Saturday, 26 April 2025
NEWS FEED

เราจะร่วมกันลดฝุ่นโรงงาน โรงไฟฟ้า ไฟป่า ไฟไร่ ฝุ่นเมือง และฝุ่นการจราจร ช่วยเพื่อนบ้าน ลดฝุ่นข้ามแดน แบบไม่ชี้นิ้วใส่ใคร โดยไม่รู้จักทิศทางของลม

ไทยเราควบคุมให้ลดจุดความร้อนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

แต่เราคงต้องช่วยเพื่อนๆให้มากๆขึ้นด้วย

สภาลมหายใจภาคประชาชนในทุกท้องที่ท้องถิ่น จะเป็นทางออกที่เจ้าของปอด เข้าถึงความรู้ความรอบและความจริง รายสัปดาห์

เพราะว่าลมใหญ่เปลี่ยนทิศทาง
ลมย่อยประจำถิ่นก็เปลี่ยนตามบริบทของตัวเอง

ช่วยกันเชียร์ให้สถาบันการศึกษาประจำพื้นที่โดดเข้ามาเป็นแกนช่วยเหลือทางหลักวิชา
เชิญให้สื่อประจำพื้นที่ได้เข้ามาติดตามรายงานเผยแพร่ต่อ

เพื่อปลุกและแนะให้เจ้าของปอดทุกคน มีความรู้และสู้ร่วมกันอย่างมีความหวังและเท่าทัน

ใช้สูตร 1เดือนหลังฤดูฝุ่นมาถอดบทเรียนว่าเราน่าจะทำอะไรในพื้นที่ให้เกืดผลที่ดีขึ้นในฤดูฝุ่นหน้า

แล้วลงมือลุยทำไปต่อตลอด8เดือนถัดมา

เมื่อ3เดือนแห่งฝุ่นขึ้นฟ้ามาอีกครั้ง

เราจะได้ลดค่าความอันตรายลงไปได้ต่อเนื่องทุกๆปีนับแต่นี้

สูตรทำงานสู้ฝุ่น #1-3-8

เราจะร่วมกันลดฝุ่นโรงงาน โรงไฟฟ้า ไฟป่า ไฟไร่ ฝุ่นเมืองและฝุ่นการจราจร

และช่วยเพื่อนบ้านลดฝุ่นข้ามแดนแบบไม่ชี้นิ้วใส่ใครโดยไม่รู้จักทิศทางของลม

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ

‘ดร.สามารถ’ ลั่น!! พูดได้ไง?? พระราม 2 ถล่ม เป็น ‘เหตุสุดวิสัย’ ชี้!! ‘วสท.’ ต้องเคลียร์ ไม่เปิดช่อง ให้คนผิด ปัดความรับผิดชอบ

(16 มี.ค. 68) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธาและจราจร สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุ ‘พระราม 2’ โดยมีใจความว่า …

เช้ามืดของวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ที่กำลังก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย 

หลังจากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) คนหนึ่งได้ไปตรวจดูพื้นที่พร้อมกับให้สัมภาษณ์ โดยสรุปได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ “เป็นเหตุสุดวิสัย” ที่เกิดจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของดิน ทำให้การรับน้ำหนักปูนกว่า 10 ตันเกิดการเอียง จนตัวแม่แบบหลุดออกมาและถล่ม

ผมในฐานะวิศวกรและสมาชิก วสท. คนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เนื่องจากการอ้างว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” นั้น เป็นการให้สัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดตามหลักวิศวกรรม 

“เหตุสุดวิสัย” หมายถึงสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ แม้ว่าจะใช้ความระมัดระวังหรือพยายามป้องกันแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้จริงหรือ? และผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือได้พยายามป้องกันแล้วจริงหรือ??

