Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ สภ.บางบัวทอง และกลุ่มไทยสมายล์ พร้อมทั้งรายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ลงพื้นที่เติมกำลังใจ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันที่ 28 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย พันตำรวจเอกพฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง พร้อมคณะ รวมถึงทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ และรายการสถานีประชาชน สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือแก่ นางทิพลาวัลย์ ตันเรือง ณ ชุมชนเอื้ออาทร 1 อาคาร 17 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีนางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ได้แก่ รถเข็นวีลแชร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานโดยตรงจากโครงการชุมชนสัมพันธ์ ภายใต้การดูแลของ พันตำรวจเอก พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง จำนวน 1 ราย ได้แก่ นางทิพลาวัลย์ ตันเรือง และครอบครัว ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวย ความสะดวกเป็นลำดับแรก

พังงา สำนักงาน กสทช. จัดการอบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการผลิตรายการโทรทัศน์

สำนักงาน กสทช. โดยสำนักพัฒนาองค์กรวิชาชีพและส่งเสริมการบริการทั่วถึง จัดการอบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการผลิตรายการโทรทัศน์ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 27 - 29 มีนาคม 2567 ณ ห้องสุรินทร์ 1 – 2 โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก จังหวัดพังงา โดย นายฉันทพัทธ์ ขำโครกกรวด รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ เป็นประธานเปิดการอบรมฯ การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ให้มีความรู้และทักษะในการใช้งานอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้จริงบนพื้นฐานความรู้ด้านความปลอดภัย และจริยธรรมในวิชาชีพต่อไป

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

วช. จับมือ รร.กฎหมายและการเมือง ขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร

วันที่ 27 มีนาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดการประชุมแผนงานวิจัย เรื่อง “การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ นางสาวสตตกมล เกียรติพานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 2 เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งมี รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์  คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต / ผู้บริหารจัดการแผนงาน กล่าววัตถุประสงค์การจัดทำแผนงานวิจัย อีกทั้งมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันแพลตฟอร์ม ACM Line LIFF และคู่มือแนวทางการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตก่อสร้าง เสวนาวิชาการในหัวข้อ ธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ธรรมาภิบาลกับการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี: กรณีเทศบาลนคร” จากศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากูล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ณ โรงแรม ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น

นางสาวสตตกมล เกียรติพานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 2 กล่าวว่า วช. เป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในทุกมิติ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทันต่อสถานการณ์โลก โดยมีพันธกิจหลักประการหนึ่ง ในการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ด้วยยุทธศาสตร์ที่ต้องการจะยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน สำหรับการประชุมการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของแผนงานการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนครถือเป็นงานวิจัยที่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนเพื่อยกระดับค่า CPI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการจัดการต่อต้านการติดสินบนและการเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต

ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์  คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต / ผู้บริหารจัดการแผนงาน ได้กล่าวถึงความสำคัญในการเผยแพร่การดำเนินงานผลงานวิจัย เนื่องจากผลการสำรวจและค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (WEF) ในปี 2564 ได้ 42 คะแนน ปี 2565 ได้ 45 คะแนน และในปี 2566 ได้ 36 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน) ซึ่งผลการสำรวจขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัญหาความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน ในการก่อสร้างอาคารนับเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้ค่า CPI ใน WEF มีแนวโน้มสูงขึ้น หากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกระบวนงานและการเปิดเผยข้อมูล แบบโปร่งใสตรวจสอบได้ การจัดทำแผนงานดังกล่าวจึงริเริ่มขึ้น แผนงานวิจัยเรื่อง การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร แบ่งออกเป็น โครงการย่อย 3 โครงการ ดังนี้
1.    การศึกษาสภาพปัญหาการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลด้วยระบบและกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบนของเทศบาลนคร
2.    แนวทางในการยกระดับค่าดัชนีการรับรู้การติดสินบนและการเปิดเผยข้อมูลของเทศบาลนคร
3.    การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการจัดการต่อต้านการติดสินบนของเทศบาลนคร เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลและสอดส่องการคอร์รัปชัน
เพื่อสร้างความโปร่งใสเกิดการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต

ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากูล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ 
“ธรรมาภิบาลกับการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี: กรณีเทศบาลนคร” จะเห็นได้ว่า ธรรมาภิบาล ในภาคราชการเรียกว่า การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ถือเป็นหลักของการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมและให้ความสำคัญกับประชาชนเพื่อมุ่งให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี ธรรมาภิบาลกับการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ประกอบด้วย 10 หลักคือ  หลักการตอบสนอง หลักประสิทธิผล หลักประสิทธิภาพ หลักความเสมอภาค หลักมุ่งเน้นฉันทามติ หลักการตรวจสอบได้ หลักโปร่งใส หลักการกระจายอำนาจ หลักการมีส่วนร่วม และหลักนิติธรรม เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองความสงบเรียบร้อยของสังคม ความผาสุก ประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า งานวิจัยเรื่อง การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สำคัญกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างยั่งยืน

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน
 

1ในผลงานของ“พรรคประชาธิปัตย์“

”เฉลิมชัย ศรีอ่อน“หัวหน้าพรรคปชป.หวัง สว.รับไม้ต่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมหลังสภาผู้แทนฯผ่านวาระ3

ทันทีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม วาระที่ 2-3 วันนี้ ( 27 มีนาคม 2567 ) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ควันนี้ว่า "ความรัก" ไม่เลือก "เพศสภาพ" ยินดีผ่านร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ดินแดนที่3 ในเอเชีย ที่ผ่านร่างกฎหมายเฉพาะนี้ ต่อจากนี้...ขอส่งไม้ต่อให้ สว.

"เพศ" ไม่ใช่ตัวกำหนด "ความเท่าเทียม" ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของเราทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าจะชาย-หญิง หรือ LGBTQ+ ทุกเพศสมควรที่จะได้มีความรัก และมีโอกาสแสดงความรัก บนพื้นฐานสิทธิของกฎหมายสมรสได้ การหมั้น การแต่งงาน การจดทะเบียนสมรส การจัดการทรัพย์สิน การเซ็นต์อนุญาตเข้ารับการรักษา การเป็นผู้แทนทางอาญา การจัดการมรดก และการรับรองบุตรบุญธรรม รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่คู่สมรสชาย-หญิงทั่วไปได้รับ
ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ที่คู่สมรสทุกคู่ ควรได้รับสิทธิเหล่านี้เท่ากัน ไม่เฉพาะเจาะจง แค่ชาย-หญิงเท่านั้น รวมถึง "บุพการีลำดับแรก" ในกฎหมาย จะมีสิทธิ และหน้าที่เทียบเท่าบิดามารดา หลังจากนี้ หากผ่านขั้นตอนการพิจารณาจากวุฒิสภาแล้ว จึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศเป็นกฎหมายต่อไป ปีนี้เราคงได้ใช้กฎหมายฉบับนี้กัน“ สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าว ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ได้มีมติเสียงข้างมาก 369 : 10 รับหลักการร่างพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในวาระแรก จำนวน 4 ฉบับ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี, พรรคก้าวไกล, พรรคประชาธิปัตย์ และจากภาคประชาชนที่เข้าชื่อเสนอกฎหมายกว่า 10,000 คน

โดยมีเหตุผลว่าจากบรรทัดฐานของสังคมไทยในอดีต ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน เช่น สิทธิการตัดสินใจรักษาพยาบาล สิทธิมรดก และสิทธิการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน เป็นต้น จึงเชื่อว่า การสมรสเท่าเทียม จะเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่จะยอมรับความแตกต่าง ใช้สิทธิทางเพศของตนเองได้อย่างเต็มที่ และเสริมสร้างโอกาส และความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม และในเชิงเศรษฐกิจ จะช่วยสร้างรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ได้ เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทย เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รายได้จากนักท่องเที่ยวกล่ม LGBTQ+ ในภูมิภาคเอเชียกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ เข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษและการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ครั้งที่ 58 ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.67นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทคซิตี้ ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษและการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ครั้งที่ 58 ประจำปี 2567 ที่ ณ ห้องบางตลาด โรงแรม ที วินเทจ อําเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีท่านชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติเป็น ประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยสมาชิก หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา 
โดย ดร.จิตรกร เผด็จศึก ประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2528 เป็นเวลา 39 ปีเต็ม ที่หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทราได้มุ่งมั่น ดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ตามภารกิจ "ส่งเสริมการค้า พัฒนาเศรษฐกิจ สร้างคุณค่าชีวิต" โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นฐานสำคัญของความเข้มแข็ง ความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น ภายใต้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถต่อยอดกับการพัฒนาด้านอื่นๆ ในพื้นที่ ทั้งเศรษฐกิจ สังคมชุมชน วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โดยในการคำเนินโครงการกิจกรรมต่างๆ ของหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา มุ่งสู่การพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้มีความเจริญเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถรองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัด ในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งแผนการพัฒนาเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ ทั้งทางกายภาพและทางสังคม เพื่อเป็นการยกระดับ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา และร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา และได้มีการ จัดบรรยายพิเศษแก่ผู้เข้าร่วมงาน หัวข้อ "EEC ต่อการพัฒนาเมืองฉะเชิงเทรา" โดยนางธัญรัตน์ อินทร รองขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ จิตรรังสรรค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสุจิปุลิ โรงเรียนแนวคิดใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา

'ศาลฯ' ยกฟ้อง!! 'พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ - บิ๊กต่อ' พร้อมทีมสอบสวนคดี ตร.เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ หลัง 'เขมรินทร์' นายตำรวจคนสนิท 'บิ๊กโจ๊ก' ยื่นฟ้อง ชี้!! ไม่มีพยานหลักฐานว่ากระทำผิด

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง ชั้นตรวจฟ้อง ‘ธนา ชูวงศ์’ กับตำรวจ 244 นาย ชุดพนักงานสอบสวนคดี ตำรวจพัวพันเว็บพนัน หลัง ‘เขมรินทร์ พิสมัย‘ ตำรวจลูกน้อง ’บิ๊กโจ๊ก‘ ยื่นฟ้อง ชี้ ที่โจทก์อ้างไม่ได้ทำผิด เป็นข้อต่อสู้ในคดี ไม่ใช่เหตุนำมาฟ้องจำเลยกับพวก ระบุ การขอออกหมายจับ ไม่ระบุอาชีพ-ยศ-ตำแหน่ง ไม่ใช่สาระสำคัญ

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ศาลอ่านคำพิพากษาในชั้นตรวจฟ้อง คดีที่ อท.244/2566 ที่พันตำรวจเอกเขมรินทร์ พิสมัย เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.กับชุดพนักงานสอบสวน รวม 244 คน (มีพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ และ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล อยู่ด้วย) เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ, รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ, พยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาอย่างใดเกิดขึ้น หรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นความจริงฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83, 91,157, 162 (4), 179, 200 พรป. ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 4, มาตรา 172

ประเด็นวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของจำเลยทั้งหมด ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, จำเลยที่ 2 เป็นผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, จำเลยที่ 3 เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, จำเลยที่ 4 เป็นผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, จำเลยที่ 5 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนจเรตำรวจ, จำเลย ที่ 6 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, จำเลยที่ 7 เป็นผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ, จำเลยที่ 8 เป็นรองผู้บัญชาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, จำเลยที่ 9 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, จำเลยที่ 10 เป็นผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2, จำเลยที่ 11 เป็นผู้บังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, จำเลยที่ 12 เป็นผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, จำเลยที่ 13 เป็นผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5, จำเลย ที่ 14 เป็นผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1, จำเลยที่ 15 เป็นสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 

โดย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ที่ 11 และที่ 16 ถึงที่ 105 เป็นพนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ภาคผนวก ก, จำเลยที่ 106 ถึงที่ 242 เป็นคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ภาคผนวก ข, จำเลยที่ 243 เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และจำเลยที่ 244 เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 244 จึงเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 

ประเด็นวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำความผิด โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 4 ที่ 8 ที่ 106 และที่ 108 สั่งการให้จำเลยที่ 205 ที่ 192 ที่ 176 ที่ 180 ที่ 182 ที่ 181 ที่ 224 ที่ 172 ที่ 188 ที่ 187 ที่ 152 และที่ 242 ร่วมกันจับกุมโจทก์กับพวก 

