Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเชิงรุกต้านภัยไซเบอร์ ผ่านโครงการ RTP Cyber Village ระดมตำรวจกว่า 5,000 นาย ส่งต่อความรู้ด้านการเตือนภัยไซเบอร์ให้กับประชาชน

วันนี้ (28 มิ.ย.67) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมโครงการ Cyber Village ผ่านระบบ Video Conference กับตัวแทนข้าราชการตำรวจสายงานป้องกันปราบปรามจากทั่วประเทศกว่า5,000 นาย ห้องประชุมชั้น 7 อาคาร1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาตามความต้องการของประชาชน ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานแบบบูรณาการ ภายใต้โครงการ RTP Cyber Village โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการนำแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมของประชาชน เช่น Facebook, Youtube, Google, LINE และ Clubhouse มาประยุกต์ใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างตำรวจกับประชาชน และบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในชุมชน

การดำเนินงานในโครงการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และตำรวจภูธรภาค 1 – 9 โดยมีหน่วยงานระดับ บก.น./ภ.จว. ในสังกัด จำนวน 85 หน่วยงาน และระดับ สน./สภ. จำนวน 1,483 หน่วยงาน เข้าดำเนินการในหมู่บ้าน/ชุมชนเป้าหมาย จำนวน 7,524 หมู่บ้าน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นชุดชุมชนสัมพันธ์ จำนวน 10,365 นาย

ทั้งนี้ โครงการ RTP Cyber Village มีจุดมุ่งหมายหลักในการดำเนินงาน คือเน้นการนำสื่อ Social Media มาประยุกต์ใช้เป็นสื่อกลางกับประชาชน สร้างการรับรู้อย่างเข้าใจและเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ต่อยอดการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมระดับชุมชนที่รวดเร็วและทันท่วงที ตามนโยบายหลักด้านการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมรูปแบบใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘UN’ ฟุ้ง!! ‘เมียนมา’ ใช้ ‘ธนาคารไทย’ เป็นตัวกลางซื้อขาย-อาวุธ ‘สมาคมธนาคารไทย’ แจง!! ยึดจริยธรรม-ไม่หนุนการจัดซื้ออาวุธ

(28 มิ.ย.67) จากกรณีมีการเปิดเผยรายงานของผู้รายงานพิเศษ (Special Rapporteur) ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โดยระบุว่ามีธนาคารในประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการทางการเงินหลักให้กับรัฐบาลทหารเมียนมานั้น

สมาคมธนาคารไทย ชี้แจงว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเกณฑ์การดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อลูกค้า สังคม และประชาคมโลก และตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยได้ยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบขององค์กรกำกับดูแล คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมีการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด สร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบการเงินของประเทศไทย

นอกจากนี้ ธนาคารสมาชิก ยังมีหน่วยงาน Compliance ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติงานของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงฐานข้อมูลของบุคคล องค์กร และประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีรายชื่ออยู่ในรายการที่ห้ามทำธุรกรรมธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารได้ดำเนินการปรับปรุงข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทย มีนโยบายชัดเจน ไม่สนับสนุนการจัดซื้ออาวุธและสรรพาวุธกับองค์กรทางทหารของเมียนมา รวมถึงให้ความสำคัญต่อการป้องกัน และห้ามนำธุรกรรมทางเงินของภาคธนาคารไปใช้ในการจัดซื้ออาวุธที่นำไปใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน

'รัดเกล้า' ชวนร่วมฉลอง 2 กิจกรรมส่งท้าย ‘Pride Month 2024’ ปูทาง ‘ไทย’ เป็นเจ้าภาพ ‘Bangkok World Pride 2030’

(28 มิ.ย. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเชิญชวนร่วมเฉลิมฉลองส่งท้ายเทศกาลเดือน Pride อย่างยิ่งใหญ่ ปลายเดือนมิถุนายน 2567 กับ 2 กิจกรรม งาน Pride Nation Samui International Pride Festival เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และปิดท้ายกับงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 ที่สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพฯ ร่วมกันเฉลิมฉลองความรัก ความมีเสรีภาพ และความหลากหลายทางเพศ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 2 งานที่จะจัดปลายเดือนมิถุนายนนี้ คืองาน Pride Nation Samui International Pride Festival ระหว่างวันที่ 24-29 มิถุนายน 2567 ณ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ โดยภายในงานจะรวบรวมศิลปินทั้งในประเทศและนานาชาติ ถือเป็นการรวมพลังเพื่อเปลี่ยนเกาะสมุยให้เป็น Prideradise กับขบวนพาเหรด Pride และเทศกาลดนตรี (Music Festival) ทั้งนี้ คาดว่างานครั้งนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาสัมผัสกับความงดงามของเกาะในประเทศไทย เช่นเกาะสมุย และยังเป็นโอกาสในการพบปะและแลกเปลี่ยนความหลากหลายทางวัฒนธรรมอีกด้วย

และงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ระหว่างเวลา 16.00-18.30 น. โดยจะเป็นขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ และยาวที่สุดในเอเชียกว่า 6 กิโลเมตร ซึ่งจัดขึ้นด้วยความร่วมมือของภาครัฐ และภาคเอกชนมากกว่า 100 องค์กร เพื่อให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของ Pride Festival Destination ภายใต้วิสัยทัศน์ 'IGNITE THAILAND TOURISM' โดยจะเคลื่อนขบวนพาเหรดจากสนามกีฬาแห่งชาติ ไปยังถนนพระรามที่ 1 ผ่านย่านสำคัญต่าง ๆ และไปสิ้นสุดที่อุทยานเบญจสิริ ถือเป็นอีก 1 งานใหญ่โค้งสุดท้ายในเดือน Pride ที่จะเป็นแรงส่งทางการท่องเที่ยว กระตุ้นการเดินทาง ทั้งยังช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน Bangkok World Pride 2030 ได้สำเร็จอีกทางหนึ่งด้วย

“เดือนมิถุนายนของทุกปี ถือเป็นเดือน Pride ที่จะร่วมเฉลิมฉลองความเท่าเทียม โดยในช่วงโค้งสุดท้าย 2024 นี้ จะมี 2 งานส่งท้ายทั้งที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ ซึ่งที่กรุงเทพฯ ท่านนายกฯ จะมาเป็นประธานเปิดงานด้วยตนเองร่วมกับทุกคน จึงอยากขอเชิญชวนมาร่วมเฉลิมฉลองส่งท้ายกันอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสนี้ เพื่อปูทางไปสู่การเป็นเจ้าภาพ World Pride ในปี 2030 ทั้งนี้คาดว่า ในช่วงเดือน Pride จะสร้างเม็ดเงินได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท และพาเหรดที่กรุงเทพฯ จะมีผู้เข้าร่วมชมงานตลอดทั้งขบวน 6 กิโลเมตรกว่า 1 ล้านคน” นางรัดเกล้า กล่าว

ผบ.ตร.ลงพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจเยี่ยม สภ.แม่จัน และด่านกิ่วทัพยั้ง ให้กำลังใจพร้อมกำชับการปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มแข็ง

วันนี้ (28 มิ.ย.67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมี พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน และข้าราชการตำรวจ สภ.แม่จัน ให้การต้อนรับ โดย ผบ.ตร.ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่หลบหนี และเร่งรัดการติดตามจับกุม

จากนั้น ผบ.ตร.พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง ซึ่งเป็นด่านสกัดกั้นยาเสพติดจากชายแดนในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อตรวจเยี่ยม และกำชับในการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มแข็ง

ผบ.ตร. ได้ขอบคุณและชมเชยข้าราชการตำรวจ สภ.แม่จัน และเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง ทุกนาย ที่มีความตั้งใจและทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมเป็นอย่างดี ปฏิบัติตนเป็นตำรวจของพระราชาในสายตาของประชาชน และขอให้รักษามาตรฐานไว้เพื่อเป็นตำรวจที่ดีของประชาชน พร้อมมอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข , ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ พร้อมกำชับให้ติดตาม ให้คำแนะนำ เร่งรัดคดียาเสพติดในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี

‘สาวสอง’ MV ‘ลิซ่า’ ได้ซีนใหญ่!! โคลสอัปหน้าสะพัดทั่วโลก ทำโลกโซเชียลร้อน!! ไล่ตามตัว 'เป็นใคร?' แม้โผล่เพียงแค่ไม่กี่วิ

(28 มิ.ย. 67) หลังจากที่ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ เปิดตัวมิวสิควิดีโอ Rockstar ผลงานโซโล่เดี่ยวครั้งแรกในฐานะเจ้าของค่ายเพลง ก็นับว่าทำถึงจนคนไทยขนลุกไปตาม ๆ กัน

