลตำบลแม่ลาน้อยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากไม้กวาดและกุ๊บไต ส่วนองค์การบริหารส่วนตำบลฝายแก้ว จังหวัดน่าน ต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์ลายสีธรรมชาติสู่ของฝากอัตลักษณ์ท้องถิ่น 

ผลจากการร่วมโครงการนี้ มีผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการมากกว่าสองพันคน พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนรวม 69 ชิ้น สามารถสร้างรายได้รวมให้กับชุมชนทั้งหมดมากกว่า 2 ล้านบาท  การจัดกิจกรรมยังมี “ตลาดนัดสินค้าผู้สูงวัย” หรือ “MEDEE MARKET” ที่บริเวณลานประตูท่าแพ 

ภายในงานมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของผู้สูงวัยจำนวนมากกว่า 60 รายการจากพื้นที่ที่เข้าร่วมและหน่วยงานความร่วมมือของโครงการฯ กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (WORKSHOP) ระบายสีพวงกุญแจกุ๊บไตจากแม่ลาน้อย การสานดอกไม้จากไผ่ตอกบ้านป่าบง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และกิจกรรมแต่งหน้าข้าวแต๋น จาก ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมชมการแสดงร่วมสมัยจากศิลปินค่ายคนเมืองเรคคอร์ด และการแข่งขันประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่งพร้อมหางเครื่องจากนักเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ 

นอกจากนี้ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ณ โรงแรมอโมรา ท่าแพ จ.เชียงใหม่ วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังได้จัดเวทีแบ่งปันประสบการณ์และผลการนำความรู้ไปใช้ในพื้นที่ของผู้นำ ADVOCATE ทั้ง 140 คนจาก 14 ตำบล ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมนำเสนอโครงการเพื่อเสริมสร้างทักษะและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้สูงวัยในชุมชน และมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้ผ่านหลักสูตรนี้ 

ปัจจุบัน “โครงการการยกระดับศักยภาพผู้นำชุมชนต้นแบบ ADVOCATE และนวัตกรรมการเรียนรู้มีดี เพื่อสร้างกลไกการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยในชุมชนแบบมีส่วนร่วม” ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  เพื่อสร้างความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนาทักษะแก่บุคลากร เพื่อการพัฒนากิจกรรมพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากผู้สูงวัยในชุมชนแบบมีส่วนร่วม สร้างรายได้หรือเกิดการสนับสนุนรายได้ให้กับกลุ่มวัยก่อนสูงอายุ (Pre-aging) และผู้สูงอายุ อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในชุมชนอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Advocate CMU (www.facebook.com/AdvocateCMU) หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ร่วมโครงการฯ

รัฐบาล ปลื้ม!! นักท่องเที่ยว แน่นเมือง ‘เบตง’ เตรียมดัน!! ซอฟต์พาวเวอร์อาหาร วัฒนธรรมขึ้นชื่อ

(16 ก.พ. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสวัสดิการของกองทัพฯ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังข้อมูล เพื่อนำเสนอก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จังหวัดสงขลา ในวันอังคารนี้

โดยวันนี้(อาทิตย์16กพ.)ได้เดินทางเข้ารับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะที่บริเวณชายแดน ไทย-มาเลเซีย และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยได้พบปะกับผู้แทนของภาคเอกชน ส่วนราชการด้านความมั่นคงและผู้แทนของปกครองท้องถิ่นและผู้แทนของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในการพัฒนาพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการท่องเที่ยวชายแดนไทย- มาเลเซีย ซึ่งพบว่าชาวอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ขอให้รัฐบาลพิจารณาสนับสนุนให้มีสายการบินพาณิชย์มาลงที่สนามบินเบตงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากยกเลิกเที่ยวบินมาเบตงตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งทั้งผู้โดยสารและ สินค้า

ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปในพื้นที่อำเภอเบตง พบว่าเป็นไปด้วยความคึกคัก ธุรกิจห้างร้าน เปิดกันอย่างคึกคัก ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเบตงมีความสงบมากว่า 11 ปีที่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ จนวันนี้ เบตง เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกว่าร้อยละ 95% เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทุกวัน

ทั้งนี้ชาวเบตงอยากให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ ร่วมกับอำเภอเบตง จัดกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญในช่วงเทศกาลต่างๆของอำเภอเบตง รวมทั้งอยากให้สนับสนุนเรื่องศิลปะวัฒนธรรม และซอฟพาวเวอร์ท้องถิ่น ทั้งอาหารชื่อดังที่น่าสนใจ เช่น ข้าวมันไก่เบตง ติ่มซำ อาหารประเภทปลาที่ขึ้นชื่อแห่งเดียวอย่างเมนู ”ปลานิล สายน้ำไหล “อันเป็นของดีของเบตง รวมทั้งกิจกรรม ประเพณีสำคัญของพื้นถิ่น อันเป็นวิถีชีวิตของชาวไทยและชาวจีนมาเลเซียในอดีต นอกจากนี้ อำเภอเบตงได้รายงานว่า สกายวอล์คแห่งใหม่ในอำเภอเบตงที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 05:00 น. ไปจนถึง 10:00 น. มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวเต็มเกือบทุกวัน ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอำเภอ ชึ่งชาวเบตงฝากเชิญชวนมาเที่ยวที่เบตงแล้วจะหลงรักเบตง

นายจิรายุ กล่าวว่าทั้งนี้ ตนจะสรุปรายงานการลงพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

‘สนธิ’ แจง!! ไม่เคยพูดว่า ‘พีระพันธุ์’ เกี่ยวข้องกับคนบนเรือในคดีแตงโม แต่เชื่อ!! รู้จักกับ ‘ปอ ตนุภัทร’ สนิทถึงขั้นให้เรียก ‘อาตุ๋ย’ อย่างเป็นกันเอง

(16 ก.พ. 68) นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส และเจ้าของสื่อในเครือผู้จัดการ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ขอชี้แจงเรื่องคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