ผมไม่เชื่อว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ ถ้าผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ตามหลักวิศวกรรม

ด้วยเหตุนี้ การฟันธงลงไปว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” ในทางกฎหมายอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกเว้นความผิด หากมีการระบุไว้ในสัญญาว่า กรณีเกิดเหตุสุดวิสัย ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

วสท.เป็นสมาคมวิชาชีพด้านวิศวกรรมที่มีความสำคัญ เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของสังคม ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นในนาม วสท. จะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ ต้องยึดหลักวิศวกรรมเป็นสำคัญ สร้างความน่าเชื่อถือ ต้องไม่ทำให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ

ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีต่อ วสท. อยากให้ วสท.เป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากสาธารณชนตลอดไป
 

‘หม่อมปลื้ม’ ถอดบทเรียนการเมือง!! สอนคนรุ่นใหม่ ให้เข้าใจ ‘Global Citizenship’ ทำไม!! อาจเป็นแค่ ‘เรื่องหลอกเด็ก’

(16 มี.ค. 68) หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘หม่อมปลื้ม’ ได้ให้มุมมอง ‘คนรุ่นใหม่’ เกี่ยวกับ ‘Global Citizenship’ ไว้ใน TNN WORLD ไว้ว่า ...

คือ เวลามองความเป็น global citizen อย่ามองแค่มุมสวย

ใช่มองเป็น ผมกําลังจะบอก ในที่สุดแล้ว

เวลาผมเจอเด็ก ถ้าผมเจอเด็กจริงๆ นะ แล้วพ่อแม่เขาไม่อยู่นะ ผมจะบอกว่า

น้องไม่ต้องคํานึงถึงความอยากเป็น global citizen หรอก น้องๆ แค่ต้องรู้ว่าทําอย่างไรให้ตนเอง เติบโตขึ้นมาแล้วก็ประสบความสําเร็จในหน้าที่การงานที่ตนเองทํา

คุณจะร่ำรวย และใหญ่โตที่ไหนก็ได้

เพราะว่าเมื่อคุณร่ำรวยและใหญ่โตในที่นั้นแล้วเนี่ย!!

คุณภาพชีวิตของคุณเนี่ยดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

เป็นเศรษฐีในเมืองไทย หรือเป็นเศรษฐีที่เวียดนาม หรือเป็นเศรษฐีที่สหรัฐฯ หรือแคนาดาเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อเป็นเศรษฐีแล้ว

อยู่กันสบาย

‘ดร.เอ้ สุชัชวีร์’ ตั้งคำถาม!! สังคมไทยจะปลอดภัย กี่โมง ลั่น!! ‘เสียใจ-คับแค้นใจ’ ในความวิบัติของ ‘พระราม 2’

(16 มี.ค. 68) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ นักวิชาการ อดีตนายกสภาวิศวกร อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘พระราม 2’ โดยมีใจความว่า ...

อีกแล้ว สะพานถล่ม คนตาย เพราะ "ไม่มีเจ้าภาพ" และ "ไม่ถอดบทเรียน 4 ข้อ" สังคมไทยจะปลอดภัย กี่โมง?

ผมได้ข่าว "สะพานถล่ม" แถวพระราม 2 ผมรู้สึก "เสียใจ" จนถึงระดับ "คับแค้นใจ" เพราะในฐานะวิศวกรโยธาคนหนึ่ง เป็นอดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ที่เห็น "ความวิบัติ" มานับครั้งไม่ถ้วน และเห็น "คนเจ็บ คนตาย" มานับไม่ถ้วนเช่นกัน แต่เหตุสลดก็ยังเกิดขึ้น ซ้ำซาก ในสังคมไทย

ผม "เตือนแล้ว" และ "แนะนำ" นับครั้งไม่ถ้วน แล้วเช่นกัน ทุกอย่างยังคงแย่เหมือนเดิม เพราะ "เราลืมง่าย" ทั้งผู้รับผิดชอบ หรือเจ้าของโครงการ ไม่จริงใจ "ไม่ถอดบทเรียน" เพื่อหาสาเหตุ นำไปสู่การ "เอาผิด" กับผู้กระทำผิด รอเรื่องเงียบ แล้วก็ปล่อยผ่าน คนทำผิดเขาก็รู้แกว ไม่ต้องใส่ใจ ไม่สนใจ จริงไหม

ผมขอเรียนว่า "สาเหตุการถล่ม" ของการก่อสร้าง มีไม่กี่เรื่อง วิศวกรโยธาเรียนกันมาทุกคน เพียงต้องถอดบทเรียน 4 ข้อ เพื่อหาสาเหตุ ดังนี้
1. ปัญหา "การออกแบบ" ไม่ได้มาตรฐาน
คือ วิศวกร หรือผู้ออกแบบ "คำนวนผิด" ทำให้การออกแบบต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อทำก่อสร้าง หรือเมื่อใช้งาน จึงไม่สามารถรับน้ำหนักได้ โครงสร้างจึงถล่ม 
กรณีนี้ ตรวจสอบได้จาก "รายการคำนวน" ก็บอกได้ว่า "ผู้ออกแบบ" ออกแบบผิดมารฐาน ต้องรับผิดชอบ 