งานนี้มีการใช้ทีมงานชาวไทยเกินครึ่งในการถ่ายทำ ซึ่งบรรดาตัวประกอบและแดนเซอร์ที่ปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอต่างเป็นปลื้มกันถ้วนหน้าที่ได้มีผลงานร่วมกับ ลิซ่า

แต่งานนี้ซีนใหญ่ที่อดพูดถึงไม่ได้คือการปรากฏตัวของ LGBTQ+ ที่เห็นชัดคือสาวข้ามเพศ มีการโคลสอัพหน้าแบบเดี่ยว ๆ ได้ซีนใหญ่ไปเต็ม ๆ จึงเกิดการตามหาตัวขึ้น

โดยสาวคนแรกคือคนที่หลาย ๆ คนนึกว่าเป็นดาราสาว ‘เนย โชติกา วงศ์วิลาศ’ เพราะความสวยกระแทกตาจนไปละม้ายคล้ายกัน แต่แท้จริงแล้วเธอคือ ‘หมอบรูซ-คชิสรา ศรีดาโคตร’ รองอันดับ 1 มิสทิฟฟานีไทยแลนด์ปีล่าสุด จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและนักเพศวิทยาคลินิก ซึ่งยังนับว่าเป็นแพทย์คนแรกที่ได้รับรางวัลของเวทีมิสทิฟฟานีด้วย

ส่วนอีกหนึ่งคนคือ ชินวัตร พรมศรี  หรือ ชินรวดี ปัญญารัศมิ์สกุล ที่หลาย ๆ คนรู้จักเธอในชื่อ ชินนี่ ออฟฟิเชียล, ชินนี่ แบงค็อก และ ชินนี่ ไทยแลนด์ ที่เคยสร้างเสียงฮือฮากับการใส่ชุดนักเรียนชายแต่เดินข้ามถนนแบบสับด้วยจริตตัวแม่ แม้งานนี้เธอจะยังไม่ได้แปลงเพศ แต่ความสวยและจริตตัวมารดาก็ทำเอาเธอสวยจนชาวต่างชาตินึกว่าหญิงแท้กันเลยทีเดียว

และสาวคนสุดท้ายที่แม้จะไม่มีซีนเดี่ยว แต่ก็ได้ซีนรวมตัว เธอคือ กี้ รินทร์ณิญา พุฒิโภคินลักษณ์  ที่เคยเข้าประกวด Miss Tiffany’s Universe ครั้งที่ 25 โดยผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย

กระจ่าง!! แชร์เพลงลิซ่า ‘Rockstar’ แล้วล็อกแอ็กเคานต์ เพราะเฟซบุ๊กไม่ยอมเป็นฐานส่งต่อไปแพลตฟอร์มอื่น

(28 มิ.ย.67) ทำเอาโซเชียลแตกแตนตั้งแต่เช้าเมื่อ ลิซ่า ปล่อยเอ็มวีเพลงใหม่ Rockstar พร้อมกันทั่วโลก จนทำให้คนแห่เข้าไปดูและมีการคอมเมนต์ พูดคุยกันถึงเอ็มวีตัวนี้กันอย่างล้นหลาม และหลายคนก็แชร์เพลงนี้ลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงความสนับสนุน ต่อยอดความปังให้เพิ่มขึ้นทวีคูณ

แต่หลายคนก็ถึงกับเซ็ง เมื่อแชร์เพลง Rockstar ลงไปในเฟซบุ๊กแล้วปรากฏว่าแอคเคาท์ถูกล็อก โดยมีการแจ้งว่าเป็นสแปม (spam) หรือเนื้อหาที่ถูกส่งต่อกันอย่างแพร่หลายและจำนวนมากจนอาจจะไปรบกวนผู้อื่น ทำให้หลายคนโอดครวญว่าพี่มาร์คทำไมถึงใจร้าย สั่งล็อกแอ็กเคานต์แบบหน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่ก็แค่แชร์เพลงที่ชื่นชอบให้เพื่อน ๆ ได้ดู ได้ฟัง มันผิดตรงไหน

สำหรับเรื่องนี้ ‘Worrathasana Wongthai’ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและโซเชียลมีเดีย ได้อธิบายว่า…

"เช้านี้ใครจะแชร์คลิป MV #Rockstar ของ #LISA จาก Youtube ไปบน Facebook ให้ยั้ง ๆ มือก่อนนะครับ เพราะอัลกอริทึมของเฟซบุ๊กมันมองว่าเป็นสแปมแล้วดำเนินการล็อกแอ็กเคานต์ทันที”