ผมขอชี้แจงเรื่องที่ผมพูดไปใน "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(12ก.พ.) ว่า คุณปอ ตนุภัทร หนึ่งในคนบนเรือ ได้มีการโทรศัพท์คุยกับคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก DSI เลย และไม่มีทางที่ DSI จะส่งข้อมูลนี้มาให้ผม แต่ผมได้ข้อมูลและการวิเคราะห์จากแหล่งข่าวของผมเอง

ข้อแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จัดรายการ "โคนันเมืองไทย" แล้วใบ้คำถึงคนบนเรือ โทรคุยกับนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วใบ้คำว่าหนึ่ง เป็นรัฐมนตรีในชุดที่แล้วและรัฐมนตรีชุดนี้ สอง เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง สาม เป็นคนดูแลกระทรวงสำคัญ และสี่ เป็นผู้ที่จบและมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ผมเห็นข้อมูลแล้ววิเคราะห์ได้ว่าน่าจะหมายถึงคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะคอมเมนต์ในคลิปคุณอัจฉริยะ ก็มีคนคิดแบบผมพิมพ์เข้ามาเยอะมาก ในที่สุดผมก็เลยต้องให้ทีมงานไปค้นรูปเก่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพีระพันธุ์ กับคนบนเรือ ว่ามีหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณปอ ซึ่งเป็นคนค้าขายเรือและรถหรู น่าจะรู้จักนักการเมืองเยอะ ผมก็เลยเจอรูปจริงๆ ผมเลยเชื่อว่าคุณปอ จะต้องโทรหาคุณพีระพันธุ์ 

ประกอบกับผมมีพยานกลับใจคนหนึ่งมาบอกว่า คุณปอ โทรหาคุณพีระพันธุ์ และมีการพูดคุยกันจริง แล้วผมก็วิเคราะห์และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนและ DSI ต้องไปสอบคุณพีระพันธุ์ เอาเอง ผมแค่ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้รับข้อมูลจากที่ไหนเลย แต่ได้มาจากแหล่งข่าวและการวิเคราะห์ของผมเอง

และผมก็ได้ข่าวว่า คุณปอเรียกคุณพีระพันธุ์ว่า "อาตุ๋ย" ทุกคำ เพราะช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2566 นายปอ เข้าไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มานำเสนอโปรแกรมระบบไอที ตอนนั้นในพรรคก็ต่อต้าน เพราะกลัวนายปอ จะแย่งงาน แสดงว่านายปอ กับคุณพีระพันธุ์ รู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ส่วนจะโทรและคุยกันเรื่องอะไร ไม่ทราบ เพียงแต่ว่าในวันที่โทรนั้นเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พบว่าแตงโม ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้ผมเดา ผมไม่กล้าเดา ก็เป็นไปได้ว่าจะโทรไปปรึกษาหารือเรื่องคดีความ แต่จะเป็นอะไรนั้น ผมไม่รู้จริงๆ เอาเป็นว่า ข้อแรก ความจริงก็คือว่า ทั้งคุณพีระพันธุ์ และคุณปอ รู้จักกันดี ถ้าไม่รู้จักกันดีจะเรียกว่า อาตุ๋ย ได้อย่างไร และสอง ได้มีการโทรไปจริง นี่ผมวิเคราะห์จากสิ่งแวดล้อมแล้ว

‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ จับมือ ‘AFD’ จากฝรั่งเศส เดินหน้า!! แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อให้คนไทย มีลมหายใจที่สะอาด

(16 ก.พ. 68) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการบริหาร มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง ยามยาก สภากาชาดไทย ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ ได้ร่วมกับ AFD หน่วยงานของกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส เดินหน้าทำโครงการร่วมพัฒนาคุณภาพอากาศในอาเซียน โดยนำคณะทำงานของอาเซียนมาร่วมกันศึกษาการพยายามแก้ไขมลพิษทางอากาศในไทย ร่วมงานกับทั้งหน่วยงานรัฐและภาคประชาสังคม อย่างสภาลมหายใจกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนได้มีอากาศสะอาด

‘ซาบีดา’ รมช.มหาดไทย เปิดงานสัญลักษณ์เมืองเลิงนกทา จ.ยโสธร ระทึกเวทีถล่ม เจ้าตัวบาดเจ็บเล็กน้อย โชว์สปิริต!! เปิดงานต่อ ขณะ ‘สส.ยโสธร’ เจ็บหนัก

(16 ก.พ. 68) เกิดเหตุ ฉากราวเหล็กเวที งาน “สัญลักษณ์เมืองเลิงนกทา” จ.ยโสธร ถล่มลงมา ในระหว่าง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เปิดงาน เบื้องต้นเจ้าตัวโดนแผงเหล็กบริเวณศีรษะ บาดเจ็บเล็กน้อย สามารถเปิดงานต่อได้ และถ่ายรูปร่วมกับพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะเดินทางไปที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกาย ล่าสุดได้ทำ CT สแกน ผลปกติ ขณะนี้เดินทางกลับแล้ว

ขณะที่ นายธนพัฒน์ ศรีชนะ สส.ยโสธร จาก x-ray และ CT แสกน พบกระดูกสันหลัง T3 แตกจึงส่งต่อไป รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

ด้าน นายสุทธิชัย จรูญเนตร สส.อุบลราชธานี อาการบาดเจ็บเล็กน้อย รักษาต่อที่ รพ.เอกชน

‘รมว.ศธ. เพิ่มพูน’ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้น้องนักเรียนไทย!! ผู้ชนะโอลิมปิควิชาการ

(16 ก.พ. 68) พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่นักเรียนผู้แทนประเทศไทย ที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ภายใต้โครงการ ASMOPSS Thailand เพื่อไปแข่งขันต่อระดับนานาชาติใน โครงการ Asian Science & Mathematics Olympiad for Primary and Secondary School (ASMOPSS) รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

