Friday, 9 May 2025
NEWS FEED

‘ตร.ระยอง’ เข้าอายัดตัว ‘เจ้าของโรงงานวินโพรเสส’ จากศาลจังหวัดอยุธยา เร่งดำเนินคดีข้อหา ‘ครอบครองวัตถุอันตราย’ พร้อมเตรียมฝากขัง 2 มิ.ย.นี้

เมื่อวานนี้ (31 พ.ค. 67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้อายัดตัวนายโอภาส เจ้าของโรงงานไฟไหม้วินโพรเสส ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มาจากที่ศาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนำตัวมาดำเนินคดีข้อหาฐาน ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อให้เกิดข้อขัดข้องแก่การใช้น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณูปโภค น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น เอาของที่มีพิษ หรือสิ่งอื่นที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือลงในอาหาร หรือในน้ำ ซึ่งอยู่ในบ่อ สระ หรือที่ขังน้ำใด ๆ และอาหาร หรือน้ำนั้นได้มีอยู่ หรือ จัดไว้เพื่อประชาชนบริโภค

ย้อนไปเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 ตร. สภ.มาบตาพุด ได้จับกุมตัวนายโอภาส บุญจันทร์ เจ้าของโรงงานวินพาเสส มาบตาพุด มาดำเนินคดีข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย และข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานเกี่ยวกับการครอบครองวัตถุอันตราย โดย ตร.สภ.มาบตาพุด ตามจับกุมตัวได้ที่โรงงานอีกแห่งใน จ.เพชรบูรณ์ นำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.มาบตาพุด ก่อนจะมีการนำตัวนายโอภาส ส่งฟ้องศาลจังหวัดระยอง ต่อมานายโอภาส ได้ให้ทนายความใช้เงิน 20,000 บาท ประกันตัวมา แต่ถูก ตร.สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา อายัดตัวไปดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงตราเอกสารต่อ

กระทั่งตำรวจ สภ.บ้านค่ายได้เดินทางไปรับตัว นายโอภาส ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มาถึง สภ.บ้านค่าย ในช่วงหัวค่ำ ซึ่งทันทีที่มาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย ได้นำตัวเข้าห้องสอบสวน ลงบันทึกจับกุม และใช้เวลาสอบสวนประมาณ 45 นาที ก่อนจะนำตัวมาควบคุม ยังห้องควบคุมตัวผู้ต้องขัง โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายโอภาส บุญจันทร์ ว่า เหนื่อย และเครียด หรือมีอะไรจะพูดหรือไม่ นายโอภาส ตอบว่า ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ส่ายหัวและปิดหน้าตลอดเวลา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวเข้าไปยังห้องควบคุมผู้ต้องหา โดยนายโอภาส ได้ร้องขอยาที่รักษาโรคประจำตัว และยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่รู้สึกเครียดแต่อย่างใด โดยในวันที่ 2 มิ.ย.67 นี้ เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย จะนำตัวนายโอภาส ไปฝากขังยังศาลจังหวัดระยองต่อไป

‘ไรเดอร์แม่สู้ชีวิต’ กระเตง ‘ลูก’ ส่งอาหาร ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำ เปิดใจ!! ได้กำไรแค่วันละร้อย ต้องหอบลูกน้อยซ้อนท้าย เพราะไม่มีคนช่วยเลี้ยง

(1 มิ.ย. 67) ภาพของไรเดอร์หญิงขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหาร โดยที่มีเด็กหญิงซ้อนท้ายมาด้วย ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างกระหน่ำ และรถติดหนึบตลอดเส้นทาง จากนั้นแม่ก็ถอดเสื้อไรเดอร์มาห่มให้ลูก 

ภาพนี้ได้สร้างความสงสาร และความสะเทือนใจให้กับผู้ที่ได้เห็น ในสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คนเป็นแม่ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และยิ่งยากไปกว่าเดิม หากต้องเลี้ยงลูกน้อยโดยไม่มีคนช่วย จนต้องพาลูกออกมานั่งรถไปส่งอาหารด้วยกัน

