Friday, 17 May 2024
LITE

‘Pluembangkontee’ ที่พักสไตล์ชนบท จ.สมุทรสงคราม สถานที่เติมพลังกาย เพิ่มพลังใจ ท่ามกลางธรรมชาติสุดสงบ

แม้จะเพิ่งเริ่มปี 2567 มาได้ไม่กี่สัปดาห์ หลังจากได้หยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันไป แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังคงโหยหาช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนกันอยู่ และอาจมีหลาย ๆ คนที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อน พักใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม สดชื่น เป็นการเติมพลังให้กับชีวิตในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนกลับมาลุยงานกันอีกครั้ง

และเมื่อพูดถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่น หลายคนก็คิดว่าจะต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ขับรถหลายชั่วโมง เสี่ยงเจอรถติด และอาจจะกลับมาไม่ทันวันทำงานปกติ เงื่อนไขเหล่านี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจออกไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือในช่วงวันหยุดยาวได้

วันนี้ THE STATES TIMES จึงขอนำเสนอสถานที่พักผ่อนหย่อนใจใกล้กรุงเทพฯ แถมยังห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามนั่นก็คือ Pluembangkontee Thecountrylife จังหวัดสมุทรสงคราม นั่นเอง

Pluembangkontee Thecountrylife เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นมะพร้าว และไร่สวนล้อมรอบ รองรับผู้เข้าพักได้จำนวนมาก หากจะมาเที่ยวเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง ‘Pluembangkontee Thecountrylife’ ก็ตอบโจทย์สุดๆ 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การปั่นจักรยานชมสวน ดื่มด่ำบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ท แถมยังได้เห็นวิถีชีวิตชนบทที่เรียบง่าย ที่หาดูได้ยากในกรุงเทพฯ อีกด้วย หลังจากปั่นจักรยานจนหนำใจแล้ว ก็สามารถว่ายน้ำที่สระน้ำกลางรีสอร์ท เป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย

🏠รายละเอียดที่พักของ Pluembangkontee Thecountrylife มีดังนี้
📌ห้องพัก 6 ห้อง เข้าพักได้จำนวน 12 ท่าน (หากเพิ่มจำนวนผู้เข้าพักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
📌มีอาหารเช้า
📌สระว่ายน้ำ ขนาด 5x10 เมตร ลึก 1.4 เมตร
📌มีชุดคาราโอเกะ เหมาะแก่การปาร์ตี้ สังสรรค์ กินเลี้ยง
📌ห้องอเนกประสงค์ เหมาะแก่การสันทนาการ ทำกิจกรรมสนุกๆ
📌ห้องครัว (ตู้แช่, เตาแก๊ส, ไมโครเวฟ, อุปกรณ์ทำครัว) สามารถปรุงอาหารเองได้
📌ที่จอดรถ 6-8 คัน
📌free Wifi

นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว Pluembangkontee Thecountrylife ยังสามารถเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน จัดมิตติ้งเล็ก ๆ เฉพาะกลุ่ม จัดเลี้ยงสังสรรค์ได้อีกด้วย หรือหากใครกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ก็เก็บ Pluembangkontee ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เลย

สำหรับใครที่สนใจมาพักผ่อน พักใจที่ Pluembangkontee Thecountrylife สมุทรสงคราม สามารถสอบถามรายละเอียดและจองที่พักได้ที่เบอร์ 064-930-1169 หรือแฟนเพจ https://www.facebook.com/profile.php?id=61552671213314 

มองหาที่พักสุดสงบ ท่ามกลางธรรมชาติ ใกล้กรุงเทพฯ ต้อง Pluembangkontee Thecountrylife สมุทรสงคราม

24 มกราคม พ.ศ. 2555 ย้อนรอยเหตุการณ์ ‘พลุ-ดอกไม้ไฟระเบิด’ จ.สุพรรณบุรี บ้านเรือนไฟโหมกว่า 50 หลัง - บาดเจ็บอีกหลายราย

เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555 ท่ามกลางงานรื่นเริงรับเทศกาลวันตรุษจีน ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้น ณ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งในวันนั้นได้มีการจัดงาน ‘ตรุษจีนสุพรรณบุรี ปีทองมังกรสวรรค์’ โดยจัดขึ้นในช่วงวันที่ 23-29 มกราคม พ.ศ. 2555 มี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี 

โดยเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นในเวลา 19.30 น. ในระหว่างการแสดงพลุดอกไม้ไฟไพโรเทคนิคชุด ‘ปีทองมังกรสวรรค์อวยชัยให้พรตรุษจีน’ ได้เกิดเหตุพลุจำนวนมากระเบิดขึ้นพร้อมกัน จนสามารถเห็นเป็นลำแสงที่พุ่งสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนและเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว 