2. ปัญหา "การก่อสร้าง" ไม่ได้มาตรฐาน
คือ "ผู้รับเหมา" และ "ผู้ควบคุมงาน" ไม่ทำตามแบบก่อสร้าง หรือ "ไม่ทำตามขั้นตอน" ที่ถูกต้อง โครงสร้างจึงถล่ม เพราะลดมาตรฐานการก่อสร้าง
กรณีนี้ ตรวจสอบด้วยการเก็บตัวอย่างเหล็ก ปูน มาทดสอบ ก็รู้ทันทีว่าทำผิด "ผู้รับเหมา" และ "ผู้คุมงาน" ต้องรับผิดชอบ

3. ปัญหา "การใช้งาน" ไม่ถูกต้อง
เมื่อออกแบบ และก่อสร้าง ถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ "เจ้าของ" หรือ "ผู้ใช้งาน" ใช้งานผิดประเภท เช่น ออกแบบมาเป็นบ้านพักอาศัย แต่กลับแอบใช้เป็นโกดังเก็บของ น้ำหนักบรรทุกเกิน ก็พัง
กรณีนี้ เจ้าของ หรือผู้ใช้งาน ก็ต้องรับผิดชอบ

4. ปัญหา "ภัยพิบัติ' จากธรรมชาติ
หาก ออกแบบ ก่อสร้าง และใช้งาน "ถูกต้อง" แต่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น "แผ่นดินไหว" หรือ "พายุรุนแรง" เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฏหมาย
กรณีนี้ คงถือเป็น "เหตุสุดวิสัย" แต่ผมย้ำว่า ต้องเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่านั้น ถึงจะอ้างข้อนี้ได้ เพราะมีหลาย กรณี ที่จะ "เบี่ยงเบน" ประเด็น อ้างว่าสุดวิสัย ทั้งๆที่ ทำผิดข้อ 1-3 ที่เรามักเห็นๆกันอยู่ จริงไหมครับ?

ผม และแนวร่วม "ภาควิชาการ" และ "ภาคประชาชน" จึงพยายาม "แก้ปัญหา" ด้วยการเสนอ "กฏหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ" ฉบับประชาชน ที่ต้องรอพี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เกิน 10,000 ชื่อ

สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การมี “เจ้าภาพ” ในการรับเรื่องร้องเรียน ติดตามการแก้ปัญหา ถอดบทเรียน นำไปสู่การหา "ผู้รับผิดชอบ" และ "เยียวยา" ผู้ประสบภัย ให้ได้รับความเป็นธรรม และยังจะทำหน้าที่ "ตรวจสอบสาเหตุอุบัติภัย" แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส 

แต่พอเรื่องโรงงานระเบิด รถบัสไฟไหม้ สะพานถล่ม เงียบไป ก็ไม่มีใครมาลงชื่อ ความตั้งใจดีๆนี้ จึงไม่ไปถึงไหน สักที

ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมลงชื่อ เสนอพรบ.ความปลอดภัยสาธารณะ ที่ thaipublicsafety.org เพื่อมี "เจ้าภาพ" ดูแล "สังคมไทยปลอดภัย" อย่ารอให้คนเจ็บ คนตาย มากกว่านี้เลยครับ

ด้วยความห่วงใย

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

รูบิโอ โดนจีนขึ้นบัญชีดำ ปม!! อุยกูร์ ตั้งแต่ปี 2020 ก็เลยระบายความคับแค้น ผ่านการลงโทษ ไทยแลนด์ แบบที่ตัวเองก็โดน

(15 มี.ค. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …
.
 “ รัฐบาล #จีน ขึ้นบัญชีดำ คุณ #รูบิโอ รมว กต ของรัฐบาลทรัมป์คนนี้เรื่อง #อุยกูร์ มานานแล้วตั้งแต่ปี 2020 (พ.ศ. 2563) ตอนที่ แกเป็นวุฒิสมาชิกจากฟลอริดาแล้วนะคะ เอิ่ม.. แกก็เลยถือโอกาสนี้ระบายความคับแค้นด้วยการกระทำแบบที่คล้ายกันนี้กับ #ไทยแลนด์ บ้าง ใช่มั้ยหนอ?