โดยจำเลยที่ 4 สั่งการให้จำเลยที่ 60 และที่ 192 ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอออกหมายจับโจทก์กับพวก โดยปกปิดไม่ระบุอาชีพ ยศ และตำแหน่ง, จำเลยที่ 60 ลงลายมือชื่อในคำร้องขอออกหมายจับโดยไม่มีอำนาจ และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่า โจทก์กับพวกมีพฤติการณ์หลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน, จำเลยที่ 8 ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายค้นบ้านพักของโจทก์กับพวก และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล เป็นเหตุให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, จำเลยที่ 29 นำตัวโจทก์ไปฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในเวลาใกล้ปิดทำการ และคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว 

โจทก์กับพวก ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับจำเลยที่ 244 เพื่อเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวน แต่จำเลยที่ 244 เพิกเฉย ต่อมาคณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่โจทก์กับพวกโดยมิได้มีพยานหลักฐานใหม่ จึงเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาที่มิชอบ และขัดแย้งกับข้อกล่าวหาเดิม กับเป็นข้อกล่าวหาที่ซ้ำซ้อน ทำให้โจทก์กับพวกหลงต่อสู้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ที่ 11 ที่ 16 ถึงที่ 105 ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อปรักปรำโจทก์กับพวก 

เห็นว่า ที่โจทก์อ้างว่า ไม่ปรากฏหลักฐานการกระทำความผิด การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมไม่ชอบ มีการปรุงแต่งเรื่องราวนำมากล่าวหาโจทก์กับพวก ล้วนแต่เป็นข้อต่อสู้ที่โจทก์ต้องนำไปพิสูจน์ว่าโจทก์กับพวกมิได้กระทำความผิด มิใช่ข้อที่จะนำมาฟ้องจำเลยกับพวกในคดีนี้ และการวินิจฉัยสั่งคดีของพนักงานสอบสวนในชั้นสอบสวนนี้มิใช่การวินิจฉัยว่าจำเลย (โจทก์คดีนี้) มีความผิดหรือเป็นผู้บริสุทธิ์ดังเช่นกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ทั้งเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานหรือไม่ก็ได้ หรือจะรวบรวมหรือไม่รวบรวมพยานหลักฐานใดเข้าไว้ในสำนวนการสอบสวนก็ได้ และการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นหมายความว่า ข้อกล่าวหาเดิมยังคงอยู่ มิใช่ต้องตกไปเพราะพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ตามที่โจทก์เข้าใจ ส่วนที่ข้อกล่าวหาเดิมจะขัดแย้งหรือซ้ำซ้อนกับข้อกล่าวหาใหม่หรือไม่ ก็เป็นข้อกฎหมายที่ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัย 

สำหรับการยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับและหมายค้น ต่างศาลกัน เป็นเพราะศาลที่มีอำนาจออกหมายจับ คือศาลที่มีเขตอำนาจชำระคดีหรือศาลที่มีเขตอำนาจเหนือท้องที่ที่จะทำการจับ ส่วนศาลที่มีอำนาจออกหมายค้น คือศาลที่มีเขตอำนาจเหนือท้องที่ที่จะทำการค้น 

ส่วนการยื่นขอออกหมายจับโดยไม่ระบุอาชีพ ยศ และตำแหน่ง ในหมายจับนั้น เห็นว่า ยศของข้าราชการตำรวจเป็นเพียงการแสดงถึงจำนวนปีที่รับราชการเท่านั้น อีกทั้งฐานความผิดที่ระบุในหมายจับ ก็เป็นฐานความผิดที่ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ กับทั้งการที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ จะพิจารณาออกหมายจับตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานของผู้ร้องที่เสนอมาตามสมควร ซึ่งเป็นสาระสำคัญยิ่งกว่าการระบุยศ ตำแหน่ง หรืออาชีพ ที่มิได้เกี่ยวข้องกับฐานความผิด ดังได้วินิจฉัยไว้ข้างต้น ส่วนจำเลยที่ 60 ที่มียศร้อยตำรวจเอก จึงเป็นการลงชื่อในคำร้องขอออกหมายจับที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว  

สำหรับการนำตัวโจทก์กับพวกไปฝากขังต่อศาลในเวลาใกล้ปิดทำการ การคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว และเหตุอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคำร้องขอฝากขังนั้น 

เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว กรณีจึงไม่ใช่เหตุถึงขนาดที่จะฟังว่าจำเลยกับพวกปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 

การยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อจำเลยที่ 244 (พล.ต.อ.ต่อศักดิ์) เพื่อเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนนั้น โจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยที่ 244 ได้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการอย่างใดในหน้าที่ อันจะแสดงให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

ส่วนข้อกล่าวอ้างอื่นๆ ได้แก่ การค้นบ้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เป็นเหตุให้ไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ดี การโอนคดีไปอยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ก็ดี และการนำพยานหลักฐานเดิมมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ก็ดี ล้วนแต่เป็นเพียงมูลเหตุจูงใจที่ลำพังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยกับพวกกระทำความผิดตามฟ้อง 

พิพากษายกฟ้อง!!