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลูกไฟได้ตกใส่บ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งติดกันอยู่กันนับร้อยหลังคาเรือนจนเกิดไฟโหมไหม้กว่า 50 หลัง ทั้งยังมีผู้ได้บาดเจ็บกว่า 75 ราย และเสียชีวิต 4 ราย นอกจากนี้หลังจากเหตุการณ์ได้มีผู้มาแจ้งความเสียหายของบ้านเรือนทั้งหมด 435 หลัง ซึ่งมีกว่า 71 ราย ที่บ้านเสียหายทั้งหลัง อีกทั้งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก็ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดเช่นกัน 

ซึ่งผลจากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งทางภาครัฐได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยการจัดศูนย์พักพิงชั่วคราวขึ้น และในส่วนของพื้นที่จัดงานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ และได้เข้าตรวจสอบในตอนเช้าของวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555 โดยนายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งภาครัฐและเอกชน เจ้าหน้าที่วิทยาการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ  

หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขอร้องให้ยกเลิกงานโดยทันที ส่งผลให้งานต้องยกเลิกเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย อีกทั้งส่งผลให้จังหวัดอื่นๆ ยกเลิกการแสดงดอกไม้ไฟการแสดงพลุด้วยเช่นกัน 

รู้จัก ‘มายด์ อุทัยทิพย์’ อดีตเน็ตไอดอลชื่อดัง จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากฟิลิปปินส์

ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครฮอตไปกว่า ‘มายด์ อุทัยทิพย์’ หรือ ‘มายด์ ณภศศิ สุรวรรณ’ อดีตเน็ตไอดอลชื่อดัง เจ้าของตำแหน่ง Miss Uthaitip Freshy Idol 2008

เมื่อช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ชื่อของ ‘มายด์ ณภศศิ’ กลับมาได้รับความสนใจในวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังมีข่าวถูกโยงเป็นหวานใจคนใหม่ของ ‘สงกรานต์ เตชะณรงค์’ ไฮโซหนุ่ม เจ้าของโบนันซ่า เขาใหญ่ 

ล่าสุด เกิดกระแสดรามาอีกครั้ง เรื่องใส่ชุดซ้ำ ‘แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ’ อดีตภรรยา ‘สงกรานต์ เตชะณรงค์’ แถมโดนเปรียบเทียบจากชาวเน็ต ว่าใครใส่แล้วสวยกว่ากัน ชนิดที่เรียกว่า ขยับตัวทำอะไรก็ถูกจับตาความเคลื่อนไหวไปหมด

วันนี้ ทีมงานจะพาไปรู้จัก ‘มายด์ ณภศศิ’ อย่างลึกซึ้งกันอีกครั้ง

‘มายด์ ณภศศิ’ เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2534 ครอบครัวทำธุรกิจค้าขายไม้แปรรูป ภายใต้ชื่อ “บายพาสค้าไม้” ที่จังหวัดชลบุรี

ภายหลังสอบได้ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สายศิลป์คำนวณ (ต.อ.70) จึงย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร

‘มายด์’ เป็นเด็กที่ขยันทั้งเรียนและการทำกิจกรรมให้กับโรงเรียนมาอย่างเนื่อง ช่วงที่เรียนมัธยมปลาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ทำกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น เป็นนางนพมาศ ปี 2550 ถือป้ายโรงเรียนในกิจกรรมกีฬาสี เชียร์ลีดเดอร์ในกีฬาประเพณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและโรงเรียนเตรียมทหาร ครั้งที่ 25 และ 26 นอกจากนี้ ยังอยู่ในโครงการความสามารถพิเศษทางภาษาไทย (Gifted ไทย) 

หลังจากจบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ‘มายด์’ ได้เข้าศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกวารสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้เป็นผู้นำเชียร์ คณะนิเทศศาสตร์ ในงานกีฬาเฟรชชี่ และจุฬาฯคฑากร อีกด้วย

จบระดับปริญญาโท จากวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ (ANTI-AGING) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สาขาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

และ ระดับปริญญาเอกจาก Lyceum of the Philippines University ประเทศฟิลิปปินส์ หลักสูตร : Doctorof Philosophy in Management (PhD in Management)

ส่วนผลงานในวงการบันเทิง มายด์ เป็นที่รู้จักจากการแสดงโฆษณาต่าง ๆ โดยเริ่มเข้าวงการจากการได้รับตำแหน่ง Miss Uthaitip Freshy Idol 2008 นอกจากนี้ ยังมีงานบันเทิงทั้งถ่ายแบบ เดินแบบ งานแสดง พิธีกร ดีเจ ฯลฯ เรียกว่ามายด์ เคยทำมาหมดแล้ว

ปัจจุบัน มายด์ เป็นนักธุรกิจเต็มตัว โดเป็นเจ้าของธุรกิจ คลินิกกายภาพบำบัดชื่อ “Restart 24 Rehabilitation Center” และยังเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร LYFEWELLNESS อีกด้วย

เรียกได้ว่า ทั้งเก่งทั้งขยัน และ ‘ดีกรี’ ไม่ธรรมดาเลย สำหรับสาวสวยหน้าหวาน ‘ดร.มายด์’ คนนี้ 