‘เซฟ กระทะฮ้าง’ โพสเฟซ!! สู้ชีวิต มาพร้อม ‘ลูก-เมีย’ ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่เมื่อมีรายได้ กลับต้องตามจ่ายภาษี พ้อ!! ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ไหน

(15 มี.ค. 68) เซฟ กระทะฮ้าง โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ทำคลิปแบบบ้านๆ สู้มากับลูกเมียพอวันนึงมีรายได้ ก็ต้องจ่ายภาษีตามรายได้ที่มี 

อันนี้ไม่ติดใจ

(ที่ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ไหนมา)

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการจำกัดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย

(15 มี.ค. 68) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการจำกัดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย จากกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมือง 40 คนกลับจีน ซึ่งทางสหรัฐฯ อ้างว่าพวกเขาเสี่ยงที่จะเผชิญบทลงโทษรุนแรง

ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับความพยายามของจีนที่จะกดดันรัฐบาลชาติต่างๆ ให้ส่งตัวชาวอุยกูร์และคนกลุ่มอื่นๆ กลับไปยังจีน "ที่ซึ่งพวกเขาตกเป็นเหยื่อการทรมานและการบังคับสูญหาย"

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการโน้มน้าวไทยและประเทศอื่นๆ ให้งดเว้นการเนรเทศในลักษณะเช่นนี้

ทั้งนี้ ประกาศของ รูบิโอ ก็ไม่ได้มีการระบุรายชื่อเจ้าหน้าที่ไทยที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร

การส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตซึ่งอาศัยอยู่ในสถานกักตัวคนต่างด้าวของไทยมานานกว่า 10 ปีมีขึ้น ทั้งๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้ย้ำเตือนไทยหลายครั้งว่า คนเหล่านี้เสี่ยงตกเป็น้หยื่อการทรมาน การปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ และอาจได้รับอันตรายชนิดแก้ไขกลับคืนไม่ได้หากถูกส่งกลับไปยังแดนมังกร

รอยเตอร์รายงานเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ 48 คนจากไทย ทว่าไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหากับจีน

"ผมตัดสินใจใช้มาตรการนี้ทันทีด้วยการจำกัดการออกวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจกับการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ก.พ." 

รูบิโอ ระบุในคำแถลง

"เนื่องจากจีนมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติต่อชาวอุยกูร์มานานแล้ว เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกอย่าได้บังคับส่งชาวอุยกูร์หรือคนกลุ่มอื่นๆ กลับไปยังจีน" 

คำแถลงระบุด้วยว่า มาตรการจำกัดวีซ่าของสหรัฐฯ อาจจะถูกขยายครอบคลุมถึงสมาชิกในครอบครัวของบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรด้วย 

รัฐบาลไทยออกมาแถลงปกป้องการส่งกลับชาวอุยกูร์ โดยยืนยันว่าได้ทำตามกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ ขณะที่สถานทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อคำประกาศของ รูบิโอ

แม้สหรัฐฯ จะเคยใช้มาตรการคว่ำบาตรกับไทยมาแล้วในอดีต รวมถึงระดับความช่วยเหลือด้านการทหารหลังจากที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น และยังพุ่งเป้าเจาะจงไปยังบุคคลและบริษัทของไทยที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรประเทศที่สาม ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนหนึ่งระบุว่า เขายังไม่เคยเห็นการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัฐไทยเช่นนี้มาก่อน

เมอร์เรย์ ไฮเบิร์ต (Murray Hiebert) ผู้เชี่ยวชาญจากโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า เขาไม่เคยเห็นสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยในลักษณะเช่นนี้

ไฮเบิร์ต ยังชี้ว่า ไทยเป็นประเทศที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทว่าคราวนี้ปฏิกิริยาต่างๆ อาจจะไม่มาก เนื่องจากไทยยังมีความเสี่ยงที่จะถูกประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าในฐานะประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ

"พวกเขาอาจเลือกที่จะสงบปากสงบคำไว้ก่อน" ไฮเบิร์ต ระบุ "พวกเขาถูกหมายหัวอยู่แล้วเนื่องจากเป็นชาติที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ มากเป็นอันดับที่ 11 และยังไม่แน่ว่าไทยจะรอดพ้นจากคำสั่งรีดภาษีของ ทรัมป์ ในวันที่ 2 เม.ย. นี้หรือไม่"