เปิดตัวงานโครงการ 'CHUMPHON COFFEE Festival' โครงการเพิ่มศักยภาพกาแฟโรบัสต้าสู่ตลาดสากล

กิจกรรมหลัก เพิ่มศักยภาพกาแฟโรบัสต้าจังหวัดชุมพรสู่ตลาดสากลกิจกรรมย่อย จัดงานแสดง/จำหน่ายสินค้าและการเจรจาธุรกิจ ปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ระหว่างที่ ๒๗ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. - ๒๒.๐๐ น.
ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น G เซ็นทรัลปิ่นเกล้า จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร (นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์) นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร นำทีมพาณิชย์จังหวัดชุมพร เปิดตัวงานโครงการ 'CHUMPHON COFFEE Festival' โครงการเพิ่มศักยภาพกาแฟโรบัสต้าสู่ตลาดสากล กิจกรรมหลัก เพิ่มศักยภาพกาแฟโรบัสต้าจังหวัดชุมพรสู่ตลาดสากล กิจกรรมย่อย จัดงานแสดง/จำหน่ายสินค้าและการเจรจาธุรกิจ ปีงบประมาณ ๒๕๖๗  เป็นโครงการที่กลุ่มส่งเสริมประกอบธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชุมพร ดำเนินการ ผลักดัน กาแฟโรบัสต้า กาแฟภาคใต้ กาแฟชุมพร ผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงแต่ง กาแฟพร้อมดื่ม และ ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการจังหวัดชุมพร ให้มีศักยภาพในด้านการค้าการตลาด ทั้งนี้ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ให้ได้มีช่องทางการการเลือกซื้อสินค้า กาแฟโรบัสต้า ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมไปถึงสินค้า อุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาจากผู้ผลิต เกษตรกร ผู้ประกอบการจากจังหวัดชุมพร เองโดยตรง รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการได้อีกช่องทางหนึ่ง

การดำเนินโครงการ “โครงการเพิ่มศักยภาพกาแฟโรบัสต้าสู่ตลาดสากล” กิจกรรมหลัก เพิ่มศักยภาพกาแฟโรบัสต้าจังหวัดชุมพรสู่ตลาดสากล ภายใต้ชื่องาน “CHUMPHON COFFEE Festival” จัดจำนวน 5 วัน ระหว่างวันที่ 27 – 31 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 และ วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 12.00 น. กิจกรรมเจรจาธุรกิจการค้ารูปแบบออนไลน์ OBM (Online Business Matching) ทั้งตลาดในไทยและตลาดต่างประเทศ อาทิ TFW GuangZhou TaiFlavor Trading Co.,ltd. กว่างโจ่ว ประเทศจีน ซุปเปอร์มาร์เกตพาเดสโก้ ปาร์คสัน เวียงจันทน์ ประเทศ สปป.ลาว ซุปเปอร์มาร์เกต เจ มาร์ท เวียงจันทน์ ประเทศ สปป.ลาว บริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) คาแฟ่อเมซอน และ บริษัท อโนมา กรุ๊ป จำกัด คาแฟ่ บอน อโนมา เป็นต้น และกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดทั้งวัน

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 14.00 - 15.00 น. พบกับ Influencer Channel หลากฉี (นายพงษ์เทพ บุญกลุ้ม) - Live สด Online - ประชาสัมพันธ์งาน 'CHUMPHON COFFEE Festival' กรรมการตัดสินการแข่งขันในครั้งนี้ (นายศักดิ์ชัย นุ่นหมิ่น) Q GRADER ผู้ประเมินคุณภาพกาแฟโรบัสต้า ภาคใต้