“เรื่องการล็อกแอ็กเคานต์ของคนที่แชร์เอ็มวี Rockstar ของลิซ่าจากยูทูบบนเฟซบุ๊ก อันนี้ผมก็ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะเอ็มวีเป็นกระแสจริง และในเชิงเทคนิคคือ เฟซบุ๊กนอกจากกันสแปมแล้ว ยังมีแนวคิดหวงทราฟฟิกตัวเองด้วย จะไม่ค่อยยอมให้เป็นฐานการส่งต่อไปบนแพลตฟอร์มอื่น"

ทำเอาหลายคนหายสงสัย แต่ก็รู้สึกไม่โอเค เพราะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร และก็เสียดายที่อดโพสต์เรื่องราวความประทับใจต่าง ๆ บนเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ปลดล็อกตอนไหน

‘กระทรวงดีอี’ มอบอุปกรณ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชน 500 ศูนย์ทั่วประเทศ ภายใต้โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน สร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตกับประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

วันที่ 27 มิถุนายน 2567  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบอุปกรณ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 500 ศูนย์ทั่วประเทศ ‘โครงการเช่าอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน’ ภายใต้โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยมีนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยนายธีรวุฒิ ธงภักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , นางอำไพ จิตรแจ่มใส รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนางสาวรัตนา จรูญศักดิ์สิทธิ์ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ตลอดจนผู้บริหารศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 6 แห่ง เข้ารับมอบอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน ณ ห้องประชุม MDES1 ชั้น 9 สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และผู้แทนศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศ เข้าร่วมรับมอบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

โดยนายประเสริฐ กล่าวแสดงความยินดีพร้อมย้ำว่ารัฐบาลได้มีนโยบายที่จะนำพาประเทศไทยก้าวสู่ ‘ไทยแลนด์ 4.0’ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจรากฐานของประเทศให้เข้มแข็งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงได้ให้มีประสิทธิภาพสูงครอบคลุมทั่วประเทศ

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้ดำเนินโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อเป็นการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่จัดตั้งอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผลักดันให้เกิดสังคมแห่งการสร้างภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Base Society) เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของเด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชน สามารถสืบค้นข้อมูล เรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และส่งเสริมการค้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน อีกทั้งยังเป็นการขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ต ทั้งทางด้านข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีไปสู่ส่วนท้องถิ่น ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการให้บริการของภาครัฐเพิ่มมากขึ้น โดยมีความมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีการพัฒนาไปข้างหน้าพร้อมกันทุกด้าน ทั้งคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดประโยชน์ กับประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน

นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า สดช. ได้จัดให้มี ‘ศูนย์ดิจิทัลชุมชน’ ภายใต้กิจกรรมการเช่าอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ดิจิทัลและบุคลากรสนับสนุน เป็นการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับท้องถิ่น ซึ่งกระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ประชาชนในชุมชนส่วนใหญ่เข้าถึงและมีความสะดวกในการใช้บริการ เช่น วัด มัสยิด ที่ทำการหมู่บ้าน สหกรณ์ องค์กรปกครองส่งท้องถิ่น โรงเรียน ห้องสมุด ค่ายทหาร เป็นต้น เพื่อลดช่องว่างทางด้านดิจิทัลให้กับชุมชน ประชาชนทุกกลุ่มและทุกพื้นที่ให้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเชื่อมโลกที่จะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา การสร้างรายได้ การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ในปัจจุบัน กิจกรรมการเช่าอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน กำลังจะสิ้นสุดสัญญา โดย เอสเอ คอนซอเตียม (SA Consortium) ซึ่งเป็นคู่สัญญา ยินดีสนับสนุนอุปกรณ์ตามโครงการฯ ให้แก่หน่วยงานที่เป็นที่ตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 500 แห่ง