รมว.ศธ. กล่าวว่า “นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนดี มีความสุข มีเป้าหมายการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต การส่งเสริมให้นักเรียนมีความเป็นเลิศด้านวิชาการ มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จนสามารถร่วมการแข่งขันและได้รับการรางวัลการันตีในระดับนานาชาตินั้น แสดงว่านักเรียนแต่ละคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจพยายามฝึกฝนเรียนรู้และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และยังได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากผู้ปกครอง ครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน สิ่งที่อยากฝากให้ทุกคนนำไปปรับใช้นั่นคือ ความฉลาดรู้ ฉลาดคิด และฉลาดทำ”

นางสาวพรพัชร แผลงเดช ประธานโครงการ ASMOPSS THAILAND กล่าวว่า “ถือเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะนักเรียนผู้แทนที่เข้าแข่งขันได้รับรางวัลกลับมาให้คนไทยชื่นชมทุกคน รู้สึกภูมิใจมากเพราะเราคัดเลือกกันอย่างเข้มข้นเพื่อให้ได้นักเรียนที่มีความสามารถมากที่สุดมาเป็นตัวแทนประเทศไทย และนอกจากนี้ทาง บริษัท ไมราห์ อินเตอร์ กรุ๊ป ได้รับสิทธิ์และความไว้วางใจในการจัดสอบแข่งขันระดับนานาชาติในปีนี้หลายรายการอีกด้วย

นายธนากร แผลงเดช นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนนอกระบบ กล่าวถึงการสนับสนุนและผลักดันโรงเรียนเอกชนนอกระบบว่า “เราพร้อมที่จะสนับสนุน ผลักดันทั้งโรงเรียนกวดวิชา สอนภาษา ดนตรี กีฬา เสริมทักษะชีวิต บริบาล และโรงเรียนสอนอาชีพ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ศธ. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเยาวชนของชาติให้มีคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนไทยทุกช่วงวัยและพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นพลังที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมต่อไป”

สำหรับโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกวดวิชาเอซายน์ และ บริษัท ไมราห์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์ให้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักเรียน ผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา

และยังเป็นการสนับสนุนเวทีให้เด็กไทยแสดงความสามารถด้านวิชาการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สะท้อนความสำเร็จของเด็กไทยใน Gen นี้ เน้นทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นฐาน โดยมีประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ทาจิกิสถาน กัมพูชา ปากีสถานชาอุดิอาระเบีย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ให้ความร่วมมือ

ทั้งนี้ มีนักเรียนผู้แทนจากประเทศไทยได้รับรางวัลทั้งหมด 36 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลประเภทบุคคล 28 รางวัล (10 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน, 6 เหรียญทองแดง) และ รางวัลประเภททีม 8 รางวัล (รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 4 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 3 รางวัล) โดยมีนักเรียนจากทั่วประเทศผ่านการคัดเลือกจากโครงการ ASMOPSS THAILAND เข้าร่วมแข่งขัน ASMOPSS 14 จำนวน 28 คน จากผู้เข้าแข่งขันประเภทบุคคลซึ่งเป็นผู้แทนจากประเทศอื่นทั้งหมด 136 คน และประเภท ทีมทั้งหมด 37 ทีม จาก 10 ประเทศ

นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับความร่วมมือจากสถานศึกษาเอกชนนอกระบบ เปิดบูธให้ความรู้และแนะนำหลักสูตรต่างๆเพื่อเป็นทางเลือกในการศึกษาเพิ่มเติม และสร้างพลังสนับสนุนเยาวชนไทยใส่ใจการศึกษา อาทิ บูธ Coaching English การใช้ Smart Learning App สอนภาษาอังกฤษ, บูธ Talent Detective โปรแกรมค้นหาตัวตนจากลายนิ้วมือด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย, บูธ JCS แนะนำการเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น และบูธสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกขนนอกระบบ (APANE) เป็นต้นการแข่งขันวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ ระดับชาติ และระดับนานาชาติ ASMOPSS (แอสมอพส์) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นผู้จัดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียน จัดสอบรอบแรก (รอบประเทศ) ในเดือนสิงหาคม ส่วนรอบสอง (รอบคัดเลือกผู้แทนประเทศ) ช่วงต้นเดือนตุลาคม จะคัดเลือกนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบตามเกณฑ์มาตรฐานระดับนานาชาติของ ASMOPSS เท่านั้น เพื่อคัดเลือกเป็นผู้แทนของประเทศไทย

สมุทรปราการ-เฮลั่น!! อรัญญา สุวรรณบุตร แชมป์เก่า!! เขี่ยสัมล่วงแบบขาดลอยเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อวันที่ (16 ก.พ. 68) ได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ โดยมีผู้ยื่นสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา จำนวน 2 ราย ได่แก่

นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ผู้สมัครหมายเลข 1 และนางสาวจริยา หลงน้อย พรรคประชาชน ผู้สมัครหมายเลข 2 โดยในวันเลือกตั้งทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้จัดเตรียมสถานที่ลงคะแนนการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา จำนวน 36 หน่วยด้วยกัน ซึ่งหลังจากเปิดให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่ปิดหีบการเลือกตั้งเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ที่ผ่านมา

ทาง กกต.และคณะเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้ทยอยนับคะแนนผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ซึ่งผลจากการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 36 หน่วย ปรากฎว่าทางด้าน นางอรัญญา สุวรรณบุตร ผู้สมัครหมายเลข 1  ได้ 6706 คะแนน และ นางสาวจริยา หลงน้อย ได้ 2397 คะแนน นับได้ว่าผลคะแนนรวมชนะแบบขาดลอยทุกหน่วยเลือกตั้งและเป็นไปตามคาดว่าฐานคะแนนเสียงของทางนายกอรัญญา สุวรรณบุตร นั้น ยังคงแข็งโป๊ก แบบว่าหาคู่เปรียบยาก คงเป็นเพราะนางอรัญญา สุวรรณบุตร นั้น เป็นที่รักและศรัทธาของทางพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดอย่างแท้จริง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นประจักษ์แล้วว่าต่อให้เป็นพรรคไหนจะส่งใครลงแข่งในเขตนี้คงต้องคิดหนักและเหนื่อยแน่นอนเพราะฐานเสียงที่แข็งแกร่งจริงๆ ดั่งคำที่ว่า นกมีขน คนมีพวก ย่อมบินขึ้นที่สูงได้ แต่ถ้านกมีขน แต่ไม่เอาพวกก็บินขึ้นที่สูงไม่ได้