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ที่ผ่านมาวอชิงตันพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงกับไทย เพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้ไทยที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่หันไปใกล้ชิดกับจีนมากขึ้นอีก

ด้านกลุ่ม Campaign for Uighurs ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือชาวอุยกูร์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกมาชื่นชมคำประกาศของ รูบิโอ และรัฐบาล ทรัมป์ โดยชี้ว่า "นี่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า กลุ่มคนที่เอื้อให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะต้องได้รับผลจากการก่ออาชญากรรมนั้น"

‘เอกนัฏ’ ฟันไม่เว้น!! แก๊งลอบทิ้ง กากอุตสาหกรรม เช็คบิล!! ต้นทางยันปลายทาง โดนคดีอ่วมยกแก๊ง

(15 มี.ค. 68) ‘เอกนัฏ’ สั่งขยายผลขบวนการลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในไร่มันฯ พบขนไปส่ง บ.กำจัดของเสีย แต่ก็จัดการไม่ถูกต้อง-ดำเนินคดีทันที พร้อมสั่งดำเนินคดี 3 บริษัทต้นทางและต้องนำกากอุตฯในไร่มันฯ ไปกำจัดให้ถูกต้อง แย้มหากพบมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จจะโดนข้อหาหนักพ่วงท้าย ‘ขนส่ง-เจ้าของที่ โดนข้อหาหนักด้วย

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ยังคงเดินหน้ากวาดล้างขบวนการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มอบหมายให้ชุดตรวจการณ์สุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรมว.อุตสาหกรรม, น.ส.นวพร สงวนหมู่ ผอ.กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม, นายบวรวิทย์ อัครจันทโชติ ผอ.กองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ติดตามขยายผลจาก บริษัท ฮิ้ว ทรานสปอร์ต จำกัด ที่เป็นผู้รับจ้างขนย้ายกากอุตสาหกรรมจากบริษัทผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) คือ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 2 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไปทิ้งตามไร่มันสำปะหลังในพื้นที่ ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลายจุด ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีก่อนหน้านี้ จนสืบทราบไปถึงบริษัทและโรงงานผู้รับกำจัดของเสียอีก 2 แห่ง คือ 1) โรงงานบริษัท เวสต์ แอ็บโซลูท จำกัด ในพื้นที่ ต.วัดสุวรรณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ประกอบกิจการฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และ 2) โรงงานบริษัท เวสท์ โอเว่น เซอร์วิส จำกัด ในพื้นที่ ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ประกอบกิจการนำกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียที่ไม่เป็นอันตราย และอินทรีย์วัตถุที่ไม่ใช้แล้วจากโรงงานมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ สารปรับปรุงดิน

“ทั้ง 2 บริษัทเป็นปลายทางรับของเสียจาก บริษัท ซันโทรี่ เบเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นต้นทางของกากของเสียและถูกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขตามมาตรา 37 จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งถูกตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การดำเนินคดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจะจดทะเบียนทำธุรกิจกำจัดและบำบัดของเสียอุตสาหกรรม แต่จากการตรวจสอบพบว่า หากมีการดำเนินการที่ขัดต่อระเบียบและกฎหมายต้องแก้ไขปรับปรุงและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” นายเอกนัฏ ระบุ

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า จากการขยายผลและเข้าไปตรวจสอบพบว่า 1) บริษัท เวสต์ แอ็บโซลูท จำกัด ได้รับกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียจาก บริษัท ซันโทรี่ฯ เข้ามาฝังกลบ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.-4 มี.ค.68 จำนวน 10 เที่ยว น้ำหนักกว่า 92 ตัน ขณะที่ 2) บริษัท เวสท์ โอเว่น เซอร์วิส จำกัด ได้รับกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียจาก บริษัท ซันโทรี่ฯ เข้ามาทำสารปรับปรุงดิน ตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.พ.68 จำนวน 19 เที่ยว น้ำหนักกว่า 152 ตัน ทั้งนี้ หากตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว พบว่า ทั้ง 2 บริษัทดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นกฎหมายโรงงานหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยรับของเสียเข้ามาจัดการโดยของเสียยังไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกนอกโรงงานของผู้ก่อกำเนิด จะมีความผิดและฝ่าฝืนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566 ซึ่งจะตรวจสอบต่อไปด้วยว่า มีการแจ้งข้อมูลเป็นเท็จหรือไม่ ซึ่งหากมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกด้วย