23 มกราคม พ.ศ. 2494 วันเกิด ‘ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี’ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของฉายาในตำนาน ‘จอมยุทธขลุ่ย’

‘ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี’ หรือที่นิยมเรียกและรู้จักกันดีในชื่อ ‘อาจารย์ ดร.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี’ เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2494 ที่ อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จบการศึกษาจากวิทยาลัยการศึกษาปทุมวันและมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ด้วยความที่เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาดนตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและวิทยาลัยครูจันทรเกษม จึงถูกเรียกติดปากว่า อาจารย์ธนิสร์ ได้เข้าร่วมวงคาราบาว ในปี พ.ศ. 2526 พร้อมกับ เทียรี่ เมฆวัฒนา และเป้า - อำนาจ ลูกจันทร์ ในการเป็นนักดนตรีแบ็กอัปในห้องอัดของอโซน่า เมื่อคาราบาว โดยแอ๊ด - ยืนยง โอภากุล ได้มาอัดเสียงที่นี่ และชักชวนเข้าร่วมวง

ทั้งนี้ บทบาทของ อ.ธนิสร์ ในวงคาราบาวนั้นนับว่าโดดเด่นมาก โดยจะเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง คีย์บอร์ด และการประสานเสียง แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และความสามารถเฉพาะก็คือการเป่าขลุ่ย โดยเฉพาะในเพลง เมด อิน ไทยแลนด์ ที่อยู่ในอัลบั้มประวัติศาสตร์ของวงนั้น อ.ธนิสร์ ได้เป่าทั้งเพลง รวมทั้งการส่งเสียงแซวในเนื้อเพลงด้วย จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกสีสันประจำตัวเมื่อมักจะแซวสมาชิกในวงคนอื่นๆ โดยเฉพาะแอ๊ดเมื่อเล่นคอนเสิร์ตเสมอๆ ทำให้ อ.ธนิสร์ เปรียบเสมือนสีสันของวง

ซึ่ง อ.ธนิสร์ ได้แยกตัวออกจากวง เมื่อปี พ.ศ. 2531 ภายหลังวงคาราบาวออกอัลบั้มชุดที่ 9 คือ ทับหลัง โดยขัดแย้งในความเห็นกับแอ๊ด นับเป็นสมาชิกคนแรกที่แยกตัวออกไป จากนั้นเทียรี่และเป้าก็แยกออกจากวงคาราบาวตาม อ.ธนิสร์ ไปด้วย หลังจากนั้นทั้งสามคนได้ร่วมกันออกอัลบั้มชุดแรกของพวกเขาในปี พ.ศ. 2532 ชื่อชุด ขอเดี่ยวด้วยคนนะ มีเพลงที่ได้รับความนิยม ซึ่งร้องโดย อ.ธนิสร์และเทียรี่ คือ วันเกิด และ เงินปากผี

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2535 อ.ธนิสร์ก็ได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตนเองชื่อชุด ‘ลมไผ่’ มีเพลงที่เป็นที่จดจำ มีเอกลักษณ์ของตนเอง และมีความไพเราะมาก คือ ทานตะวัน ที่นำเนื้อร้องมาจากบทกวีของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งแต่งไว้เมื่อได้รับแรงบันดาลใจจากการชมทุ่งทานตะวัน ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งเดินทางไปพร้อมกับวงคาราบาวในการทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศ ซึ่งเป็นการร้องประสานเสียงพร้อมเสียงขลุ่ย

และนับแต่นั้น อ.ธนิสร์ ก็ได้ทำงานที่ชื่นชอบและถนัดของตนเอง มีผลงานออกมาหลายชุด ซึ่งโดยมากเป็นทำนองเพลงพื้นบ้านหรือเพลงไทยประยุกต์ให้เข้ากับดนตรีร่วมสมัย หลายชุดก็เป็นการร่วมงานกับศิลปินเพื่อชีวิตคนอื่นๆ เช่น สุรชัย จันทิมาธร หรือ วิสา คัญทัพ เป็นต้น และในปี พ.ศ. 2538 ก็ได้กลับมาร่วมงานกับคาราบาวอีกครั้ง ในชุด หากหัวใจยังรักควาย อันเป็นการกลับมาร่วมทำงานด้วยกันของสมาชิกวงในยุคคลาสสิกทั้ง 7 คน

ในปี พ.ศ. 2547 อ.ธนิสร์ได้ร่วมกับ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และหมู - พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ออกอัลบั้มร่วมกันในชุด ‘เพลงแผ่นดิน จาก 3 คีตกานต์กวี’ ซึ่งก็ได้นำเพลงทานตะวันมาทำดนตรีและร้องใหม่โดยหมูด้วย