นอกจากนี้ ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ภายใต้การบริหารของนาง อรัญญา สุวรรณบุตร ยังมีผลงานที่โดดเด่นทั้งทางด้านการพัฒนาด้านการศึกษา ภาษา การดูแลฝึกอาชีพแก่กลุ่มผู้สูงอายุ และการพัฒนาท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องแบบใจแลกใจ จึงทำให้สามารถรักษาเก้าอี้นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาได้อีกสมัย

โดยทางด้าน นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีฯ กล่าวว่า ตนเองต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาที่มอบให้ และไว้วางใจให้ตนกับมาทำหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาอีกสมัย โดยหลังจากที่คะแนนเสียงมีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว และได้มีการรับรองตามข้อกฎหมายกำหนดเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นคงจะมีการเปิดประชุมสภาโดยท่านประธานสภา พร้อมทั้งแถลงนโยบายการขับเคลื่อนแผนพัฒนาบริหารท้องถิ่นต่อที่ประชุมสภา รวมถึงกำหนดแผนพัฒนาท้องถิ่นในด้านอื่นๆ ต่อไป หลังจากนี้ตนเองจะขอทำหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาให้ดีที่สุดให้สมกับความไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนมอบให้ พร้อมทั้งจะพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

เชียงใหม่-แฟชั่นโชว์การกุศลคอลเลคชั่นพิเศษ Charity Fashion Show 2025 

(16 ก.พ. 68) นิ่มซิตี้ ร่วมกับ BELIVE PREMIUM จัดแฟชั่นโชว์การกุศลสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่บน Promenade Runway ยาวที่สุดในภาคเหนือ คอลแลบ ผู้บริหาร นักธุรกิจ เซเลบเชียงใหม่ เดินแบบกว่า 40 ชีวิต ท่องเที่ยวและกีฬาหนุน Soft Power จังหวัดเชียงใหม่
 
“นิ่มซิตี้ คอมมูนิตี้ มอลล์” ศูนย์รวมไลฟ์ สไตล์ของชาวเชียงใหม่ โดย ดร.ปราณี สุวิทย์ศักดานนท์ จับมือร่วมกับ “บีลีฟ พรีเมี่ยม” แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ ที่เรียบหรู ทันสมัย โดยคุณพิมอัครา พิชญ หนึ่งในแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยที่รับการคัดเลือกให้ไปแสดงผลงานใน International Fashion Week ระดับนานาชาติ จัดแฟชั่นโชว์ชุดเสื้อผ้าคอลเลคชั่นพิเศษ Charity Fashion Show 2025 พร้อมเปิดแสดง กระเป๋าถือ Premium Handbags ที่ผลิตจากผ้าไหมสั่งทอพิเศษตรานกยูงพระราชทาน ซึ่งได้รับการส่งเสริมของกรมหม่อนไหม บนPromenade Runway ยาวกว่า 130 เมตร โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งรองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงใหม่และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นประธานจัดงานในครั้งนี้
 
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในงานว่า “เมืองเชียงใหม่เมืองแห่งวัฒนธรรมและ Soft Power ชั้นนำของไทย งานนี้เป็นอีกเวทีที่แสดงถึงความสร้างสรรค์ของแฟชั่นไทย ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ผมเชื่อว่าแฟชั่นคือเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง และเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แข็งแรง ในค่ำคืนนี้คือท่านจะได้พบกับการนำเสนอ Soft Power ของไทยสู่สายตาชาวโลก ผ่านผลงานของนักออกแบบที่มีความสามารถภายใต้แบรนด์ไทยสู่สากล พร้อมกับการนำเสนอเสื้อผ้าจากนางแบบกิตติมศักดิ์กว่า 40 ท่าน”
 
นางวารีญา แสนศรี ธมิกานนท์ รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงใหม่ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานจัดงาน Charity Fashion Show 2025 กล่าวว่า “เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายแขนงและผู้สร้างผลงานจากเชียงใหม่หลายแบรนด์ก็มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมาก มีฝีมือในการออกแบบ มีการผลิต ที่ประณีตงดงาม อีกทั้งยังมีความเป็นมาตรฐานและความเป็นสากลที่สามารถส่งออกไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ ในด้านแฟชั่นเช่นกัน เชียงใหม่มีผู้สร้างสรรค์ผลงาน ที่สามารถเติบโตไปสู่ตลาดระดับสากลได้ และในวันนี้ แบรนด์ Belive Premium ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดี เป็นแบรนด์ดีไซเนอร์เชียงใหม่ ซึ่งตัดเย็บโดยช่างฝีมือระดับสูงที่เชียงใหม่ อีกทั้งยังสนับสนุนชุมชนทอไหมทั้งในเชียงใหม่และภูมิภาคต่างๆ เป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน ตั้งแต่ ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ อีกทั้งยังโปรโมทให้นักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศได้สัมผัส ในเชิง Soft Power ของจังหวัดเป็นอย่างดี”
 
นางสาว พิมอัครา พิชญ CEO & Executive Designer แบรนด์ Belive Premium เปิดเผยว่า “บีลีฟ พรีเมี่ยม เป็นแบรนด์เชียงใหม่ ที่เน้นการเลือกใช้ผ้าไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าไหมไทยสั่งทอมือ ตามสเป็คพิเศษตามมาตรฐาน “ตรานกยูงพระราชทาน” ที่ส่งเสริมโดยกรมหม่อนไหมเป็นการสนับสนุนชุมชนทอไหมในภูมิภาคโดยสั่งผ้าไหมจากทั้งเขต 1, 2 และ 3 รวมไปถึงผ้าไหมสั่งทอพิเศษที่ผลิตจากทัณฑสถานหญิงอีกด้วย”
 