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 17.00 - 18.00 น. กิจกรรมส่งเสริมการขาย ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ซื้อเป็นล็อต แจกเป็นโหล” โปรโมชั่นนาทีทอง ส่งเสริมทั้งผู้ซื้อและผู้บริโภค      

โดยการจัดงานในครั้งนี้เรามีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานจากจังหวัดชุมพรจังหวัดระนอง ภาคตะวันออกฉียงเหนือ อาทิเช่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งสิ้น 42 ร้านค้า สินค้าแบ่งออกเป็น 7 หมวด ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟ และกาแฟแปรรูป ปรุงแต่ง กาแฟโรบัสต้าสกัดเย็นพร้อมดื่ม 2) เครื่องดื่มแปรรูปจากมังคุด  3) ขนมไทยและขนมเบเกอรี่ 4) ของใช้ประจำวัน 5) เครื่องแต่งกาย 6) สินค้าชำระร่างกาย 7) ยารักษาโรค และ 8) สินค้าเกษตร ต้นกาแฟโรบัสต้า  โดยราคาผู้ผลิต ประชาชนละแวกใกล้เคียง สามารถ จับจ่าย ใช้สอย ได้สมในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้

- นิยามของโครงการแนวการพัฒนา- “จังหวัดชุมพร มหานครโรบัสต้า” หมายถึง จังหวัดชุมพรมีศักยภาพสูงในการผลิตกาแฟโรบัสต้าแบบครบวงจร ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของตลาด มีการแปรรูปโดยผู้ประกอบการในจังหวัดมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งระดับชาติและระดับโลก เป็นแหล่งสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกร และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเพิ่มขึ้น ประเด็นการพัฒนาและแนวทางการพัฒนาของจังหวัดชุมพร

ดีอี-ตำรวจไซเบอร์ จับกุมเว็บพนันออนไลน์ พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

พร้อมทลายแหล่งบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ที่จังหวัดชลบุรี พร้อมขยายผลข้ามแดน ควบคุมตัวคนไทย 154 รายในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 27 มีนาคม 2567 นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ บช. สอท. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. , พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด โดย นายสุริยน ประภาสะวัต ตําแหน่งอัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 1 , เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมือง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , ตำรวจภูธรภาค 5 และเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ (AIS) โดย นายศรัณย์ ปรีชา ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดย พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุม “JOINT CYBER OPERATION”  ใน 3 ปฏิบัติการ ดังนี้ 

1. ครั้งแรกเก็บพยานหลักฐานนอกประเทศ ขยายผลข้ามแดนจับกุมคนไทย 154 ราย ถูกควบคุมตัวในเมียนมา โดยได้ประสานความร่วมมือสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เก็บรวบรวมข้อมูลและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานเครือข่ายการพนันออนไลน์ใน จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับตำรวจสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้เข้าปราบปรามบ่อนการพนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ.ท่าขี้เหล็ก โดยจัดตั้งศูนย์สืบสวนสอบสวนและขยายผลการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อร่วมขยายผลเก็บรวบรวมข้อมูลและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ซักถามคัดกรองปากคำบุคคล รวมทั้งการตรวจสอบพยานหลักฐานทางดิจิทัล และรายละเอียดต่าง ๆ สำหรับแนวทางการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน หลังจากได้รับโทษตามกฎหมายแล้ว จะส่งตัวกลับมาดำเนินนคดีในประเทศไทย

2. ทลายแหล่งลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ใกล้สถานศึกษาดัง จ.ชลบุรี โดยเข้าตรวจค้นและจับกุมตัว นายหัถตชัยฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า รวม 370 ชิ้น มูลค่าของกลางประมาณ 50,000 บาท พร้อมขยายผลการจับกุมถึงแหล่งที่มา จุดกระจายสินค้า และผู้ทำหน้าที่ค้าส่งหรือส่งสินค้าในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงขออนุมัติหมายจับและหมายค้นนายรัชชานนท์ฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี โดยเป็นผู้จำหน่ายและผู้จัดส่งบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยจะเป็นแหล่งเก็บ ซุกซ่อนและจําหน่าย บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2 จุด 