อ.ธนิสร์ มีชื่อเล่นว่า เล็ก ซึ่งไปซ้ำกับชื่อของเล็ก - ปรีชา ชนะภัย สมาชิกอีกคนของวง ดังนั้น อ.ธนิสร์ เมื่ออยู่ในวงจึงไม่ถูกเรียกชื่อเล่นเหมือนสมาชิกคนอื่นๆ โดยผลงานสุดท้ายที่ทำร่วมกับคาราบาว คือ การเป่าขลุ่ยในเพลง เดือนแรม ในอัลบั้ม 'สาวเบียร์ช้าง' ในปี พ.ศ. 2544 แต่ในการแสดงสดนั้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 อ.ธนิสร์ ได้ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับคาราบาวถึง 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือในคอนเสิร์ต 35 ปี คาราบาว เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อ.ธนิสร์ ได้รับการยอมรับว่า เป็นนักดนตรีที่มีความสามารถและความชำนาญอย่างมากในการเล่นดนตรีประเภทเครื่องเป่า โดยเฉพาะขลุ่ย จนได้รับฉายาว่า จอมยุทธขลุ่ย นอกจากนี้แล้ว ยังสนใจในแนวดนตรีแจ๊สอีกด้วย โดยนำแนวทางการเล่นแบบแจ๊สมาประยุกต์ใช้ในการเป่าขลุ่ย จนได้รับรางวัล Lifetime Achievement Award จาก Thailand International Jazz 2016 จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2559

‘โจว เหวิน ฟะ’ โชว์ความฟิตในวัย 68 ปี พิชิต ‘ฮาล์ฟ มาราธอน’ ระยะ 21.1 กม. สำเร็จ

(22 ม.ค. 67) โจว เหวิน ฟะ นักแสดงฮ่องกงชื่อดังจากภาพยนตร์อมตะ ‘เจ้าพ่อเซียงไฮ้’ วัย 68 ปี ลงแข่งขัน ฮาล์ฟ มาราธอน รายการ ‘สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ฮ่องกง มาราธอน’ ระยะ 21.1 กม. จบที่เวลา 2 ชม. 26.08 นาที โดยนักแสดงชื่อดังเซอร์วิสแฟน ๆ ด้วยการยืนให้ถ่ายรูปคู่เป็นเวลานานก่อนจะเดินทางกลับ โดยการแข่งขันออกสตาร์ตที่ นาธาน โรด ในจิม ซา จุ่ย ตั้งแต่เวลา 08.30 น.

พระเอกชื่อดังที่มีผลงานขึ้นหิ้งมากมายทั้ง เทพบุตรชาวดิน, โหด-เลว-ดี, คนตัดคน รวมทั้งโกอินเตอร์เล่นภาพยนตร์ในฮอลลีวูด ให้สัมภาษณ์ว่า พอใจกับผลการแข่งขันเพราะวิ่งได้เร็วกว่าที่ซ้อมไว้ถึง 3.58 นาที เนื่องจากเตรียมตัวมาอย่างดี โดยเฉพาะการปรับการรับประทานอาหาร และรู้สึกดีที่เห็นคนรุ่นเดียวกันลงแข่งขันเยอะขึ้น หวังว่าการวิ่งของตนจะทำให้คนหันมารักษาสุขภาพมากขึ้น ซึ่งปีก่อน นักแสดงชื่อดังลงแข่งขันในระยะ 10 กม. ทำเวลา 1 ชม. 3.58 นาที

‘คัตโตะ’ ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งใน ‘SLM’ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ

(22 ม.ค.67) บริษัท เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SLM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และกรรมการบริหาร ของนายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล เนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจากเหตุการณ์ที่นายอารมณ์ได้รับการกล่าวโทษจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ในเรื่องการเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 26 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยให้การลาออกมีผลตั้งแต่ วันที่ 12 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. รายงานว่า ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบริษัท Bybit Fintech Limited นายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล (คัตโตะ วงลิปตา) และนายณธัช คลังเปรมจิตต์ ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)

ในความผิดกรณี Bybit กระทำการเข้าข่ายการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561

โดย ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 บริษัท Bybit Fintech Limited เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ Bybit.com (https://www.bybit.com) ได้ให้บริการจัดระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 ของมูลค่าธุรกรรมที่ลูกค้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และมีการชักชวนและประชาสัมพันธ์เป็นภาษาไทย ให้มาใช้บริการของ Bybit ผ่านเว็บไซต์ Bybit เพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘Bybit Thai’ Telegram ชื่อ ‘Bybit ประกาศภาษาไทย’ และ Instagram ชื่อ “bybitthailand”

รวมทั้งปรากฏว่า Bybit ได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การให้บริการและกิจกรรมส่งเสริมการขายจากนายอารมณ์และนายณธัชผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของบุคคลทั้งสอง ได้แก่ เพจเฟซบุ๊กและ Youtube ชื่อ ‘ไม่มี Moon หมาไม่ซื้อ’ และ Line Open Chat ชื่อ ‘Stop Loss Club’ อันทำให้ Bybit เป็นที่รู้จักและมีบุคคลสนใจไปใช้บริการ Bybit มากขึ้น

การกระทำของ Bybit เข้าข่ายประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่ง Bybit ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ

สำหรับการกระทำของนายอารมณ์และนายณธัช เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษ Bybit นายอารมณ์ และนายณธัช ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