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่า ส่วน บริษัท ซันโทรี่ เบเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) จะถูกดำเนินคดีในข้อหานำกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และหากพบว่ามีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบจะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งให้ บริษัท ซันโทรี่ฯ ต้องนำกากอุตสาหกรรมที่ขนไปทิ้งในไร่มันสำปะหลังก่อนหน้านี้ไปกำจัดให้ถูกต้องต่อไปด้วย เช่นเดียวกับ บริษัท ฮิ้ว ทรานสปอร์ต จำกัด จ.ชลบุรี ที่เป็นผู้รับจ้างขนส่ง จะถูกดำเนินคดีใช้รถผิดจากที่ได้รับอนุญาต ส่วนความคืบหน้าจุดที่มีการลักลอบทิ้งอีก 1 จุด ที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง. จ.ชลบุรี ซึ่งปรากฎเป็นภาพข่าวที่พบรถของบริษัท ฮิ้วฯ นำของเสียไปปล่อยทิ้ง นั้น ผลตรวจสอบดินและน้ำเสียในพื้นที่พบค่าโลหะหนักที่เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 บริษัท ฮิ้วฯ อาจจะถูกดำเนินคดีร่วมเป็นตัวการในการครอบครองวัตถุอันตรายดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตและดำเนินคดีในทุกข้อหาการกระทำผิด ส่วนเจ้าของที่ดิน ต.หนองอิรุณ ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีแจ้งความดำเนินคดีข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายแล้ว

“ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญในการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เร่งตรวจสอบและขยายผลขบวนการที่เกี่ยวข้องกระจายไปทั่วประเทศจนจบและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการควบคุมจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันจะดำเนินการเชิงรุกอย่างจริงจังต่อไป เพื่อป้องกันการลักลอบนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้ง และจัดการไม่ถูกต้อง ลดปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ประชาชนในทุกพื้นที่ หากประชาชนพบเห็นปัญหาหรือเหตุต้องสงสัยเกี่ยวกับการประกอบการอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่าน ‘แจ้งอุต’ https://landing.traffy.in.th?key=wTmGfkav หรือไลน์ไอดี “traffyfondue” เพื่อกระทรวงฯ จะเร่งส่งทีมสุดซอยลงพื้นที่จัดการกับปัญหาให้ประชาชนในทันที” น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

‘เคทีซี’ ชวนสัมผัสประสบการณ์!! อิ่ม คุ้ม ครบ จบทริปเดียว ที่เขาใหญ่ เดินทางสะดวก พักสบาย กินอร่อย ใช้งบน้อย ด้วยสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม

(15 มี.ค. 68) เคทีซีจับมือพันธมิตรชั้นนำในหมวดกิน ดื่ม พัก เที่ยว ชวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสายเที่ยวใกล้ในประเทศ เปิดประสบการณ์เดินทางสะดวก พักสบาย กินอร่อย ใช้งบน้อย ที่เขาใหญ่ ด้วยสิทธิประโยชน์สุดคุ้มจาก 4 พันธมิตรชั้นนำ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการตลาดบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ จับมือทีมอินฟลูเอนเซอร์นำร่องสัมผัสประสบการณ์จริงในทริป 2 วัน 1 คืน “KTC Journey, Full of Fun and Flavor in Khao Yai”

สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสามารถรับสิทธิพิเศษเมื่อเดินทางไปที่เขาใหญ่ และจังหวัดใกล้เคียงจากพันธมิตรร้านค้าต่างๆ ดังนี้

โชคชัย สเต็ค เฮ้าส์ : แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER               เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ/เซลส์สลิป (ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ทุกครั้งที่มียอดใช้จ่ายภายในวันเดียวกัน) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 - 31 มีนาคม 2568

เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ : รับส่วนลด 10% สำหรับห้องพักจากราคาปกติ เมื่อจองตรงกับโรงแรม หรือแลกรับเครดิตเงินคืน 13% หรือใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวนเท่าใดก็ได้ สูงสุดไม่เกินยอดใช้จ่าย ต่อเซลส์สลิป ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 - 20 ธันวาคม 2568 