โดยจุดที่ 1 ภายในซอยบางทราย 63 หมู่ที่ 5 ต.บางทราย อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เก็บ ซุกซ่อน สถานที่แพ็คของ จากการตรวจค้นพบนายรัชชานนท์ฯ อายุ 25 ปี แสดงตนเป็น ผู้ดูแล/เจ้าของบ้าน ตรวจยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 12 ชิ้น คิดเป็นมูลค่า 1,560 บาทและอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และ จุดที่ 2 ในพื้นที่ ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานศึกษาชื่อดังของจังหวัดชลบุรี เพียง 300 เมตร ตรวจยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา บุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวนกว่า 5,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท 

ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนผู้บริโภคและประชาชนว่า การจำหน่าย ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 9/2558 เรื่อง  “ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า” มีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่ เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย หรือรับไว้โดยประการใดโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร โดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคา สินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. จับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ slotpgthai.net และ uwin9.com พบเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรวม 25 เครือข่าย ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท พบยอดเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 500 ล้านบาท โดยได้ตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหารวม 7 ราย กลุ่มผู้รับ ผลประโยชน์จำนวน 1 ราย กลุ่มผู้ดูแลการเงิน 1 ราย และบัญชีม้า 5 ราย ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบเครือข่ายพนัน อื่น ๆ รวม 25 เครือข่าย มีสมาชิกผู้เล่นกว่า 200,000 คน โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันทาง อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” 

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติบริเวณชายแดน ในการดำเนินการขยายผลจับกุมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ ซิมผี บัญชีม้า  โดยตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 - 5 มี.ค. 67 กระทรวงดีอีดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์เกี่ยวกับพนันออนไลน์ จำนวน 25,571 รายการ  เพิ่มขึ้น 13 เท่าตัวจาก 2,059 เว็บ ในช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ในการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง หากประชาชนมีข้อสงสัย สามารถโทรปรึกษาสายด่วน AOC 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

นราธิวาส-องคมนตรี ลงพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส

 

วันนี้ (27 มี.ค. 67)  เวลา 10.00 น. พลเอก กัมปนาถ รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการฯ เดินทางมาติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ณ สำนักชลประทานที่ 17 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับฯ

ต่อมา พลเอก กัมปนาถ รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี  รองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมประชุมติดตามการดำเนินงานโครงการฝายทดน้ำคลองตะโละบาลอ  พร้อมระบบส่งน้ำและโครงการฝายทดน้ำคลองบาโร๊ะยางอ พร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมรับฟังรายงานสถานการณ์อุทกภัยและแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้รายงาน ต่อมา นายวิวัธน์ชัย คงลำธาร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารการจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2566/2567 และนายพีรพัฒน์ วรธรรม ผู้อำนวยการส่วนแผนงาน รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 รายงานสรุปโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ ห้องประชุม SWOC 1-2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 17 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมืองนราธิวาส 

ในช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.30 น. พลเอก กัมปนาถ รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ได้ลงพื้นที่ ติดตามผลการดำเนินงาน โครงการฝายทดน้ำคลองตะโละบาลอ พร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านตะโละมาเนาะ หมู่ที่ 1 ตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมและติตตามผลการดำเนินงานโครงการฯ และการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำของโครงการฯ หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมสภาพพื้นที่โครงการฯ พร้อมพบปะราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ด้วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนายมูฮัมหมัดรอซากี เจ๊ะอูเซ็ง ราษฎรบ้านตะโละมาเนาะ หมู่ที่ 1 ตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ ได้มีหนังสือขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำพร้อมระบบประปาภูเขา เพื่อช่วยเหลือราษฎร หมู่ที่ 1,4 และหมู่ที่ 5 ตำบลลุโบะสาวอ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำคลองตะโละบาลอฯ และโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำคลองบาโร๊ะยางอฯ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2562 เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้แก่ราษฎร หมู่ที่ 1,4 และหมู่ที่ 5 ตำบลลุโบ๊ะสาวอ กว่า 475 ครัวเรือน ได้มีน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค และการเกษตรได้ตลอดทั้งปี อันจะส่งผลให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการวางรากฐานที่จะนำไปสู่การสร้างระบบสาธารณูปโภคให้กับชุมชนในอนาคตอีกด้วย

ศาลฯ ยกฟ้อง 'คุณหญิงพรทิพย์' ปม GT 200 ไม่พบการทุจริต ด้าน ทนายซัด!! ปปช.เหมือนสั่งประหารชีวิต ทั้งที่รู้อยู่ว่าไม่ผิด