‘ฆาตกร’ สังหารโหดหมกคอนโด ย่านงามวงศ์วาน โดนรวบ!! หลังพยายามหลบหนีลงใต้ ล่าสุดอยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวน

(31 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน จับตัวได้แล้ว คนร้ายสังหารโหด นายไพศาล อายุ 54 ปี พ่อค้าเสื้อผ้ามือสอง หมกศพไว้ในคอนโดมิเนียม ย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี คนก่อเหตุเป็นชายคนสนิท ที่พักอยู่ในห้องด้วยกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา

จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงเสียชีวิต 1 ราย ภายในคอนโดสูง 8 ชั้น ภายในห้องหนึ่ง ที่ชั้น 6 บริเวณห้องครัว พบศพนายไพศาล อายุ 54 ปี พ่อค้าเสื้อผ้ามือสอง พบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณคอ และตามร่างกายหลายแห่ง ประมาณ 10 กว่าแผล นอนจมกองเลือดอยู่ ตรวจสอบภายในห้องคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 - 5 วันนั้น

ต่อมาตำรวจได้เบาะแสชายต้องสงสัย วงจรปิดจับภาพแท็กซี่ไปเช่าโรงแรมหรู พบใช้เอกสารการเข้าพักของคนอื่น โดยเจ้าหน้าที่เร่งแกะรอยล่าตัว พบหนีไปพัทยาและไปโผล่ยัง จ.ประจวบคีรีขันธ์

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 นำกำลังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ตามภาพจากกล้องวงจรปิดของคอนโดมิเนียม โดยตามแกะรอยติดตามจนทราบว่าเป็นใคร

จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวนและติดตามล็อกตัวได้ที่บ้านของคนใกล้ชิดคนหนึ่งใน อ.เมือง จ.ชุมพร ขณะหลบหนีลงภาคใต้ โดยผู้ต้องสงสัยทราบชื่อ นายภูริณัฐ อายุ 27 ปี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 อยู่ในระหว่างการนำตัวชายต้องสงสัยที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาสอบสวนที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี อนุมัติหมายจับ นายภูริณัฐ อายุ 27 ปี ชาวกรุงเทพฯ เป็นอดีตนักศึกษา มหาวิทยาลัยชื่อดัง และจบโรงเรียนมัธยมชื่อดังระดับประเทศ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.1 และตำรวจชุดสืบสวน บก.ภ.จว.นนทบุรี ติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ชุมพร

เบื้องต้นทราบว่ารู้จักคนตายมาประมาณ 1 ปี

‘ตร.ท่องเที่ยวธนบุรี’ รุดช่วยเหลือ ‘ชาวจีน’ พลัดตกบันไดวัดอรุณฯ เร่งประสานกู้ชีพฯ นำตัวส่งรพ. ญาติผู้บาดเจ็บต่างเข้ามาขอบคุณ

(31 พ.ค.67) พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ รอง ผกก.1ฯ รรท.สวญ.สถานีตำรวจท่องเที่ยวธนบุรี พร้อมตำรวจชุดชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C.ส.ทท.3ฯ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ชื่อ Mrs. XUN XIAOHANG อายุ 50 ปี พลัดตกบันได จึงเข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมด้วย ร.ต.ท.สมโภชน์ พรมวงศ์ รอง สว.จร.บางกอกใหญ่ ประสานรถกู้ชีพวิชัยเวช นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน 1 เพื่อดูอาการ ภายหลังนำส่งโรงพยาบาล นักท่องเที่ยวและญาตินักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์ต่างเข้าขอบคุณ

พ.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทางตำรวจท่องเที่ยวถือปฏิบัติตามนโยบาย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท., พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 และ พ.ต.อ.กรฤวิศวร์ ทองศรีวานิช ผกก.1 ที่เน้นย้ำเรื่องการดูแลความปลอดภัย และช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยตั้งแต่ก้าวแรกจนก้าวสุดท้าย พบเห็นการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวสามารถแจ้งได้ทางสายด่วน 1155 ตลอด 24 ชม.