ร้านอาหาร ชาวบ้าน : ส่วนลด 10% ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) หรือแลกรับเครดิตเงินคืน 13% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวนเท่าใดก็ได้ สูงสุดไม่เกินยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 - 20 ธันวาคม 2568

เดอะ ช็อคโกแลต แฟคทอรี่ (สาขาเขาใหญ่) : แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ต่อเซลส์สลิป (ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ทุกครั้งที่มียอด            ใช้จ่ายภายในวันเดียวกัน) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 - 31 กรกฎาคม 2568  

โดยล่าสุดเคทีซีจับมืออินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์ ร่วมทริป “KTC Journey, Full of Fun and Flavor in Khao Yai” เติมเต็มทุกโมเมนต์ด้วยสิทธิพิเศษจากพันธมิตรร้านค้าและโรงแรมชั้นนำ เริ่มต้นด้วยการเช็คอินที่ร้านในตำนาน “โชคชัย สเต็ค เฮ้าส์” ร้านสเต็กพรีเมียมสำหรับคนรักเนื้อ พร้อมเมนูที่รังสรรค์ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ร่วมสัมผัสวิถีธรรมชาติที่ “ฟาร์มโชคชัย” สนุกกับการนั่งรถรางชมวิว ชื่นชมชีวิตชนบท และสำรวจฟาร์มในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ พักผ่อนในความสงบที่ “เดอะ เภรี โฮเต็ล   เขาใหญ่” โรงแรมสไตล์โมเดิร์นที่ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์เขียวขจี พร้อมบริการสุดประทับใจและห้องพักแสนสบาย ร่วมดินเนอร์สุดโรแมนติกที่ “ร้านอาหารชาวบ้าน” เพลิดเพลินกับอาหารไทย-อีสานฟิวชั่น เมนูสุดสร้างสรรค์และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ปิดท้ายด้วยความหวานที่ “เดอะ ช็อคโกแลต แฟคทอรี่” ดื่มด่ำกับรสชาติอาหารสไตล์ยุโรปและไทยในตำนาน โดดเด่นด้วยรสชาติระดับเชฟมืออาชีพพร้อมวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ยังตอกย้ำความคุ้มค่ากับแคมเปญ “KTC มื้อนี้มีโปร” “คะแนนน้อยเที่ยวได้” และ  “คุ้มทุกครั้งเมื่อจองตรงกับโรงแรม” ให้ทุกการใช้จ่ายทั้งสนุกและคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนเต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี 

‘อีซูซุ’ เปิดศึก!! ‘เจ้าแห่งความเร็ว’ ISUZU ONE MAKE RACE 2025

(15 มี.ค. 68) กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ฟาอีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต จำกัด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด บริษัท ไพโอเนียร์ เอ็นจิเนียริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ริซไวส์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และบริษัท บี.เจ.มอเตอร์พาร์ท จำกัด ร่วมกันระเบิดศึกอีซูซุ ดีแมคซ์ รวม 19 คัน เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่น สุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวม 200,000 บาท

มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “การแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้จัดการแข่งขันกันมายาวนาน และต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ซึ่งการแข่งขันในทุกปีที่ผ่านมานั้นได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ชมที่ติดตามการแข่งขัน และนักแข่งที่เลือกใช้ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เป็นรถคู่ใจในการลงสนามประลองความเร็ว ในปีนี้จะมีการแข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” จำนวน 12 คัน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE จำนวน 7 คัน รวม 19 คัน โดยมีนักดนตรีและนักแข่งอย่าง “โดม ราชนันทร์ คุณาริยานุกูล” และการกลับมาอีกครั้งของนักแสดงและนักแข่งชื่อดัง “แอนดรูว์ โคนินทร์” เข้าร่วมการแข่งขันในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” สำหรับไฮไลท์ในปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเนื่องจากการแข่งขันจัดขึ้นในรูปแบบ “CITY STREET CIRCUIT” ถือเป็นครั้งแรกของ ISUZU ONE MAKE RACE ที่จะนำรถไปวิ่งแข่งขันในสนามเฉพาะกิจกลางเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้น อีก 2 สนาม คือ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี พบกันครั้งแรกกับรถ Safety Car ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่! ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ปรับแต่งความแรงแบบไร้ควัน ให้แรงม้าสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับ คุณสุรชัย เพ็งผ่อง จากการคว้าแชมป์ ในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 UNLIMIT และ คุณปกรณ์ ธรรมโชติ ที่คว้าแชมป์ในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” รับถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท จากการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2024 ด้วย”