“เราทราบดีว่าภาพจำของคนทั่วไป จะคิดว่าผ้าไหมจะดูแก่ ดูโบราญ ดูล้าสมัย หรือออกไปทางสินค้า OTOP เราจึงออกแบบ ตัดเย็บ และผลิตงานออกมาให้ทันสมัย โมเดิร์น หรูหรา และเป็นสากล ใครที่ได้สัมผัสงานของ บีลีฟ พรีเมี่ยม จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สวยงาม และเนี๊ยบมาก เป็นการลบภาพจำที่ว่านั้นไปเลย ในระยะเวลา 2-3 ปีตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์ บีลีฟ พรีเมี่ยม มาก็นับได้ว่าได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากลูกค้า VIP ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอัตราการเติบโตของแบรนด์อยู่ที่ 400-600% ต่อปี นอกจากแบรนด์ Belive Premium ที่ผลิตจากผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน แล้ว เรายังมีแบรนด์ Prelim ที่เน้นผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชง ฯลฯ อีกด้วย” 
 
นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผอ. ททท.สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า“Fashion เป็น 1 ในยุทธศาสตร์ 5F ของรัฐบาล นโยบายแผนผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยหรือ Soft Power ประกอบไปด้วย Film, Food, Fashion, Fightingและ Festival ซึ่ง ททท. เชียงใหม่ ได้มุ่งเน้นปลุกกระแสยกระดับผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย สร้างสรรค์ให้เกิดเป็นสินค้ามูลค่าสูงระดับพรีเมียมสากล สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ ในขณะเดียวกันยังเป็นการต่อยอดและเผยแพร่วัฒนธรรม หัตถศิลป์หัตถกรรม อันทรงคุณค่าอย่างของคนในท้องถิ่นให้เกิดการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น”
 
ดร.ปราณี สุวิทย์ศักดานนท์ ผู้บริหารโครงการนิ่มซิตี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นิ่มซิตี้ เป็นโครงการที่เป็นศูนย์รวมชีวิตประจำวันของชาวเมืองไม่ว่าจร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของว่าง และซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเป็นเวลานาน ในปีนี้ทางนิ่มซิตี้ก็ได้เสริมกิจกรรมด้วยการเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นและไลฟ์ สไตล์ ในการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการตอบแทนลูกค้าภายใน คือ ร้านค้าต่างๆ และลูกค้าภายนอก ที่มาทานอาหารและใช้บริการร้านค้าต่างๆในโครงการ โดยงานครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะให้ลูกค้าได้รับชมแฟชั่นโชว์ดีๆ จากบีลีฟ พรีเมี่ยม ที่มีสำนักงานใหญ่และFlagship Store อยู่ในโครงการระหว่างรับประทานอาหาร”
 
ดร.ปราณี กล่าวเสริมด้วยว่า “ทางโครงการสนใจที่สนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นการผลักดัน Soft Power และได้มีการหารือกับ ททท. เชียงใหม่CEA เชียงใหม่ ว่าจะให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ ของทุกๆหน่วยงาน และมีความสนใจที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Chiang Mai Design Week ในปีนี้ เพื่อให้นิ่มซิตี้ เป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นและไลฟ์ สไตล์อีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่”

นางสาวพิมอัครา กล่าวปิดท้ายว่า “งานแฟชั่นโชว์ในวันนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่ของปีและได้รับความร่วมมือด้วยดีจาก โครงการนิ่มซิตี้ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ที่ครบวงจร และมีกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน การนำเสนอแฟชั่นโชว์ร่วมกันในครั้งนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมใหญ่ที่จะรวมแขกวีไอพีหลากหลายมารวมกัน 

อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น กรมหม่อนไหม, ททท. เชียงใหม่,สมาคมแม่บ้านมหาดไทยเชียงใหม่, YEC เชียงใหม่ ,YEC ลำพูน รวมทั้งกองประกวดนางสาวเชียงใหม่ และร่วมสนับสนุนโดย CEA เชียงใหม่,สมาคมไทยสปาล้านนา ,สมาคมโรงแรมภาคเหนือ(ตอนบน ), อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมทั้งภาคเอกชน บริษัท ห้างร้าน จำนวนมาก มีนางแบบกิตติมศักดิ์มาร่วมเดินแบบทั้งสิ้นกว่า 40 คน ดูแลการเดินทางโดยสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ 

ความพิเศษสุดของงานจะอยู่ที่การเปิดโอกาสให้แขกผู้มีเกียรติที่สนใจได้ร่วมประมูล หรือจองสินค้า เพื่อร่วมสมทบทุนด้วยกันไปกับโครงการ และสินค้าบางชิ้นจะเป็นสินค้าพิเศษ Limited Edition ที่ผลิตขึ้นเพียงชิ้นเดียวเพื่อเป็นที่ระลึกพิเศษจากงานนี้เท่านั้น”

งาน Charity Fashion Show 2025 นี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 กพ. 2568 ณ โครงการนิ่มซิตี้ เวลา 18:00 เป็นต้นไป โดยทางโครงการมีความตั้งใจ เนรมิต Runway ยาวกว่า 130 เมตรนี้ทอดยาวตลอดด้านหน้าของโครงการโซนซิตี้ไลฟ์ โดยจัดแบบ Exclusive Private VIP Charity สำหรับแขก VIP รับเชิญพิเศษจำนวน 150 ท่าน พร้อมด้วยสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ซึ่งในงานจะรับรองแขกด้วยซุ้มอาหารว่างและเครื่องดื่มที่หลากหลายจากการสนับสนุนของร้านค้าในโครงการ ซึ่งในส่วนลูกค้าของร้านอาหารต่างๆภายในโครงการสามารถใช้บริการแต่ละร้านได้ตามปกติ อีกทั้งยังสามารถรับชมแฟชั่นโชว์ดังกล่าวได้จากโต๊ะของแต่ละร้านอาหารในระยะใกล้ด้วยเช่นกัน

‘มกธ.’ เปิดเวทีรับฟัง!! ความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน พัฒนาการศึกษา เสวนา ‘ร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ การศึกษาที่ตอบโจทย์’