‘การรถไฟฯ’ ทยอยทุบตึก ในพื้นที่พิพาท เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ‘โคราช’

โดยบริเวณห้องแถวด้านข้างโรงแรมสีมาธานี ทางการรถไฟได้นำเครื่องจักรเข้าไปทุบ และเริ่มเคลียร์พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเป็นบางส่วนแล้ว ในขณะเดียวกันอาคารพาณิชย์ที่บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟนครราชสีมา ริมถนนมุขมนตรีนั้น ทางการรถไฟได้เริ่มทุบอาคารพาณิชย์ในบริเวณดังกล่าวแล้วเกือบหมดทุกคูหา เหลือเพียง 1 คูหา ที่ยังไม่ได้เข้าไปดำเนินการ เนื่องจากทางผู้เช่านั้นต้องการเรียกค่าชดเชยจากทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาล

ขณะที่ความคืบหน้าของประชาชน ที่ได้มีการเรียกร้องให้การรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ได้มีการเปลี่ยนแบบแปลนของโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง บริเวณพื้นที่ตำบลโคกกรวดตลอดจนมาถึงตำบลบ้านใหม่ในพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งจากเดิมนั้นจะเป็นการยกระดับโดยใช้คันดิน แต่ทางประชาชนในพื้นที่นั้นเห็นว่าถ้าหากเป็นแบบคันดินนั้นจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ทั้งเรื่องของปัญหาน้ำท่วมและปัญหาด้านการเดินทางไปมาในพื้นที่ดังกล่าว

ซึ่งล่าสุดทาง นายประพจน์ ธรรมประทีป ตัวแทนชาวต.บ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมา แกนนำคัดค้านการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงแบบยกคันดินสูง 5 เมตร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ยอมปรับแก้แบบแปลนจากทางยกระดับแบบคันดินมาเป็นยกระดับแบบใช้ตอม่อแล้ว หลังจากที่ตนและชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันต่อสู้เรียกร้องมาตั้งแต่ปี 62 ซึ่งตนทราบมาว่า ขณะนี้งบประมาณที่จะสร้างต่อม่อนั้น กำลังเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งตนมั่นใจว่าทางการรถไฟจะไม่บิดพลิ้ว หรือมีการปรับแก้แบบแปลนอีกหลังจากนี้

เพจเฟซบุ๊ก ‘กทม.’ โพสต์รูประบุข้อความ ‘ใช้หนี้ BTS แล้ว’ ด้านเพจ ‘รถไฟฟ้าบีทีเอส’ ช็อตแรง!! ‘หนี้ยังใช้ไม่หมด’

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘กรุงเทพมหานคร’ โพสต์ข้อความพร้อมรูปประกอบ เรื่องการใช้งาน ‘ฟอนต์ Sao Chingcha’ พร้อมรูปที่นำมาโพสต์ประกอบมีข้อความต่าง ๆ ที่ระบุเป็นนโยบายที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และคณะ ได้ทำมา 2 ปี ของการดำรงตำแหน่ง เช่น ไล่ออกข้าราชการทุจริต 29 ราย, มีสวน 15 นาทีใกล้บ้าน 100+ แห่ง, มี Pride Clinic 31 แห่ง, ปลูกต้นไม้แล้ว 9.4 แสนต้น, ฟองดูว์แก้แล้ว 4.7 แสนเรื่อง, ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV ฟรี, แจกผ้าอนามัยฟรี 341 โรงเรียน

ซึ่งหนึ่งในรูปที่นำมาโพสต์นั้นมีข้อความระบุว่า ‘ใช้หนี้ BTS แล้ว’ ต่อมาทางเพจ ‘รถไฟฟ้าบีทีเอส’ ได้แชร์รูปนั้นพร้อมข้อความประกอบว่า

‘หนี้ยังไม่หมดนะครั้บบบผม😁😆😅😂 #หยอกน๊าคุณน้าา’