ร่วมพิสูจน์ความมันส์และความแรงสะใจในรายการ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” เพื่อชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่า 200,000 บาท เริ่มการแข่งขันสนามแรกในวันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และจะทำการแข่งขันแบบออนทัวร์เพื่อเก็บคะแนนในแต่ละสนาม และจัดลำดับผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง เพื่อค้นหาที่สุดเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแห่งปี 2025

สำหรับกำหนดการแข่งขันทั้ง 6 สนาม ดังนี้
สนามที่ 1 วันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
สนามที่ 2 วันที่ 2 – 4 พฤษภาคม 2568 สนามเฉพาะกิจ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อุตรดิตถ์
สนามที่ 3 วันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
สนามที่ 4 วันที่ 22 – 24 สิงหาคม 2568 สนามแก่งกระจานเซอร์กิต เพชรบุรี
สนามที่ 5 วันที่ 3 – 5 ตุลาคม 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
สนามที่ 6 วันที่ 12 – 14 ธันวาคม 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

รูปแบบการแข่งขัน ISUZU 3.0 PRODUCTION GROUP “N” 2025 รุ่นใหม่
การแข่งขันแบบ GROUP “N” ตามกติกาสากล บังคับให้ใช้เครื่องยนต์ที่เป็นมาตรฐานเดิมจากโรงงานผู้ผลิต แต่สามารถปรับเปลี่ยนช่วงล่าง เพิ่มเติมความสวยงาม เช่น ติดตั้งสปอยเลอร์หน้า เปลี่ยนฝากระโปรงแบบ VACUUM ซึ่งช่วยสร้างหลักอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการเสริมประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างและเบรก เปลี่ยนเบรกทั้งคันเป็นแบบ DISC BRAKE 4 ล้อ ล้อหน้าเป็นคาลิปเปอร์แบบ 8 POT เปลี่ยนข8นาดล้อและยาง โช้คอัพ สปริงหน้าและแหนบ เพื่อให้เหมาะกับการแข่งขัน ทั้งหมดนี้เป็นการเน้นให้เห็นถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ให้ความแรงมาตรฐานโรงงาน ปรับแต่งเพียงแค่ช่วงล่างและเบรก แต่ส่งผลให้รถแข่งมีสมรรถนะสูง ความเร็วต่อรอบเทียบเท่ารถแข่งที่มีแรงม้าสูง

รูปแบบการแข่งขัน “ISUZU ONE MAKE RACE 2025”
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” แต่ละสนามจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ การควอลิฟายด์, การแข่งขัน RACE 1 และการแข่งขัน RACE 2

การควอลิฟายด์
จะมีขึ้นในวันเสาร์เช้า เป็นการจับเวลาแบบ HOT LAP โดย แข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น 2 เรซ คือ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP "N" และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE การจับเวลาและแบ่งกลุ่มจะทำให้นักแข่งสามารถแข่งขันในรุ่นของตนเองได้เต็มที่ ทำให้การแข่งขันเข้มข้นเร้าใจในทุกช่วงเวลา

การแข่งขัน RACE 1
จะมีขึ้นในวันเสาร์ช่วงบ่าย ลำดับ START ตามผลการจัดลำดับเวลา และผลการแข่งขันใน RACE 1 จะเป็นการจัดอันดับออก START ใน RACE 2 ของวันอาทิตย์ จะมีคะแนนเก็บให้ตามลำดับที่เข้าแข่งขัน

การแข่งขัน RACE 2
จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ลำดับ START จะเป็นแบบ Reverse Grid ผลการแข่งขันยังคงรับถ้วยตามกลุ่มการควอลิฟายด์ RACE 2 นี้จะเป็นการตัดสินในการรับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล (เงินรางวัลรับตามอันดับ OVERALL)

มายเหตุ
- รถแข่งทุกคัน จะต้องจอดรวมอยู่ในสถานที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น
- หลังจบการแข่งขันทุกครั้ง รถที่มีตำแหน่งจะถูกตรวจสภาพ
- กรณีที่ซีลและมาร์คเครื่องหมายต่าง ๆ หลุดลอก จะต้องทำการตรวจสภาพใหม่ทั้งหมด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top