(15 ก.พ. 68) ณ ศูนย์ปฏิบัติการการโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี(มกธ.) ได้จัดการเสวนาเรื่อง 'ร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ การศึกษาที่ตอบโจทย์' โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นำโดย รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและรองประธานกรรมาธิการการศึกษา ได้นำเสนอสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูประบบการศึกษาให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประเทศ

ภาคเอกชนนำโดย คุณแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้เน้นย้ำถึงคุณสมบัติที่ผู้ประกอบการต้องการจากบุคลากร ทั้งในมุมมองของ SME และบริษัทมหาชน พร้อมให้มุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ และ ผอ.ณัฐิกา นิตยาพร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สภาการศึกษา ได้วิเคราะห์ภาพรวมของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่ ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของประเทศได้อย่างไร

ด้านการศึกษา อาจารย์ ดร.รัชชัย ศรสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และนายกสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร และดร.ณัฐวรินธร บวรภัควุฒิสิริ ที่ปรึกษากรรมาธิการศึกษา พร้อมครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพผู้เรียนที่ไม่กระทบโครงสร้างหลัก และนายเตชทัต หล้าหิบ หัวหน้าโครงการพิเศษ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี ได้สะท้อนมุมมองจากห้องเรียนสู่การร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งครูและผู้เรียน

ปิดท้ายด้วย รศ.ดร.กมลมาลย์ ไชยศิริธัญญา คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาในการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ได้นำเสนอแนวทางการปรับตัวของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา เพื่อรองรับทิศทางการศึกษาในกระบวนทัศน์ใหม่

การเสวนาในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนาการศึกษาไทย โดยมุ่งหวังให้ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ

‘ณวัฒน์’ แถลงฟาด!! ดรามาซองแดง อย่าโยง ‘แม่ตั๊ก’ มั่วนิ่มด่า!! เจอฟ้องแน่

(15 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย กรณีซองแดงอั่งเปาตรุษจีน ที่ 'ณวัฒน์ อิสรไกรศีล' บอสเวทีมิสแกรนด์ ขายในราคา 59 บาท โดยณวัฒน์จะใส่เงินให้เป็นอั่งเปา แต่ต้องลุ้นเอาเองว่าจะได้กี่บาท ซึ่งณวัฒน์จะใส่เงินตั้งแต่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท โดยเป็นการเล่นสนุกสนานของเจ้าตัว ขายวันเดียวในเวลาเพียง 24 ชม.เท่านั้น

ต่อมาเพจอีซ้อขยี้ข่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องให้ณวัฒน์ออกมาชี้แจงเรื่องซองแดง หลังชาวติ๊กต๊อกจำนวนมาก ทำคอนเทนต์เปิดซองแดงณวัฒน์ แล้วเกิดความผิดหวัง ในซองแดงมีเงินแค่ 20 บาทเท่านั้น บางรายทุ่มซื้อไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีคนไปขุดคลิปเก่าที่ณวัฒน์เคยฟาด 'แม่ตั๊ก กรกนก' เรื่องซองแดง หลอกขายทอง นำคลิปมาเทียบกันและย้อนถามทำนอง ทำไมวันนี้มาทำเสียเอง งานนี้ณวัฒน์ไม่ปล่อยให้คาใจนาน ล่าสุดออกมาไลฟ์สดเคลียร์ละเอียดยิบ ๆ ม้วนเดียวจบในติ๊กต๊อกส่วนตัว

-ซองแดงเกิดขึ้นเพราะเป็นเทรนด์ในช่วงตรุษจีน เราทำขึ้นมาขำ ๆ สนุกสนานกับแฟนคลับ ทำแค่วันเดียว 24 ชม. ขายแค่ 3 ครั้ง พอเห็นคนซื้อเยอะ ก็เลิกขาย

-การที่เราขาย เราบอกทุกอย่างชัดเจน เนื่องจากซื้อซองแต๊ะเฮีย แต่ข้างในมีอะไรเราบอกหมด ซึ่งติ๊กต๊อกเขาอนุญาต ถ้าบอกว่าไม่รู้มีอะไรข้างในอันนี้ผิดกฎติ๊กต๊อก

-การเอาเรื่องซองแดงที่คนอื่นขายเป็นล่ำเป็นสันเป็นอาชีพ มากล่าวหาตน โจมตีตน ตนก็เข้าใจได้ ซึ่งวันที่ขายก็บอกชัดเจนว่าจะมีเงิน 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท 1,000 บาท บอกทุกครั้งที่ขาย เพราะขาย 3 ครั้งในเวลา 24 ชม. ซึ่งทุกคนจะได้ไม่อย่างหนึ่งอย่างใด บางคนตนจะใส่ของขวัญเพิ่มเติมไปให้ เพราะเรากำลังเคลียร์สต็อก สินค้าไหนไม่อยากจัดเก็บ มีเยอะ หรือเหลือเศษจะใส่ไปให้เพื่อลองกินลองชิม

-เราแจ้งแล้ว เป็นน้ำใจส่วนตัว ไม่ใช่สินค้า เป็นการให้เพิ่ม บางคนอาจได้ บางคนอาจไม่ได้

-ถ้าไม่ชัดเจน ติ๊กต๊อกไม่อนุญาต เราต้องได้รับอนุมัติจากติ๊กต๊อกถึงขายได้ เพราะเราเปิดขายเองไม่ได้

-เตือนแฟนคลับตลอดถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ขาดทุน หรือไม่สบายใจว่าจะได้เท่าไหร่ อย่าซื้อเด็ดขาด ไลฟ์ 3 ครั้ง เตือนนับครั้งไม่ถ้วน เราขอแค่แฟนคลับที่อยากเล่นสนุกๆ เอ็นจอย ได้ลุ้นกับเทศกาล ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ

-ย้ำและเน้นให้เป็นออปชั่น ให้เก็บเงินปลายทาง ให้อนุญาตว่าเห็นของ ถ้าไม่ชอบก็คืนได้ ตามเงื่อนไขของปลายทาง ตนทำอะไรถูกต้องหมดทุกอย่าง เพียงแต่อยู่ที่สว่าง เป็นเป้านิ่งคนอาจไม่ชอบ เรื่องที่ทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาคิดต่างจากตน แม้แต่นางงาม เวทีคู่แข่ง เป็นอวตาร มาบดขยี้