'กางเกงแมวโคราช' เด็ด!! โผล่แฟชันไอเทมในเกมดังระดับโลก อวดซอฟต์พาวเวอร์ไทย แถมสร้างมูลค่าได้ถึง 363 ล้านบาท

(22 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้เปิดตัว กางเกงแมวโคราช ไปเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสกางเกงแมวโคราชเป็น Soft Power ดังไปทั่วประเทศ

ล่าสุดทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชน ผลักดันกางเกงแมวโคราชสู่ระดับนานาชาติผ่านไอเทมในเกมออนไลน์ อย่างเช่น เกม Free Fire นับเป็นการต่อยอดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์จากอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตที่กำลังเติบโต เพื่อร่วมส่งเสริมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่สะท้อนวัฒนธรรม เรื่องราวและเสน่ห์ของประเทศไทย นำไปสู่การสร้าง Soft Power ต่อไปในอนาคต โดยมีรายงานว่า กางเกงแมวโคราช ใน skin ในเกม Free Fire ได้ Free Media รวมมูลค่าถึง 363 ล้านบาท

นายจิรพิสิฐ์ รุจน์เจริญ ประธาน YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เราได้นำผลิตภัณฑ์กางเกงแมวโคราชเข้าไปร่วมเป็นแฟชั่นไอเทมชิ้นใหม่ในเกม Free Fire ซึ่งเป็นเกมชื่อดังระดับโลก โดยในแต่ละไตรมาสสามารถเข้าถึงผู้เล่นได้มากกว่า 568 ล้านคน จากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก

นับเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เล่นเกม ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่พาผู้เล่นทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ เป็นการเผยแพร่เสน่ห์ของประเทศไทยในมุมใหม่ ๆ ออกไปสู่สายตาต่างชาติ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เล่นทั่วโลก โดยได้มีการเปิดตัวไอเทมกางเกงแมวโคราชพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

22 มกราคม พ.ศ. 2486 รัฐบาล ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ ประกาศให้ใช้ “สวัสดี” เป็นคำทักทาย

ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า “สวัสดี” คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สวัสติ” ในภาษาสันสกฤต ซึ่งได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 โดยมอบให้กรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์) ออกข่าวประกาศในวันนี้

โดยคำว่า “สวัสดี” นั้น จะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่า “สวัสดี” คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้

ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่า “สวัสดี” พร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง และยังสามารถเพิ่มเสน่ห์ในตัวบุคคลได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามก่อนใช้คำว่าสวัสดีนั้น คำทักทายของคนไทยสมัยก่อนไม่มีรูปแบบคำเฉพาะตายตัว แต่เป็นคำที่มาจากความรู้สึกจากใจ บ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง

21 มกราคม พ.ศ. 2453 วันเกิด ‘ครูเอื้อ สุนทรสนาน’ ผู้ก่อตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ บุคคลสำคัญของโลก สาขาวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล

นายเอื้อ สุนทรสนาน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘ครูเอื้อ’ นักร้อง นักแต่งเพลง และเป็นผู้ก่อตั้งวงดนตรี สุนทราภรณ์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2453 ณ ตำบลโรงหีบ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บิดาชื่อ นายดี สุนทรสนาน มารดาชื่อ นางแส สุนทรสนาน มีนามเดิมว่า ‘ละออ’ ต่อมา บิดาให้นามใหม่เป็น ‘บุญเอื้อ’ และได้มาเปลี่ยนอีกครั้งในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็น ‘เอื้อ’ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ได้แก่

1.) หมื่นไพเราะพจมาน (อาบ สุนทรสนาน) ต่อมาได้รับพระราชนามสกุล สุนทรสนาน จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
2.) นางเอื้อน แสงอนันต์
3.) นายเอื้อ สุนทรสนาน

ซึ่ง ครูเอื้อ เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดใหม่ราษฎร์บูรณะในจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อเข้าศึกษาได้เพียงปีเศษ ในปี พ.ศ. 2460 บิดาได้พาเข้ากรุงเทพมหานคร พักอาศัยอยู่กับหมื่นไพเราะพจมาน ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งรับราชการเป็นคนพากย์โขนในกรมมหรสพ แล้วจึงมาเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนวัดระฆังโฆสิตารามจนจบชั้นประถมศึกษา ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งโรงเรียนพรานหลวง ขึ้นที่สวนมิสกวัน ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสอนวิชาสามัญตามปกติ (ภาคเช้า) และวิชาดนตรีทุกประเภท (ภาคบ่าย) โดยครูเอื้อเลือกเรียนดนตรีฝรั่งตามความถนัดกับครูผู้ฝึกสอนคือ ครูโฉลก เนตตะสุต และอาจารย์ใหญ่คือ อาจารย์พระเจนดุริยางค์

หลังจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปี พ.ศ. 2465 พระเจนดุริยางค์เห็นว่า มีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรี จึงให้หัดไวโอลิน และแซ็กโซโฟน ทั้งยังให้เปลี่ยนมาเรียนดนตรีเต็มวัน ส่วนวิชาสามัญนั้นให้งดเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นต้นมา