ทั้งนี้ชาวโซเชียลได้เมนต์แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘แรงมากก’ / ‘แรงเกินคุณน้า5555’ / ‘ช๊อตแรงจัด’

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อย้อนกลับไปวันที่ 4 เมษายน 2567 นายชัชชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า การชำระหนี้ให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ในงานระบบการเดินรถ (ไฟฟ้า และเครื่องกล หรือ E&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2

นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ก็ถือว่า มีการกลั่นกรองอย่างละเอียด โดยสภา กทม.มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาจนออกเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร รวมถึงตนยังได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนที่จะมีการจ่ายเงิน เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน

‘ก็หวังว่า จะสร้างความมั่นใจ จริง ๆ แล้วภาคเอกชนมีความสำคัญในการพัฒนาเมือง อนาคตจะมีผู้มาลงทุนทำโครงการต่าง ๆ เพราะงบประมาณของ กทม.อาจจะไม่เพียงพอ การสร้างความร่วมมือ การสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ เป็นเรื่องสำคัญ’ นายชัชชาติกล่าว

โดยจำนวนเงินที่ชำระคืนให้กับบีทีเอส เป็นจำนวน 23,312,577,476.49 บาท

ทั้งนี้ ยังเหลือการชำระหนี้อีก 1 ก้อนคือ ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ ค่า O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่ - คูคต) ที่ทางบีทีเอสซีได้ยื่นฟ้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาชั้นศาลปกครองสูงสุด วงเงินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย

โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การฟ้องครั้งที่ 1 วงเงิน 11,755.06 ล้านบาท ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กทม. และเคที ร่วมกันจ่ายหนี้ให้กับบีทีเอสซี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ส่วนการฟ้องครั้งที่ 2 วงเงิน 11,068.5 ล้านบาท ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565

นอกจากนี้ กทม.อยู่ระหว่างดำเนินการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สิน ในส่วนของงานโครงสร้างพื้นฐาน หรืองานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 วงเงินรวม 65,307.08 ล้านบาท แบ่งเป็น ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 20,967.48 ล้านบาท และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 44,339.60 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือน พ.ย. 2561ที่กำหนดให้ กทม.รับโอนทั้งหนี้สินและทรัพย์สินจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้ทางบัญชี และเป็นหนี้ระหว่างรัฐกับรัฐ มีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ

โดยนายชัชชาติเคยออกมาระบุว่า ได้ทำหนังสือตอบกลับกระทรวงมหาดไทย ขอให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือ สนับสนุนค่าโครงสร้างพื้นฐานกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท

‘คนจีน’ ไม่ปลื้ม!! แลนด์มาร์ก Bangkok ใหม่ ลั่น!! อันเดิมดีอยู่แล้ว วอนเปลี่ยนกลับได้ไหม

(31 พ.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘MCOT News FM 100.5’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของคนจีนต่อแลนด์มาร์ก Bangkok ใหม่ โดยระบุว่า…

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก สำหรับการเปิดตัว ‘ป้าย Bangkok’ โฉมใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่มีการใช้ฟอนต์เสาชิงช้าแทนฟอนต์เดิมนั้น

ล่าสุดเพจดังที่แชร์เรื่องราวต่าง ๆ ของจีน ได้ออกมาโพสต์ภาพการแสดงความคิดเห็นของคนจีนต่อการเปลี่ยนป้าย Bangkok พร้อมระบุข้อความว่า

"เห็นว่าตอนนี้มีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนป้ายจุดเช็กอินกรุงเทพ มาดูความเห็นคนจีนกันว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกันกับป้ายใหม่นี้ 1.อันเดิมสวยอยู่แล้ว, 2.โชคดีที่ได้ถ่ายเอาไว้, 3.อันก่อนดีกว่านะ, 4.อันเดิมดีอยู่แล้วอ่ะ, 5.จุดเช็กอินหายไปแล้ว 1, 6.เปลี่ยนกลับได้ไหม, 7.อันเดิมดูมีคลาส, 8.ฉันก็จะไปถ่ายเหมือนกัน