-อยู่บนพื้นฐานความจริง เป็นคนชัดเจน เป็นเรื่องเฮฮาเล็ก ๆ ในเวลา 24 ชม. แต่กลับเป็นเป้าให้คนไม่ชอบ หรือผลประโยชน์และเรื่องราวขัดแย้ง มาบดขยี้โจมตีตน ตอนแรกคิดว่าช่างมันเถอะ ไม่ได้กลัว แต่มันไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าการพูดจาโดยไม่รู้ข้อมูล อาจนำไปสู่ความวุ่นวายได้

-ตนทำแค่ 59 บาท ถ้าอยากได้เงินคุณเยอะ ๆ ทำไมไม่ทำ 199 500 1,000 2,000 ทำไมทำแค่ 59 บาท เพราะต้องการเพียงความสนุก เผื่อเป็นเงินมงคล การที่เราจะขายของบนแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก ไม่ใช่อยู่ๆ ทำแล้วขายได้ ต้องได้รับการอนุมัติจากติ๊กต๊อกด้านการตลาดว่าจะมีแบบนี้ ไม่สามารถเอาตะกร้าขึ้นเองได้ แพลตฟอร์มสีอื่น เป็นแพลตฟอร์มที่เขาให้เราทำเอง รับผิดชอบเอง แต่แพลตฟอร์มติ๊กต๊อกต้องได้รับอนุมัติว่าถูกต้อง ใช้เวลาอนุมัติ บางทีก็ 3 ชม. บางทีก็ 5 ชม. เราขอทำวันเดียวเพราะไม่อยากทำ เราทำเพื่อความสนุก

-อยากให้ดูวัตถุประสงค์ก่อน ตนไม่เคยทำ และไม่ได้เดือดร้อนด้านการเงิน ถ้าตนเดือดร้อน ผมต้องทำนาน ๆ หลายวัน ราคา 59 บาทเป็นราคาที่แปลก

-แจกแจงเงิน 59 บาท ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าบริการไลฟ์กับติ๊กต๊อก เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 28 เปอร์เซ็นต์ ตนเหลือเงิน 42 บาท ต้องรับผิดชอบค่าส่ง ซึ่งเต็มแพลตฟอร์มอยู่ที่ 35 บาท หรือ 20 บาทในกรุงเทพฯ แต่ตนไม่ได้เสียค่าส่งทุกอัน ก็ถัว ๆ 20 บาท จาก 42 เหลือ 22 บาท เสียภาษี vat อีก 7 เปอร์เซ็นต์ จะขาดทุนประมาณ 2 บาท นี่คือเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้จากติ๊กต๊อก ฉะนั้นเงิน 59 บาทไม่ใช่เงินที่ให้ตน ไปให้ติ๊กต๊อก

-เงินที่คุณจ่ายไม่ได้เข้ามาที่ตนเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เข้า เพราะเขามีเครดิตอยู่เป็นเดือน เงินไม่ถึงตนสักบาทจนถึงวันนี้ เงินที่ทุกคนส่งเข้าไป คือเข้าไปบริษัทติ๊กต๊อก ถูกหักไปแล้ว 28 เปอร์เซ็นต์ ถูกหักขนส่งไปอีก แต่ตนใส่ทั้งของและซอง การเบิกจ่ายบริษัทมหาชนมีหลักฐาน

-คนได้เยอะเขาไม่ค่อยรีวิว คนรีวิวก็คือกระแนะกระแหนว่าต้องเซ็ต ยืนยันว่าไม่เซ็ต ถ้าเซ็ตก็หลอกลวง ไม่มีทาง เปิดใจกันบ้าง

-นอกจากนั้นถ้าใครที่ไม่ได้จ่ายปลายทางชำระแล้วเห็นของทีหลัง ยังให้สิทธิ์ในการคืนของได้ ตามข้อกำหนดของติ๊กต๊อก ผู้บริโภคทุกคนต้องรู้ เพราะเรารู้เงื่อนไขอยู่ คนที่ไม่พอใจที่ได้น้อยกว่าคนอื่น ก็คืนกันมา ไฟเขียวคืนโลด การคืนทำง่ายนิดเดียว ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ 02-9349-999 มีพนักงาน 10-12 คน คอยรับโทรศัพท์ เพราะลูกค้าทุกคนคือพระเจ้าของเรา ไม่พอใจคืนได้ มีคนคืนมาแล้วเป็นร้อย หลายร้อยอยู่ ไม่มีปัญหาเลย ถ้าเห็นของแล้วไม่ถูกใจก็สามารถคืนได้ มีคนคืนเยอะแยะ เราก็รับคืน การคืนคุณไม่เสียอะไรเลยสักบาท คุณได้ครบถ้วน 59 บาท ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องสักบาท ไม่มีอะไรที่ลูกค้าต้องเสีย

-ใครอยากจะคืนก็ตามเบอร์นั้น ให้ติดต่อได้ถึงวันที่ 17 ก.พ. งานนี้ตนขาดทุนเละ แต่ไม่มีปัญหา การคืนก็ไม่ได้เป็นความผิด ไม่เคยโกรธลูกค้าเลยให้ตาย ตนเป็นเด็กยากจนมาก่อน ถ้าผิดหวังไม่เป็นไร คืนได้ มันเป็นสิทธิ์ที่ถูกต้อง มีกฎรองรับอยู่ จะให้คืนจนถึงวันจันทร์ตอน 6 โมงเย็น ใครจะคืนตนไม่ว่าเลย ให้คืน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งมาคืนทั้งหมดก็ได้ ค่าส่งให้เก็บปลายทางเราเป็นคนจ่าย หรือถ้าทำไม่เป็น ให้จ่ายปลายทางมาเลย 25 บาท ตอนโอนคืน เราก็จะคืน 25 บาทด้วย