ต่อมาได้เรียนดนตรีกับพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทะยะกร) เริ่มทำงานในกรมมหรสพ และได้ร้องเพลง ‘ในฝัน’ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘ถ่านไฟเก่า’ เป็นครั้งแรก ต่อมาได้ตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ ขณะทำงานอยู่ที่กรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน มีผลงานเพลงกว่า 1,000 เพลง ครอบคลุมทั้งเพลงเทศกาล เพลงสถาบัน เพลงรัก เพลงสะท้อนสังคม และอื่นๆ อีกมากมาย

ตลอดระยะเวลาการทำงาน ครูเอื้อไม่เคยพักผ่อนเลย ปกติเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ทำงานหนักและอดนอนเก่ง จนกระทั่งถึงปลายปี พ.ศ. 2521 เริ่มมีอาการไข้สูงเป็นระยะๆ แพทย์ได้เอกซเรย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายขนาดเท่าลูกเทนนิสที่บริเวณปอดด้านขวา จึงได้เริ่มรักษา แต่ก็ยังคงทำงานตามปกติ จนถึงปลายปี พ.ศ. 2522 มีอาการทรุดหนัก จึงเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วก็กลับไปรักษาที่บ้านต่อ

ในช่วงปี พ.ศ. 2523 ได้เดินทางพร้อมกับนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร และได้ขับร้องเพลงถวายเป็นครั้งสุดท้าย คือ เพลงพรานทะเล

ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา สุขภาพทรุดลงเป็นลำดับ จนเมื่อถึงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2524 ได้เสียชีวิตลง รวมอายุได้ 71 ปี 2 เดือน 11 วัน

20 มกราคม พ.ศ. 2539 ’สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ‘ เป็นองค์ประธานในพิธี ปล่อย ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร’ ลงน้ำ ณ อู่เรือบาซาน สเปน

เรือหลวงจักรีนฤเบศร ได้เริ่มสร้างในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2536 และมีการวางกระดูกงูในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2539 โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีปล่อยเรือหลวงจักรีนฤเบศรลงน้ำ ณ อู่เรือบาซาน ประเทศสเปน ก่อนจะขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2540

โดย เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ลำแรกและลำเดียวในขณะนี้ของราชนาวีไทย ใช้ปฏิบัติภารกิจด้านยุทธการและช่วยเหลือภัยพิบัติตลอดน่านน้ำไทย ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ระวางขับน้ำเต็มที่ 11,485.5 ตัน ยาว 182.50 ม. กว้างสุด 30.50 ม. กินน้ำลึก 6.25 ม. ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง กำลัง 11,780 แรงม้า และเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ จำนวน 2 เครื่อง กำลัง 44,250 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 26 นอต ทหารประจำเรือ 601 คน ทหารประจำหน่วยบิน 758 คน สามารถบรรทุกเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่ง (SEA HARRIER) ได้ 9 เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ (SEA HAWK) อีก 6 เครื่อง ใช้งบประมาณในการสร้าง 7 พันล้านบาท 

19 มกราคม พ.ศ. 2545 ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์  ณ อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ออกแบบอาคารโดย เฮลมุต ยาห์น (Helmut Jahn) สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน

โดยโครงสร้างหลักของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบด้วยเหล็กและแก้ว ซึ่งยาห์นบอกว่านี่เป็น ‘สถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 21’ โดยสนามบินแห่งนี้ได้เริ่มเปิดทดลองใช้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 และเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 155,000 ล้านบาท

18 มกราคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันกองทัพไทย’ รำลึกพระนเรศวรทำยุทธหัตถีมีชัยต่อทัพพม่า

วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีและมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทยตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก ปีเถาะ พ.ศ. 2098 ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระบิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิอีกด้วย

ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า องค์พระนเรศวรได้ถูกนำเป็นองค์ประกัน ณ เมืองหงสา และได้ร่ำเรียนวิชาความรู้ ความสามารถต่างๆ เพื่อรอวันที่จะได้กลับมากู้ชาติกู้แผ่นดินอีกครั้ง แต่ด้วยความกตัญญูของสมเด็จพระนเรศวร ที่มีต่อพระเจ้าบุเรงนอง ที่ชุบเลี้ยงดูแลจนเติบใหญ่ จึงไม่ทำการขัดขืนใดๆ เมื่อพระเจ้าบุเรงนองยังมีชีวิตอยู่ แต่ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบุเรงนอง สมเด็จพระนเรศวรได้กลับมาปกครองยังพระนครกรุงศรีอยุธยา และด้วยวิชาความรู้และความสามารถของพระองค์ ได้ทำการรบข้าศึกต่างๆ และชนะเรื่อยมา จนเป็นที่เกรงกลัวของข้าศึกเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรได้ทำการยุทธหัตถีกับสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่าและเอาชนะได้ในที่สุด โดยการยุทธหัตถีนั้น หมายถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการต่อสู้ของกษัตริย์เพราะต่อสู้ตัวต่อตัว ตัดสินแพ้ชนะกันที่ความคล่องแคล่ว แกร่งกล้า และผู้ใดที่ทำการยุทธหัตถีชนะ จะได้รับการยกย่องพระเกียรติยศสูงสุดอีกด้วย