นายภุชงค์ กล่าวว่า  โดยในวันนี้ มีผู้บริหารศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 6 แห่ง เข้าร่วมรับมอบอุปกรณ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ได้แก่  1) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน มูลนิธิออทิสติกไทย , 2) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน เคหะชุมชนบางชัน , 3) ศูนย์ดิจิทัลชุมชนมัสยิดประเสริฐอิสลาม , 4) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน วัดทองบน , 5) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน วัดกระทุ่มเสือปลา และ  6) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน บางพูนพัฒนา และผู้แทนศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 494 แห่ง เข้าร่วมรับมอบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนในชุมชนสามารถใช้บริการศูนย์ดิจิทัลชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถบริหารจัดการศูนย์ดิจิทัลชุมชนได้เองอย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับอุปกรณ์ที่ได้มอบให้กับศูนย์ดิจิทัลชุมชน มีจำนวน 24 รายการ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 5,000 เครื่อง ชุดโปรแกรมติดตั้งคอมพิวเตอร์ จำนวน 5,000 เครื่อง เครื่องพิมพ์ Multifunction จำนวน 500 เครื่อง อุปกรณ์กระจายสัญญาณไร้สาย จำนวน 500 เครื่อง โทรทัศน์ LED TV จำนวน 500 เครื่อง กล้องถ่ายรูปดิจิทัล จำนวน 500 เครื่อง กล้อง โทรทัศน์วงจรปิดชนิดเครือข่าย จำนวน 500 เครื่อง และชุดสตูดิโอ จำนวน 500 ชุด เป็นต้น

'คลัง' เดินหน้า 'ธนารักษ์เอื้อราษฎร์' มอบสัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน 9 จังหวัด 1,900 ราย 7,000 ไร่ ใน 6 เดือน

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล แถลงข่าวในโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์  มอบสัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” ว่า

กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ต้องการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน และต้องการบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำที่ดินราชพัสดุในความครอบครองของส่วนราชการ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า มาแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่พี่น้องประชาชน เพื่อความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ทำให้เข้าถึงด้านสาธารณูปโภค ระบบสาธารณูปการ และบริการสาธารณะของภาครัฐ ด้วยอัตราค่าเช่าต่ำและผ่อนปรน

ซึ่งการมอบสัญญาเช่าที่ดินจะเกิดขึ้นใน 9 จังหวัด กว่า 1,900 ราย กว่า 7,000 ไร่ ภายใน 6 เดือน ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา 248 ไร่ เชียงราย 273 ไร่ เชียงใหม่ 281 ไร่ นครสวรรค์ 1,120 ไร่ นครพนม 661 ไร่ กาฬสินธุ์ 1,174 ไร่ ปัตตานี 29 ไร่ ราชบุรี 1,500 ไร่ และสุราษฎร์ธานี 2,100 ไร่ ทั้งหมดนี้ได้สั่งการให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน 

โดยมี “ค่าเช่าต่ำและผ่อนปรน” ดังนี้ ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย หากไม่เกิน 100 ตารางวา อัตราเช่า 0.25 บาท/ตารางวา/เดือน หากเกิน 100 ตารางวา อัตราเช่า 0.50 บาท/ตารางวา/เดือน และหากเป็นที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 20 บาท/ไร่/ปี และหากเกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 30 บาท/ไร่/ปี เป็นสัญญาเช่าครั้งละ 3 ปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการเช่าของกรมที่ดินให้กับประชาชน แต่สามารถขอเป็นสัญญาเช่า 30 ปีได้ หากผู้เช่าประสงค์

เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กระทรวงการคลังต้องการพลิกชีวิต พลิกคุณภาพชีวิตของประชาชน

'หมอเหรียญทอง' เห็นใจ!! หากถอนจากประกันสังคม กระทบคนนับแสน เสนอ 2 เงื่อนไข 'คู่กรณีต้องย้ายสิทธิออก-เลิกบีบมงกุฎวัฒนะจ่าย 8 หมื่น'

(27 มิ.ย. 67) จากกรณี ‘หมอเหรียญทอง’ ประกาศเตรียมถอน ‘รพ.มงกุฎวัฒนะ’ ออกจากโรงพยาบาลคู่สัญญากับ ประกันสังคม มีผล 31 ธ.ค. 68 หลังถูกผู้ประกันตนหัวหมอ ไปรักษาที่อื่น แล้วร้องเรียนให้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล 8 หมื่นบาท โดยโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว และ เพจเฟซบุ๊ก ‘Mongkutwattana Hospital-โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ’ ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา หรือ ‘หมอเหรียญทอง’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงการเตรียมถอนตัวจากการเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคมเพิ่มเติม โดยยื่นข้อเสนอให้ ‘ผู้ประกันตน’ คู่กรณีดำเนินการใน 2 เงื่อนไข เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนนับแสนคน โดยมีรายละเอียดระบุว่า..