-สิ่งที่เกิดมากขึ้นคือคนนอก ที่รอจังหวะว่าจะมีอะไรทิ่มแทงตนได้บ้างเขาก็บดขยี้กันสนุก โดยไม่ได้เข้ามาซื้อ มาฟังข้อเท็จจริง ก็บอกให้หยุดกันบ้าง ขอความร่วมมือนิดนึง ส่วนลูกค้าจะคืนก็ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องซีเรียส

-จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เพราะนึกว่ามีเฉพาะคนรัก ๆ ชอบ ๆ กัน เล่นกันสนุกสนาน ถ้าคนซีเรียสแบบนี้ตนไม่เอาอยู่แล้ว เพราะตนก็ไม่เคยทำ ผมทำมาหากินอย่างอื่นโอเค ตอนนี้ขาดทุนไม่มีปัญหาหรอก อยากคืนก็คืนไม่ว่ากัน

-เรื่องคนอื่นมาพาดพิงตน ตนพูดเรื่องแม่ตั๊ก ดิไอคอน โดยเฉพาะแตงโม (นิดา พัชรวีระพงษ์) ซึ่งมีผลกระทบกับชีวิตค่อนข้างเยอะ รู้ไหมทำไมถึงเงียบเรื่องแตงโม ไม่อยากจะพูดว่ามีการคุยหลังบ้าน แต่ก็ช่างมันเถอะ รวมถึงเวลานางงาม คนละเวทีกัน ก็มีร่างอวตารคอยทิ่มแทง ก็ไม่เกี่ยวกันเลยกับซองแดงคนอื่น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่ตั๊ก เขาขายเอาตาย ขายตลอด แล้วออกมาเป็นกระดาษพ่นทอง คนละเรื่องกัน

-คุณเอาความเท็จมาโจมตี ถ้าไม่ใช่ลูกค้า ขออนุญาตเก็บข้อมูล ถ้าสืบได้ว่าเป็นลูกค้า ไม่ว่าจะด่าว่าอะไร ไม่ว่าจะละเมิดแบบไหน หมิ่นประมาทด้วยวิธีอะไรตนจะไม่ทำอะไรเลย นี่คือนโยบายของตนแต่ไหนแต่ไร แต่ถ้าไม่ใช่ลูกค้า แล้วมั่วนิ่มมาด่า ผมบอกเลยนะ ขออนุญาตดำเนินการตามกฎหมาย

-คุณลุงคนนึงยุยงให้คนแจ้งความโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ส่วนบางคนชอบทำคลิปตนเพราะมีแสงเยอะ คนดูเป็นล้านวิว นั่นคือคนชื่อบาส วรชัย ถ้าคุณฟังอยู่ ตนให้เวลาคุณลบคลิปวันนี้จนถึง 17.00 น. วันที่ 14 ก.พ. คุณต้องลบคลิป เพราะเห็นชัดเจนว่ามีความผิด ว่างๆ คุณมาเจอ คุณจะขยี้ด้วยเหตุผลอะไรตนไม่ทราบ แต่คุณต้องรู้ข้อเท็จจริงก่อนทุกอย่าง ไม่ใช่คุณถามลอยๆ อยู่ในอากาศ

- ประเด็นที่คุณพูดว่าตนไปว่าประชาชนโง่ที่ไปหลงเชื่อ แล้วมาทำเสียเอง อันนี้ยังไงก็แล้วแต่ ตนยอมไม่ได้ เพราะตนไม่เคยว่าประชาชนโง่เลยสักครั้งเดียวในชีวิต ผมเป็นคนค่อนข้างแม่นเรื่องกฎหมาย คำว่าโง่ มีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 ตนให้โอกาส คุณกับผมไม่ต้องรู้จักกัน ไม่ต้องเจอกัน ต่างคนไม่ต้องมายุ่งกัน คุณหาว่าผมไปบอกประชาชนโง่ เจอ 2 ข้อหา หมิ่นประมาท พูดจาใส่ร้ายให้คนอื่นเกลียดชัง นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตนจะไม่ฟ้องโรงพัก แต่จะฟ้องศาล (ซึ่งบาส วรชัยได้เข้ามาดูไลฟ์ณวัฒน์ และได้ลบคลิปดังกล่าวทิ้งไป)

-กับอีซ้อไม่ได้เป็นปัญหากัน ลึกๆ ชอบเขาแต่ก็เซอร์ไพรส์เขานิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร บางทีมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีหรอกตั้งแง่จนวันตาย ทำไมตนคุยกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุลได้ ทั้งที่ความคิดเรื่องการเมืองอาจไม่เหมือนกัน เพราะเราทำเรื่องเดียวกันคือเรื่องแตงโม เราอย่าเอาทิฐิไปบดบังเรื่องที่อยากทำ เราอยากรู้ว่าตร. ทั้งโรงพัก และอัยการ ทำไมทำแบบนี้กับคดีแตงโม ที่เงียบๆ ไม่อยากพูดอะไรเยอะ แต่ทำงานอยู่ตลอด เพียงแต่พูดไม่ได้ เพราะหลายคน ญาติพี่น้องก็เป็นห่วง อยู่ ๆ ก็มีเบอร์แปลก ๆ เบอร์สวยๆ โทร.มา มีหมดแหละ

-ตนโตมาจนจะแก่ตาย ผ่านสงครามมาเยอะแล้ว ไม่ต้องขยี้มาก ตนก็ไม่ได้เป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สุดท้ายต้องดูในข้อเท็จจริง ที่สำคัญตนไม่เคยมีจิตใจที่จะไปเอาเปรียบใคร ตนไมได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าทำแล้ววุ่นวายก็จะไม่ทำอีกเลย นี่คือเรื่องจริง

-ส่วนอีซ้อไม่เป็นไร มีคนบอกเอาให้หนัก แต่น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่มีปัญหา ตนก็หงุดหงิดบ้าง ก็ขอความเข้าใจกันด้วย

-ที่พูดทั้งหมดประจักษ์ด้วยหลักฐาน วิธีการ จำนวนเงินไหลไปที่ไหน ตนยังไม่ได้เงินเลยสักบาทตอนนี้ ทุกการรีฟันตนเสียสองเด้งนะ เรื่องนี้จบแค่นี้

-เราไม่หลอกลวง เพราะเราเป็นมหาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top