‘ในหลวง-พระราชินี’ โปรดเกล้าฯ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ มอบถุงพระราชทาน ช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย จ.อุบลราชธานี

(31 พ.ค. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 789 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎร เพื่อเชิญไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบวาตภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีต่อไป และมอบแก่ราษฎรอำเภอม่วงสามสิบ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อช่วยบรรเทา ความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจ

ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบวาตภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ในการนี้ องคมนตรีได้ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบวาตภัยในพื้นที่ตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จำนวน 3 ครอบครัว ซึ่งเป็นผู้สูงอายุต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณา ทั้งนี้ องคมนตรี ได้พูดคุยให้กำลังใจและขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจิตอาสาพระราชทานในการปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ในการนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ได้ร่วมประชุมติดตามการแก้ไขสถานการณ์การเกิดวาตภัยในพื้นที่อุบลราชธานี ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม และรายงานการเกิดวาตภัย รวมทั้ง รายงานการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบวาตภัย โดย องคมนตรี ได้กล่าวให้ทุกส่วนราชการ ยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และน้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการให้ความช่วยเหลือราษฎรให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และทั่วถึง

จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลจากพายุฤดูร้อน และร่องมรสุมพัดผ่านในพื้นที่อำเภอม่วงสามสิบ ในระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2567 ทำให้บ้านเรือนราษฎร สิ่งสาธารณประโยชน์ และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบใน 9 อำเภอ 32 ตำบล 103 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 789 ครัวเรือน โดยจังหวัดอุบลราชธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการสำรวจและให้ความช่วยเหลือราษฎร จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ที่พักอาศัยชั่วคราวให้แก่ประชาชนผู้ประสบวาตภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น เพื่อให้ราษฎรสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขโดยเร็ว ด้วยแล้ว

ครูสาวตามนักเรียนตัวแสบกลับ หลังแอบหนีเรียนไปจีบสาวรุ่นพี่ ลั่น!! มีความรักไม่ว่า แต่อย่าทิ้งการเรียน ชาวเน็ตแห่ชื่นชม

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) เกิดคลิปไวรัลในโลกโซเชียล ครูสาวเดินไปตามนักเรียนตัวแสบ แอบหนีเรียนไปจีบสาวรุ่นพี่ ถึงขั้นต้องจูงมือกลับ พร้อมติเตียน มีความรักไม่ว่า แต่ต้องเข้าเรียนด้วย

เหตุการณ์น่าชื่นชมนี้ เกิดที่โรงเรียนหนองแค (สรกิจพิยา) โดยครูสาวในคลิป ชื่อ น.ส.ปรียาพร โพธิธินทร์ เป็น ครูชำนาญการพิเศษ ได้ทำการสอนอยู่ที่ห้องเรียน แต่ไร้วี่แววของลูกศิษย์ตัวแสบ ด้านเพื่อนในห้องบอก ‘เพื่อนคนนี้โดดเรียนมาแล้วหลายวิชา’ พอได้ฟังดังนั้น ครูจึงตัดสินใจไปตามให้กลับมาเรียน โดยได้ให้นักเรียนอีกคนบันทึกภาพเหตุการณ์เก็บไว้ 

หลังจากเดินตามหาลูกศิษย์ตัวแสบจนไปพบว่ากำลังนั่งจีบสาวอยู่ ครูก็รีบเดินไปถาม ว่าทำไมถึงไม่เข้าเรียน แถมยังติติงรุ่นพี่แฟนสาวของนักเรียนคนนี้อีกด้วยว่า ‘ทำไมไม่บอกให้น้องไปเข้าเรียน จะไม่มีแฟนไม่ว่า แต่เวลาเรียนต้องเข้าเรียน’ สุดท้ายต้องดึงมือเด็กนักเรียนชายให้กลับไปเรียน พอถึงห้อง เพื่อนๆ พากันเฮ ที่คุณครูทำสำเร็จ 