และอีกเหตุการณ์หนึ่งของพระนเรศวรมหาราชคือการยิงปืนข้ามแม่น้ำสโตงถูกสุรกรรมาจนตาย ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ 35 พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาสวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกองค์หนึ่ง ครั้นพระชนมายุ 37 พรรษา ก็ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พระชนมายุ 40 พรรษา เสด็จยกทัพไปตีเมืองเขมรและแม้แต่ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปี พ.ศ. 2148 รวมสิริพระชนมายุได้ 50 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 15 ปี

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2567

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 256

 📌รางวัลที่ 1: 105979

 📌รางวัลเลขหน้า 3 ตัว: 429, 931  

 📌รางวัลเลขท้าย 3 ตัว: 196, 635  

 📌รางวัลเลขท้าย 2 ตัว: 61  

 📌รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1: 105978, 105980  

 📌รางวัลที่ 2 : 737099, 366635, 384901, 895860, 451046  

 📌รางวัลที่ 3 :393560, 952140, 603376, 917144, 256000, 926853, 462981, 331010, 908654, 877689  

 📌รางวัลที่ 4: 279938, 979504, 709231, 985733, 740408, 570088, 982583, 145829, 589723, 198599, 951812, 123701, 136850, 647513, 339746, 622322, 437931, 438929, 799973, 767293, 407444, 164205, 490771, 523776, 566915, 378701, 072938, 173399, 190307, 688507, 521485, 533695, 528301, 482266, 444350, 264439, 302768, 102563, 695472, 540216, 630677, 459593, 629599, 658531, 348659, 855710, 001849, 443034, 221194, 775974

 📌รางวัลที่ 5: 379748, 456707, 406083, 775404, 274002, 411270, 611311, 452892, 504395, 434154, 160293, 928876, 340948, 437043, 244844, 913993, 872778, 434879, 530065, 999690, 908319, 195006, 469825, 357344, 870233, 552810, 107539, 647068, 715440, 561075, 195687, 847103, 853126, 764829, 060316, 339085, 826878, 598601, 927603, 191447, 595376, 393639, 568641, 761352, 978944, 254223, 463597, 108601, 014538, 325784, 079858, 471314, 759958, 656085, 912899, 318163, 870954, 332490, 672750, 571897, 160472, 674409, 782471, 075712, 482894, 160195, 277544, 642119, 143813, 106271, 974701, 128632, 733377, 354916, 145712, 391922, 987077, 143041, 626084, 266848, 415321, 871312, 785107, 637039, 079252, 717769, 453016, 455566, 242064, 478465, 242354, 213367, 403314, 908990, 011521, 183238, 968177, 220113, 972651, 617292

‘แพรรี่’ เบรกหัวทิ่ม ปมสักไฝแบบ ‘ลิซ่า’ แล้วชีวิตจะปัง ลั่น!! ทำทั้งหน้าก็ไม่พอ แนะ!! มันต้องมีความสามารถเสริมด้วย

เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.67) จากกรณี ‘อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ’ ที่ล่าสุดกับการสักไฝเสริมดวงในตำแหน่งเดียวกับที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ และ ‘ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์’ มีอยู่ที่ต้นคอ หรือที่เรียกกันว่า ‘ไฝมหารานี’ รวมถึงในจุดต่างๆ บนใบหน้าอีก 2 จุด โดยอุ้มได้เล่าในรายการ เคาะโต๊ะ EP.22 ทางช่องยูทูบ Archita Station ของบิวตี้บล็อกเกอร์สาวคนสวย ‘อาชิ อาชิตา ศิริภิญญานนท์’ ว่าเพิ่งไปสักมาไม่นาน แต่ผลลัพธ์ปังมาก งานเข้า เงินเข้าไม่หยุด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า

"โห่ เอาไรมาลิซ่าก่อน ไปทำหน้าค่ะ เอาแค่ไฝไม่อยู่หรอก ต้องดูโครงหน้าเขาด้วย เอาไรมาลิซ่า ลิซ่าเขาสวยทั้งตัวและมีความสามารถ ถึงจะสักไฝเต็มหน้า ก็เป็นลิซ่าไม่ได้หรอก

ใครหลอกมาว่าจะเป็นลิซ่าล่ะ ลิซ่าเขาไม่ได้แค่สวย เขาเก่งมีความสามารถ ทำไมเขาถึงเป็นที่ยอมรับระดับโลก คนตามไอจี 100 ล้านคน เขาไม่ได้ขายแค่ความสวย เขาขายความสามารถด้วย เขาเก่ง มีพรสวรรค์ในตัวเอง เขาไม่หยุดเรียนรู้ พัฒนา