“ผมและบุคลากรในสังกัด รพ.มงกุฎวัฒนะได้อ่านข้อความในเฟซบุ๊ก ตลอดจนรับทราบความพึงพอใจของผู้ประกันตนจำนวนมากที่ใช้บริการกับ รพ.มงกุฎวัฒนะแล้ว”

“ทั้งได้รับทราบความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 100,000 คน หาก รพ.มงกุฎวัฒนะต้องถอนตัวออกจากระบบประกันสังคม”

“ในขณะเดียวกัน ก็ได้รับทราบว่าผู้ประกันตนจำนวนมากที่ให้กำลังใจผมและ รพ.มงกุฎวัฒนะอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ท่านทั้งหลายจะต้องเดือดร้อนจากการย้ายสิทธิจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ไป รพ.ใหม่ แต่ท่านก็ยังเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและความถูกต้อง”

“ผมขอเรียนตามตรงว่าผมรู้สึกเบื่อและท้อกับการใช้อำนาจบังคับจากหน่วยงานต่าง ๆ ดังเช่น 'คณะกรรมการอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533' ดังนั้นผมจึงไม่คิดที่จะต่อสู้กับใคร หรือฟ้องร้องใคร และขอใช้ชีวิตอย่างสงบ”

“แต่เมื่อคำนึงถึงผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 100,000 คน ที่จะต้องเดือดร้อนจากผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์ 1 ราย และคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ใช้หัวแม่ตีนคิดสั่งการเพียงไม่กี่ตัวแล้ว ผมจึงตัดสินใจที่จะหาทางออกว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ผู้ประกันตนนับแสนต้องเดือดร้อน ผมจึงมีข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ดังต่อไปนี้”

“1. นางปXXXX ศXXXX ผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์จะต้องขอย้ายสิทธิตนเองออกจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ หรือมิฉะนั้น สำนักงานประกันสังคมจะต้องย้าย นางปXXXX ศXXXX ผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์ออกจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปขึ้นสิทธิกับ รพ.อื่น”

“2. คณะกรรมการอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ต้องยกเลิกคำวินิจฉัยที่ 235/2567 ลงวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่ได้แจ้งให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 9 มีคำสั่งให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของ นางปXXXX ศXXXX ผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์จำนวน 80,295.20 บาท”

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อมีการดำเนินการเป็นรูปธรรม ผมจะออกประกาศยกเลิกประกาศการถอนตัวออกจากระบบประกันสังคมทันที”

“อย่างไรก็ตามการดำเนินการตามข้อ 2 มักไม่เกิดผล อันเนื่องจากการถือศักดิ์ศรีของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ จากการเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ดังนั้นผู้ประกันตนจึงควรเตรียมการย้ายสิทธิ์ไปยัง รพ.อื่น ๆ ไว้ล่วงหน้าก่อน อย่าได้คาดหวังอะไรจากคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ เพราะคุณท่านทั้งหลายเหล่านี้มันยอมไม่ได้จากการถูกด่าที่มาจาก 'เสียงคำรามจากพระเจ้ามาราโดน่า' [Voice of God] พวกคุณท่านมันแค้นพระเจ้ามาราโดน่ามาก ๆ ครับ”

สิ้น ‘ชัยวัฒน์ สถาอานันท์’ อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. เจ้าของรางวัลศรีบูรพา เสียชีวิตในวัย 69 ปี

(27 มิ.ย. 67) ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความว่า “ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เสียชีวิต เวลา 10.45 น. วันที่ 27 มิถุนายน มีพิธีศพตั้งแต่เวลา 08.00 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่มัสยิดฮารูน บางรัก สามารถเคารพศพได้ตั้งแต่ 17.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน”

สำหรับ ศาสตราจารย์ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2498 เป็นศาสตราจารย์ประจำและหัวหน้าสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ในปี พ.ศ.2549 และได้รับรางวัลศรีบูรพา ในปี พ.ศ.2555

เป็นนักวิชาการคนหนึ่งที่มีบทบาทในการเสนอแนวทางเพื่อคลี่คลายความไม่สงบในภาคใต้ของประเทศไทย และเป็นกรรมการภาคประชาสังคมนอกพื้นที่ ในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.)

นอกจากนี้ ชัยวัฒน์ ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการ และคณะทำงานฝ่ายจัดการ/บรรณาธิการ ของโครงการจัดพิมพ์คบไฟ มูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาธิปไตยและการพัฒนา ซึ่งเป็นโครงการจัดพิมพ์ที่พิมพ์เผยแพร่หนังสือวิชาการทั้งของนักวิชาการไทยและต่างประเทศ ตลอดจนวรรณกรรมชั้นดีจากต่างประเทศ เป็นจำนวนมากมายอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top