ด้านคุณครูเผย ทำไปเพราะหวังดี พร้อมยกตัวอย่างคู่รักวัยเรียนคู่อื่นให้เห็นว่า คบกันก็พากันเรียนได้ ไม่ใช่ว่ามีความรักแล้วต้องเสียการเรียน จะมีความรักไม่ว่า ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องไม่ทิ้งการเรียน อยากให้นึกถึงพ่อแม่ที่ส่งเรียน และอนาคตของตัวเองมาก ๆ

‘มหาเถรฯ-พศ.’ แจ้งทุกวัดห้ามบังคับตรวจหาเชื้อ HIV ก่อนบวช ชี้!! ไม่เข้าข่ายเป็นโรคน่ารังเกียจ พร้อมย้ำหลักสิทธิเสรีภาพบุคคล

(31 พ.ค. 67) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ตามที่ กสม. ได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกรณีวัดแห่งหนึ่ง ในเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร กำหนดให้ผู้สมัครบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ต้องแสดงผลการตรวจสุขภาพและการตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) โดย กสม. มีมติเมื่อเดือนก.ย. 2566 มีข้อเสนอแนะไปยังวัดดังกล่าว ให้ยกเลิกการตรวจหาเชื้อเอชไอวีของผู้ที่จะเข้ารับการอุปสมบท

พร้อมทั้งให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งเวียนไปยังวัดที่อยู่ในสังกัดทุกวัดไม่ให้บังคับตรวจหาเชื้อเอชไอวี ของผู้ประสงค์จะเข้ารับการอุปสมบท เพื่อไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรม โดยใช้เหตุแห่งการติดเชื้อเอชไอวีมาเป็นข้อจำกัด ที่ลิดรอนโอกาสในการเข้าถึงเสรีภาพในการปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนาพุทธ

เนื่องจากมีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่า เชื้อเอชไอวีจะไม่ติดต่อจากการทำกิจวัตรประจำวันทั่วไป ไม่ติดต่อผ่านทางระบบหายใจ อีกทั้งเป็นเชื้อที่ตายง่ายเมื่ออยู่นอกร่างกาย หากผู้ติดเชื้อได้รักษาอย่างถูกต้อง รับประทานยาต้านเชื้ออย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง และดำรงชีวิตได้เช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป

ประกอบกับกฎมหาเถรสมาคม กำหนดเพียงว่าผู้ประสงค์จะบรรพชาต้องเป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์ และมีเพียงข้อห้ามที่ไม่อนุญาตให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนที่มีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย เท่านั้น โดยให้เป็นดุลพินิจของพระอุปัชฌาย์ แต่การใช้ดุลพินิจดังกล่าวต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างสมเหตุสมผลตามบริบทของสังคมไทยและข้อมูลทางการแพทย์ ต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของบุคคลด้วย

ล่าสุด เมื่อเดือนเม.ย.2567 พศ. ได้มีหนังสือแจ้งการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอแนะของ กสม. โดยแจ้งมติมหาเถรสมาคม เรื่อง การตรวจหาเชื้อเอชไอวี กรณีบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลทั่วไป ระบุว่า มหาเถรสมาคมได้มีมติที่ 313/2567 รับทราบความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขตามรายงานของ พศ. ว่าการติดเชื้อเอชไอวี ไม่ใช่โรค จึงไม่เข้าข่ายเป็นโรคที่น่ารังเกียจตามกฎมหาเถรสมาคม

ประกอบกับมีความเห็นของ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ว่าการบังคับให้ผู้หนึ่งผู้ใดต้องตรวจหาเชื้อเอชไอวี ไม่อาจกระทำได้ตามกฎหมาย มตินี้ไม่กระทบต่อหน้าที่และอำนาจของพระอุปัชฌาย์และเจ้าอาวาสที่จะคัดกรองกุลบุตร และปกครองพระภิกษุสามเณรในสังกัด และ พศ. ได้ดำเนินการแจ้งเจ้าคณะใหญ่ทราบ และแจ้งพระอุปัชฌาย์ ถือปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ กสม. ขอชื่นชมมหาเถรสมาคมและพศ. ที่ได้ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top