กว่าจะเป็นลิซ่าคิดว่ามันง่ายเหรอ ไปดูบทสัมภาษณ์ที่เขาให้สัมภาษณ์ตามรายการ กว่าจะประสบความสำเร็จต้องต่อสู้ ไปอยู่เกาหลี มีแต่แมวที่เป็นเพื่อนคิดถึงบ้านจะตาย คิดถึงบ้านร้องไห้ ก็ต้องต่อสู้กับอุปสรรค ไม่ใช่ว่ามีไฝแล้วทำให้เขาสำเร็จจะไปสักไฝมันจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ดูเบ้าหน้าด้วย ไม่ได้บูลลี่นะ ให้คำนึงถึงข้อเท็จจริง เราจะได้ไม่หลอกตัวเอง อยากประสบความสำเร็จเหมือนเขาก็ต้องพัฒนาความสามารถตัวเองให้มันได้แบบเขาทำได้ป่าวล่ะ ก็ไม่ได้อีก รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถก็เลยสักไฝแล้วกันง่ายดี"

17 มกราคม พ.ศ. 2376 ‘รัชกาลที่ 4’ ทรงค้นพบ ‘ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง’ ยกย่องให้เป็น ‘มรดกแห่งความทรงจำของโลก’

จารึกพ่อขุนรามคำแหง หรือ จารึกหลักที่ 1 เป็นศิลาจารึกที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัยกรุงสุโขทัย ซึ่ง ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นผู้ทรงค้นพบขณะผนวชอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2376 ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด มีจารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

เนื้อหาของจารึกแบ่งได้เป็นสามตอน ตอนที่ 1 บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เป็นการเล่าพระราชประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราชตั้งแต่ประสูติจนเสวยราชย์ ใช้คำว่า 'กู' เป็นหลัก ตอนที่ 2 ไม่ใช้คำว่า 'กู' แต่ใช้ว่า 'พ่อขุนรามคำแหง' เล่าถึงเหตุการณ์และธรรมเนียมในกรุงสุโขทัย และตอนที่ 3 ตั้งแต่ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 12 ถึงบรรทัดสุดท้าย มีตัวหนังสือต่างจากตอนที่ 1 และ 2 จึงน่าจะจารึกขึ้นภายหลัง เป็นการสรรเสริญและยอพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตราชอาณาจักรสุโขทัย

ทั้งนี้จารึกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 'มรดกความทรงจำแห่งโลก' เมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยยูเนสโกบรรยายว่า "[จารึกนี้] นับเป็นมรดกเอกสารชิ้นหลักซึ่งมีความสำคัญระดับโลก เพราะให้ข้อมูลอันทรงค่าว่าด้วยแก่นหลักหลายประการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลก ไม่เพียงแต่บันทึกการประดิษฐ์อักษรไทยซึ่งเป็นรากฐานแห่งอักษรที่ผู้คนหกสิบล้านคนใช้อยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน การพรรณนาสุโขทัยรัฐไทยสมัยศตวรรษที่ 13 ไว้โดยละเอียดและหาได้ยากนั้นยังสะท้อนถึงคุณค่าสากลที่รัฐทั้งหลายในโลกทุกวันนี้ร่วมยึดถือ”

อย่างไรก็ตาม จารึกหลักที่ 1 นี้เอง ก็มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของบางส่วนหรือทั้งหมดของศิลาจารึกดังกล่าว โดย ‘พิริยะ ไกรฤกษ์’ นักวิชาการที่สถาบันไทยคดีศึกษา ออกความเห็นว่า การใช้สระในศิลาจารึกนี้แนะว่าผู้สร้างได้รับอิทธิพลมาจากระบบพยัญชนะยุโรป เขาสรุปว่าศิลาจารึกนี้ถูกบางคนแต่งขึ้นในรัชกาลที่ 4 หรือไม่นานก่อนหน้านั้น 

ซึ่งนักวิชาการเห็นต่างกันในประเด็นว่าด้วยความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้ ผู้ประพันธ์บางคนอ้างว่ารอยจารึกนั้นเป็นการแต่งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งหมด บ้างอ้างว่า 17 บรรทัดแรกนั้นเป็นจริง บ้างอ้างว่ารอยจารึกนั้นพระยาลือไทยทรงแต่งขึ้น นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ยังยึดถือความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้รอยจารึกดังกล่าวและภาพลักษณ์ของสังคมสุโขทัยในจินตนาการยังเป็นหัวใจของชาตินิยมไทย และ ‘ไมเคิล ไรท์’ นักวิชาการชาวอังกฤษ เสนอแนะว่าศิลาจารึกดังกล่าวอาจถูกปลอมขึ้น ทำให้เขาถูกขู่ด้วยการเนรเทศภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย

ทางด้าน ‘จิราภรณ์ อรัณยะนาค’ เขียนบทความแสดงทัศนะว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการสึกกร่อนผุสลายมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 หลักที่ 45 และหลักที่กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร ไม่ได้ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top