เมื่อวานนี้ (26 มี.ค. 67) ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำ อท 98/2566 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลย ฐานร่วมกันทุจริตและประพฤติมิชอบคดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด จีที 200 และอัลฟา เมื่อปี พ.ศ. 2551 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ภายหลัง ดร.ณรงค์ พลมาตร์ ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลพิเคราะห์หลักฐานหลังการไต่สวนพยานครบถ้วนแล้ว ไม่พบว่า คดีมีมูลความผิด หรือการทุจริต มีการแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบและไม่พบว่า คุณหญิงพรทิพย์ กับเจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบ มีเจตนาจงใจ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุ ว่าด้วยการจัดซื้อ จัดจ้าง แต่อย่างใด

ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนะสุนันท์ และเจ้าหน้าที่ ทุกข้อกล่าวหา

​ดร.ณรงค์ กล่าวว่า การถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชันซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับราชการ โดยเฉพาะข้าราชการที่ลงไปทำงานในพื้นที่อันตรายที่มีความเสี่ยงตลอดเวลา เมื่อมีการกล่าวหาและให้ข่าวต่อสาธารณะ โดยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นเหมือนการประหารชีวิต ทั้งที่ ป.ป.ช.ทราบอยู่แล้วว่าไม่มีหลักฐานการทุจริตคอร์รัปชัน ตั้งแต่ในชั้นการสอบสวน และตลอดระยะเวลา 14 ปี มีบุคคลพยายามสื่อสาร สร้างข่าว สร้างกระแสในทางลบต่อคุณหญิงพรทิพย์ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด จีที 200 และอัลฟา ทำให้เกิดความเสียหาย​โดยข้อเท็จจริง หน่วยงานความมั่นคงได้ดำเนินการจัดซื้อ GT 200 ดังนี้ 

1.กองทัพอากาศ จัดซื้อครั้งแรกปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รวมจัดซื้อ 26 เครื่อง 
2.กองทัพบก จัดซื้อครั้งแรกปีงบประมาณพ.ศ. 2550 รวมจัดซื้อ 757 เครื่อง 
3.กองทัพเรือ จัดซื้อครั้งแรกปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 รวมจัดซื้อ 38 เครื่อง 
4.กรมราชองครักษ์ จัดซื้อครั้งแรกปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รวมจัดซื้อ 8 เครื่อง 
5.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จัดซื้อครั้งแรกปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รวมจัดซื้อ 6 เครื่อง

​“การที่ ป.ป.ช. ตั้งข้อหาทุจริต ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก และการกล่าวหาว่าประพฤติมิชอบ ซึ่งหมายถึงการกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญ และ กรมบัญชีกลางให้ความเห็น และตรวจสอบความชอบแล้ว ดังนั้น การที่ ป.ป.ช. ได้กล่าวหาโดยไร้พยานหลักฐาน แต่อ้างเป็นความเห็นส่วนตัว สร้างตราบาปให้ข้าราชการ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และคุณหญิงพรทิพย์ มาตลอดระยะเวลา 14 ปี (กล่าวหาปี 2553 พิพากษา 2567) และมีเจ้าหน้าที่บางหน่วยเครียดจนต้องจบชีวิตตัวเอง” ดร.ณรงค์ กล่าว

ดร.ณรงค์ กล่าวย้ำว่า ป.ป.ช. ใช้เวลาในการสอบสวนเป็นเวลานานโดยผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่เคยได้มีโอกาสชี้แจงทั้งก่อนและหลังการชี้มูล ทั้งนี้ เมื่อร้องขอความเป็นธรรมตามมาตรา 99 อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และกรรมการจัดซื้อจัดจ้างเนื่องจากเห็นว่าไม่ได้กระทำความผิด แต่ ป.ป.ช.นำคดีมายื่น ฟ้องเอง ซึ่งศาลได้ไต่สวนโดยละเอียดและตรวจสอบพยานบุคคล เอกสาร ผู้เชี่ยวชาญ ยืนยัน ไม่พบการทำผิดใด ๆ ในข้อกล่าวหาว่า ทุจริต ประพฤติมิชอบ ดังนั้น ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ทั้งหมดจึงไม่เป็นความจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top